ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] EXO ALL x JONGDAE

    ลำดับตอนที่ #45 : เรื่องเล่าจากคุณหญิง

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 57


    เรื่องเล่าจากคุณหญิง

     

     

     

     

     

     

    อันยองครับ ผมบยอนจงแดเองครับ หรือที่ใครหลายๆคนชอบเรียกคุณหญิงนั่นแหละ จะเรียกคุณหญิงทำไม ผมเป็นผู้ชายนะ ต้องเรียกคุณชายสิ อุ้ย ลืมไป สามีเป็นทหาร ยศพลเอกแล้วนิ เป็นคุณหญิงได้แล้วนิเนอะ

     

    เรื่องที่ผมจะเล่าก็ไม่มีอะไรมากหรอก เห็นคนถามนักหนานิครับ ว่าผมกับแบคมาเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไง เรื่องนี้ต้องย้อนไปเมื่อเกือบสามสิบห้าปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งสอบเข้าโรงเรียนพลเรือนได้ ตอนนั้นผมยังเป็นเพียงคุณชายคิมจงแดอยู่เลย ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก คุณชายครับ ผมมีเชื้อเจ้าครับ เสด็จปู่ของเอง

     

    ท่านพ่อท่านแม่ มักจะทรงยุ่งอยู่กับงานเสมอ ทั้งที่บางครั้งท่านบอกว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่สุดท้ายท่านก็ไม่มา พี่ชายที่เกิดจากหม่อมคนอื่นทั้งสองคนก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว อยู่วังที่อื่นกับภรรยา

     

    พี่ชายที่เกิดจากหม่อมเดียวกัน พี่มินซอกก็อยู่ที่กรมตำรวจ พี่เป็นพี่ชายที่ผมแสนภูมิใจ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกันก็ตาม ส่วนน้องชาย จงอิน ก็ไปอยู่กับท่านลุงที่สังกัดอยู่กระทรวงยุติธรรม เพราะใกล้จะสอบเข้าโรงเรียนทนายความแล้ว น้องผมอยากเป็นทนาย ส่วนผม ตอนนี้สอบเข้าโรงเรียนพลเรือนแล้วหล่ะครับ สังกัดกองการต่างประเทศ ผมอยากเป็นทูตหรือไม่ก็ทำงานในกระทรวงต่างประเทศ

     

    ตอนนั้นแบคยังเป็นเพียงนักเรียนเตรียมทหารที่พึ่งจบ กำลังจะเข้าเรียนโรงเรียนนายเรือ จึงมีเวลาว่างพอที่จะมาเล่นกับผมได้ ผมกับแบคเราเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็กแล้วครับ เรียน เล่น อยู่ห้องเดียวกัน เราสนิทกันมาก สนิทเสียจนผมเผลอก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวก็ตอนเมื่อ เราต้องอยู่ห่างกัน

     

    แต่ถึงแม้ว่าแบคจะต้องอยู่ที่โรงเรียนเตรียมทหารนั้น เขาก็ยังติดต่อกลับมา เขียนจดหมายถามสารทุกข์สุขดิบเสมอทุกสัปดาห์ เขาบอกว่าไม่อยากโทรศัพท์มา เพราะกลัวจะอดทนกับความคิดถึงไม่ได้ แบค นายอย่าพูดให้ความหวังฉันสิ ถ้านายไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย

     

    วันนั้นผมจำได้ ตอนเช้าผมถามท่านพ่อท่านแม่แล้วว่าจะทรงกลับมาเสวยมื้อเย็นด้วยกันไหม ถ้าท่านกลับมาผมจะทำอาหารให้ท่านทานเอง ท่านก็บอกว่าจะกลับมา แต่สุดท้าย ท่านก็ไม่ได้กลับมาเหมือนดั่งเคย ของโปรดหลายอย่างของท่านที่ผมทำเองอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีใครกินข้าวกับผมอีกแล้ว

     

