ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diaryคุณลุงปริศนา

    ลำดับตอนที่ #5 : Diaryคุณลุงปริศนา ตอน บุคคลที่น่ากลัว

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 57


    บันทึกของคุณลุงปริศนา 5

    ………………………………………………

    ดูแลสุขภาพนะคะคุณหมอ เสียงนางพยาบาลกล่าวแล้วยิ้มน้อยๆให้ผม คราวนี้ผมไม่ได้ถอยห่างหรือตกใจอะไร เพราะเธอดูแลผมมาตั้งแต่ผมเข้าโรงพยาบาล และนี่เป็นวันที่ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียทีหลังจากที่นอนอยู่นานกว่าอาทิตย์นึง ผมเพียงโบกมือและยิ้มกลับให้เธอก่อนจะเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านเสียที

    อ้าว คุณหมอนี่เอง หายแล้วหรือครับ? โชเฟอร์ร่างบึกบึน หนวดเครารกครึ้มท่าทางใจดีคนนี้คือนักตกปลาของเมืองนี้นั่นเอง เขามักจะแบ่งปลามาให้เสมอไม่ก็พาผมไปตกปลาด้วย หรือบางทีก็มาเล่าเรื่องสยองขวัญระหว่างที่เขาไปตกปลากับเพื่อนๆตอนกลางค่ำกลางคืน

    หายแล้วครับ ขอบคุณ แล้วนี่ทำไมมาขับแท็กซี่ล่ะครับ? งานใหม่หรือ? ปกตินักตกปลาผู้นี้จับปลาขายได้เงินเยอะกว่าขับแท็กซี่มากอยู่ ทำไมต้องมาลำบากเพิ่มอีกล่ะ?

    โธ่ คุณหมอครับ เดี๋ยวนี้ทำงานแค่พอเลี้ยงชีพไปวันๆน่ะมันไม่ได้แล้วนะครับ มันต้องหางานเสริมบ้างเผื่อมีเงินเก็บเยอะๆ ลูกหลานผมก็ฝึกตกปลาอยู่ จะได้สานต่อตำนาน Kingfisher ฮ่าๆๆๆๆ ลุงนักตกปลาหัวเราะร่วน ผมเองก็หัวเราะตามไปด้วย เขาเป็นคนขยันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมคิดว่าคงไม่มีใครขยันเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว

    เออนี่คุณหมอ หลานผมมันอยากขอลายเซ็นคุณแน่ะ มันบอกว่าอ่านเรื่องที่หมอเขียนกี่เรื่องๆก็นอนไม่หลับทุกเรื่อง ฮ่าๆๆๆ หมอเองก็ทำอาชีพเสริมด้วยนี่นะ ลุงคนตกปลายื่นหนังสือนิยายที่ผมแต่งมาให้เซ็นลายเซ็น เมื่อเขียนเสร็จผมก็จะส่งไปวางไว้ข้างหลังเบาะที่นั่งข้างหลัง แต่ก็เห็นสมุดบันทึกเล่มหนาปกหนังสีน้ำตาลวางอยู่

    นั่นสมุดของคุณหรือเปล่าครับ? ผมชี้ไปที่สมุดนั่นให้คนตกปลาดู เขาทำท่าแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็รีบหันกลับไปมองทางต่อ

    อ่อ ต้องเป็นของคนก่อนหน้านี้แน่ๆ เขาก้มหน้าก้มตาพิมพ์คีย์บอร์ดที่โน็ตบุคตลอดเวลาเลยล่ะ มีกระเป๋าทำงานมาด้วยใบนึง ดูท่าจะบ้างานเอามากๆ สงสัยตอนที่ลุกออกไปจากรถจะทำตกไว้แหงๆ ผมหันไปหยิบสมุดนั่นขึ้นมาเปิดดูผ่านๆก็พบว่ามีแต่รายละเอียด และ ตารางงานเต็มไปหมด ถูกจดด้วยปากกาหลากสีและมีเน้นคำมากมายคล้ายๆสมุดเลกเชอร์ของนักศึกษา

    แล้วเจ้าของสมุดนี่ คนก่อนหน้าผมนี่เองเหรอ? เขาลงที่ไหนครับ? ในเมื่อตอนนี้ผมว่างเสียเหลือเกินแล้วก็ขอทำตัวให้มีประโยชน์เสียหน่อยเถอะ วันแรกที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียด้วยนี่นะ

    คุณหมอจะเอาไปคืนเหรอ? อืม…..อ้อ! เขาลงที่ร้านกาแฟของวิลแน่ะ คุณจะไปลงที่นั่นเลยมั้ย? ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ผมกะจะไปที่นั่นเป็นที่แรกอยู่พอดิบพอดีเชียว ป่านนี้เจ้าของสมุดคงหาให้ง่วนแล้วแน่ๆ เพราะเนื้อหาภายในดูแล้วค่อนข้างจะสำคัญมากอยู่

    ครับ ช่วยกรุณาไปส่งผมที่นั่นด้วยครับ ขอบคุณ

    .

    .

    .

    ไม่ถึง20นาทีต่อมา ผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าร้านกาแฟของวิลเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศภายนอกร้านยังคงเหมือนเดิม ทั้งต้นไม้ปกคลุมดูร่มรื่น บ่อน้ำใหญ่ที่มีปลาและใบไม้ร่วงหลากสี กลิ่นเมล็ดโกโก้ที่ลอยมากับลมโชยอ่อนๆชวนให้คิดถึงเสียจริงๆ ผมไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปทักทาย วิล ชาเรส โนอาห์ ลาเรียล และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับ….

    คุณมิเคลสัน!! ยินดีต้อนรับกลับนะครับ! ยังไม่ตายอีกเหรอวะ?! ดีลุง! หืม? ใครนะ? อ๋อๆ มีเสียงต้อนรับกันคึกคักเลยล่ะครับ มีทั้งคำต้อนรับและไม่ใช่ แต่ก็ดีใจที่ได้กลับมาครับ

    สวัสดีทุกคนนะ สบายดีใช่มั้ย?

