ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พบกันครั้งแรก
ตอนนี้ก็มืดแล้ว คาซึถูกส่งตัวกลับมาอย่างปลอดภัย และเขาก็กำลังหลับอย่างมีความสุขเพลิดเพลินใจ............แต่ถึงจะปลอดภัย แต่ก็อาจไม่ค่อยจะถูกที่ถูกทางซักเท่าไหร่......
  เช้าวันต่อมา
“กรี๊ดดดดดด !!!!”
“นี่เธอ ๆ อีตาบ้านี่มันเป็นใครเนี่ย”
“ไอ้โรคจิต!!”
“มันเข้ามาในโรงเรียนเราได้ไงวะ”
“เดี๋ยวฉันไปตามอาจารย์มาดีกว่า”
“อารายเนี่ย .....คนกำลังนอนสบายๆ อย่ามาส่งเสียงดังได้มั้ยวะ!!” คาซึเริ่มตื่น และรู้สึกรำคาญมากๆกับเสียงพูดคุยที่ดังอยู่รอบๆ  แต่เขาก็หลับต่อ
“ไอ้โรคจิต ..เป็นบ้าอะไร มานอนที่โรงเรียนคนอื่นเขา ห๊ะ ไอ้บ้า!!”
“แกว่าใครว่าบ้า!! แกแหละบ้ามายืนด่าฉันฉอดๆเนี่ย ไอ้เล.......ว” คาซึลุกขึ้นตื่นทันใดและตะโกนด่าออกมาอย่างโมโหที่มีคนมาว่าตัวเอง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะคนจำนวนมาก แถมแต่งชุดนักเรียนด้วย น่าจะเป็นคนเกือบทั้งโรงเรียนเลยมั้ง มายืนจ้องเขาที่นั่งอยู่บนพื้น ...........พื้นโรงเรียนนี่เอง แถมยังจ้องด้วยสายตาแหยงๆ
“นี่ๆ พวกนายมุงดูอะไรกันหรอ” เสียงเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเขา และถามคนที่อยู่รอบๆพลางแทรกตัวผ่านกลุ่มผู้คนเข้ามา
“อ้าว นาย...คาซึนายมาทำอะไรตรงนี้ อ้าว เฮ้ยๆ นี่นายจะบ้ารึไงวะ” นึกว่าใคร ที่แท้ก็กลุ่มเพื่อน 4 คนของเขานั่นเอง ที่วิ่งพลางตะโกนมาแต่ไกล....ชินจิแทกตัวเข้ามาได้เป็นคนแรก และตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“อะไร นายก็อีกคนมาว่าฉันบ้าทำไมเนี่ย” คาซึงงที่ชินจิมาว่าตัวเองบ้า  แล้วเขาก็เห็นเพื่อนอีก 3 คนค่อยๆแหวกฝูงคนเข้ามาหาเขา
“เอ่อ ......” ทุกคนเงียบไป ปล่อยให้คาซึทำหน้าตาเหลอหลา
“อะไรวะ!! มีอะไรก็พูดมาดิ” คาซึเริ่มยัวะเลยตะโกนถามเพื่อนทั้ง 4 ที่ทำหน้าตาแปลกๆใส่เขา
“นาย....แก้ผ้า...ทำไม”
“ถึงจะแก้ผ้าแล้วนอน ฉันก็ไม่ว่าอะไรนายหรอก.....ถ้านายไม่มานอนตรงนี้อ่ะนะ.....อีกอย่างนายเอาเครื่องประดับของพวกผู้หญิงมาใส่ทำไมน่ะ”
“หรือว่าโดนปล้นจี้ ...ไม่น่าจะใช่ ..เรื่องการต่อสู้นายก็เก่งพอสมควรเลยนะ คงไม่ถึงขนาดหลอกให้มันเอาเสื้อผ้าไปได้ขนาดนี้หรอก แถมต่างหูกับสร้อยข้อมือนาย .......มันก็ยังอยู่.....โจรมันน่าจะอยากได้ของพวกนี้มากกว่าเสื้อผ้านายนะ....”
