คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ไหวไหมกาอิน?
ตอนที่ 4 ไหวไหมกาอิน?
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” เพื่อนสาวร่างท้วมของฉันระเบิดอารมณ์หัวเราะลั่นคอฟฟี้ช็อป หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เธอฟัง
“นี่ เบาๆ ก็ได้ อายคนอื่นเขา ยัยบ้า!” ฉันรีบเอ็ดเพื่อนทันที ก่อนจะหันรีหันขวางขอโทษโต๊ะอื่นๆในร้าน
“ก็มันตลกนี่ ฮ่าๆๆ กาอินที่แสนเพอเฟ็คร์ รับมือได้ทุกอย่างและทุกสถานการณ์ กลับมาพ่ายแพ้ต่อเด็กสาว ม.ปลาย ฮ่าๆๆๆ” มิรันเพื่อนสาวตัวดีของฉันยังหัวเราะไม่หยุด เธอเป็นเพื่อนรักของฉันอีกคนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่ดันทรยศชิงแต่งงานไปก่อนฉันตั้งแต่จบ ม.ปลาย ตอนนี้หล่อนมีครอบครัวที่น่ารัก ลูกสาววัย 4 ขวบ กับ ลูกชายแสนซนวัย 9 ขวบ และสามมีแสนดีที่ไปทำงานต่างประเทศเป็นนิจ
“นี่! ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ ฉันซีเรียสจริงๆนะเธอ ฉันจะทำยังไงดี เด็กคนนั้นดูน่าสงสารมาก ถ้าต้องกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยงก็เป็นอันตรายต่อตัวเด็ก แต่ถ้าให้อยู่กับฉัน มันก็เป็นอันตรายต่อฉันนะซิ” ฉันร่ายเสียงเครียด
“ฮึๆๆ อันตรายที่ว่านี่หมายถึง เธอจะห้ามใจไม่ไหวแล้วปล้ำเด็กผู้หญิง ม.ปลายซินะ ฮ่าๆๆๆ” มิรันพูดขึ้น
“จะบ้าหรอ ฉันไม่มีรสนิยมแบบนั้นย่ะ” ฉันถึงกับสะดุ้งรีบตีร่างท้วมๆของเพื่อนสาวท้วงไว้
“งั้นก็ไม่เห็นจะน่าวิตกเลย เธอก็ให้เขาอยู่ไปซิ ถ้าเธอไม่ได้พิศวาสอะไรเด็กนั่น.....หรือว่าเธอเป็น?” หล่อนยังแซวไม่เลิก
“ขืนเธอพูดอีกล่ะก็....” ฉันขู่พร้อมทำท่าฝ่ามือพิฆาต
“งั้นทำไมไม่ให้มูลนิธิดูแลล่ะ?” มิรันถามขึ้น
“....ไม่อ่ะ เธอรู้ไหมว่ามันรู้สึกอย่างไร ที่ต้องไปอยู่ในที่แบบนั้น ฉันเคยทำคดีแบบนี้เมื่อสองปีก่อน เด็กคนนั้นเครียดมากถึงขนาดจะฆ่าตัวตายเลยนะ เขาเล่าให้ฉันฟังว่า แม้ที่ศูนย์จะดูแลดีเพียงไร แต่มันก็คอยย้ำเตือนว่าเธอเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศ และการที่ต้องไปอยู่ในที่ๆเหยื่อหลายๆคนอยู่รวมกัน มันก็ยิ่งเพิ่มอารมณ์หดหู่ให้เธอ ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้วล่ะ” ฉันอธิบายเคสเก่าที่ฉันเคยทำให้หล่อนฟัง
“แต่ถึงยังไง เมื่อคดีสิ้นสุดและถ้าเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาก็ต้องมีคนดูแล มันเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะไม่เข้าไปอยู่ในศูนย์หรือครอบครัวอุปถัมภ์” มิรันให้เหตุผล
“เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะหาครอบครัวอุปถัมภ์ให้หล่อนเอง แต่ในระหว่างนี้ฉันคงต้อง.....” ฉันตอบ ก่อนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องเผชิญในการอยู่ร่วมกับเด็กแปลกหน้า