    ในวัง ไม่มีใครกล้าที่จะกินร่วมกับผม เพราะกลัวท่านพ่อจะทรงไล่ออก ยอมรับเลยว่า ผมเองก็เหงาและน้อยใจเป็น พี่ชายก็ไม่อยู่ น้องชายก็ไม่อยู่ ต้องกินคนเดียวอีกแล้ว ผมเหงาจนต้องโทรเรียกให้แบคมากินข้าวด้วยกัน ถึงไม่เหงาผมก็โทรชวนมาอยู่แล้ว พอเขามาไม่เห็นใครก็รู้ได้ว่าท่านพ่อท่านแม่ ยังไม่เสด็จมา

     

    “เหมือนเดิมหรอครับ จงแด”

     

    “อือ มีงานเลี้ยงที่กองทัพเรือ วันพรุ่งนี้จะเสด็จกลับมา”

     

    “ไหนดูสิ มีของโปรดของกันบ้างไหมเนี่ย”เขามองหาของโปรดของเขา ผมก็เลยเลื่อนมาไว้ข้างหน้า บอกให้คนในบ้านเก็บอาหารไว้ เหลือเพียงแต่ของโปรดของแบค

     

    “อร่อย ไม่ได้กินตั้งนาน เดี๋ยวกลับไปก็อดอีก ไม่ได้กินอีกตั้งหนึ่งเดือน วันนี้ต้องกินเยอะๆ”

     

    “รู้หรอกน่า เลยทำให้เยอะเลยไง”คนอะไรขนาดกินข้าวก็ยังจะเล่น

     

    “เฮ้อ ชีวิตนี้ช่างน่าสงสาร อดอยากของโปรดเสียจริง”

     

    “ก็ใช้ให้นายไปเรียนทางนั้นเองนิ”       

     

    “ไม่สงสารกันเลยหรือไง”ยังมีหน้ามาส่งสายตาตัดพ้ออีกนะ

     

    “ไม่เลย”

     

    “หง่า”

     

    “หาทางขนขนมกลับไปให้ได้หล่ะ ทำให้ไว้ เดี๋ยวเอามาให้”

     

    “จงแดใจดีที่สุดเลย”

     

    “ไม่มีใครเกินฉันหรอก แต่ว่าแลกกับการที่นายต้องนอนกับฉันคืนหนึ่ง”

     

    “ได้แน่นอนครับ คุณชายขี้เหงา”

     

    “จะเอาไหม ขนมนะ”

     

    “เอาๆสิ อย่ากันงอนเลยนะ”แหนะ ดุแล้วยังจะทำหน้าหงอยอีก

     

    “อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน”

    ***************************************

     

     

    “นอนเถอะจงแด กันอยากหลับแล้ว”

     

    “แบค ขอบใจนะ ที่อยู่กับกันตลอด”

     

    “ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ”นี่นายไม่รู้อะไรเลยหรือไง คงเป็นได้แค่เพื่อนสินะเรา

     

    “อืม นอนเถอะ”สักพักผมก็รู้สึกว่าเขาหลับไปแล้ว ใบหน้าเขาตอนที่หลับนั้นหล่อมาก เสียงครางหงิงๆอย่างกับลูกหมานั้นก็น่ารัก ใบหน้าออกที่จะติดสวยมากกว่าหล่อเสียอีก

     

    “แบค นายไม่รู้เลยหรอไง ว่าฉันรักนายมากนะ ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่เป็นคนรัก นายคิดยังไงกับฉันกันแน่”ไม่รู้เพราะอะไรมาดลใจให้ผมแอบหอมแก้มเขาก็ไม่รู้ เหมือนร่างกายไม่รู้ตัวก็เผลอไปสัมผัสริมฝีปากคู่นั้นเสียแล้ว ในจังหวะที่กำลังผละออกมากลับถูกฝ่ามือของคนที่เข้าใจว่าหลับไปแล้วรั้งใบหน้าเอาไว้ จากคนที่เป็นฝ่ายจูบก่อนกลับหายใจหอบรับจูบจากอีกคนแทน แล้วเป็นแบคฮยอนเองที่ถอนริมฝีปากออกก่อนเพราะกลัวคนตัวเล็กจะขาดอากาศหายใจ

     

    “บะ บะ แบค นายยังไม่หลับหรอ”

     

    “ถ้าหลับแล้วจะได้รู้ไหมว่ามีใครก็ไม่รู้กำลังสารภาพรัก กำลังลักหลับกันอยู่เนี้ย”

     

