ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ SNSD | KyuSeo] OH! My Sweet Boy

    ลำดับตอนที่ #4 : OH! My Sweet Boy – Chapter 3 :: ไปโรงเรียนกันเถอะ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 56


     

    Chapter 3

    ...ไปโรงเรียนกันเถอะ...

     

     

     

    ในที่สุดเช้าวันจันทร์ก็มาถึง

     

    ซอฮยอนตื่นนอนตอนตีห้าสี่สิบห้า  ใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณยี่สิบนาทีร่างบางก็เดินลงมาห้องครัวด้านล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าง่ายๆไว้สำหรับเธอและคยูฮยอน

     

    คยูฮยอนไม่ชอบดื่มกาแฟเช่นเดียวกับเธอ  ซอฮยอนก็เลยอุ่นนมร้อนไว้สองแก้วพร้อมกับทำแซนวิชชิ้นพอดีคำเอาไว้  เกือบหกโมงครึ่งคยูฮยอนก็เดินลงมาในชุดเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับ”

     

    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ  รีบมาทานนี่เร็วเข้า” ซอฮยอนส่งเสียงทักทายอย่างสดใสเช่นทุกที  เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้และยกนมขึ้นดื่มทันที

     

    ซอฮยอนทานอิ่มได้ซักพักแล้วและกำลังนั่งรอให้คยูฮยอนทานให้เสร็จ  เขาเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอ  ทานไปได้ไม่กี่คำเขาก็หยุด  นั่นทำให้ซอฮยอนแปลกใจอยู่เหมือนกัน

     

    “อิ่มแล้วเหรอจ๊ะ”

     

    “ครับ”

     

    “กินไปนิดเดียวเอง”

     

    “ไม่หรอกครับ  ปกติผมก็ไม่ค่อยทานอาหารเช้าอยู่แล้ว”

     

    “ได้ยังไงกัน  อาหารเช้าสำคัญมากนะรู้ไหม?”

     

    “รู้ครับ  แต่ผมตื่นสายเกินกว่าจะมีเวลาทานอาหารเช้า  ไม่งั้นก็เข้าโรงเรียนไม่ทัน”

     

    “รู้อย่างนั้นก็อย่าตื่นสายซิคะ” ซอฮยอนว่าขณะยกเอาจานและแก้วนมเปล่าไปเก็บ “ทิ้งเอาไว้ก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับมาจัดการอีกที  เราไปโรงเรียนกันเถอะคยูฮยอน”

     

    พวกเขาออกจากบ้านตอนหกโมงสี่สิบ  ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีก็ขับถึงโรงเรียนอนุบาลของซอฮยอนแล้ว  แต่โรงเรียนมัธยมของคยูฮยอนนี่ซิอยู่ห่างออกไปพอสมควร

     

    “วันนี้พี่ไปส่งเราก่อนดีไหม?” ซอฮยอนหันมาถามระหว่างขับรถไปโรงเรียน

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  โรงเรียนของพี่ถึงก่อนโรงเรียนผม  ถ้าพี่ไปส่งก็ต้องย้อนกลับไปกลับมา  เสียเวลาแล้วรถก็คงติดใช่เล่น”

     

    “แต่เราขึ้นรถประจำทางเป็นหรือไง?” ซอฮยอนสอบถามอย่างสงสัย  ลูกคุณหนูที่มีแต่คนโอ๋ล้อมหน้าล้อมหลังมาตั้งแต่เด็ก  เธอไม่แน่ใจนักว่าที่บ้านจะยอมให้คยูฮยอนขึ้นรถประจำทางมาโรงเรียนเองโดยเฉพาะเมื่อบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนแบบนั้น

     

    “ก็พอขึ้นได้ครับ”

     

    “จริงอ่ะ” ซอฮยอนเหลือบมองอย่างจับผิดแต่ก็ไม่เห็นท่าทีอะไรผิดแปลกไปแม้แต่น้อย

     

    “ผมโตแล้วนะครับ  เรื่องแบบนี้สบายมาก”

     