    ครับ ทุกคนสบายดี คนในเมืองนี้ด้วยครับ มานั่งก่อนสิครับเดี๋ยวผมชงกาแฟให้ แล้วก็นิยายเรื่องใหม่ผมออกแล้วนะ!” วิลทำท่าดีอกดีใจมาก เมื่อผมรับปากว่าจะรีบไปร้านหนังสือภายในพรุ่งนี้วิลก็ยิ้มร่าเดินไปชงกาแฟให้ผมทันที

    ไม่โดนผีหลอกบ้างเหรอลุง? โนอาห์กระเถิบเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นแต่คราวนี้ผมไม่กระเถิบให้ห่างอีกแล้ว ใช่ๆ เห็นว่าที่โรงพยาบาลผีเยอะนี่ ลาเรียลก็เขยิบมาตามเพื่อนบ้างเช่นกันดูแล้วคล้ายๆกับเด็กน้อยที่รอฟังเรื่องราวของนิทานต่อก่อนนอน

    ก็มีอะไรทำนองนั้นมาเหมือนกันล่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าฝันไปหรือเปล่า ผมนึกย้อนไปถึงพ่อหนุ่มนักมายากลลึกลับนั่น ป่านนี้คงไปเตรียมกลอะไรเด็ดๆมาอีกล่ะมั้ง ถ้าไม่นับว่าเขาทำให้ผมตกใจล่ะก็ เขาต้องเป็นนักมายากลที่เก่งที่สุดและอายุน้อยที่สุดแน่ๆ นึกแล้วก็อยากจะเจอกับเขาอีก ในแบบที่ไม่น่ากลัวน่ะนะ

    เฮ้ย ไม่เห็นรึไงว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ ลุง ชาเรสพาดขาวางบนโต๊ะตรงที่เรานั่งกันและต่อมาซักครู่ก็ถูกผมจับขากระแทกลงพื้น ชาเรสมองหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่ผมก็ทำหน้าใส่ว่า มีอะไรจะพูดก็พูดต่อเถอะ และนี่เป็นสัญญาณว่าชีวิตประจำวันของผมได้กลับมาแล้ว

    เห็นเจ้าคนผมแดงที่นั่งอยู่ตรงนั้นมั้ย? ข้างหน้าต่างน่ะ ที่นั่งก้มมองโน็ตบุ๊คอยู่ แปลกๆนั่นน่ะเห็นมั้ย? ชาเรสเข้ามาพูดเสียงเบากับผมเป็นครั้งแรกแล้วกระดิกนิ้วชี้ไปที่ชายคนนั้นนิดๆเพื่อไม่ให้คนที่ถูกพูดถึงรู้ตัว แต่ชาเรสพูดเหมือนกับว่ามีคนอยู่ในร้านตั้งมากมายอย่างนั้นแหล่ะ ทั้งๆที่มีแค่พวกเรากับชายตรงนั้นเองนะ ผมยักยิ้มน้อยๆแต่ก็ทำเป็นสนใจตามที่เขาบอก

    อืมๆ ทำไมเหรอ? ก็เขาทำสมุดตกในรถน่ะสิ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะทำท่าทางสังกะตายแบบนั้นน่ะ ดูท่าสมุดน่าจะสำคัญกับเจ้าตัวกว่าที่คิดแหะ เอาไปคืนตอนนี้เลยดีมั้ยนะ หรือจะรอดูท่าทีไปก่อน เห็นพวกนี้ดูจะตีตัวออกห่างขนาดนี้ก็แปลกๆล่ะ เจ้าพวกนี้เคยกลัวอะไรซะที่ไหนเล่า ผมคิดไปพลางนั่งเท้าคางไปพลางเพื่อสังเกตพฤติกรรมชายหนุ่มผมแดง ท่าทางละม้ายคล้ายเด็กหนุ่มที่มาพักร้อนแต่แบกงานมาทำด้วยเต็มหลังธรรมดาๆ แต่มีอะไรที่แตกต่างไปกว่านั้นหนอ….อ่อ ก็คงเป็นสายตาและท่าทางนั่นล่ะ ดูเป็นคนที่ระมัดระวังตัวดี ก็คงเป็นคนแปลกๆอีกนั่นแหล่ะ

    เขาบ่นหาของสำคัญมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว แถมคุณวิลจะเอากาแฟไปให้ก็ส่งสายตาน่ากลัวๆใส่ด้วยล่ะ โนอาห์เท้าคางตามแล้วกระซิบเบาๆ บ่งบอกถึงว่าคนคนนี้ท่าจะอันตราย แต่ทำไมต้องส่งสายตาอันตรายด้วยล่ะ? แถมทำใส่วิลเนี่ยนะ? วิลที่แสนดีน่ะเหรอ? ถ้าทำอะไรไปมากกว่านั้นผมคงต้องเอาสมุดไปคืนแบบแรงๆแล้วมั้ง

    มาแล้วๆ กาแฟอุ่นๆหอมๆ วิลเดินยิ้มร่าโดยในมือถือแก้วกาแฟหอมกรุ่นพร้อมคุ้กกี้รูปตัวอักษร A B C น่ารักเชียวนะครับเนี่ย เมื่อวิลมานั่งร่วมโต๊ะกับเราแล้ว วิลก็เขยิบมาใกล้ๆผมแล้วกระซิบด้วยซุ่มเสียงอันเบาเหมือนกับคนอื่นๆว่า

    คนนั้นน่ากลัวมากเลยอ่ะครับ ฟังจากเสียงที่สั่นเครือของวิลแล้ว ก็รู้ได้ว่า หมอนั่นคงต้องการสมุดนี่ใจจะขาดแล้วจริงๆ ผมจึงคิดว่าจะเอาสมุดไปคืนตอนนี้เลยดีกว่า จะได้ไม่เป็นภาระคนในนี้

