ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] Hello soulmate [83lines - TeukCin]

    ลำดับตอนที่ #4 : ❥Hello soulmate -------- Three

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54


      

     

     

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     
      

     

    It's the coldest night, people passing by

    You will be the one that light up my life         

     

     

                    ฤดูหนาวผ่านไป

     

     

     

                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    ปาร์คจองซูในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ๊อกเซอร์สีเทาเก่าๆ อุ้มหมอนกับผ้าห่มยืนปั้นหน้ายิ้มแฉ่งรออยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่มีป้ายแขวนบอกเลขที่ห้องเอาไว้

                   

     

                    “แอร์ห้องกูเสียอีกแล้วอ้ะ” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูรับ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย ร่างเล็กที่แง้มประตูออกมาหรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าสภาพแต่ละวันมันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย นี่อาบน้ำบ้างรึเปล่า

     

                    “ชีวิตมึงมีอะไรดีบ้างมั๊ยพี่จองซู”  คิมฮีชอลดึงแปรงสีฟันออกจากปากก่อนจะบ่นอุบดิบเหมือนกับทุกที แต่สุดท้ายก็ใช้เท้าเขี่ยประตูออกกว้างขึ้นเป็นเชิงอนุญาตให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในห้องได้

                    “ไม่มีอะไรดีไปกว่าพี่อีกแล้วล่ะ” น้ำเสียงกวนๆเถียงกลับมาพร้อมกับโยนหมอนและผ้าห่มลงบนเตียงขนาดกลางที่ค่อนข้างคุ้นเคย

                   

                    “หือ ไอ้แก่ หาเรืองประหยัดไฟห้องตัวเองสิไม่ว่า อย่าไอ้อูอิดอ่าเอ่าอึงอะอาด” คิมฮีชอลกร่นด่ากลับมา แต่ท้ายประโยคกลับอู้อี้เพราะปาร์คจองซูจัดการจับแปรงสีฟันยัดใส่ริมฝีปากเล็กเพื่อให้หยุดพูด

    “จุ๊ๆๆ ปากว่างค่อยเถียงนะเบ่บี๋ พี่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ” ร่างโปร่งกระดิกนิ้วชี้ไปมาพร้อมกับส่ายหน้าด้วยท่าทางกวนประสาทก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวที่พาดไหล่ฮีชอลอยู่ไปพาดไหล่ตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่กั้นไว้ด้วยประตูกระจกฝ้า

     

    กูว่าแล้วมันไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวาน สิ่งมีชีวิตอะไรนอกจากเหี่ยวแล้วยังสกปรก -_-

     

     

    ฮีชอลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆด้วยความเอือมกับพฤติกรรมน่าล่อด้วยตีนของเพื่อนสูงวัยข้างห้อง ที่นับวันจะยิ่งตัวติดกับเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ

    เนื่องจากแรกๆก็แค่เวลาตื่นเวลานอนที่ตรงกันบ่อยๆ ทำให้ทั้งสองคนเห็นหน้าเห็นตากันมากขึ้น ทักทายกันตามประสา แต่สิ่งที่ทำให้สนิทกันเข้าหน่อยก็คงเป็นเพราะตอนดึกๆ เวลาที่คิมฮีชอลอดนอนเพื่อปั่นรายงาน ก็มักจะได้ยินเสียงกีต้าร์เพี้ยนๆดังมาจากข้างห้อง มลพิษทางเสียงที่เล่นดีบ้างบอดบ้างทำให้ร่างเล็กทนไม่ไหวต้องหาอะไรให้มันทำโดยการลากมาช่วยลอกงานที่ห้องซะเลย นึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนที่อุปนิสัยไม่น่าจะไปกันได้ เริ่มสนิทกันมากขึ้น  บางทีก็เคาะกะละมังเรียกจองซูมากินข้าวด้วยกันบ้าง หรือบางทีจองซูเองก็แอบเนียนมานอนดูบอลห้องฮีชอลบ้างเพราะห้องตัวเองทีวีเจ๊งไปตั้งนานแล้ว

    ผู้ชายสองคนที่อายุห่างกันหลายปีมีสิ่งที่ชอบต่างกัน แต่กลับมาไลฟ์สไตล์ชีวิตที่คล้ายคลึงกัน คือค่อนข้างเก็บตัวอยู่แต่ในห้องแคบๆคนที่ใกล้กันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนข้างห้องล่ะมั้ง

     

    แต่สิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้กันมากขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสรรพนามที่เปลี่ยนไป

