ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จดหมายแทนใจแม่

    ลำดับตอนที่ #4 : แม่ในวัยเด็ก: เด็กน้อยวัยประถม

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 56


    ลูกที่น่ารักของแม่

          อย่างที่แม่เคยเล่าให้ฟังไปบ้างแล้ว  แม่ในยามเด็กเล็กๆ  เติบโตมาแบบลูกคนจีน  อากงกับอาม่าของลูก เป็นพ่อค้า แม่ค้า ขายของอยู่ในตลาด   มีร้านขายของชำ (โชห่วย) แบบขายส่ง  มีของสารพัดสารพัน  ตั้งแต่ขนม ของกิน มากมายหลายอย่าง  กะปิ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสต่างๆ น้ำตาลทราย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ อุปโภคบริโภคต่างๆ ทั้งกระดาษชำระ ผ้าอนามัย สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถ่านไฟฉาย ฯลฯ  และมีแม้กระทั่ง สลากเป็นแผงๆ ที่เขาใช้เล่นพนันกันนั่นแหละ

         ตอนนั้น คนในบ้านก็มีทั้งอาเหล่าม่าของลูก (ย่าของแม่)  อากง (พ่อของแม่) อาม่า (แม่ของแม่) อาเหล่ากู๋ (น้าชายของแม่) 2 คน ที่อาม่าช่วยส่งเรียนด้วย  อาเหล่าอี๊ (น้าสาวของแม่)  แล้วก็ป้าของลูก แม่ และน้าของลูกทั้งหลาย  มีพี่เลี้ยงเด็ก (รวมทั้งเป็นแม่บ้าน ลูกจ้างค้าขายด้วย) อีก 1 คน  ลูกจ้างทำงานร้านอีก 1 คน  ซึ่งทุกคนในบ้าน ยกเว้นเด็กที่ยังเล็กมากๆ  ก็ต้องช่วยกิจการค้าขายทั้งหมด

         ยามนั้น ถึงแม้ว่า เราจะยังเป็นเพียงเด็กประถม  แต่ป้ากับแม่ ก็ต้องได้ช่วยงานค้าขายในเวลาที่ว่างจากการเรียน  ตลอดจนเลี้ยงน้อง  เพราะทางบ้านไม่สามารถจะจ้างลูกจ้างได้มากเพียงพอที่จะช่วยกันขายของ จัดของ ส่งของให้ทันกับความต้องการของลูกค้า  แม่กับป้า ก็ต้องช่วยงานทั้งการเปิดร้าน ปิดร้าน  จัดแบ่งของใส่ถุงย่อย (เช่น น้ำตาลทราย  แบ่งใส่ถุงละ 20 กิโลกรัม)  จัดของใส่กล่องให้ลูกค้า คิดเงิน ส่งของ  ฯลฯ ทุกอย่างเท่าที่ทำได้

        ช่วงนั้น แม่เคยได้อ่านจดหมายที่อากงของลูก ส่งไปถึงเหล่าโกวที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่อังกฤษ (ระดับปริญญาโทกับเอก ตามทุนที่ได้รับ)  บ่นถึงรายได้ว่าน้อย กำไรน้อยไม่ถึงพัน  แม่ยังงงๆ ว่า อ้าว เห็นลูกค้าก็มีมาก ขายได้ตั้งเยอะ ทำไมกำไรน้อย  พอถาม อาม่าก็บอกให้ฟังว่า  การขายของส่งนั้น  จะขายได้มากก็จริง  แต่ของแต่ละอย่างก็กำไรนิดเดียว  แม้ว่าต้นทุนจะมากก็ตาม  เช่น ขนมชิ้นละบาท  ต้นทุนมาร้อยละ 70 บาท  เราก็ต้องขายร้อยละ 80 บาท  ได้กำไรแค่ร้อยละ 10 บาท เป็นต้น

        ชีวิตค้าขายเป็นอะไรที่ว่า  สนุกก็สนุก ได้หัดขี่รถสามล้อแดงที่ส่งของ  ได้นั่งเล่นของที่ขาย จินตนาการไปสารพัด เมื่อว่างจากงาน  ได้ลองกินขนมเกือบทุกอย่างที่ขาย  รู้ว่าขนมยี่ห้อไหนที่อร่อย  ตอนงานยุ่งๆ ก็เหนื่อย แต่ก็ต้องสู้ ต้องช่วยๆ กันไป  ที่สนุกที่สุดน่าจะเป็นตอนที่เรานั่งรถเข็นที่เข็นส่งของ แล้วให้อีกคนเข็นวิ่ง  โดยเฉพาะให้น้าเข็นบ่อยที่สุด

         ความที่ต้องทำงานมาตั้งแต่เล็ก  ชีวิตที่ลำบากกว่าเด็กอื่นทั่วไป  ทำให้แม่ได้แต่คิดเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนบ้านใกล้ๆ กัน ทำไมพี่เขามีของเล่นดีๆ มีเวลาเล่นมาก  ทำไมเราต้องมาทำงานมากมาย  ไม่ได้มีเวลาว่าง  แม้แต่ทำการบ้าน ก็ยังต้องทำบนกองของที่ขาย  วันไหนขี้เกียจก็โดนตี  คิดน้อยอกน้อยใจอะไรมากมาย

         แต่พอแม่โตขึ้นมา  ได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น เห็นคนมากขึ้น  ทำให้ได้คิด ขอบคุณอากงกับอาม่าของลูก  หรือขอเรียกว่า ท่านพ่อ ท่านแม่   ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตจากความยากลำบาก  ทำให้เราแข็งแรง  สู้งาน ไม่ย่อท้อต่อชีวิต  รู้ว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท ต้องยากลำบากเพียงไหน  รู้ค่าของเงิน  ไม่กล้าที่จะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย   และกว่าพ่อและแม่จะเลี้ยงเรามาจนเรียนจบ  ต้องผ่านความยากลำบาก สู้ชีวิตอย่างมาก  ขอกราบแทบเท้าท่านด้วยความรัก ความกตัญญูจนสุดหัวใจ

          สุดท้ายนี้   อยากจะบอกว่า  แม่รักลูก เลี้ยงลูกได้แต่ตัว  ในที่สุด ลูกก็ต้องเป็นคนเลือกทางเดินให้ชีวิตตนเองนะคะ


                                                                                       รักลูกจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×