    คุณ นี่คุณ ผมยืนขึ้นจากเก้าอี้แต่วิลก็ดึงแขนผมไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงว่าอย่าไปเด็ดขาด ชาเรสก็มองผมดูสายตาที่ส่อแววประมาณว่า โง่จริงๆ โนอาห์เองก็ส่ายหน้ารัวๆเป็นเชิงห้ามปราม ลาเรียลก็ยังคงนอนต่อไปอย่างสุขสงบ

    ไม่ทันที่ผมจะนั่งลงอีกครั้ง พลันพ่อหนุ่มมืดมนนั่นก็ผงกหัวขึ้นมาอย่างแรงและเร็ว สายตาของเขาเป็นสีเหลืองอำพันสุกสกาววาวโรจน์สุดๆไปเลย ไม่เคยเห็นตามนุษย์คนไหนเป็นแบบนี้มาก่อน แต่อีกนัยนึงก็ดูน่าเกรงขามและน่ากลัวจนสะกดผมให้หยุดนิ่งไปเลย หัวใจผมเห็นถี่มากขึ้นๆ และไม่รู้ทำไม น้ำลายถึงได้กลืนลงคอได้ยากเย็นเช่นนี้ก็ไม่ทราบได้ ผมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้ามาเต็มๆ

    มีอะไรหรือครับ? เจ้าหนุ่มผมแดงนี่ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ พวกวิล ชาเรส ก็ถอยห่างหนีไปหมด โนอาห์เองก็ถูลู่ถูถังลาเรียลให้ออกมาจากรัศมี เอาจริงๆนะครับ ผมขยับแข้งขาแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ยังต้องวางมือยันไว้กับโต๊ะไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้นทีเดียว

    เอ่อสมุดคุณน่ะ ที่ลืมไว้ในtaxi ผมเอามาคืน ผมพยายามสุดขีดที่จะไม่ให้มือไม้สั่นตอนที่ส่งสมุดไปให้เขา เขามองหน้าผมแบบสายตานิ่งมาก แล้วจึงรับไปอย่างนุ่มนวลดั่งว่าสมุดจดนั้นคือลูกรักที่พลัดพรากจากกันมายังไงยังงั้นแน่ะ เขานิ่งไปซักพักจนน่ากลัว แล้วก็มองสมุดสลับกับมองผมไปมา ก่อนที่จะคว้ามือผมไปเขย่าๆด้วยความดีอกดีใจภายใต้ใบหน้าที่ยังคงเรียบนิ่งแต่แววตาก็เป็นมิตรมากขึ้นพันเท่าจากเมื่อตะกี้

    ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ ไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดีเลย คุณผู้อ่านครับ เขาคนนี้เป็นใครผมไม่ทราบ แต่เขาปรับอารมณ์ได้ว่องไวเกินไปไหม จนพวกเราในร้านต่างสะพรึงไปตามๆกัน ชาเรสถึงกับอ้าปากค้างจนแมลงวันคงเข้าไปแล้วซักสอง สามตัว

    เอ่อ….ไม่ต้องหรอกครับ บังเอิญผมนั่งรถคันเดียวกับคุณพอดีน่ะแล้วคนขับบอกว่าคุณมาที่นี่ ผมก็เลยเอามาให้ ผมมองไปรอบๆก็พบว่า วิล ชาเรส โนอาห์ต่างก็ถอนหายใจ คงนึกว่าผมจะต้องเข้าโรงพยาบาลอีกซักหรอบแล้วมั้ง พ่อหนุ่มผมแดงเองก็มีแววตาทอประกายวิบวับประดับใบหน้าที่เรียบเฉย เขาคงหาวิธีตอบแทนผมอยู่เป็นแน่แท้ ผมต้องรีบไปล่ะไม่งั้นคงต้องเจออะไรแปลกๆพิลึกๆอีกแน่ ข้ออ้างอะไรดีหนอ อะไรดี

    “….เอ่อ….ผม ผมขอตัวก่อนล่ะกันนะครับ โอกาสหน้าคงได้พบกัน พอดีมีแขกรออยู่ที่บ้านผมทำท่าจะเดินออกไป พร้อมกับสายตา ชาเรสที่บ่งบอกว่า จะทิ้งกันงั้นเรอะ โนอาห์เองก็มองผมด้วยสายตาประมาณนั้น วิลส่งซิกว่าให้มาจ่ายค่ากาแฟด้วยด้วยรอยยิ้มอัมหิต

    น่าเสียดายจังนะครับ แต่ผมก็พักแถวๆนี้ล่ะ คงได้พบกันอีก ถึงตอนนั้นผมจะตอบแทนคุณแน่ๆครับ หนุ่มผมแดงส่งสายตามุ่งมั่นอย่างมากมาให้ผม ผมรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่ทราบ ผมเลยแค่ยิ้มรับแล้วหันหลังจะเดินจากไปอยู่ร่อมร่อแล้ว แต่พ่อหนุ่มนี่ก็รั้งแขนผมไว้ ผมเกือบสดุ้งเลย เดี๋ยวก่อนครับ

    ค ครับ?

    ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนี่ ผมชื่อ เครย์ ครับ เขายื่นมือมาให้ผม ผมก็จับมือและเขย่าน้อยๆบ่งบอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก หรือเปล่านะ?

    ผม มิคเคลสัน ครับ ถ้าผมมองไม่ผิด ที่มุมปากของเครย์เผยรอยยิ้มเล็กๆให้ ถ้าไม่สังเกตดีๆคงไม่รู้ หรือผมอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ เครย์อาจจะเป็นคนแรกที่ไม่เรียกผมว่าลุงน่ะ ไม่นานผมก็ปล่อยมือเขาอย่างนุ่มนวลแล้วขอตัวกลับบ้านอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่หือไม่อืออีก แค่กล่าวลาเล็กน้อย แต่หลังจากที่ผมเดินออกไปนอกร้าน ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังข้างหลังนั่น แต่เมื่อหันไปก็พบเพียงเครย์ที่นั่งเปิดสมุดดูตารางงานอยู่เท่านั้นเอง

    .