“กินเด็กไปก่อน” มิรันต่อท้ายประโยคให้ฉันสะดุ้งโหยง ตีแขนท้วมๆของหล่อนรัวๆ ให้ตายก็บอกแล้วว่าฉันไม่ชอบเด็กและไม่มีรสนิยมแบบนั้น
ฉันเดินใจลอยกลับแมนชั่นหลังจากไปช้อปปิ้งกับมิรัน ดันซื้อของสดมาซะเยอะแยะ นี่ฉันกินคนเดียวหมดหรอ.....อ้า ฉันคงซื้อมาเผื่อใครอีกคนที่ตอนนี้น่าจะนอนอุตุอยู่ จะตื่นหรือยังน้า นี่มันบ่ายแล้วนะ จะนอนอะไรนักหนาเป็นเด็กเป็นเล็ก แล้วจะเห็นอาหารที่เราทำไว้ให้หรือเปล่านะ แต่เราก็ว่างไว้เด่นแล้วนะ แล้วจะเวฟเป็นหรือเปล่า คงจะไม่กินทั้งเย็นๆแบบนั้นหรอกนะ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวฉันก็มายืนหน้าประตูห้องตัวเองเสียแล้ว มือฉันเอื้อมไปไขกุญแจช้าๆ ในใจลุ้นว่าเด็กนั่นจะยังอยู่ในห้องไหมหรือจะหนีไปไหนแล้ว ถ้าไปแล้วก็ดีซิ แต่ว่าจะไปไหนล่ะ คงไม่ใช่กลับไปให้พ่อเลี้ยงข่มขืนหรอกนะ คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบเปิดประตูเข้าไป ในห้องว่างเปล่า ฉันทิ้งถุงของสดมากมายในมือทันที และวิ่งหาร่างของเด็กสาวไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบ เธอไปไหนกัน เธอไปแล้วอย่างนั้นหรือ เธอ....
“โมโม่!” ฉันตะโกนเรียกเธอ เพราะฉันไม่รู้ชื่อจริงของเด็กคนนั้น ฉันจึงเรียกชื่อที่เธออยากให้เรียกนักหนา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ฉันทรุดลงอย่างหมดแรง
“ค่า.....! เรียกหรอคะเจ้านาย” เสียงใสดังขึ้นจากประตูห้องน้ำ ร่างเล็กโผล่ออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและผมที่ยังมีฟองอยู่เต็มหัว
“เด็กบ้า! ทำไมไม่ตอบฉันล่ะ ฉันหาเธอตั้งนานแล้ว” ฉันเอ็ดเธอยกใหญ่
“ขอโทษค่ะ ฉันอยู่ในห้องน้ำเลยไม่ได้ยินว่ามีคนมา...ฉันขอโทษค่ะ” เธอขอโทษขอโพยยกใหญ่ ท่าทางน่าเอ็นดูจริงๆ
“แล้วนี่อะไรเนี่ย หัวก็ยังไม่ล้าง ออกมาแบบนี้ได้ยังไง” เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นฉันเลยเปลี่ยนเรื่อง และเข้าไปขยี้ผมที่มีแต่ฟองของเธอ
“มานี่ฉันจะสระผมให้” ฉันดันร่างเล็กเข้าไปในห้องน้ำ และสระผมให้เธอตามที่บอก ผมเธอนิ่มมือดีจัง สีน้ำตาลอ่อนๆ เหมือนกับขนของโมโม่จริงๆ
“ตกลงเธอจะให้ฉันเรียกเธอว่าโมโม่จริงๆหรอ?” ฉันถามขึ้น ร่างเล็กที่อยู่ในอ่างจึงเงยหน้าขึ้นมองฉัน เธอยิ้มหน้าบานก่อนจะตอบ
“โฮ่งๆ” เด็กบ้าดันตอบเป็นเสียงเห่า แม้ว่าจะดูน่ารักแต่ฉันก็รู้สึกหมันเขี้ยวจึงฉีดน้ำใส่หน้าหล่อน เธอสำลักใหญ่จึงสาดน้ำในอ่างใส่ฉัน จากนั้นเราทั้งคู่ก็ก่อสงครามสาดน้ำใส่กันจนห้องน้ำเจิ่งนอง อ้า...ไม่ได้สนุกและผ่อนคลายแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ฉันไม่รู้ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมั่ง รู้แต่ว่าฉันตกหลุมรักเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักตัวนี้เข้าเสียแล้ว เฮ้อ....กาอินเอ้ยจะไหวหรือเธอ
ความคิดเห็น