    “บ้า ไม่ได้ลักหลับนะ”

     

    “โอเค โอเค ไม่ได้ลักหลับ แต่ว่าสารภาพรักจริงๆใช่ไหม”

     

    “หู หูฝาดไปแล้ว”

     

    “งั้นกันคงต้องอกหักสินะ”

     

    “อกหัก อะไร”

     

    “ก็คนที่กันรัก เขาไม่ได้รักกันนิ กันก็เลยอกหัก”จงแดชะงักไปนิดหนึ่ง แต่พอเข้าใจแล้วหน้าก็แดงขึ้นมา

     

    “อก อกหักที่ไหนกันเล่า”

     

    “ฮือ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”

     

    “ใครบอกว่านายอกหักกันเล่า”

     

    “งั้นเมื่อกี้ก็ไม่ได้หูฝาดสินะ”ดูสิยังมายิ้มเยาะกันอีก

     

    “อื้อ ไม่ได้หูฝาดหรอก”

     

    “งั้นก็ คบกันนะครับคุณชาย”

     

    “แบค อย่ามาพูดเล่นนะ”

     

    “ผมพูดจริง เป็นแฟนกันได้ไหม”สายตาของเขามันแน่วแน่จริงๆ ผมไม่ได้หูฝาดสินะ

     

    “ตกลง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “นั่งนึกอะไรคุณหญิง”แบคฮยอนที่พึ่งถึงบ้านพักเข้ามากอดภรรยาตัวเองที่ตอนนี้ดูจะนั่งยิ้มกับรูปภาพใบหนึ่ง

     

    “นึกถึงตอนที่คุณขอคบ”

     

    “ฮือ นึกนึกเรื่องนั้นหรอ”

     

    “ใช่ ใครกันนะที่แอบไปวางแผนเป็นดิบดีกับเด็จพ่อเด็จแม่ของผมเนี่ย”

     

    “ก็จะไปขอลูกท่านคบก็ต้องบอกท่านก่อนสิ”

     

    “ร้ายกาจนัก”

     

    “แต่ขนาดไปขอท่านก่อน กว่าจะได้แต่ง ก็เอาเกือบตายเหมือนกันนะ”

     

    “อิอิ ก็ใครใช้ให้คุณไปบอกท่านหล่ะ ว่าจะไม่ทำให้ผมเสียเกียรติ จะไม่ให้ผมต้องลำบาก เพียงเพราะแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาอย่างคุณ”

     

    “เพราะผมตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆนะสิ บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้คนอื่นอื่นมองคุณชายและผมไม่ดี ไม่อยากให้คุณชายต้องมาลำบากเพราะแต่งงานกับทหารธรรมดา ไม่อยากให้คุณชายต้องมาเสียเกียรติเสียฐานันดร ไม่อยากทำลายความฝันของคุณ อยากให้คุณได้สิ่งที่ดีที่สุด จะได้ไม่อายใครๆว่าเลือกสามีไม่ผิด นี่ไงผมเอาคุณชายไปจากคุณแต่ผมก็เอาคุณหญิงให้คุณแทน ทุกอย่างเพื่อคุณ”

     

    “ไม่เอาแล้วนะ ไม่ให้เสี่ยงอีกแล้วนะ พอแล้วนะ ตำแหน่ง เกียรติ ฐานันดรอะไรไม่สำคัญเท่านาย ฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แค่คนธรรมดาที่เป็นคนรักของนายก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องการ ทุกครั้งที่รู้ว่านายเกือบตาย หัวใจฉันมันก็ไม่ดีเสียแล้ว กลัว กลัวว่านายจะหายไปจากชีวิตฉันจริงๆ พอแล้วนะ ออกจากราชการได้แล้ว ไม่งั้นก็ขอร้องหล่ะ อย่าออกไปสู้อย่างนั้นอีก”

     

    “ไม่แล้วหล่ะ ประเทศสงบสุขแล้ว ไม่มีสงครามที่ต้องให้เสี่ยง ท่าน ผบ.ก็มาคุยกับผม ให้อยู่ฝ่ายเสนาธิการ ไม่ต้องเสี่ยงแล้วนะ ไว้ใจได้ แต่ผมคงไม่ออกราชการ จนกว่าจะถึงอายุเกษียณ หรือไม่ ก็จนกว่าจะตาย”