    .

    .

    ชั้นไม่ผิดนะ!! เจ้าสองตัวนี้ต่างหากล่ะที่กินของในตู้เย็นนายหายไปกว่าครึ่งน่ะ!!” เมื่อผมกลับมาบ้านอย่างแรกที่เห็นคือสภาพบ้านที่เรียบร้อยดีอยู่ แต่เมื่อมาสำรวจในตู้เย็นก็พบว่าอาหารที่ผมแช่ไว้ หายไปเกือบหมด จะเหลือแค่ผักผลไม้ ขนมปัง นม แต่เนื้อสัตว์และพวกไข่ หายไปหมดเลย สงสัยคงจัดปาร์ตี้บาร์บิคิวกันแหงๆ ผมเลยไปคุยกับเฌอบลอง ย้ำว่าแค่ไปคุยเรื่องอาหารที่หายไปเท่านั้น เจ้าหนูเฌอบลองก็เลิ่กลั่กโวยวายใส่ผมอีก ส่วนเจ้าบอดี้การ์ดสองคนนี้ก็ได้แต่ก้มหน้ารับผิดไปเท่านั้น แต่ถ้าของในบ้านยังเรียบร้อยอยู่ก็ถือว่าโอเคแล้ว

    เอาล่ะๆ ผมไม่ได้โทษคุณหรอกนะ แต่เมื่อไหร่คุณจะออกไปเสียทีล่ะครับ ผมทำหน้าเบื่อหน่ายให้เห็นอย่างชัดแจ้งแถลงไข เฌอบลองเมื่อเห็นสีหน้าผมเขาก็ทำท่าสะดุ้งเล็กน้อยแล้วก้มหน้างุดๆ ดูๆไปเหมือนลูกหมาที่ทำอะไรผิดไปซักอย่าง

    เอ่อบ้านที่ชั้นซื้อไว้แถวๆนี้ก็โอเคอ่ะนะ แต่ยังไม่ได้ติดเครื่องทำความร้อนใหม่น่ะก็เลย…” เสียงพูดค่อยๆเบาลงๆทำให้บรรยากาศเหมือนห้องพักครูที่มีเด็กถูกเรียกตัวมาทำโทษเลยจริงๆ เอาเป็นว่าถ้ามาติดเมื่อไหร่ ผมจะไม่ใจอ่อนให้เข้ามานอนในนี้อีกเด็ดขาด เฌอบลองจึงพยักหน้าหงึกๆแล้วเก็บข้าวของทันที

    ทำอะไรครับ? ไหนบอกว่าช่างยังไม่มาติดเครื่องทำความร้อนไง เฌอบลองหันมาเท้าเอวใส่แล้วบอกด้วยเสียงอันดังกึกก้องว่า เขาเพิ่งมาติดเมื่อเช้า!!! ถ้าไล่กันแบบนี้ก็จะไปให้พ้นๆก็ได้เฟ้ย!!” ว่าแล้วก็เรียกบอดี้การ์ดสองคนไปขึ้นรถคันหรูก่อนจะหายไปแถวๆเชิงเขานู่นแน่ะ อาจจะอยู่ใกล้ๆนี่เองล่ะมั้ง

    ไหนๆแล้ว เข้าร้านหนังสือไปหานิยายวิลอ่านเลยดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผมจึงคว้าเสื้อโค้ทออกไปอีกรอบ ในย่านนี้ที่ห่างไกลตัวเมืองมากอยู่เพราะอยู่บนเชิงเขาก็มีร้านหนังสือด้วยเหมือนกันนะครับ เป็นร้านที่ใหญ่ไม่เบา มีหนังสือมากมายเลย ผมจึงถือว่าที่นี่คือสวรรค์ของนักเดินทางบางคน ภายในร้านมีลูกสาวของเจ้าของร้านดอกไม้ที่อยู่ข้างๆเป็นเจ้าของ เมื่อในเมืองข้าวของมันแพง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดิ้นรนไปใช้ชีวิตน่าเบื่อๆ เธอเองก็เป็นหญิงสาวที่ไม่คิดจะไปทำงานในเมืองใหญ่ ดั่งคำกล่าวที่ว่า บ้านคือวิมาน

    หายแล้วหรือคะคุณหมอ เสียงใสแจ๋วดั่งมาจากหลังแคชเชียร์ มาลิน ลูกสาวเจ้าของร้านดอกไม้ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ไงครับ เธอเป็นคนน่ารัก ตั้งแต่เด็กเธอก็มักจะมาหาผมบ่อยๆ มาให้ผมสอนการบ้านบ้างไม่ก็ถูกฝากมาให้เลี้ยงซัก1-2คืนบ้างเพราะพ่อแม่มักจะเข้าเมืองไปหาดอกไม้มาปลูกเพิ่มบ่อยๆ

    ดีจ้ะ มาลิน พ่อกับแม่ล่ะ? ผมยิ้มให้เธอเช่นทุกครั้ง ผมคงลืมบอกไปสินะ พ่อของเขาคือโชเฟอร์นักตกปลายังไงล่ะ มาลินเองก็มีฝีมือด้านการตกปลาและปลูกดอกไม้ ภายในร้านจะเต็มไปด้วยดอกไม้และปลาสต๊าฟตัวโตสีสันสวยงาม เธอมีพี่ชายอีก2คน ตอนนี้คงไปตกปลาอยู่กับผู้เป็นพ่อ

    คุณแม่อยู่ในร้านดอกไม้ค่ะ ได้ดอกไม้เมืองร้อนมาต้องดูแลอย่างดี คุณพ่อเองก็พาพี่ชาลส์ กับพี่ไนเจลไปตกปลาค่ะ เห็นว่าจะไปล่าปลาจ้าวบึงกันชาวบ้านลือกันว่าปลาตัวนี้ดุมากค่ะ กัดคนไป5คนแล้ว รอยฟันเท่านี้!!” เธอกางนิ้วให้ดู รอยฟันปลาหรือจระเข้ล่ะนั่น ผมชอบวิธีการพูดของเธอ ดูแล้วตลกดี ถึงจะพูดมากไปหน่อยแต่ก็เป็นแหล่งข่าวที่ดีของผมเชียวล่ะ

