คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ❥Hello soulmate -------- Three
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
It's the coldest night, people passing by
You will be the one that light up my life
ฤดูหนาวผ่านไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ปาร์คจองซูในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ๊อกเซอร์สีเทาเก่าๆ อุ้มหมอนกับผ้าห่มยืนปั้นหน้ายิ้มแฉ่งรออยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่มีป้ายแขวนบอกเลขที่ห้องเอาไว้
“แอร์ห้องกูเสียอีกแล้วอ้ะ” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูรับ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย
ร่างเล็กที่แง้มประตูออกมาหรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
สภาพแต่ละวันมันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย นี่อาบน้ำบ้างรึเปล่า
“ชีวิตมึงมีอะไรดีบ้างมั๊ยพี่จองซู” คิมฮีชอลดึงแปรงสีฟันออกจากปากก่อนจะบ่นอุบดิบเหมือนกับทุกที แต่สุดท้ายก็ใช้เท้าเขี่ยประตูออกกว้างขึ้นเป็นเชิงอนุญาตให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในห้องได้
“ไม่มีอะไรดีไปกว่าพี่อีกแล้วล่ะ” น้ำเสียงกวนๆเถียงกลับมาพร้อมกับโยนหมอนและผ้าห่มลงบนเตียงขนาดกลางที่ค่อนข้างคุ้นเคย
“หือ ไอ้แก่
หาเรืองประหยัดไฟห้องตัวเองสิไม่ว่า อย่าไอ้อูอิดอ่าเอ่าอึงอะอาด” คิมฮีชอลกร่นด่ากลับมา แต่ท้ายประโยคกลับอู้อี้เพราะปาร์คจองซูจัดการจับแปรงสีฟันยัดใส่ริมฝีปากเล็กเพื่อให้หยุดพูด
“จุ๊ๆๆ ปากว่างค่อยเถียงนะเบ่บี๋ พี่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ” ร่างโปร่งกระดิกนิ้วชี้ไปมาพร้อมกับส่ายหน้าด้วยท่าทางกวนประสาทก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวที่พาดไหล่ฮีชอลอยู่ไปพาดไหล่ตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่กั้นไว้ด้วยประตูกระจกฝ้า
กูว่าแล้วมันไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน
สิ่งมีชีวิตอะไรนอกจากเหี่ยวแล้วยังสกปรก -_-
ฮีชอลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆด้วยความเอือมกับพฤติกรรมน่าล่อด้วยตีนของเพื่อนสูงวัยข้างห้อง ที่นับวันจะยิ่งตัวติดกับเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากแรกๆก็แค่เวลาตื่นเวลานอนที่ตรงกันบ่อยๆ ทำให้ทั้งสองคนเห็นหน้าเห็นตากันมากขึ้น
ทักทายกันตามประสา แต่สิ่งที่ทำให้สนิทกันเข้าหน่อยก็คงเป็นเพราะตอนดึกๆ
เวลาที่คิมฮีชอลอดนอนเพื่อปั่นรายงาน ก็มักจะได้ยินเสียงกีต้าร์เพี้ยนๆดังมาจากข้างห้อง มลพิษทางเสียงที่เล่นดีบ้างบอดบ้างทำให้ร่างเล็กทนไม่ไหวต้องหาอะไรให้มันทำโดยการลากมาช่วยลอกงานที่ห้องซะเลย
นึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนที่อุปนิสัยไม่น่าจะไปกันได้ เริ่มสนิทกันมากขึ้น
บางทีก็เคาะกะละมังเรียกจองซูมากินข้าวด้วยกันบ้าง หรือบางทีจองซูเองก็แอบเนียนมานอนดูบอลห้องฮีชอลบ้างเพราะห้องตัวเองทีวีเจ๊งไปตั้งนานแล้ว
ผู้ชายสองคนที่อายุห่างกันหลายปี
มีสิ่งที่ชอบต่างกัน แต่กลับมาไลฟ์สไตล์ชีวิตที่คล้ายคลึงกัน คือค่อนข้างเก็บตัวอยู่แต่ในห้องแคบๆ
คนที่ใกล้กันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนข้างห้องล่ะมั้ง