    “ทำไมพี่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจยังไงไม่รู้  เหมือนนายมาอยู่กับพี่แล้วลำบากขึ้นเลยแหะ”

     

    “เท่าที่จำได้ผมไม่เคยพูดว่าผมลำบากซักครั้งเลยนะครับ”

     

    “ก็นั่นแหละ  พี่นี่เป็นพี่ที่แย่จริงๆเลย”

     

    “อย่าเอาแต่เป็นห่วงผมเลยครับ  ผมโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว  อีกอย่างถ้าหากพี่ไปส่งผมแล้วเด็กนักเรียนของพี่จะทำยังไงล่ะครับ  จะไม่รอคุณครูประจำชั้นแย่หรอกเหรอ?”

     

    “มันก็จริง  แต่พี่อดเป็นห่วงไม่ได้นี่นา  พี่รับปากพ่อกับแม่แล้วว่าจะดูแลเราให้ดี”

     

    “พี่ก็ดูแลผมดีแล้วนี่ครับ  ทำไมต้องคิดมากขนาดนั้น  กลัวปล่อยให้ผมไปโรงเรียนเองแล้วจะไม่ถึงโรงเรียนหรือยังไงกันครับ” คยูฮยอนว่าติดตลก  ซอฮยอนส่ายหน้าปฏิเสธหงึกงัก

     

    “เปล่าซะหน่อย  พี่รู้ว่าเราไม่ทำแบบนั้นหรอก  คยูฮยอนน่ะเป็นเด็กดีจะตายไป”

     

    “พูดแบบนี้กะดักทางผมหรือเปล่าครับ?”

     

    “เปล่านะ  หรือว่าเราคิดจะทำจริงๆกันล่ะ”

     

    “ไม่ครับ”

     

    “ใช่ไหมล่ะ”

     

    “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปโรงเรียนเองนะครับ  นั่งรถประจำทางจากโรงเรียนพี่ไปถึงโรงเรียนผมใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเอง  พี่ก็จะได้ไม่ทำงานสาย  ผมก็ยังไปโรงเรียนทันเวลา  วินวินกันทั้งสองฝ่ายนะครับ”

     

    “อืม” ซอฮยอนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีวิธีไหนดีไปกว่านี้แล้ว “ตกลงจ๊ะ  แต่มีข้อแม้นะ”

     

    “อะไรเหรอครับ?”

     

    “ตอนเย็นคยูฮยอนต้องขึ้นรถประจำทางมารอกลับบ้านพร้อมพี่ที่โรงเรียนอนุบาลโอเค๊?”

     

    “ตกลงครับ”

     

    “งั้นก็ตามนั้นเลยจ๊ะ”

     

    ซอฮยอนขับรถไปจอดไว้ที่โรงจอดรถของครู  ขณะเดินไปส่งคยูฮยอนที่ป้ายรถเมล์ก็มีเด็กนักเรียนตัวน้อยแวะมาทักทายตลอดทาง  ก็เด็กๆชอบคุณครูซอฮยอนที่ใจดีเหมือนนางฟ้านี่นะ

     

    ซอฮยอนยืนรอรถประจำทางเป็นเพื่อนคยูฮยอนอยู่ครู่นึง  เด็กหนุ่มโค้งลาเธอก่อนจะขึ้นรถไปโรงเรียน  ซอฮยอนโบกไม้โบกมือลาด้วยรอยยิ้มอ่อนจางจนรถประจำทางขับแล่นออกไปจนลับตาเธอถึงได้เดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลอีกครั้ง

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    “เฮ้ยยย  ท่านโจวมาโรงเรียนทันด้วยว่ะ  สงสัยวันนี้โลกจะแตกซะแล้วมั้ง” ทันทีที่เดินไปถึงห้องเรียน  กลุ่มเพื่อนสนิท (แต่ปากหมา) ของเขาก็ส่งเสียงดังทักทายคล้ายจะประหลาดใจเต็มที

     

    “เงียบปากไปเลยไอ้ชางมิน”

     