     

    “อย่าพูดว่าตายอีก”

     

    “ครับ ไม่พูดแล้ว ภูมิใจไหมที่เลือกผมแทนที่จะเป็นหม่อมของท่านชาย”

     

    “ภูมิใจ ภูมิใจที่สุด บอกใครไม่อายหรอก ว่าเป็นเมียท่านนายพลบยอน จะไปเป็นชายาท่านให้ช้ำใจทำไม คุณดูสิ หม่อมท่านมีความสุขหรอ ต้องทนเห็นสามีตัวไปมีหม่อมคนอื่นๆ สู้เป็นคุณหญิงบยอนไม่ได้สักกะนิด เพราะเป็นแค่เมียเดียว”

     

    “สงสัยวันนี้ต้องให้รางวัลแล้วมั้งเนี่ย ตอบคำถามดีจริง”

     

    “ไม่เอา”

     

    “ทำไมหล่ะ เดี๋ยวคุณหญิงก็ต้องกลับไปที่จีนอีกแล้ว คิดถึง”

     

    “ไม่ได้กลับจีนแล้ว”

     

    “ทำไมหล่ะ”

     

    “ผมย้ายกลับมาแล้ว เสด็จพระองค์หญิงสั่งให้ผมมาช่วยงานในกระทรวงเพราะว่าเหตุการณ์ในคราวก่อนนั่นแหละ”

     

    “คุณหญิงเองก็ดื้อใช่ย่อย”แบคฮยอนแซวจนอีกคนตัวเล็กหน้ายู่ด้วยความงอน แต่ถึงจะทำอย่างนั้นก็ยังสวยไม่สร่าง แม้จะอายุจะเข้าเลขห้าแล้วก็เถอะ

     

    “แต่ใครบางคนก็รักและหลงหัวปักหัวปำซะจนหายไปไหนไม่ได้”

     

    “ฮ่าๆ จงแดยังจำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม”แบคฮยอนจับมือภรรยาตัวเองเอาไว้ ปลายนิ้วไล้แหวนแต่งงานที่เคยสวมให้กันเมื่อยี่สิบสามปีก่อน

     

    “จำได้สิแบค”

     

    “แบคทำมันเกือบครบแล้วนะ เหลืออีกนิดเดียวรอให้จงแดไปช่วย”แบคฮยอนเอาซองเอกสารที่ถือมายื่นให้จงแด เมื่อคนตัวเล็กเห็นน้ำตาแทบร่วงไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่เคยคุยกันเล่นๆเมื่อวันนั้น แบคฮยอนจะจำมันได้

     

    “ร้องไห้ทำไมหืม”

     

    “ขอบคุณนะแบค ขอบคุณที่จำเรื่องของเราทุกเรื่องได้เสมอ แม้ว่าตอนนั้นมันจะเป็นเรื่องไร้สาระแค่ไหนสำหรับเรา”

     

    “แดอยากเลี้ยงเด็กเยอะๆ แต่เพราะพวกเราเป็นผู้ชาย การที่จะมีลูกเองได้ มันยากมาก ตอนที่เรามีจุนมยอนและคยองซู มันปาฏิหาริย์มาก แดเลยอยากมีมูลนิธิเด็กจะได้ช่วยเด็กที่มีปัญหา แดไม่ชอบให้เรียกมันว่าบ้านเด็กกำพร้า เพราะแดจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ของพวกเขา ที่ผ่านมาพวกเราก็รับอุปถัมภ์เด็กจากบ้านอื่นๆอยู่แล้ว แบคก็เห็นว่า แดสมควรที่จะมีเป็นของตัวเองได้แล้ว เพราะเราเองก็ใกล้ที่จะเกษียณแล้ว อีกไม่กี่ปีเอง แบคกลัวแดเบื่อ”

     

    “ขอบคุณมาก ขอบคุณมากนะ”

     

    “แบครักแดนะ รักคนเดียว ตลอดไป”

     

    “แดก็รักแบค เรามาช่วยกันดูแลเด็กๆกันเถอะนะ”

     

    “คร้าบ ที่รัก”

     

     

     END

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×