แต่สิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้กันมากขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสรรพนามที่เปลี่ยนไป
อีกอย่างก็คือ ความเขินอายของปาร์คจองซูในช่วงแรกนั้นได้หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความเสี่ยวที่ยังคงคุณภาพเข้มข้นที่มาพอๆกับตัวตนที่เปิดเผยออกมาอย่างไม่แคร์ว่าฮีชอลจะรับได้หรือไม่
แต่อย่างน้อย การที่คนสองคนเปิดใจพูดคุยกันด้วยตัวตนที่แท้จริง มันก็ทำให้ระยะห่างระหว่างช่วงอายุนั้นหายไปได้ไม่ยาก
คิมฮีชอลดึงแปรงสีฟันเข้าออกพร้อมกับสบถด่าในใจอย่างอารมณ์เสีย แต่ริมฝีปากบางก็เผลอหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงเสียงแหลมสูงดังออกมาจากห้องอาบน้ำ ฝ่าที่เกิดจากละอองน้ำอุ่นเกาะพราวไปทั่วประตูกระจกจนทำให้เห็นแค่เพียงเงารางๆของปาร์คจองซูที่กำลังยืนสระผมอยู่ ร่างโปร่งเงียบลงเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องจากอีกคนข้างนอก
มือขวาละจากการขยี้ฟองแชมพูบนหัวมาเคาะเบาๆที่ประตูกระจก
กึกๆๆ
กึกๆๆๆๆ
ร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงงเมื่อเสียงเคาะกระจกจากในห้องน้ำดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับจะต้องการความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง
ฮีชอลเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเอาหูแนบกับประตูกระจกแทนคำถามว่ามึงต้องการอะไร แต่กลับได้แค่เสียงน้ำจากฝักบัวตอบกลับมา
ใบหน้าหวานชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะถอยออกมากอดอกมองไปที่ประตูกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้าขาวๆที่เริ่มเกิดเส้นรูปร่างประหลาดขึ้นด้วยฝีมือคนที่อยู่ข้างใน
♡
.(  ̄__________________ ̄)
ไอ้เชี่ยนี่เคยมีความกระดากอายบ้างมั๊ย
“ใบโพธิ์กลับหัวเหรอสัด” คิมฮีชอลทำหน้าตาเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจแบบเสี่ยวๆที่ดูสวนทางกับอายุของอีกคน ก่อนจะยกนิ้วกลางไปวางผ่าตรงกลางรูปหัวใจให้แตกเป็นสองเสี่ยงอย่างเลือดเย็น
แต่ทว่าคนที่อยู่ข้างในกลับหัวเราะร่าแล้วสระผมต่ออย่างมีความสุข
ริมฝีปากบางเบะบึ้งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่เมื่อหันหลังเดินออกจากห้องน้ำ รอยยิ้มเกร็งๆก็เกิดขึ้นบนใบหน้าหวานอย่างไม่สามารถควบคุมได้
บางทีความทุเรศของมันก็ทำให้คนที่มักจะเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา
เผลอยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกของวัน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“น้องหมอ..กูยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยอ่ะ มีไรกินบ้างป่ะ” เจ้าของร่างโปร่งผิวปากพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้ผมเดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี
“มานอนห้องกู อาบน้ำห้องกู สบู่ยาสระผมกู ผ้าเช็ดตัวกู
ยังจะแดกขอกกูอีกเหรอครับพี่
มึงไม่ต้องเกรงใจกูเลยนะครับ อยากพาสาวมาเอาห้องกูก็ได้ ผู้ชายก็ได้อ้ะเต็มที่ อยากได้อะไรอีกครับพี่ ให้กูเต้นจั้มบ๊ะถวายระหว่างแดกด้วยมั๊ย?”
“กูถามคำเดียว มึงบ่นล่วงหน้าไปกี่เรื่องเนี่ย