    “ผีเข้าเหรอ?” ---------->  คิมคิบอม

     

    “นายไข้ขึ้นหรือเปล่าคยู?” ---------->  คิมรยออุค

     

    เพื่อนเขาแต่ละคน  เจริญๆกันทั้งนั้น

     

    “ทำไม?  ท่านโจวคนนี้จะมาโรงเรียนแต่เช้าบ้างใครมีปัญหาอะไร” คยูฮยอนถามตาขวางอย่างเอาเรื่อง  ชางมินกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง  คิบอมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันหน้าไปที่อื่น  ส่วนเจ้าเพื่อนตัวเล็กอย่างรยออุคกลับกลอกตาลอกแลกไปมาจนน่าเวียนหัว

     

    นี่ท่านโจวทนคบพวกมันเป็นเพื่อนมาได้ยังไงตั้งห้าปีวะเนี่ย

     

    คยูฮยอนทำเป็นไม่ใส่ใจกับท่าทางพิลึกพิลั่นของเพื่อนๆ  เด็กหนุ่มเปิดกระเป๋านักเรียนหยิบคู่มือพิชิตสตาร์คาร์ฟขึ้นมาอ่านเล่นฆ่าเวลาทันที (ทำตัวได้มีประโยชน์มาก)  ฮึ๊ย!  คิดแล้วก็อยากกลับบ้านไปจัดหนักเร็วๆ  ตอนนี้คันไม้คันมืออย่างแรง

     

    ในกลุ่มของคยูฮยอนไม่มีใครพูดว่าอะไรอีกจนกระทั่งอาจารย์เข้ามาสอบคาบแรกทำให้คยูฮยอนต้องเก็บหนังสือเกมส์ลงกระเป๋าไปโดยปริยาย

     

    “ไอ้โย่ง  เอาหนังสือเรียนมายืมดูหน่อยดิ๊” คยูฮยอนหันไปสะกิดชิมชางมินที่นั่งเรียนข้างเขามาตลอดห้าปี (โอ๊ย  เบื่อขี้หน้ามันเหมือนกันแหละแต่แม่งดันได้เรียนห้องเดียวกันตลอด  ท่านโจวโครตจะเซ็งจิตเหอะบอกตรงๆ)

     

    “ไม่เอามาไง?”

     

    “เออ”

     

    “ตลอดเวลาอ่ะไอ้ท่านโจว” ชางมินตีสีหน้าเบื่อหน่ายเสียเต็มประดาแต่ก็เลื่อนหนังสือออกไปให้คยูฮยอนได้มองเห็นด้วย

     

    อาจารย์เริ่มสอนได้ไม่ทันเท่าไหร่คยูฮยอนก็เริ่มทำความเคารพอาจารย์และลาไปเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อย  ชางมินที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ข้างๆไม่ได้สะกิดปลุกหรืออะไร

     

    ก็นี่มันวิชาคณิตศาสตร์นี่นา  ต่อให้เอาโจทย์ของม.ปลายปีสาม (ก็ม.หกนั่นแหละ) มาให้มันทำ  ชางมินก็มั่นใจว่าหลับตาทำเดี๋ยวเดียวคยูฮยอนก็ทำเสร็จ  ไอ้ท่านโจวมันเซียนวิชานี้ครับ  มันเก่งอยู่สองวิชาคือคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์  เรียกว่าเป็นระดับท็อปของโรงเรียนเลยก็ว่าได้  อาจารย์ประจำวิชาถึงได้แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไปเวลามันแอบหลับ

     

    แต่ถ้าเป็นวิชาอื่นน่ะเหรอครับ?