“สรุปง่ายๆ นายเป็นอะไรของนาย ...เป็นไอ้โรคจิตไปแล้วหรอวะ เพื่อนรัก”
.....เพื่อนทั้ง 4 คนยิงคำถามใส่คาซึ ที่มัวแต่ทำหน้าเอ๋อ เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นพูดถึงอะไร แต่พอมองไปรอบๆ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ว่า.....ตัวเขาเองนอนหลับที่สนามหญ้าในโรงเรียน ที่มักจะมีนักเรียนมานั่งเล่นเสมอ ...แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 
‘แล้วเรามานอนตรงนี้ทำไมเนี่ย บ้านก็มีให้ซุกหัวนอนดีๆ’ คาซึคิดในใจ แล้วก็พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  ........เขาไปที่ที่หนึ่ง มีเด็กผู้ชายที่เป็นเจ้าชายชื่อโรเชล แล้วก็มีไอ้ตัวที่เรียกว่าสัตว์ปีศาจ........แล้วก็....โดนคนผมยาวนั่นที่ชื่ออากิระเขียนอะไรซักอย่างที่หน้าผาก แล้วชักดาบออกมาจะฟันเขา.......
‘โว้ว......ฉันยังไม่ตายแฮะ ไอ้ผมยาวนั่นมันส่งเรากลับมาจริงๆ.......แต่ เอ๊ะ ....ก่อนหน้านั้นมันเอาตัวฉันไปตอนอาบน้ำไม่ใช่เรอะ งั้นตอนนี้ก็...............’คาซึดีใจที่ตัวเองรอดกลับมาได้ ....แล้วเขาก็เหลือบมองที่ร่างกายตัวเอง
“ว้ากกกกกกกก!!!  ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย  ทำไมมันไม่ส่งฉันกลับบ้าน.....แล้วผ้าคลุมล่ะ ผ้าคลุมๆ” คาซึเพิ่งรู้ถึงเหตุผลที่นักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนมายืนจ้องเขาเป็นตาเดียวด้วยสายตาแหยงๆ  ส่วนผ้าคลุมที่โรเชลให้ ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้อยู่บนตัวเขาแล้ว .......คาซึพยายามกวาดตาหา และก็เห็นว่ามันอยู่ไกลจากตัวเขาออกไปประมาณ3-4 เมตร เขารีบลุกขึ้นวิ่งไปเอาผ้ามาคลุมตัว ทันเวลากับที่อาจารย์ผู้หญิงที่อยู่ฝ่ายปกครองเดินมาพอดี
“นรกแล้วฉัน” คาซึบนพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่อาจารย์จ้องเขม็งมาที่เขา
“อาซาคุโระ คาซึกิ เธอทำอะไรของเธอน่ะ เธอก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่าโทษของการทำอนาจารในโรงเรียนมันหนักน่ะ อาจถูกพักการเรียน หรือถ้าหนักหน่อยถึงขั้นโดนไล่ออกเลยนะ”
“ทำอนาจารตัวเองเนี่ยนะ อาจารย์ฮารุโกะ” คาซึพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยอารมณ์โกรธ ปนอับอาย ‘ถ้าไม่เป็นเพราะไอ้โรเชลกับอากิระนั่น ฉันคงไม่ต้องมาอับอายต่อหน้าทุกคนแบบนี้หรอก นาย......คอยดูเถอะ’
“นี่ ...เธอ....ไม่แก้ตัวเลยเรอะ.....งั้นตามครูมาที่ห้องพักครูนะ เดี๋ยวนี้เลย” อาจารย์ฮารุโกะอึ้งกับคำพูดของคาซึกิ ถึงอาจารย์จะรู้ว่าคาซึเป็นคนที่ออกจะหน้าด้านนิดๆ แต่มันก็น่าจะมีคำแก้ตัวดีๆหน่อยน่า.......เพราะอาจารย์รู้ว่าคาซึไม่ใช่คนที่จะมาประพฤติตัวอุจาดตาแบบนี้แน่.......
“คร้าบ......อาจารย์ฮารุโกะ........ฉันไปนรกก่อนนะทุกคน..บ๊ายบาย” คาซึรับคำอาจารย์อย่างว่าง่าย และโบกมือลาทุกคน ก่อนจะเดินตามอาจารย์ฮารุโกะไป .....ซึ่งทุกคนก็โบกมือกลับ......ทุกคนก็เป็นห่วงคาซึเหมือนกัน เพราะรู้ว่าคาซึเป็นคน(จิต)ดี คงไม่ใช่คนโรคจิตแน่ .......แต่คำพูดของคาซึก็ทำให้ทุกคนขำออกมาเล็กน้อย......ไปนรก....ใช่ ช่างเข้ากับห้องปกครองของโรงเรียนนี้ซะเหลือเกิน....