ยังไง ตกลงมีไรแดกบางครับน้อง” ร่างเล็กเบะปากด้วยความหมั่นไส้แต่สุดท้ายก็ยอมเลื่อนหม้อหุงข้าวที่เต็มไปด้วยเส้นบะหมี่เหลืองๆไปใกล้ปาร์คจองซูที่เริ่มทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นอาหาร
“ราเมงล๊อบส์เตอร์ทะเลเดือด”
“มาม่าต้มยำกุ้งเหอะสัด เรียกซะกูไม่กล้าแดก”
“ฮ่าๆๆๆ จะกินไม่กิน นี่อุตส่าใส่ไข่ลงไปตั้งสามฟองเลยนะ” คิมฮีชอลหัวเราะร่าก่อนจะยื่นตะเกียบไปให้จองซู ร่างโปร่งรับมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับร่างเล็ก ลมเย็นๆยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดินพัดเอากลิ่นหอมๆของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแตะจมูก
แม้จะเป็นมาม่าที่คุ้นรสอยู่ประจำแต่ก็ทำให้คนกำลังหิวน้ำลายสอได้ไม่ยาก
แต่ก็ยังน่ากินน้อยกว่าคนน่ารักนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้กินมั๊ย
แต่เห็นหน้าทีไรนี่หิวทุกที -/////////-
ตะเกียบทั้งสองคู่จุ่มลงในหม้อพร้อมๆกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มสงครามม้วนเส้นกันอย่างเมามัน
“งานมึงไล่ส่งเกือบหมดแล้วนี่ อีกกี่อาทิตย์สอบล่ะ” ฝ่ายปาร์คจองซูที่ชิงม้วนเส้นติดไข่แดงเข้าปากได้ก่อนเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น พร้อมกับเคี้ยวเส้นมาม่าตุ้ยๆเต็มปาก
“ไม่น่าเกินสองอาทิตย์อ่ะ มึงอย่าพูดเรื่องสอบได้มั๊ย ขนลุกมาก แดกไม่ลง”
“แล้วชีวิตมึงนอกจากสอบกับปั่นงานแล้วมีอะไรให้กูถามอีกบ้างเหรอน้องฮีชอล” คนถูกถามอมลมในปากจนแก้มป่องอย่างครุ่นคิดก่อนจะบ่นออกมายาวๆ
“เดี๋ยวหลังสอบมันจะมีงานนิทรรศการอะไรซักอย่างของคณะ ที่แนะแนวรุ่นน้องอ่ะ ช่วงนั้นต้องเตรียมงานเยอะ คงไปกินนอนที่คณะเลย”
“อ้าว
แล้ว
แมวมึง?” ปาร์คจองซูเอ่ยขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆห้องอย่างระแวดระวัง แมวผีขนสีเทาจนเกือบดำสนิทที่ฮีชอลแอบเลี้ยงไว้ในห้อง ทั้งที่คอนโดมีกฎเหล็กชัดเจนว่าห้ามเลี้ยงสัตว์
แต่ทว่าคนตัวเล็กสามารถแอบมีแมวตัวใหญ่ไว้ในครอบครองได้อย่างแนบเนียนมาเกือบสองปีแล้ว
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะธรรมชาติของแมวไม่เหมือนกับหมาที่เสียงเห่าดังเอะอะจนโดนจับได้ง่ายๆ
แต่อีกส่วนนึง
คงเป็นเพราะสัตว์เลี้ยงของฮีชอลมันม่ใช่แมวน้อยน่ารักปกติทั่วไป
แต่มันเป็น แมวปีศาจ
การเจอกันครั้งแรกระหว่างจองซูและแมวขนเกรียนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำซักเท่าไหร่ เพราะโดยปกติร่างโปร่งแทบจะไม่ถูกกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิดอยู่แล้ว ยิ่งนึกถึงวันที่เค้าเผลอนั่งพิงลงไปบนหมอนอิงสีเทา
แต่ทว่าก้อนกลมๆนั่นกลับดีดตัวออกแล้วตวัดเล็บข่วนแขนของชายหนุ่มเป็นรอยยาว แถมยังพองขนขู่ฟ่อๆซะยิ่งกว่าเจอหมาแย่งอาหาร
หลังจากวันนั้นปาร์คจองซูก็ขยาดกับข้าวของสีเทาทุกชนิดในห้องฮีชอล ไม่รู้ว่าเพราะแมวปลอมตัวเก่งหรือตัวเองสายตาไม่ดี แต่หลายทีแล้วที่เผลอไปรบกวนมันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจนได้รอยแผลกลับมาเต็มตัว
“ช่วยดูให้หน่อยดิ แค่เทอาหารใส่จานมันเอง เดี๋ยวฮีบอมมันออกมากินเองล่ะ ไม่ยากหรอก”
“กูกลัวมัน” สวนกลับทันทีโดยไม่คิด พร้อมกับชูแขนที่เต็มไปด้วยรอยข่วนของเจ้าแมวปีศาจนั้นให้เจ้าของมันดูผลงาน
“มึงจะบ้าเหรอ อายุเท่าไหร่แล้ว โตจนควายเลียตูดไม่ถึงละมากลัวมงกลัวแมว กูไม่อยู่แค่สองสามวันเอง ช่วยหน่อยดิ
นะ”