     

    สุนัขไม่รับประทานหรอก  ฮ่าๆๆๆๆๆ

     

    โชคดีของคยูฮยอนจริงๆที่สามารถหลับได้สบายตลอดช่วงเช้าเพราะมีเรียนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ต่อกัน  อันที่จริงก็มีนักเรียนหลายคนบ่นเหมือนกันแหละกับตารางเรียนแบบนี้  ก็เล่นจัดหนักวิชาน่าปวดหัวให้เรียนต่อเนื่องกันในช่วงเช้าเล่นเอาบางคนถึงกับเบลอไปเลยตลอดวิชาในคาบบ่าย

     

    “ท่านโจว”

     

    “อะไร” คยูฮยอนถามเสียงห้วนอย่างรำคาญ  คนจะหลับจะนอนมารบกวนอะไรตอนนี้ไม่รู้เรื่อง

     

    “พักเที่ยงแล้วแกจะนอนให้หนอนแทะอยู่นี่หรือไง” ชางมินกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวไปหาอะไรกินเต็มที่เพราะท้องร้องโครกครากมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว

     

    “หมดคาบแล้วเหรอ?”

     

    “เออดิ  หลับไม่ลืมหูลืมตาก็เงี้ย”

     

    “ไปกินข้าวเหอะ  หิวแล้วว่ะ” คยูฮยอนอ้าปากหาวหวอดก่อนชวนเพื่อนไปหาข้าวเที่ยงกิน

     

    “หลับตลอดสี่ชั่วโมงนี่นายยังหิวอยู่อีกเหรอคยู” รยออุคที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าเขาหันขวับมาถามอย่างสงสัย

     

    “ชีวิตแกนี่โคตรจะเจริญจริงๆไอ้ท่านโจว” ชางมินหันมาตบไหล่เขาปุๆแล้วไอ้เพื่อนสามคนตัวดีก็เดินหนีออกไปนอกห้องเฉย  เฮ้ย!  ไม่คิดจะรอท่านโจวหรือไง

     

    คยูฮยอนรีบลุกเก็บข้าวของแล้ววิ่งเปี้ยวตามเพื่อนไปทันที  ตอนนี้กระเพาะน้อยๆของเขามันเริ่มจะกระทำการย่อยสลายเซลล์ตัวมันเองแล้ว

     

    พอกินข้าวกลางวันเสร็จคยูฮยอนกับเพื่อนก็พากันไปเล่นบาสที่สนาม  อันที่จริงเขาคยูฮยอนไม่ได้ไปเล่นเองหรอก  เขากับรยออุคเป็นฝ่ายนั่งดูชางมินกับคิบอมมันเล่นมากกว่า  ก็บอกแล้วว่าท่านโจวไม่ชอบให้เหงื่อออกและเกลียดการออกกำลังกายทุกชนิด  ถามว่าอยากมานั่งแกร่วอยู่ตรงนี้ไหม?  คำตอบก็คือไม่  แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ  อยู่ใกล้ๆพวกชมรมบาสแล้วสาวๆก็พากันมากริ๊ดกร๊าดใส่  แค่นั่งเท่ห์เก็กหล่อก็เรียกเรทติ้งได้แล้ว  ดีกว่าไปออกกำลังให้มันเปลืองแรงแบบไอ้เพื่อนกระทิงโทนสองตัวของเขาเป็นไหนๆ

     

    หลังจากการหลับสบายไปตลอดช่วงเช้า  คยูฮยอนก็กลับไปเรียนช่วงบ่ายอย่างสดชื่น (ล่ะมั้ง?)  เขาพยายามอ่านและทำความเข้าใจไอ้ประวัติศาสตร์โลกที่อาจารย์ป้าหน้าห้องบ่นงึมงำเล่าให้ฟัง  เพราะเป็นช่วงบ่ายที่อากาศกำลังอุ่นพอดีบวกกับหนังท้องที่ตึงมาตั้งแต่ตอนเที่ยงทำให้นักเรียนมากกว่าครึ่งสัปหงกกันเป็นว่าเล่นโดยที่อาจารย์ป้าแกไม่เงยหน้าจากหนังสือในมือขึ้นมาสนใจเลยซักนิด  ใครใคร่ฟังก็ฟัง  ใครไม่ใคร่ฟังก็หลับไปว่างั้น  กว่าจะหมดวิชาป้าแกได้เล่นเอาท่านโจวคนนี้เกือบกระอักความหงุดหงิดตาย  ยังแอบพูดกับไอ้ชางมินตั้งหลายครั้งว่าเมื่อไหร่ป้าแกจะเกษียณกลับไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านซักที