    งั้นเหรอ จบจากซื้อนิยายแล้ว ชั้นไปบ้างดีกว่าแหะ ที่ไหนล่ะ? ผมเดินไปที่มุมนิยายสยองขวัญพลางคุยกับเธอไปด้วย การหานิยายของวิลไม่ใช่เรื่องยากเย็น เพราะทุกๆเรื่องมักจะติดป้ายว่าขายดี ไม่ก็แนะนำอยู่เรื่อยไป ก็ใครเป็นคนเกลาให้กันล่ะ ผมยิ้มนิดๆ

    อ้อ อยู่ที่บึงใหญ่หลังบ้านของลุงจับกุ้งนางค่ะ เขาขอให้พ่อกับพี่ๆไปจับปลาตัวนั้นให้หน่อยน่ะค่ะไม่งั้นถ้าลุงเขาลงไปจับมีหวังถูกปลาตัวนั้นกัดแน่ๆ เธอทำท่าทางตื่นเต้นและภูมิอกภูมิใจมากที่พ่อและพี่ของเธอเป็นฮีโร่ของที่นี่มาตลอด

    หืม---แล้วถ้าชั้นไป จะโดนกัดไหมนะ?

    แหม คุณหมอเก่งอยู่แล้วค่า! ตอนที่คุณหมอไปตกปลากับคุณพ่อ คุณพ่อชมใหญ่เลยนะคะว่าหมอน่ะเก่งสุดๆ เธอตาเป็นประกายวิบวับ คล้ายๆกับเครย์ที่ผมเพิ่งพบเขาเมื่อเช้านี้เอง เมื่อนึกขึ้นได้แล้ว มาลินต้องเห็นเครย์บ้างแน่ๆ เธอเปรียบเหมือนกล้องตรวจจับทุกอย่างในหมู่บ้านและย่านนี้

    ขอบใจจ้ะ นี่มาลิน หนูเห็นผู้ชายที่ท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้ ผมแดงๆ ตาสีเหลืองมาแถวนี้บ้างไหม?มาลินทำท่าครุ่นคิดอยู่ซักพัก ก็เด้งตัวจากพื้น แสดงว่าคิดอะไรออกแล้ว ช่วงนี้ผมสะดุ้งบ่อยจริงๆตั้งแต่มีชาเรสเข้ามาแล้ว

    เขาก็มาถามหนูเหมือนกันนะ ว่ารู้จักคุณมิคเคลสันไหม? หนูตอบไปว่าคุณเป็นหมอที่นี่อ่ะค่ะแล้วหนูก็ให้ที่อยู่คุณไป ป่านนี้คงไปรอที่บ้านแล้วล่ะค่ะ มาลินผู้ไร้เดียงสาบอกที่อยู่ไปซะแล้ว ถ้าเกิดว่าเครย์เป็นคนน่าสงสัยขึ้นมาล่ะ อาจจะเป็นพวกในเมืองใต้ดินนั่นอีกก็ได้นี่  เมื่อผมจ่ายตังค์เสร็จแล้วก็รีบไปเช็คดูที่บ้านทันทีว่าเครย์นั่งรออยู่หรือเปล่า  แต่กลับไม่พบใครเลย….หรือว่าเขายังอยู่ที่ร้านกาแฟ ผมควักโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยใจที่เต้นตูมตาม

    วิล เครย์อยู่ที่นั่นรึเปล่า? ที่ร้านกาแฟน่ะ ปลายสายตอบกลับด้วยเสียงอันสดใสเช่นเคยว่าเครย์ออกไปแล้วไม่กี่นาทีเอง แล้วจะไปอยู่ไหนได้นะ ที่นี่ก็เล็กยังกะเมืองในเกมHarvest Moon ถ้าจะหายไปก็คงจะออกไปแล้วจากเมืองนี้ แต่ดูจากลักษณะแล้วเครย์ไม่น่าจะไปทั้งๆที่ยังไม่ทำตามที่ตัวเองพูด

    เอ่อช่างเถอะ ผมตัดสินใจไม่ใส่ใจมากนัก ผมโทรไปหาโชเฟอร์นักตกปลาว่าจะไปตกปลาด้วย เสียงตอบกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผมจึงรีบไปเตรียมอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วหลังจากเข้าโรงพยาบาล ฝุ่นจับหน่อย แต่ก็โอเค

    .

    .

    .

    มาแล้วครับ จับได้กี่ตัวแล้วล่ะครับ?ผมคงเดินเข้าไปเบามากเล่นเอาพ่อลูกนักตกปลาสดุ้งโหยงจนเกือบตกลงไปในบึงพร้อมกัน โชเฟอร์นักตกปลาชี้ไปที่กล่องโฟม ในนั้นมีน้ำแข็งอยู่เต็มแต่กลับไม่มีแม้แต่ลูกปลาเล็กๆ เขาถอนหายใจพล้อมลูกชาย2คน

    ไอ้ปลาจ้าวบึงมันคงกินลูกปลาไปหมดแล้วแน่ๆ ช่วงนี้เป็นฤดูวางไข่ของพวกปลาในบึงนี้ เมื่อกี้เราก็เจอปลาตัวนึง คงไปโดนจ้าวบึงกัดมา โชว์ให้หมอดูสิลูกคนพ่อสั่งลูกชายถ้าจำไม่ผิดคงเป็นชาลส์ลูกคนโตตอนนี้คง20ปีแล้ว ชาลส์หันหลังไปหยิบอะไรซักอย่างในตะกร้าไม้ใส่ปลา เขายกมันขึ้นมา ผมตกใจจนเกือบกลิ้งตกลงไปในบึง สิ่งที่ชาลส์ยกขึ้นมาให้ผมดูคือ ปลาตัวโตประมาณเท่าแขนของผมแต่เล็กกว่าแขนของโชเฟอร์นักตกปลาแต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี มันถูกอะไรซักอย่างกัดกินหรือกระชากเนื้อออกไป แหว่งเหวอะไปบางส่วนดูแล้วน่ากลัวมาก ถ้าจะทำได้ขนาดนี้คงมีแต่อะไรที่ใหญ่กว่ามันมากๆแน่นอน