“นั่งลง อาซาคุโระคุง......เราคงต้องคุยกันยาวหน่อย” อาจารย์สาวพูดด้วยเสียงเย็นๆ
“คร้าบ อาจารย์” คาซึทำตามที่อาจารย์บอก
“...............” อาจารย์ก้มหน้านิ่งเงียบไปเกือบ 1 นาที ปล่อยให้คาซึนั่งแก่ว โดยมีผ้าคลุมผืนเดียว
“นี่เธอ อาซาคุโระคุง .....เธอคงจะเหงาที่ครอบครัวเธอไปต่างประเทศหมด ปล่อยให้เธออยู่บ้านที่ใหญ่โตเหมือนคฤหาสน์คนเดียวซินะ  เธอถึงได้เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีการนี้น่ะ....แต่มีอะไรเธอก็ปรึกษาครูได้นี่...ดังนั้น....ครูจะพาเธอไปพบจิตแพทย์เอง เพื่อไม่ให้อาการที่เริ่มจะโรคจิตของเธอบานปลายกันไปใหญ่......รวมทั้ง......การที่เธอหันมาใส่เครื่องประดับของผู้หญิงด้วย.....เพราะอะไรกัน..เธอถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ไหนเล่าให้ครูฟังซิ” อาจารย์ฮารุโกะพูดออกมาอย่างรัวเร็วด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเป็นห่วงเด็กนักเรียนของตัวเอง แล้วอาจารย์คนอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่ในห้องพักครูด้วยก็พากันนำเครื่องดื่ม และอาหารว่างต่างๆมาให้คาซึ พร้อมกับเสื้อผ้าสำรองที่มีอยู่มาให้คาซึสำหรับเปลี่ยนแล้วมายืนปลอบและให้กำลังใจคาซึกันใหญ่ บางคนถึงขั้นน้ำตาไหลด้วยความสงสารคาซึ.........
“ไปใส่เสื้อผ้าซะสิ...อาซาคุโระคุง”อาจารย์ฮารุโกะพูด
“คร้าบ.....ขอบคุณมากครับอาจารย์” คาซึเดินเข้าไปในห้องน้ำอาจารย์เพื่อใส่เสื้อผ้า
.......พวกอาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องพักครูน่ะ ไม่ได้เป็นคนใจร้ายใจดำอะไรหรอก ออกจะใจดีด้วยซ้ำ แต่ถ้าเจอนักเรียนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมล่ะก็....โทษหนักแน่..อย่างเช่นถ้าใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าที่อาจารย์ไม่อนุมัติให้ใส่ล่ะก็.....เด็กนักเรียนคนนั้นจะถูกสั่งให้เดินเท้าเปล่า หรือไม่ก็ถ้าแอบฟังเพลงในห้องเรียน ....จะถูกลงโทษด้วยการต้องฟังอาจารย์ที่สอนน่าเบื่อที่สุดเทศนา แถมต้องเรียนกับอาจารย์คนนี้อีก 1 อาทิตย์ ....ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ต้องจดบันทึกเนื้อหาที่เรียนด้วยนี่สิ...แค่ฟังเสียงอาจารย์ก็จะหลับอยู่แล้ว ไม่มีปัญญามานั่งจดอีกหรอก............................แต่ครั้งนี้ที่คาซึไม่โดนทำโทษอะไรเลย ทั้งๆที่น่าจะโดนหนักกว่าข้อหาอื่น คงเพราะว่าอาจารย์สงสารเขาที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ..........แต่รู้สึกจะโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อย......ซักไซ้ถามเหตุผลเขาซะเหลือเกิน......อาจารย์คงจะตามดูพฤติกรรมเขาตลอดแบบไม่ให้ละสายตาหลังจากเรื่องครั้งนี้........นี่แหละ...ที่เรียกนรกสำหรับคาซึ......
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ
คาซึเห็นสายตาพวกอาจารย์ที่มองตนเอง อย่างใจจดใจจ่อที่จะฟังเรื่องที่คาซึเล่า..........