     

    เสียงออดดังตอนสี่โมงเย็นนี่เป็นยิ่งกว่าเสียงสวรรค์สำหรับพวกผมซะอีก

     

    ในที่สุดหลังจากตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาตั้งแต่เช้า (ฮื้ม?) ก็ถึงเวลาที่ท่านโจวคนนี้จะได้กลับบ้านไปหาสุดที่รักเสียที  โอ๊ย  อยากจะเจอหน้าเร็วๆให้หายคิดถึงจริงๆเลยท่านเทพสตาร์คาร์ฟ

     

    “ไอ้ท่านโจววันนี้แกกลับบ้านยังไงวะ?  ไหนพ่อแม่ทิ้งแกแล้ว?” ชางมินถามระหว่างที่เขากำลังเก็บกระเป๋ากลับบ้านเพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้

     

    “ไม่ได้อยู่บ้านแล้วเว้ย”

     

    “อ้าว  ไอ้เด็กบ้านแตก  นอนสะพานลอยไง?”

     

    “เดี๋ยวถีบฟันร่วงไอ้โย่ง  ฉันก็ไปอยู่กับพี่สาวฉันไง”

     

    “กัดกันตลอดแบบนั้นยังหน้าด้านไปขอเขาอยู่อีกเหรอ?” ---------->  คิมรยออุค

     

    “มันคงจนตรอกจริงๆซินะ” ---------->  คิมคิบอม

     

    เพื่อนๆของท่านโจวนี่มีแต่คนรักและหวังดีกับเขาจริงๆ (กูประโช๊ดดด)

     

    “แน่ใจนะว่าไม่ได้ไปเป็นภาระให้พี่อาร่าน่ะ” ชิมชางมินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างถึงที่สุด  ดูเหมือนว่าคิมคิมบอมกับรยออุคเองก็มีความคิดเห็นที่ไม่แตกต่างกัน

     

    “เหอะ  ภาระเหรอ?  ยัยพี่มนุษย์ต่างดาวหนีไปทำงานที่คังวอนโดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  ลืมเรื่องดูแลท่านโจวคนนี้ไปได้เลย  แค่เอาตัวเองให้รอดอยู่บนคานทองคุณป้าเองก็ลำบากลำบนเต็มกลืนและ”

     

    “อ้าว  ถ้าพี่อาร่าไม่มาส่งนาย  เมื่อเช้ามาโรงเรียนยังไงอ่ะ”

     

    “พอดีมีพี่สาวเพื่อนสนิทของพี่อาร่ามาส่งน่ะ”

     

    “ใครว่ะ?” ---------->  ชิมชางมิน

     

    “พวกเรารู้จักหรือเปล่า?” ---------->  คิมรยออุค

     

    “พวกแกไม่รู้จักหรอก  แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องรู้จักด้วย” คยูฮยอนตะโกนบอกเพื่อนทั้งสามคนด้วยเสียงที่ดังเกินความจำเป็นไปนิด  คิบอมกระตุกยิ้มร้ายอย่างที่ทำให้คยูฮยอนเสียวสันหลังวาบไปถึงขั้วกระดูก  ก่อนจะเอ่ยประโยคที่แทงใจดำคนฟังอย่างแรง

     

    “หวงก้างเหรอไอ้ท่านโจว?”

     

    “หมายความว่ายังไงไอ้บวม” ชางมินคะยั้นคะยอถามเพื่อนอย่างใคร่รู้สุดๆ  ยิ่งเห็นรอยยิ้มของคิบอมแบบนั้น  ชางมินก็ยิ่งแน่ใจว่าคิบอมมันต้องรู้อะไรดีๆอยู่แน่ๆ

     

    “ก็หมายความว่า...”