เห็นแววตาขอร้องของคนตรงข้ามเข้าหน่อยปาร์คจองซูก็เริ่มใจสั่น
จริงๆก็ไม่เห็นต้องเถียงอะไรให้มากมาย น้องเค้าใช้อะไรกูก็ยินดีทำให้อยู่แล้วไม่ต้องห่วง
“เออเดี๋ยวดูให้”
“พี่จองซูแม่งเชื่อฟังดีมาก”
อย่าชมดิ กูเขิน -///////////-
อาหารมื้อเย็นที่แสนจะเรียบง่ายค่อยๆดำเนินผ่านไปพร้อมกับเดียงด่าทอกลั้วเสียงหัวเราะที่ดังโวยวายไปทั่วระเบียงเล็กๆ
จากลมเอื่อยๆที่พัดผ่านพอให้คลายร้อน
กลายเป็นลมแรงเจืออากาศชื้นๆ พร้อมกับเมฆสำดำครึ้มที่เริ่มปกคลุมไปทั่วฟ้า
“เชี่ยแม่งฝนจะตก มึงอ่ะรีบๆแดกเลย กูอิ่มแล้ว” ปาร์คจองซูวางตะเกียบลงแล้วนั่งเร่งคนตัวเล็กที่เอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่จนลืมกินรีบยัดเส้นบะหมี่ที่เหลือเข้าปาก
ริมฝีปากบางบวมเจ่อเพราะรสชาติที่เผ็ดร้อน บวกกับปลายจมูกเล็กที่ขึ้นสีแดงจัดบนใบหน้าหวานที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาสูดเส้นมาม่าเข้าปาก
ยิ่งมองก็ยิ่ง
น่ารักสัดๆ
“เร็วมึงงงง ฝนลงเม็ดแล้วเว้ย เดี๋ยวหม้อมึงช๊อตนะ ฮ่าๆๆๆ”
“เชี่ยยยยย ถอดปลั๊กออกให้หน่อยพี่จองซู” ฮีชอลรีบเอามือบังบนหม้อหุงข้าว พร้อมกันงับตะเกียบคาปากไว้แล้วชี้มือไล่ให้อีกคนรีบถอดปลั๊กที่เสียบไว้ออก
“ฮ่าๆ ยังๆ กูพูดเล่น
ค่อยๆกิน ค่อยๆกิน ” ร่างโปร่งหัวเราะเสียงดังกับท่าทางตลกๆของคนตัวเล็ก มือขวาคว้าตะเกียบขึ้นมาม้วนเส้นมาม่าที่เหลืออยู่เป็นก้อนกลมเล็กๆแล้วยื่นไปเจ่อตรงหน้าคิมฮีชอล
“มีมือเป็นจองตัวเองครับพี่ แดกเองได้” ร่างบางเอ่ยปัดพร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ถูกคนตรงหน้าปฏิบัติเหมือนกับเป็นเด็กเล็กๆ
“อ่ะๆ อ้ามมมมๆ” กดเสียงแบนก่อนจะจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้จนคนน่ารักทนไม่ได้จับข้อมือคนข้างหน้าหักเข้าจนตะเกียบทิ่มเข้าปาก
ถึงจะรู้ว่าต้องเจ็บตัวแต่พอเห็นท่าทางน่ารักๆนั่นมันก็อดแกล้งไม่ได้ซักที
“ฝนมาของจริงแล้วว่ะ มึงเข้าไปก่อนๆ เดี๋ยวกูเก็บของเข้าไปให้เอง “
“อือๆ” ฮีชอลพยักหน้ารับก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเข้าห้องไป ปล่อยให้อีกคนหอบหม้อหุงข้าวพร้อมคาบตะเกียบไว้ในปากวิ่งตามเข้ามา
ไม่นานฝนก็ตกเทลงมาอย่างรวดเร็ว ลมแรงคล้ายพายุพัดผ่านอย่างแรงจนได้ยินเสียงใบไม้กระทบกันเสียงดัง เสียงฟ้าร้องดังโครมครามที่ดังตามมาทำให้ฮีชอลเผลอสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ
“อื้อหือ ตกเป็นพายุเข้าเลยว่ะ ไม่ต้องพึ่งแอร์ละ งั้นกูกลับไปนอนห้องกูนะ” ร่างโปร่งปิดประตูระเบียง จัดการเก็บจานชามเข้าที่ ก่อนจะเดินมาหยิบหมอนและผ้าห่มขึ้นมาเตรียมเดินกลับห้อง
“พี่จองซู
มึงอย่าลืมเอาซากอารยธรรมมึงกลับไปด้วย” ฮีชอลหยิบซากบอกเซอร์ตัวเก่าหลายตัวที่อีกคนมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดห้องเค้าแล้วลืมเอากลับไปทุกทีขึ้นมาแล้วปาใส่ร่างโปร่งที่ยืนยิ้มทะเล้นอยู่อย่างน่าหมั้นไส้
“เอาของกูไปแอบดมบ้างป่ะเนี่ย”
“กูไม่ใช่มึงนะสัด”
“ฮ่าๆๆ ซักให้กูด้วยเหรอ แท่งคิ้วครับน้อง กูไปล่ะ”
“มึงอย่ามา ที่เอามาทิ้งไว้นี่ไม่ใช่เพราะจะเนียนให้กูเอาไปซักให้หรอกเหรอ อย่าคิดว่ากูตามมึงไม่ทันนะไอ้แก่ ไปๆๆ กลับรูมึงไปได้แล้ว” คนตัวเล็กปัดมือไล่ ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดประตูตามหลัง
ครืนนนน
..!
“เหี้ยแม่มึง!”