‘นี่อาจารย์อยากรู้ขนาดนั้นเลยเรอะ.......พูดไปอาจารย์ก็ไม่เชื่ออยู่ดีแหละ....อีกอย่างเราก็มั่นใจด้วยว่านั่นไม่ใช่ความฝัน...’ คาซึคิด
“ไม่มีอะไรหรอกครับอาจารย์...ผมขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“เอ่อ....จ้ะ...ถ้ามีอะไรก็บอกครูได้นะ”
คาซึโค้งคำนับลาอาจารย์ก่อนจะเดินออกจากห้องพักครูไป.....
“เฮ้ย ..คาซึ เป็นไงมั่ง อาจารย์ทำอะไรนายรึเปล่า” พวกเพื่อนรีบวิ่งเข้ามาหาคาซึด้วยความเป็นห่วง
“สบายมาก ฉันไม่เป็นไรหรอก ....ขอตัวก่อนนะทุกคน” คาซึส่งยิ้มให้พวกเพื่อน
“จะให้พวกฉันเดินไปส่งรึเปล่า คาซึ” ชินจิพูดขึ้นมา
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ......พวกนายไปเข้าเรียนกันเหอะ” คาซึพูดแล้วเดินหันหลังกลับบ้านไป
พอถึงบ้านเขาก็ไปอาบน้ำ สระผมทันที เพราะรู้สึกว่าเขาจะนอนบนพื้นทั้งคืน แถมคาซึยังคิดว่าตัวเองเป็นไข้นิดๆอีกด้วย.......พออาบน้ำเสร็จ คาซึก็หาชุดนอนใส่ แล้วหายาลดไข้มารับประทาน และขึ้นเตียงนอนหลับช่วงกลางวันทันที.......
.
“ขอโทษนะคะ ...ที่ฉันต้องรบกวนคุณ... อาซาคุโระ คาซึกิ..”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น.....ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ใครพูดน่ะ  ..เธอเป็นใคร?” คาซึตะโกนถามหาเจ้าของเสียงนี้ท่ามกลางความมืด
“อ๋อ...ขอโทษค่ะ ที่ลืมแนะนำตัว ...ฉันชื่อ ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่ ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นโผล่ตัวออกมาจากความมืด.....เธอแต่งตัวด้วยชุดสีชมพูสวยนวลตา ใส่สร้อยข้อมือสีชมพูใสเหมือนคริสตัลที่ข้อมือข้างขวา มีแหวนที่น่าจะเป็นทองคำขาว และหัวแหวนวงนั้นมีรูปทรงประหลาด ลักษณะคล้ายๆดอกไม้บางชนิดที่มีกลีบเรียงกันสวยงาม.....สวมอยู่บนนิ้วกลางบนมือข้างนั้นของเธอด้วย......แล้วเธอยังสวมใส่ต่างหูที่น่าจะทำมาจากทองคำขาวเหมือนกัน.........ต่างหูนั้นยาวลงมาถึงไหล่.....มันสวยงามมาก ช่างรับกับผมสีบลอนด์ที่ยาวสลวยถึงกลางหลัง และใบหน้าที่แสนอ่อนหวานของเธอซะเหลือเกิน..........
‘เอ๋...ราคัส มาเวลล์....เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน’
“เธอคือพี่สาวของโรเชลหรอ......เอ่อ....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ เจ้าหญิงราคัส มาเวลล์ ริฟเน่” คาซึนึกขึ้นได้ว่าพี่สาวของโรเชลก็ต้องเป็นเจ้าหญิง จึงรีบพูดทักทายอย่างสุภาพ
“เรียกริฟเน่เฉยๆก็ได้ค่ะ.” ผู้หญิงที่เป็นพี่สาวของโรเชลพูดขึ้นด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับ ...งั้นคุณเรียกผมว่าคาซึเฉยๆก็ได้ครับ ..เพื่อนผมเขาก็เรียกอย่างนี้กันหมด” คาซึพูดออกไป โดยรู้สึกเป็นกันเองกับเจ้าหญิงมากขึ้น
“ค่ะ......ฉันต้องไปแล้วนะคะ คงปรากฏตัวให้คุณเห็นมากไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้มีพลังเยอะขนาดนั้น........โรเชลจะเป็นคนเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเอง....ขอโทษจริงๆค่ะ ที่ต้องทำให้คุณมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วหายตัวไป
“.......................................”