     

    “มะ..ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ  ฉันเห็นว่ามันไม่สำคัญถึงขนาดต้องแนะนำให้พวกแกรู้จัก  อีกอย่างฉันก็คงอยู่ที่นั่นชั่วคราวเท่านั้น  พอพ่อแม่ฉันกลับมาจากไต้หวัน  ฉันก็กลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม  แค่นั้น..จบป่ะ”

     

    “ลนลานแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยนะ”

     

    มึงจะสงสัยอะไรนักหนาไอ้แก้มบ๊วมมมม

     

    “พี่เขาสวยหรือเปล่า?”

     

    “ขี้เหร่  เป็นหญิงแก่วัยสามสิบที่กำลังขึ้นคานเพราะไม่มีผู้ชายมาขอเป็นแฟน  ใส่แว่นตาหนาเต๊อะเหมือนอาจารย์ป้าสอนวิชาประวัติศาสตร์โลก  แต่งตัวเชยๆเหมือนหลุดออกมาจากยุคแปดสิบ  จู้จี้ขี้บ่นเหมือนมียัยพี่อาร่าซักสิบคนอยู่ในร่างเดียว  เวลายิ้มแต่ละทีก็มีแต่รอยตีนเกาเกาะเต็มหน้า  สรุปว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ  โอเค๊?”

     

    “โห่  จริงอ่ะ” ชางมินร้องครวญเหมือนผิดหวังเสียเต็มประดา  ผิดกับคิบอมที่แอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่คนเดียวโดยไม่ได้ปริปากถามอะไรออกไปอีก  ก็นั่นแหละ..ถามไปก็เท่านั้น  จำเลยปฏิเสธเสียงแข็งซะขนาดนี้  ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันคนอย่างโจวคยูฮยอนไม่มีวันยอมรับหรอก

     

    “เออ  เท่านี้ก็เลิกสนใจเรื่องนี้กันได้แล้ว” คยูฮยอนรีบเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองอย่างรวดเร็ว  กลัวว่าเพื่อนมันจะสงสัยและถามอะไรงี่เง่าออกมาอีก “ฉันกลับก่อนนะ  เจอกันพรุ่งนี้บ๊ายบาย”

     

    พอตัดบทเสร็จคยูฮยอนก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องเรียนทันทีด้วยความเร็วเหนือแสง  ทิ้งให้ชางมินที่กำลังสงสัยได้ที่พูดคุยอยู่กับอากาศเหมือนคนประสาทไม่เต็ม

     

    “เฮ้ย  เดี๋ยวก่อน  ไอ้ท่านโจ๊ววว!!!

     

    แม่ง..วิ่งเร็วจริงนะ

     

     

     

    …OH! My Sweet Boy…

     

     

     

    คยูฮยอนกระหืดกระหอบด้วยความเหนื่อยเต็มกลืน  พอมาถึงโรงเรียนอนุบาลเด็กหนุ่มก็หอบแฮ่กเหมือนหมาหอบแดดแถมยังกระหายน้ำเหมือนลำคอกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้วอีกต่างหาก  กว่าจะวิ่งหนีสายตาเรด้าห์ของเจ้าพวกนั้นมาได้ท่านโจวคนนี้เกือบเอาชีวิตไม่รอด

     

    คิดแล้วก็แค้นไอ้พวกเพื่อนนิสัยเสีย  คอยดูนะท่านโจวคนนี้จะต้องเอาคืนอย่างสาสม

     

    “คยูฮยอน” ในขณะที่กำลังคาดโทษเพื่อนสนิทอยู่ในใจด้วยความคับแค้น  เสียงหวานคุ้นหูที่ดังอยู่ไม่ห่างออกไปนักก็เรียกความสนใจทุกอย่างของเขาไปจนหมดสิ้น

     

    “พี่ซอฮยอน” คยูฮยอนยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณครูอนุบาลที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนเพื่อรอส่งเด็กในความปกครองกลับบ้าน

     

    “มาถึงนานหรือยังจ๊ะ?”