    โห! ผมว่าไม่ใช่ปลาแล้วมั้งครับ รอยกัดเหมือนที่มาลินพูดเลย ผิดปกติแล้วครับ!” ผมเริ่มมองหาอะไรซักอย่างที่เป็นลักษณะร่องรอยของจระเข้ เช่น รอยที่มันนอนทับหรือเกล็ดแข็งๆของมัน แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด ตามรายงานของปีที่แล้วก็เคยมีคนพบลูกจระเข้ในบึงนี้มาแล้ว ซึ่งชาวบ้านก็จับไปให้สวนสัตว์ใกล้ๆและก็ไม่ได้เห็นพวกมันอีกเลย แต่พวกมันอาจจะกลับมาแล้วก็ได้

    ฮ่าๆๆๆๆๆ! โถ คุณหมอนี่ขวัญอ่อนจริงๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้!!” โชเฟอร์นักตกปลาหัวเราะดังๆกับลูกชายอีกสองคน พร้อมเอามือตีหลังผมปั่กๆ!! ผมว่าผมคงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบเพราะกระดูกสันหลังผมหักป่นปี้คามือคนตกปลา

    ไม่แน่หรอกครับ…” บรรยากาศเงียบลงทันที ที่บึงนี้ก็ออกจะเรียกได้ว่าสวยพอๆกับบ่อน้ำที่ร้านกาแฟของวิลเลย น้ำใสจนเห็นปลาและกรวยทราย มีดอกบัวและพันธุ์ไม้น้ำสวยๆเต็มไปหมด ลมก็พัดเย็นสบายตลอดเวลา เสียงนกร้องฟังแล้วผ่อนคลายเหมือนฟังเสียงเพลงคลาสสิคเลย

    แกร๊บๆ!” แล้วจู่ๆก็มีเสียงใบไม้ที่ถูกเหยียบค่อยๆดังขึ้นๆเรื่อยๆ ใกล้เข้ามายิ่งขึ้น ทั้งโชเฟอร์นักตกปลาและลูกอีก2คน รวมถึงผมที่ตอนนี้ตัวแข็งทื่อ ไม่อยากหันไปมองว่าอะไรกำลังตรงเข้ามา เสียงมันเนิบช้าแต่หนักแน่นเป็นจังหวะ พวกเราทั้ง4คนนึกถึงใบหน้าอันโหดเหี้ยมและดุร้ายของจระเข้ตัวใหญ่โต ร่างอันใหญ่โตดำมะเมี่ยมตรงมาหาพวกเราช้าๆหรือไม่?

    อ่า…” ทั้งผมทั้งลุงโชเฟอร์และลูกๆต่างสะดุ้งโหยงสุดตัวกับเสียงปริศนานี้ เหงื่อแตกพลั่กเป็นน้ำตกแองโกล่า ด้วยความที่ป็อดกันทุกคนจึงไม่มีใครกล้าจะหันไปดู แต่แล้วเสียงฝีเท้าก็มาหยุดอยู่ข้างหลังของผม ผมสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจนมั่วไปหมดเลย ณ ตอนนี้

    คุณมิคเคลสัน? เสียงอันคุ้นหูเอ่ยทักขึ้น  ผมจึงรีบหันไปที่ต้นเสียงทันที ก็พบกับเครย์ที่ยืนจ้องมองผมอยู่ด้วยสีหน้านิ่งสงัดแต่แววตาแฝงไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า บวกกับเหงื่อที่ซึมออกมาจนเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มชื้อเหงื่อไปหมด กางเกงสามส่วนสีน้ำตาลก็เลอะโคลนเล็กน้อย แสดงว่าเขาคงเดินเตร็ดเตร่ตามรอยเท้ามาเรื่อยๆแล้วเกิดเหตุอะไรซักอย่าง

    อ อ้อ คุณเครย์นี่เอง ผมก็นึกว่า…” เครย์เลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม แต่ผมก็ไม่ตอบดีกว่า เดี่ยวจะหาว่าขี้ขลาดกะอีแค่เสียงเท้า

    ผมเดินตามรอยเท้าคุณมาน่ะ เห็นว่าจะมาตกปลากัน ผมเลยคิดว่าน่าสนใจดี ทั้งผมและโชเฟอร์นักตกปลาและลูกๆก็พยักหน้าหงึกๆแล้วเชื้อเชิญให้เครย์มาตกปลาด้วยกัน ยังมีคันเป็ดเหลืออีกอันพอดี และดูเหมือนเครย์จะมีทักษะตกปลาค่อนข้างดีทีเดียว จึงสนิทสนมกับพวกเรา4คนได้อย่างรวดเร็ว

    คุณเครย์ชอบตกปลาเหรอครับ? ในขณะที่โชเฟอร์นักตกปลาและลูกอีก2คนไปหาตำแหน่งตกปลาที่อื่นผมก็ชวนเครย์พูดคุยเพราะเดี๋ยวคงเงียบเป็นป่าช้าแน่น่อน

    ครับ เป็นกิจกรรมยามว่างที่ฝึกความอดทนและสมาธิดีนะครับ แต่ผมไม่ค่อยว่างหรอก เครย์หันมาสบตาผมเพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการสนทนาด้วย ก่อนจะถามผมกลับ แล้วคุณผมขอเรียกหมอละกันครับ ถ้าไม่รังเกียจ