............................................................................
  เช้าวันต่อมา
“กรี๊ดดดดดด !!!!”
“นี่เธอ ๆ อีตาบ้านี่มันเป็นใครเนี่ย”
“ไอ้โรคจิต!!”
“มันเข้ามาในโรงเรียนเราได้ไงวะ”
“เดี๋ยวฉันไปตามอาจารย์มาดีกว่า”
“อารายเนี่ย .....คนกำลังนอนสบายๆ อย่ามาส่งเสียงดังได้มั้ยวะ!!” คาซึเริ่มตื่น และรู้สึกรำคาญมากๆกับเสียงพูดคุยที่ดังอยู่รอบๆ  แต่เขาก็หลับต่อ
“ไอ้โรคจิต ..เป็นบ้าอะไร มานอนที่โรงเรียนคนอื่นเขา ห๊ะ ไอ้บ้า!!”
“แกว่าใครว่าบ้า!! แกแหละบ้ามายืนด่าฉันฉอดๆเนี่ย ไอ้เล.......ว” คาซึลุกขึ้นตื่นทันใดและตะโกนด่าออกมาอย่างโมโหที่มีคนมาว่าตัวเอง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะคนจำนวนมาก แถมแต่งชุดนักเรียนด้วย น่าจะเป็นคนเกือบทั้งโรงเรียนเลยมั้ง มายืนจ้องเขาที่นั่งอยู่บนพื้น ...........พื้นโรงเรียนนี่เอง แถมยังจ้องด้วยสายตาแหยงๆ
“นี่ๆ พวกนายมุงดูอะไรกันหรอ” เสียงเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเขา และถามคนที่อยู่รอบๆพลางแทรกตัวผ่านกลุ่มผู้คนเข้ามา
“อ้าว นาย...คาซึนายมาทำอะไรตรงนี้ อ้าว เฮ้ยๆ นี่นายจะบ้ารึไงวะ” นึกว่าใคร ที่แท้ก็กลุ่มเพื่อน 4 คนของเขานั่นเอง ที่วิ่งพลางตะโกนมาแต่ไกล....ชินจิแทกตัวเข้ามาได้เป็นคนแรก และตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“อะไร นายก็อีกคนมาว่าฉันบ้าทำไมเนี่ย” คาซึงงที่ชินจิมาว่าตัวเองบ้า  แล้วเขาก็เห็นเพื่อนอีก 3 คนค่อยๆแหวกฝูงคนเข้ามาหาเขา
“เอ่อ ......” ทุกคนเงียบไป ปล่อยให้คาซึทำหน้าตาเหลอหลา
“อะไรวะ!! มีอะไรก็พูดมาดิ” คาซึเริ่มยัวะเลยตะโกนถามเพื่อนทั้ง 4 ที่ทำหน้าตาแปลกๆใส่เขา
“นาย....แก้ผ้า...ทำไม”
“ถึงจะแก้ผ้าแล้วนอน ฉันก็ไม่ว่าอะไรนายหรอก.....ถ้านายไม่มานอนตรงนี้อ่ะนะ.....อีกอย่างนายเอาเครื่องประดับของพวกผู้หญิงมาใส่ทำไมน่ะ”
“หรือว่าโดนปล้นจี้ ...ไม่น่าจะใช่ ..เรื่องการต่อสู้นายก็เก่งพอสมควรเลยนะ คงไม่ถึงขนาดหลอกให้มันเอาเสื้อผ้าไปได้ขนาดนี้หรอก แถมต่างหูกับสร้อยข้อมือนาย .......มันก็ยังอยู่.....โจรมันน่าจะอยากได้ของพวกนี้มากกว่าเสื้อผ้านายนะ....”