     

    “ไม่ครับ”

     

    “ทำไมดูหน้าซีดจังเลย  ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเรา”

     

    “ผมสบายดีครับ”

     

    “ไปนั่งรอที่ห้องเรียนของพี่ก่อนก็ได้นะ  อนุบาลสองห้องกระต่าย  เดินตรงไปที่โถงทางเดินนั่นเลยจ๊ะ  หาไม่ยากหรอก  เดี๋ยวพี่ส่งนักเรียนกลับบ้านเรียบร้อยแล้วจะตามไปนะ”

     

    “ครับ” คยูฮยอนรับคำส่วนซอฮยอนก็หันไปโบกมือลาให้นักเรียนที่กำลังจะกลับบ้านกับผู้ปกครองแล้ว  เด็กหนุ่มไหวไหล่น้อยๆก่อนจะเดินไปหาห้องเรียนของซอฮยอนเพื่อนั่งพักและหาน้ำดื่มดับกระหายเสียที

     

    คยูฮยอนถึงตัวลงนั่งบนพื้นลายการ์ตูนน่ารักสีสันบาดตา (ห้องเด็กอนุบาลก็เงี้ย) ระหว่างทางมานี่ก็พยายามหาตู้น้ำหรืออะไรที่พอจะดื่มได้บ้าง  แต่เขาก็พบว่า..ไม่มี..

     

    นั่งแกร่วเป็นแมวง่วงอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้  ตาคู่คมที่กลมโตดีชะมัดกำลังปรือลงอย่างช้าๆเพราะเจ้าตัวกำลังเริ่มจะง่วงนอนเต็มที  ค่อยๆไหลตัวเองไปกับพื้นโดยไม่สนว่ามันจะสะอาดหรือเปล่า  เอาน่า  มันต้องเป็นพื้นที่ให้เด็กๆนอนกลางวันเหมือนกัน  ก็ต้องสะอาดในระดับหนึ่งล่ะ

     

    แล้วเด็กหนุ่มก็เข้าหลุดเข้าห้วงนิทราไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน

     

    อืม...

     

    อะไรน่ะ

     

    อย่ามากวนน่าคนกำลังนอนสบาย

     

    คยูฮยอนดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างนึกรำคาญ  อะไรวะอุ่นๆทาบลงมาบนแก้มเขาเนี่ย  พวกไอ้โย่งชางมินหรือเปล่า?  แม่งแกล้งไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา  ไม่เห็นไงว่าท่านโจวกำลังพักผ่อน

     

    “ไอ้เช...” กำลังจะหลุดปากด่าอยู่แล้วเชียว  ถือว่าโชคยังดีที่คยูฮยอนยอมลืมตาขึ้นมาเสียก่อน  พอเห็นว่าเป็นพี่ซอฮยอนกำลังเอาน้ำแอปเปิ้ลกระป๋องทาบแก้มเขาอยู่  คยูฮยอนก็กลืนคำพูดทุกอย่างลงคอตัวเองทันที

     

    “พี่ซอฮยอน”

     

    “หงุดหงิดขนาดนั้นเชียว” นางฟ้าหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ  ร่างบางนั่งบนพื้นใกล้ๆกับตำแหน่งที่คยูฮยอนนอนอยู่  เด็กหนุ่มลุกพรวดชันตัวขึ้นนั่งในเสี้ยววินาที “ดื่มไหม?”

     

    มือเรียวยื่นออกไปรับน้ำแอปเปิ้ลมาจากซอฮยอน  เขาบอกขอบคุณพร้อมกับเปิดฝายกกระป๋องขึ้นดื่มเหมือนคนอดอยากปากแห้งขาดน้ำมาหลายวัน

     

    “พี่เสร็จแล้วเหรอครับ?” คยูฮยอนถามอย่างสงสัย  เสียงดังเจี้ยวจ้าวด้านนอกเงียบลงไปแล้ว  เงียบมากซะจนได้ยินเสียงนกร้องคลอเบาๆจากด้านนอก

     

    “จ๊ะ  เราจะกลับกันเลยไหม?”