    อ้อ ฮะๆๆ ไม่รังเกียจเลยครับ เรียกผมว่าลุงยังได้เลยนะ เครย์กระตุกมุมปากเหมือนยิ้มน้อยๆให้จนมองแทบไม่ทัน แล้วบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้งเมื่อจู่ๆก็มีเสียงอะไรซักอย่างร่วงหล่นลงน้ำดัง ตู้ม! ใหญ่ น้ำสาดกระจายมาทางพวกเรา ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่เครย์กลับแค่มองปฏิกิริยาผมเฉยๆสบายๆ แล้วกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้ง

    แค่แอปเปิ้ลเน่าๆตกน้ำเท่านั้นล่ะครับ คุณลุง ผมค้างอยู่ที่ท่านั่งเข่าชิดกับลำตัวแล้วยกเท้ากระดกขึ้นด้วยความตกใจขัวญหนีดีฝ่อกับแอปเปิ้ลลูกนึง ผมหันไปมองเครย์ก็พบเขาคลี่ยิ้มบางๆนานกว่าปกติ ก่อนที่จะหันไปตกปลาต่อ และก็ ในที่สุดเขาก็เรียกผมว่าลุงสินะ

    ผ ผมเอ่อ ช่างเถอะ ผมขวัญอ่อนน่ะ ผมเบ้ปากยักไหล่แสดงว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องเข้าใจด้วย ซึ่งเครย์ก็หัวเราะในลำคอฮึๆและรอยยิ้มจางๆพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆตอบรับ เป็นอันว่าเครย์เข้าใจผมขึ้นมาข้อนึง

    มิน่าล่ะ ตอนเจอผมครั้งแรกคุณถึงกับตัวแข็งทื่อ เครย์ชำเลืองตามองผมที่กำลังเลิกคิ้วจ้องเขาอยู่ ก็จะไม่ตัวแข็งได้ไงล่ะ น่ากลัวขนาดนั้น หรือผมขวัญอ่อนเกินไปจนเห็นมนุษย์ด้วยกันเป็นปีศาจร้ายที่มีรังศีอัมหิตโผล่ออกมางั้นเรอะ?  แต่พูดตามตรงในตอนนี้ผมเริ่มไว้ใจและผ่อนคลายกับเครย์มากขึ้นไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรด้วย คงเป็นเพราะ เขาไม่ได้น่ากลัวอะไรแถมยังมารยาทดีมากๆอีกต่างหาก

    “… แหม ก็คุณน่ะ ?!!! ไม่ทันที่ผมจะพูดจบจู่ๆคันเบ็ดของผมก็ถูกกระตุกหรือกระชากอย่างแรงจนตัวผมถูกกระชาก(ลาก)ตามแรงดึงลงไปตามเนินดิน จนอีกไม่กี่เซนหน้าผมคงจุ่มลงบึงแน่นอนถ้าเครย์ไม่เข้ามาคว้าเสื้อแจ็คเก็ตผมเสียก่อน แต่แค่นี้ก็เลอะไปด้วยโคลนเรียบร้อยแล้ว

    ปล่อยเบ็ดเลยครับ เร็วๆเข้า!” เครย์เพิ่มเสียงให้ดังขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับตวาดใส่ ผมทำตามอย่างว่าง่าย แล้วคันเบ็ดราคาประมาณ2000ดอลล่าก็ถูกอะไรซักอย่างดึงหายไปใต้น้ำ แต่ผมไม่คิดถึงเรื่องเสียดายเลย จะคิดก็แต่ว่า เจ้าอสุรกายใต้น้ำนั่นมันตัวอะไร?? ทำไมถึงมีแรงเยอะขนาดลากผู้ชายคนนึงลงน้ำได้เลย

    คุณเป็นอะไรมั้ย? เครย์เข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมเจ็บแปล็บบริเวณหัวเข่าและข้อศอก มันมีเลือดซึมออกมาเยอะอยู่ แต่ผมก็ยิ้มให้เครย์แล้วขอบคุณเป็นอันดับแรกก่อนที่จะรีบนั่งลงฮวบฮาบเพราะจู่ๆก็รู้สึกความเจ็บปวดจากขาแล่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเจ็บแสบมาก ผมจึงถลกขากางเกงดูก็พบว่ามีกิ่งไม่หักปักอยู่ที่น่องผม ด้วยความเป็นหมอผมจึงดูปราดเดียวด้วยความรวดเร็วและรีบประมวลผลทันที ก็พบว่าไม้ยาวประมาณ10cm. กว้างประมาณ 4cm. ปักลึกลงไปค่อนข้างมาก เศษไม้ก็คงฝังอยู่ในเนื้อเรียบร้อยแล้ว ดูจากปริมาณเลือดที่ไหลแล้ว แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวที่พกมาด้วยคงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าโชคดีมากๆก็คงไม่ติดเชื้อหรือแมลงตัวเล็กอยู่ในกิ่งไม้

    เอาการอยู่นะครับ ลุกไหวมั้ยครับ? เครย์พยายามดึงตัวผมให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่เมื่อลุกแล้วกล้ามเนื้อเกิดการบีบตัวยืดหดกดทับแผลเข้าให้อย่างจัง ผมถึงกับร้อง โอ๊ย!! ลั่นบึง ก่อนที่จะล้มลงไปนั่งตามเดิม เลือดจากปากแผลก็ไหลออกมามากขึ้น เครย์ขมวดคิ้วด้วยความเครียดมากขึ้น