เสียงฟ้าฝ่าดังครืนทำให้ฮีชอลสะดุ้งพร้อมสบถออกมา คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกมาแรงๆอย่างอารมณ์เสียเมื่อเสียงฟ้าฝ่าเวรนั่นทำให้เค้าตกใจเป็นครั้งที่สอง
ฮีชอลเป็นคนไม่ค่อยชอบเสียงดังๆซักเท่าไหร่ เป็นคนขี้ตกใจ แล้วก็ไม่ค่อยชอบความมืด
จากการใช้ชีวิตวนเวียนอยู่รอบตัวร่างเล็กเหมือนวิญญาณที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเกือบๆสามเดือน ทำให้ปาร์คจองซูเริ่มรู้จักเด็กคนนี้มากขึ้น
รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับคนที่ชื่อคิมฮีชอล
จองซูจำได้ดี
“ไปนะ
?” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าตัวเองจะพอมีประโยชน์อะไรบ้าง
อย่างน้อยแค่อยู่เป็นเพื่อนก็ยังดี
“เออ ไปเหอะๆ ไม่เป็นไรหรอกแค่ฟ้าร้อง ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
ครืน!!!!!!!!!!
“เหี้ยแม่มึงตาย!!!” ร่างเล็กสะดุ้งอย่างแรงอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นปิดหู ตาคู่สวยหลับแน่น เหงือเม็ดเล็กค่อยๆผุดขึ้นที่ขมับทั้งสองข้าง
“เห้ย ไหวมั๊ย” จองซูสอดตัวเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะบีบไหล่เล็กเบาๆ แต่คิมฮีชอลกลับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“แค่ตกใจ ไม่ได้เป็น
”
ครืนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!
“โอ้ยไอ้ฝนเหี้ย
มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย”
ครืน ครืน
.
“นะ
” ท้ายประโยคอ่อนลงเป็นการขอร้อง
ทำหัวใจของอีกคนสั่นไหวพอๆกับเสียงฟ้าผ่า
“กลัวก็บอกสิ
อย่าซึน” ร่างโปร่งผลักหัวคนปากแข็งเบาๆพร้อมกับขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเล่นจนฮีชอลหันมาแยกเขี้ยวใส่
หลายครั้งที่เคยมากินๆนอนๆอยู่ในห้องสีครีมโทนสว่างนี่
แต่ถ้าห้ามใจตัวเองได้ ปาร์คจองซูก็ไม่อยากพาตัวเองเข้ามาในบรรยากาศอย่างนี้บ่อยมากนัก
เคยได้ยินมั๊ย
ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว
ยิ่งห้ามใจยาก
คิมฮีชอลไม่ชอบปิดไฟนอน ... เป็นเหตุผลที่ปาร์คจองซูไม่เคยเห็นห้องข้างๆปิดไฟมืดสนิท นอกซะจากเวลาร่างเล็กไม่ได้อยู่ในห้อง
ฮีชอลเป็นคนนอนน้อย วันหนึ่งๆกว่าจะได้นอนก็ตีสองเกือบตีสาม แต่หกโมงเช้าก็ต้องตื่นไปเรียนอีกแล้ว
ฮีชอลชอบขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เป็นเหตุผลที่ปาร์คจองซูชอบเล่นกีต้าร์เสียงดังๆล่อให้เพื่อนข้างห้องออกมาตะโกนด่าเล่น หรือไม่บางทีก็โดนเรียกไปใช้แรงงานลอกรายงานในห้อง
จริงๆก็แค่อยากเห็นหน้าบ้างเท่านั้นแหล่ะ
“ใส่หูฟังนอนดิ เปิดเพลงดังๆจะได้กลบเสียงฟ้าผ่าไง” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กเริ่มมีเหงื่อซึมออกมามากขึ้น เห็นท่าว่าคืนนี้ฮีชอลคงจะหลับไม่ลงง่ายๆ ทั้งๆที่นานๆทีจะได้มีเวลาพักผ่อนมากกว่าสามชั่วโมงแท้ๆ
“ไม่ชอบใส่หูฟังนอน เสียสุขภาพหู”
“มาอนามัยอะไรตอนนี้ครับน้องหมอ - - “ พูดเสียงเนือยๆก่อนจะกวาดตามองรอบห้องว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยให้คนตัวเล็กหลับลงได้บ้าง
ขืนฝนตกยันเช้านี่คงไม่ต้องหลับต้องนอนแน่ๆ พรุ่งนี้ก็ต้องมีเรียนเช้าอีกไม่ใช่รึไงเนี่ย
ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาแล้วต้องหยุดเรียนทั้งๆที่ใกล้สอบนี่ไม่แย่เหรอ
บ่นในใจซะยาวเหยียดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวอีกคนจะอารมณ์เสีย
คิมฮีชอลไม่ชอบเวลาถูกมองเป็นเด็กเล็กๆ
“แล้วนั่นจะไปไหน?” เสียงขุ่นๆถามขึ้นเมื่อเห็นว่าจองซูกำลังจะเปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง
“ไปเอากีต้าร์ เดี๋ยวเอามาเล่นกล่อม” ร่างโปร่งหันมาตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย
“สงสารหูกูหน่อยเถอะ แค่ฟ้าร้องอย่างเดียวกูก็เสียสุขภาพจิตจะแย่แล้ว”
“ไม่เอาเหรอ?”