     

    “ก็ดีครับ”

     

    มือบางเอื้อมจับมือเรียวที่ใหญ่กว่าของตัวเองเป็นเท่าตัว  ซอฮยอนลุกขึ้นก่อนจะฉุดน้องชายตัวโตให้ลุกยืนขึ้นตาม

     

    “พี่ไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”

     

    “ครับ”

     

    บนยานพาหนะขับเคลื่อนสี่ล้อ  ซอฮยอนก็ยังเป็นฝ่ายชวนคุยโน่นนี่ไม่หยุด  แม้ว่าคยูฮยอนจะตอบคำถามเธอเพียงแค่ประโยคสั้นๆเหมือนโดนบังคับก็ตามแต่  ร่างบางก็ยังถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการสร้างความคุ้นเคยกับคยูฮยอนอยู่ดี

     

    “ใกล้สอบปลายภาคแล้วนี่นา  ช่วงนี้คยูฮยอนคงอ่านหนังสือหนักน่าดู”

     

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

     

    “พี่ได้ยินจากอาร่าว่าคยูฮยอนท็อปคณิตกับฟิสิกส์นี่นา  เก่งเหมือนกันนี่เรา”

     

    “แล้วพี่อาร่าไม่ได้บอกพี่ซอฮยอนด้วยเหรอครับว่านอกจากสองวิชานี้แล้ววิชาอื่นผมเกือบตกทั้งหมด”

     

    “เอ๋?  ทำไมล่ะ  คยูฮยอนไม่ชอบวิชาอื่นเหรอจ๊ะ?”

     

    “มั้งครับ  ผมจะตั้งใจเรียนเฉพาะวิชาที่ผมชอบน่ะ”

     

    “ยังไงก็เถอะ  วิชาอื่นก็สำคัญเหมือนกันนะคยูฮยอน”

     

    “ครับ” คำตอบรับที่ไม่บ่งบอกสถานะความรู้สึกเลยซักนิดสร้างความลำบากใจให้กับซอฮยอนไม่น้อย  เธออยากพังกำแพงที่กั้นระหว่างเธอกับคยูฮยอนเอาไว้แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือใดๆเลยซักนิด

     

    สุดท้ายซอฮยอนก็ตั้งใจขับรถกลับบ้านอย่างเดียวโดยที่ไม่เอ่ยปากว่าอะไรออกมาอีก  ส่วนคยูฮยอน..รายนั้นไม่ปริปากพูดก่อนอยู่แล้วถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายชวนคุย

     

    พอขับรถมาถึงบ้านคยูฮยอนก็ขอตัวขึ้นไปบนห้องทันที  ยังไม่ทันที่ซอฮยอนจะทักท้วงอะไร  เด็กหนุ่มก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเสียแล้ว  ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน  คยูฮยอนคนนั้นถ้ากลับกลายเป็นเด็กช่างจ้อได้เหมือนเดิมก็คงดี  ตอนนี้เธอคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกของน้องชายเพื่อนไม่ได้เลย  บางครั้งก็เหมือนจะเปิดใจแต่อีกซักพักก็กลับไปปิดกั้นตัวเองเอาไว้เหมือนเดิม

     

    เมื่อไหร่ที่เธอกับคยูฮยอนจะเปิดปากคุยกันได้อย่างสนิทใจซักทีนะ?

     

    ซอฮยอนยืนคิดอะไรอยู่กับตัวเองซักพัก  กะว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวแล้วค่อยลงมาทำอาหารเย็นทาน  แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นบันได  เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดึงความสนใจของเธอไปเสียก่อน

     

    ใครมา?

     

    ร่างบอบบางเดินไปตามพื้นหินขัดที่ปูไว้เป็นระยะบนพื้นหญ้า  เห็นแขกผู้มาเยือนแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างฉงน  ถึงอย่างนั้นเธอก็เดินไปถึงประตูรั้วหน้าบ้านพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานไปให้ก่อนเอ่ยถามอย่างใจดี

     

    “สวัสดีจ๊ะ  มาหาใครเหรอ?”

     

    “สวัสดีครับ  พวกเรามาหาคยูฮยอนครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    ใครมาหาน้องคิยูว้า?

     

     

     

     

    B B
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×