“สรุปง่ายๆ นายเป็นอะไรของนาย ...เป็นไอ้โรคจิตไปแล้วหรอวะ เพื่อนรัก”
.....เพื่อนทั้ง 4 คนยิงคำถามใส่คาซึ ที่มัวแต่ทำหน้าเอ๋อ เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นพูดถึงอะไร แต่พอมองไปรอบๆ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ว่า.....ตัวเขาเองนอนหลับที่สนามหญ้าในโรงเรียน ที่มักจะมีนักเรียนมานั่งเล่นเสมอ ...แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 
‘แล้วเรามานอนตรงนี้ทำไมเนี่ย บ้านก็มีให้ซุกหัวนอนดีๆ’ คาซึคิดในใจ แล้วก็พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  ........เขาไปที่ที่หนึ่ง มีเด็กผู้ชายที่เป็นเจ้าชายชื่อโรเชล แล้วก็มีไอ้ตัวที่เรียกว่าสัตว์ปีศาจ........แล้วก็....โดนคนผมยาวนั่นที่ชื่ออากิระเขียนอะไรซักอย่างที่หน้าผาก แล้วชักดาบออกมาจะฟันเขา.......
‘โว้ว......ฉันยังไม่ตายแฮะ ไอ้ผมยาวนั่นมันส่งเรากลับมาจริงๆ.......แต่ เอ๊ะ ....ก่อนหน้านั้นมันเอาตัวฉันไปตอนอาบน้ำไม่ใช่เรอะ งั้นตอนนี้ก็...............’คาซึดีใจที่ตัวเองรอดกลับมาได้ ....แล้วเขาก็เหลือบมองที่ร่างกายตัวเอง
“ว้ากกกกกกกก!!!  ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย  ทำไมมันไม่ส่งฉันกลับบ้าน.....แล้วผ้าคลุมล่ะ ผ้าคลุมๆ” คาซึเพิ่งรู้ถึงเหตุผลที่นักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนมายืนจ้องเขาเป็นตาเดียวด้วยสายตาแหยงๆ  ส่วนผ้าคลุมที่โรเชลให้ ซึ่งตอนนี้มันไม่ได้อยู่บนตัวเขาแล้ว .......คาซึพยายามกวาดตาหา และก็เห็นว่ามันอยู่ไกลจากตัวเขาออกไปประมาณ3-4 เมตร เขารีบลุกขึ้นวิ่งไปเอาผ้ามาคลุมตัว ทันเวลากับที่อาจารย์ผู้หญิงที่อยู่ฝ่ายปกครองเดินมาพอดี
“นรกแล้วฉัน” คาซึบนพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่อาจารย์จ้องเขม็งมาที่เขา
“อาซาคุโระ คาซึกิ เธอทำอะไรของเธอน่ะ เธอก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่าโทษของการทำอนาจารในโรงเรียนมันหนักน่ะ อาจถูกพักการเรียน หรือถ้าหนักหน่อยถึงขั้นโดนไล่ออกเลยนะ”
“ทำอนาจารตัวเองเนี่ยนะ อาจารย์ฮารุโกะ” คาซึพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยอารมณ์โกรธ ปนอับอาย ‘ถ้าไม่เป็นเพราะไอ้โรเชลกับอากิระนั่น ฉันคงไม่ต้องมาอับอายต่อหน้าทุกคนแบบนี้หรอก นาย......คอยดูเถอะ’
“นี่ ...เธอ....ไม่แก้ตัวเลยเรอะ.....งั้นตามครูมาที่ห้องพักครูนะ เดี๋ยวนี้เลย” อาจารย์ฮารุโกะอึ้งกับคำพูดของคาซึกิ ถึงอาจารย์จะรู้ว่าคาซึเป็นคนที่ออกจะหน้าด้านนิดๆ แต่มันก็น่าจะมีคำแก้ตัวดีๆหน่อยน่า.......เพราะอาจารย์รู้ว่าคาซึไม่ใช่คนที่จะมาประพฤติตัวอุจาดตาแบบนี้แน่.......
“คร้าบ......อาจารย์ฮารุโกะ........ฉันไปนรกก่อนนะทุกคน..บ๊ายบาย” คาซึรับคำอาจารย์อย่างว่าง่าย และโบกมือลาทุกคน ก่อนจะเดินตามอาจารย์ฮารุโกะไป .....ซึ่งทุกคนก็โบกมือกลับ......ทุกคนก็เป็นห่วงคาซึเหมือนกัน เพราะรู้ว่าคาซึเป็นคน(จิต)ดี คงไม่ใช่คนโรคจิตแน่ .......แต่คำพูดของคาซึก็ทำให้ทุกคนขำออกมาเล็กน้อย......ไปนรก....ใช่ ช่างเข้ากับห้องปกครองของโรงเรียนนี้ซะเหลือเกิน....