    งั้นคุณรอตรงนี้ ผมจะไปตามคุณโชเฟอร์มา อยู่นิ่งๆนะครับ แล้วเครย์ก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร้วปล่อยให้ผมเอาผ้าเช็ดหน้ากดแผล ใบหน้าผมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด น้ำตาซึมออกมาจนเกือบไหลริน ผมพยายามหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อลดความเจ็บปวดแต่มันก็ช่วยไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก มือซ้ายกำดินและใบไม้ตามพื้นแน่นสะกดความปวดแสบจากแผล แต่เมื่อผมขยับขาเพียงนิดเดียวแผลก็เจ็บแปลบขึ้นมาอีก ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้มีแต่จะแย่ลง ผมรีบประมวลผลอีกครั้ง เครย์หายไปนานกว่า10นาทีแสดงว่านักตกปลาอย่างโชเฟอร์นักตกปลาจะต้องหาตำแหน่งที่ดีแต่ไกลมากๆเป็นแน่ ยิ่งไกลน้ำยิ่งดีปลายิ่งเยอะน่าจะออกไปไกลประมาณ3-5กิโลเมตรได้ หรืออาจจะมากกว่านั้นอีก ผมหมดสิ้นหนทางแล้วถึงจะเป็นหมอแต่ถ้าขยับตัวไม่ได้แถมไม่มีเครื่องมือปฐพยาบาลอยู่ใกล้ๆเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับคนไข้ธรรมดาๆนี่เอง

    เอาล่ะ เจ้าลุงขวัญอ่อน นายต้องทำอะไรซักอย่างสิ แล้วทุกอย่างจะโอเคๆๆ เมื่อคนเราตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ก็ย่อมแสดงความบ้าบิ่นออกมาได้เสมอเช่นคุยกับตัวเองเป็นต้น และแล้วผมก็ตัดสินใจทำสิ่งที่บ้าบิ่นมากๆ เมื่อแผลถูกกิ่งไม้ปีกอยู่แบบนี้ มันจะติดเชื้อและกล้ามเนื้อถูกทิ่มแทงลึกเข้าไปอีกถ้าขยับตัว ผมจึงกัดผ้าเช็ดหน้าที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดแดงฉาน

    พระเจ้าขอให้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตเถอะ แล้วผมก็ดึงกิ่งไม้นั้นออกอย่างเร็วและแรง ความเจ็บปวดพุ่งพรวดมาถึงประสาทอย่างกับจรวดหรือเร้วกว่านั้นสาหัสกว่านั้น1000เท่าเลย ผมกัดผ้าเช็ดหน้าไปก็เท่านั้น เพราะเสียงร้องของผมเล็ดลอดออกมาดังสนั่น น้ำตาจากความเจ็บแสบไหลรินเป็นสาย ก่อนที่ผมจะล้มลงกับพื้น สะอื้นไห้อย่างไม่อายใคร(เพราะไม่มีใคร) และทันใดนั้นก่อนที่ผมจะได้ทันสลบไปเพราะความเจ็บก็มีเสียงอะไรซักอย่างที่ดูท่าจะใหญ่และหนักมากตรงมาทางผม มันเป็นเสียงคลานจากน้ำขึ้นมาตามโคลนผิวหนังของสิ่งๆนั้นกระทบใบไม้แห้ง ที่ผมได้ยินขนาดนี้เป็นเพราะผมนอนตะแคงหันไปทางบึงอยู่น่ะสิหูของผมเลยติดอยู่กับพื้นจึงได้ยินทุกเสียงชัดเจน

    และแล้วร่างดำทะมึนใหญ่โตและน่าเกรงกลัวก็โผล่ขึ้นมา สิ่งที่เราตามหามันอยู่นานแสนนานไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย มันคงหลบอยู่ใต้จุดที่พวกเรานั่งอยู่นานแสนนาน รอเวลาจะโจมตีสิ่งที่อ่อนแอกว่ามัน

    จระเข้น้ำจืดดำมะเมี่ยมขนาดตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในสวนสัตว์ น่าจะยาวประมาณ4-5เมตรได้ อาจจะหนักถึง2ตัน และเจ้าอสุรกายนี่ก็ตรงเข้ามาหาผมอย่างเชื่องช้า แววตาของมันบ่งบอกถึงปริมาณปลาที่มันกินไปไม่พอต่อความต้องการของมัน และผมก็เป็นเป้านิ่งอย่างดี ทั้งอ่อนแอ บาดเจ็บ ขยับตัวไม่ได้ และกำลังตื่นกล้วสุดๆด้วย ผมตัวแข็งแล้วลิ้นก็ชาไปหมด ตอนนี้มันขยับมาใกล้ผมจนเหลือแค่1ช่วงไม้บรรทัดเท่านั้น ถึงคราวของผมแล้วสินะ ผมหลับตาสนิท และภาวนะว่าขอให้เหลือส่วนตัวของผมให้ได้ทำพิธีทางศาสนาด้วยเถอะนะจระเข้จ๋า

    ปัง!!! ปัง!!! เสียงปืนสองนัดดังขึ้นสนั่นกึกก้องผมลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วก็พบกับจระเข้ตัวมหึมาตัวนี้โงนเงนอยู่อึดใจนึงก่อนจะล้มตึงลงไปกับพื้นแน่นิ่งไปเลย ผมเหลือแรงไม่มากแต่ก็พยายามผงกหัวขึ้นมาเพื่อดูว่าคนที่มาช่วยผมนั้นเป็นใครกัน ตาผมพร่าเลือนจนเห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่เขาอยู่คนละฝั่งกับผม ไม่ใช่เครย์หรือโชเฟอร์และลูกๆแน่นอน เพราะบุคคลปริศนานี้แต่งชุดสีดำทั้งตัว สูงใหญ่ ผมดำแน่ๆ และเขาก็วิ่งแผล่วหายไปในป่า ทิ้งให้ผมใกล่จะสลบไสลเต็มที แต่ก็ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเครย์และโชเฟอร์กับลูกๆ ทั้งตะโกนเรียกชื่อผม และ ตกใจกับจระเข้ยักษ์ ก่อนที่ผมจะหลับไปสนิท

    TBC.

    เอ่อ….ยาวไปมั้ยเนี่ย แหม่ รู้สึกมันจะไม่ธรรมดาแล้วนะคะ แบบว่า ไม่ใช่normalอีกต่อไป55555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×