“
เออตามใจ จะเล่นก็เล่นเถอะ ไปเอามาเร็วๆ อย่าท่ามาก” สุดท้ายปากที่เบะอย่างหงุดหงิดก็พูดส่งๆให้อีกคนไปเอากีต้าร์มาเล่นจนได้
น้องหมอซึนตลอด
-//////▽/////-
ไม่นานร่างโปร่งในชุดเสื้อกล้ามกับบอกเซอร์เน่าๆ ก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกีต้าร์โปร่งตัวเก่งในมือ เสียงฟ้าร้องที่ดังเปรี้ยงปร้างเป็นพักๆดูเหมือนจะทำให้ฮีชอลใกล้ประสาทเสียเต็มที ร่างเล็กนั่งกอดก้อนกลมๆสีเทาไว้บนตักแล้วบ่นพึมพำกับฮีบอมเหมือนกำลังเข้าใจกันอยู่แค่สองคน
และทันทีที่จองซูเดินเข้าไปใกล้ เจ้าแมวปิศาจก็ช้อนนัยน์ตาสีเขียวน่ากลัวขึ้นจ้องร่างโปร่งเขม็ง ก่อนจะกระโดดหายตัวเข้าไปใต้เตียง
แมวเหี้ยไรน่ากลัวยิ่งกว่าผี -_-;
“อ่า
เล่นไรดี” ปาร์คจองซูทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม
ก่อนจะเริ่มจีบคอร์ดเล่นแล้วดีดเอ็นกีต้าร์เบาๆ
แววตาคมเลื่อนไปมองคนที่เพิ่งหยิบหมอนมานอนอยู่ข้างๆราวกับจะถามว่าอยากฟังอะไร
“ไรก็ได้ เอาให้เหมือนคนเล่น” ประโยคกวนประสาทถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม พร้อมตาคู่สวยที่ลืมตาแป๋วไม่มีท่าทีว่าจะง่วงเลยแม้แต่นิด
ชอบหลอกด่ากูพร้อมทำหน้าแบบเนี้ยะ ใครจะโกรธลง
.. =//////▽/////=
“เออ ใช่ๆ อยากฟังเพลงนั้นอ่ะ เพลงพรหมลิขิต ชอบเล่นเปียโนบ่อยๆ อยากฟังเวอร์ชั่นกีต้าร์บ้าง พี่เล่นเป็นเปล่า?” ร่างเล็กเด้งตัวขึ้นมานั่งข้างๆพร้อมเขย่าแขนจองซูเบาๆ ใบหน้าคมพยักหน้ารับอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะเริ่มวางเรียวนิ้วกดลงบนคอกีต้าร์อีกครั้ง
กีต้าร์โปร่งเริ่มบรรเลงทำนองเพลงช้าๆ พร้อมกับริมฝีปากบางที่เริ่มเอ่ยร้องเนื้อเพลงออกมาเบาๆ
“พรหมลิขิตบันดาลชักพา
ดลให้มาพบกันทันใด ♬”
=_____________=
.
“พี่จองซู
”
“ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิต ใจ
♬”
“ไอ้เชี่ยพี่จองซู!”
“หือ.. อะไร?” คนที่วิญญาณอาร์ตติสต์กำลังสิงร่างเต็มที่สะดุ้งหันมาทำหน้าตาหรอหรามองร่างเล็กที่กำลังขำจนตัวงอพร้อมกับทุบเตียงอย่างบ้าคลั่ง
“พี่จองซู ไอ้ 555555555555555555555 สัด แม่ง55555555555555555555555 5555555555555555555
โอ้ย เชี่ยหายใจไม่ออก 555555555 555555555555555 5555555555555555555555”
“ขำห่าอะไรน้องฮี ( ‘ ‘ ) “ ปล่อยให้คนตัวเล็กชักดิ้นชักงอขำเป็นบ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าบื้อๆ
“555555555555 กูขอพรหมลิขิต
.วง บิ๊กแอส
.5555555555555 สัดมึงเล่นสุนทราภรณ์เลยเหรอ 5555555555555555555555 เก๋าสัดๆ โอ้ย ฮาไม่ไหวแล้วห่า 55555555555555555555555555555555555555”
( ‘ ‘ )
.
กู
เข้าใจผิดเหรอ?