“นั่งลง อาซาคุโระคุง......เราคงต้องคุยกันยาวหน่อย” อาจารย์สาวพูดด้วยเสียงเย็นๆ
“คร้าบ อาจารย์” คาซึทำตามที่อาจารย์บอก
“...............” อาจารย์ก้มหน้านิ่งเงียบไปเกือบ 1 นาที ปล่อยให้คาซึนั่งแก่ว โดยมีผ้าคลุมผืนเดียว
“นี่เธอ อาซาคุโระคุง .....เธอคงจะเหงาที่ครอบครัวเธอไปต่างประเทศหมด ปล่อยให้เธออยู่บ้านที่ใหญ่โตเหมือนคฤหาสน์คนเดียวซินะ  เธอถึงได้เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีการนี้น่ะ....แต่มีอะไรเธอก็ปรึกษาครูได้นี่...ดังนั้น....ครูจะพาเธอไปพบจิตแพทย์เอง เพื่อไม่ให้อาการที่เริ่มจะโรคจิตของเธอบานปลายกันไปใหญ่......รวมทั้ง......การที่เธอหันมาใส่เครื่องประดับของผู้หญิงด้วย.....เพราะอะไรกัน..เธอถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ไหนเล่าให้ครูฟังซิ” อาจารย์ฮารุโกะพูดออกมาอย่างรัวเร็วด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเป็นห่วงเด็กนักเรียนของตัวเอง แล้วอาจารย์คนอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่ในห้องพักครูด้วยก็พากันนำเครื่องดื่ม และอาหารว่างต่างๆมาให้คาซึ พร้อมกับเสื้อผ้าสำรองที่มีอยู่มาให้คาซึสำหรับเปลี่ยนแล้วมายืนปลอบและให้กำลังใจคาซึกันใหญ่ บางคนถึงขั้นน้ำตาไหลด้วยความสงสารคาซึ.........
“ไปใส่เสื้อผ้าซะสิ...อาซาคุโระคุง”อาจารย์ฮารุโกะพูด
“คร้าบ.....ขอบคุณมากครับอาจารย์” คาซึเดินเข้าไปในห้องน้ำอาจารย์เพื่อใส่เสื้อผ้า
.......พวกอาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องพักครูน่ะ ไม่ได้เป็นคนใจร้ายใจดำอะไรหรอก ออกจะใจดีด้วยซ้ำ แต่ถ้าเจอนักเรียนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมล่ะก็....โทษหนักแน่..อย่างเช่นถ้าใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าที่อาจารย์ไม่อนุมัติให้ใส่ล่ะก็.....เด็กนักเรียนคนนั้นจะถูกสั่งให้เดินเท้าเปล่า หรือไม่ก็ถ้าแอบฟังเพลงในห้องเรียน ....จะถูกลงโทษด้วยการต้องฟังอาจารย์ที่สอนน่าเบื่อที่สุดเทศนา แถมต้องเรียนกับอาจารย์คนนี้อีก 1 อาทิตย์ ....ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ต้องจดบันทึกเนื้อหาที่เรียนด้วยนี่สิ...แค่ฟังเสียงอาจารย์ก็จะหลับอยู่แล้ว ไม่มีปัญญามานั่งจดอีกหรอก............................แต่ครั้งนี้ที่คาซึไม่โดนทำโทษอะไรเลย ทั้งๆที่น่าจะโดนหนักกว่าข้อหาอื่น คงเพราะว่าอาจารย์สงสารเขาที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ..........แต่รู้สึกจะโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อย......ซักไซ้ถามเหตุผลเขาซะเหลือเกิน......อาจารย์คงจะตามดูพฤติกรรมเขาตลอดแบบไม่ให้ละสายตาหลังจากเรื่องครั้งนี้........นี่แหละ...ที่เรียกนรกสำหรับคาซึ......
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ
คาซึเห็นสายตาพวกอาจารย์ที่มองตนเอง อย่างใจจดใจจ่อที่จะฟังเรื่องที่คาซึเล่า..........
‘นี่อาจารย์อยากรู้ขนาดนั้นเลยเรอะ.......พูดไปอาจารย์ก็ไม่เชื่ออยู่ดีแหละ....อีกอย่างเราก็มั่นใจด้วยว่านั่นไม่ใช่ความฝัน...’ คาซึคิด
“ไม่มีอะไรหรอกครับอาจารย์...ผมขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“เอ่อ....จ้ะ...ถ้ามีอะไรก็บอกครูได้นะ”
คาซึโค้งคำนับลาอาจารย์ก่อนจะเดินออกจากห้องพักครูไป.....
“เฮ้ย ..คาซึ เป็นไงมั่ง อาจารย์ทำอะไรนายรึเปล่า” พวกเพื่อนรีบวิ่งเข้ามาหาคาซึด้วยความเป็นห่วง
“สบายมาก ฉันไม่เป็นไรหรอก ....ขอตัวก่อนนะทุกคน” คาซึส่งยิ้มให้พวกเพื่อน
“จะให้พวกฉันเดินไปส่งรึเปล่า คาซึ” ชินจิพูดขึ้นมา
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ......พวกนายไปเข้าเรียนกันเหอะ” คาซึพูดแล้วเดินหันหลังกลับบ้านไป
พอถึงบ้านเขาก็ไปอาบน้ำ สระผมทันที เพราะรู้สึกว่าเขาจะนอนบนพื้นทั้งคืน แถมคาซึยังคิดว่าตัวเองเป็นไข้นิดๆอีกด้วย.......พออาบน้ำเสร็จ คาซึก็หาชุดนอนใส่ แล้วหายาลดไข้มารับประทาน และขึ้นเตียงนอนหลับช่วงกลางวันทันที.......
.
“ขอโทษนะคะ ...ที่ฉันต้องรบกวนคุณ... อาซาคุโระ คาซึกิ..”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น.....ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ใครพูดน่ะ  ..เธอเป็นใคร?” คาซึตะโกนถามหาเจ้าของเสียงนี้ท่ามกลางความมืด
“อ๋อ...ขอโทษค่ะ ที่ลืมแนะนำตัว ...ฉันชื่อ ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่ ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นโผล่ตัวออกมาจากความมืด.....เธอแต่งตัวด้วยชุดสีชมพูสวยนวลตา ใส่สร้อยข้อมือสีชมพูใสเหมือนคริสตัลที่ข้อมือข้างขวา มีแหวนที่น่าจะเป็นทองคำขาว และหัวแหวนวงนั้นมีรูปทรงประหลาด ลักษณะคล้ายๆดอกไม้บางชนิดที่มีกลีบเรียงกันสวยงาม.....สวมอยู่บนนิ้วกลางบนมือข้างนั้นของเธอด้วย......แล้วเธอยังสวมใส่ต่างหูที่น่าจะทำมาจากทองคำขาวเหมือนกัน.........ต่างหูนั้นยาวลงมาถึงไหล่.....มันสวยงามมาก ช่างรับกับผมสีบลอนด์ที่ยาวสลวยถึงกลางหลัง และใบหน้าที่แสนอ่อนหวานของเธอซะเหลือเกิน..........
‘เอ๋...ราคัส มาเวลล์....เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน’
“เธอคือพี่สาวของโรเชลหรอ......เอ่อ....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ เจ้าหญิงราคัส มาเวลล์ ริฟเน่” คาซึนึกขึ้นได้ว่าพี่สาวของโรเชลก็ต้องเป็นเจ้าหญิง จึงรีบพูดทักทายอย่างสุภาพ
“เรียกริฟเน่เฉยๆก็ได้ค่ะ.” ผู้หญิงที่เป็นพี่สาวของโรเชลพูดขึ้นด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับ ...งั้นคุณเรียกผมว่าคาซึเฉยๆก็ได้ครับ ..เพื่อนผมเขาก็เรียกอย่างนี้กันหมด” คาซึพูดออกไป โดยรู้สึกเป็นกันเองกับเจ้าหญิงมากขึ้น
“ค่ะ......ฉันต้องไปแล้วนะคะ คงปรากฏตัวให้คุณเห็นมากไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้มีพลังเยอะขนาดนั้น........โรเชลจะเป็นคนเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเอง....ขอโทษจริงๆค่ะ ที่ต้องทำให้คุณมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วหายตัวไป
“.......................................”
............................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น