“พี่จองซู แฮ่ก
แปบนะกูหายใจไม่ทัน
” คิมฮีชอลยันตัวลุกขึ้นมาจับแขนจองซูไว้แน่นก่อนจะหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากการเกร็งตัวหัวเราะเกือบสิบนาที
“5555555555555 สัด สุนทราภรณ์อ่ะมึง 5555555555555 โอ้ย หน้าแม่กูลอยมาเลย 55555555555” ความพยายามกลั้นขำของฮีชอลประสบผลล้มเหลว พร้อมกับร่างเล็กทิ้งตัวลงไปหัวเราะพรวดอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ชักดิ้นชักงอเป็นจังหวะเดียวกับเสียงฟ้าร้อง จนจองซูนึกว่ากำลังเล่นกีต้าร์ให้คนป่วยลมบ้าหมูฟัง
น้องหมอเป็นอะไรมากมั๊ย -_______-
“ฮึก
โอเคๆ
. กูโอเคล่ะ
” คิมฮีชอลยันตัวลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนเริ่มนั่งเท้ากีต้าร์หน้าเหี่ยวอย่างเซ็งๆที่คนตัวเล็กไม่ยอมหยุดหัวเราะซักที
มือบางยกขึ้นลูบใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะแรงหัวเราะเพื่อกลั้นขำเอาไว้ พยายามไม่นึกถึงเพลงที่จองซูเล่นเมื่อกี๊เพราะกลัวจะหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“มึงเล่นเพลงหลง พ.ศ. มากพี่จองซู โคตรอินดี้ 5555”
“แล้ว พ.ศ. นี้เค้าต้องเล่นอะไรครับน้อง สอนสิสอน” ฮีชอลชี้นิ้วขึ้นด้วยท่าทางมาดมั่นก่อนจะเอื้อมไปหยิบไอโฟนมาเสียบหูฟังแล้วส่งให้ปาร์คจองซู นิ้วเรียวจิ้มไปบนหน้าจอเพื่อเปิดเพลงที่ต้องการ พร้อมคอร์ดกีต้าร์แต่ละวรรคเลื่อนขึ้นมาตามเนื้อเพลง
“ถ้าเล่นเพลงนี้ได้ภายในสิบห้านาที เดี๋ยวพาไปเลี้ยงชาบู” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะเสียบหูฟังใส่หูของร่างโปร่งทั้งสองข้างแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำรอ แต่ก็ยังไม่วายหันมามองหน้าคนเล่นกีต้าร์แล้วหลุดหัวเราะออกมาอีกชุดใหญ่
แต่ปาร์คจองซูก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนนี้ในหัวมีแค่
.กินชาบูกับน้องหมอ +//////▽/////+
ประโยคเดิมดังซ้ำๆในหัว
ร่างโปร่งเม้มปากแน่น
ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าไม่ว่าเพลงจะยากแค่ไหน แต่มีคอร์ดมาให้แล้วแค่นี้เรื่องสิวๆ ปาร์คจองซูแคนดู!
กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน ♬
คุณพ่อมึง
. เพลงเกาหลี OTL
.
จังหวะแอ๊บแบ๊วด้วยชิบหาย
คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันน้อยๆเมื่อท่อนแรกขึ้นมาก็ทำเอามึนไปหลายวิ
ฟังรอบแรกจบไป
หมดเวลาไปสามนาที ...จองซูพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนเจ้าตัวจะเริ่มตั้งสติ มองชื่อคอร์ดที่เริ่มเลื่อนไปเรื่อยๆแล้วดีดตามช้าๆ
พยายามจับจังหวะเปลี่ยนคอร์ดให้ทัน ก่อนจะกรอเพลงซ้ำไปมาหลายต่อหลายครั้ง
ทำนองเพลงเร็วที่ถูกเปลี่ยนเป็นแบบอคูสติกช้าลงเพื่อให้เล่นง่ายขึ้นทำให้ร่างโปร่งเริ่มจับทางได้
ด้วยความที่คอร์ดไม่ได้แปลกประหลาดหรือเปลี่ยนยากมากนัก เลยทำให้เสียงกีต้าร์โปร่งเริ่มบรรเลงออกมาเป็นทำนองเพลงที่ใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
รอบแรกผ่านไปแบบทุลักทะเล ก่อนที่รอบที่สอง และรอบที่สามจะกลายเป็นเพลงที่พอฟังได้มากยิ่งขึ้น
“ปิ๊บบบบ! หมดเวลาแล้วคนแก่” ร่างเล็กวิ่งออกมาจากห้องน้ำก่อนจะกระโจนลงบนที่นอนเสียงดังตุ๊บจนร่างโปร่งเกือบจะเซล้มตามลงไป
“เออๆ เล่นอ่ะพอได้ แต่ร้องไม่เป็นนะเว้ย”
“รู้แล้ว ขึ้นมึงร้องอีกครั้งกูขำตายห่าแน่ 5555555
เดี๋ยวร้องเองๆ”
น้องหมอจะร้องเพลงให้กูฟัง
. v//////▽/////v
“ให้ครั้งเดียวนะ ถ้าผ่านเดี๋ยวเลี้ยงชาบูๆ โอเค้? ” หันมาทำตาแป๋วใส่อีกครั้งก่อนจะรับไอโฟนจากร่างโปร่งมาถือไว้ระหว่างกลางคนทั้งสองเพื่อดูเนื้อร้อง และให้อีกคนดูคอร์ดไปพร้อมๆกัน
ปาร์คจองซูสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“โอเค
1
2
3
”
กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน
♬
กาน จิ กาน จิ มา อุ มิ กาน จิ รอ
♬
(หลับตาแล้วฟังจ้า
)
เสียงหวานใสค่อยๆร้องคลอไปตามเสียงกีต้าร์เบาๆ ทำนองเพลงจังหวะสนุกสนานถูกเปลี่ยนเป็นแบบอคูสติกบรรเลงไปอย่างลื่นไหล
แววตาใสหันมามองคนที่ตั้งอกตั้งใจเล่นกีต้าร์อยู่ข้างๆ ท่าทางมุ่งมั่นของปาร์คจองซูทำให้อีกคนอดยิ้มออกมาไม่ได้
ริมฝีปากเล็กร้องตามเนื้อเพลงไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
.
ทือ ดึ ทืด ทืด ทือ ทื ดือ
.. ♬
เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายถูกร้องออกมาจนจบ พร้อมกับเสียงนุ่มทุ้มของกีต้าร์โปร่งที่ค่อยๆเบาลง
“
.ไง
ผ่านมั๊ย
?” ปาร์คจองซูปล่อยมืออกจากคอกีต้าร์ก่อนจะหันไปถามตัวตัวเล็กข้างๆด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้นแบบปิดไม่อยู่
คิมฮีชอลหงายตัวลงนอนราบไปกับเตียงพร้อมกับชูมือขึ้นมาทำเป็นรูป OK
Mission complete
❤
ปาร์คจองซูยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง ภายในใจจุดประทัดฉลองยิ่งกว่าตรุษจีนใหญ่.. ก่อนจะเดินเอากีตาร์ไปวางเก็บไว้บนเก้าอี้ข้างๆ
พอเดินกลับมาก็พบร่างเล็กนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงซะแล้ว
เสียงฝนตกฟ้าร้องเงียบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าตอนนี้มีเพียงแค่เสียงหัวใจของปาร์คจองซูคนนี้เท่านั้นที่เต้นเป็นจังหวะเลิฟๆ
ร่างโปร่งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มถึงคอฮีชอลอย่างเบามือพร้อมกับค่อยๆถอดแว่นกรอบบางออกมาว่างเก็บไว้บนชั้นวางของข้างๆ
แววตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานยามหลับ
ที่น่าหลงใหลไม่แพ้ยามตื่น
รักแรกพบไม่ได้จืดจางลงจามกาลเวลา
แต่วันวานที่ผ่านมากลับช่วยย้ำเตือนว่าความรู้สึกชั่ววูบนั้นได้เติบโตจนกลายเป็นความรักที่มั่นคง
ร่างโปร่งหยิบไอโฟนของตัวเองที่แอบไว้ออกมาจากกระเป๋าเล็กๆที่บ๊อกเซอร์ ก่อนจะเสียบหูฟังแล้วเปิดไฟล์อัดเสียงที่แอบอัดเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน
กาน จิ กาน จิ มา อุ มิ กาน จิ รอ
♬
เสียงคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง เรียกร้อยยิ้มบนใบหน้าหล่อให้ระบายเป็นวงกว้าง ...
ปาร์คจองซูทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ หลับตาฟังบทเพลงเดิมที่ถูกกดเพลซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ
.กินชาบูกับน้องหมอ v//////▽/////v
To be con.
ลองหลับตาฟังเพลง Aing นั่นหลายๆรอบนะคะ เสียงอ้อนมาก โคตรเขินนนนน อยากดิ้นตาย ฮึก
TwT
ขอบคุณพี่เอิงที่เอาเพลงนี้ลงบลอคค่า ไปเจอถูกจังหวะพอดีเลยจับมาใส่ฟิคซะเลย 555
โอ้ย ชอบจริงๆ ❤❤
ไม่รู้ตอนมันยาวขึ้นหรือเว้นบรรทัดเยอะ 5555 แต่แต่งเรื่องนี้แล้วรู้สึกแฮปปี้เวลาเขียน เกรียนไปเรื่อยๆอย่างนี้แหล่ะ ไม่ดราม่า ไม่หักมุมใดๆทั้งสิ้น
ถ้าคนอ่านแฮปปี้เหมือนกันก็ขอเม้นสร้างกำลังใจหน่อยนะคะ ❤
ความคิดเห็น