                    อีกอย่างก็คือ ความเขินอายของปาร์คจองซูในช่วงแรกนั้นได้หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความเสี่ยวที่ยังคงคุณภาพเข้มข้นที่มาพอๆกับตัวตนที่เปิดเผยออกมาอย่างไม่แคร์ว่าฮีชอลจะรับได้หรือไม่

     

                    แต่อย่างน้อย การที่คนสองคนเปิดใจพูดคุยกันด้วยตัวตนที่แท้จริง มันก็ทำให้ระยะห่างระหว่างช่วงอายุนั้นหายไปได้ไม่ยาก

     

     

                    คิมฮีชอลดึงแปรงสีฟันเข้าออกพร้อมกับสบถด่าในใจอย่างอารมณ์เสีย แต่ริมฝีปากบางก็เผลอหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงเสียงแหลมสูงดังออกมาจากห้องอาบน้ำ ฝ่าที่เกิดจากละอองน้ำอุ่นเกาะพราวไปทั่วประตูกระจกจนทำให้เห็นแค่เพียงเงารางๆของปาร์คจองซูที่กำลังยืนสระผมอยู่ ร่างโปร่งเงียบลงเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องจากอีกคนข้างนอก มือขวาละจากการขยี้ฟองแชมพูบนหัวมาเคาะเบาๆที่ประตูกระจก

     

     

                    กึกๆๆ กึกๆๆๆๆ

     

     

                    ร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงงเมื่อเสียงเคาะกระจกจากในห้องน้ำดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับจะต้องการความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง ฮีชอลเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเอาหูแนบกับประตูกระจกแทนคำถามว่ามึงต้องการอะไร แต่กลับได้แค่เสียงน้ำจากฝักบัวตอบกลับมา

                    ใบหน้าหวานชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะถอยออกมากอดอกมองไปที่ประตูกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้าขาวๆที่เริ่มเกิดเส้นรูปร่างประหลาดขึ้นด้วยฝีมือคนที่อยู่ข้างใน

     

     




     

     

     

     

                   

     

     




     

                    ….( __________________)

                    ไอ้เชี่ยนี่เคยมีความกระดากอายบ้างมั๊ย

     

     

                    “ใบโพธิ์กลับหัวเหรอสัด” คิมฮีชอลทำหน้าตาเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจแบบเสี่ยวๆที่ดูสวนทางกับอายุของอีกคน ก่อนจะยกนิ้วกลางไปวางผ่าตรงกลางรูปหัวใจให้แตกเป็นสองเสี่ยงอย่างเลือดเย็น แต่ทว่าคนที่อยู่ข้างในกลับหัวเราะร่าแล้วสระผมต่ออย่างมีความสุข

     

                    ริมฝีปากบางเบะบึ้งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่เมื่อหันหลังเดินออกจากห้องน้ำ รอยยิ้มเกร็งๆก็เกิดขึ้นบนใบหน้าหวานอย่างไม่สามารถควบคุมได้

                   

                    บางทีความทุเรศของมันก็ทำให้คนที่มักจะเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา เผลอยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกของวัน

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

                    “น้องหมอ..กูยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยอ่ะ มีไรกินบ้างป่ะ” เจ้าของร่างโปร่งผิวปากพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้ผมเดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

                    “มานอนห้องกู อาบน้ำห้องกู สบู่ยาสระผมกู ผ้าเช็ดตัวกูยังจะแดกขอกกูอีกเหรอครับพี่ มึงไม่ต้องเกรงใจกูเลยนะครับ อยากพาสาวมาเอาห้องกูก็ได้ ผู้ชายก็ได้อ้ะเต็มที่ อยากได้อะไรอีกครับพี่ ให้กูเต้นจั้มบ๊ะถวายระหว่างแดกด้วยมั๊ย?”

                    “กูถามคำเดียว มึงบ่นล่วงหน้าไปกี่เรื่องเนี่ย ยังไง ตกลงมีไรแดกบางครับน้อง” ร่างเล็กเบะปากด้วยความหมั่นไส้แต่สุดท้ายก็ยอมเลื่อนหม้อหุงข้าวที่เต็มไปด้วยเส้นบะหมี่เหลืองๆไปใกล้ปาร์คจองซูที่เริ่มทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นอาหาร

     

                    “ราเมงล๊อบส์เตอร์ทะเลเดือด”

                    “มาม่าต้มยำกุ้งเหอะสัด เรียกซะกูไม่กล้าแดก”

                    “ฮ่าๆๆๆ จะกินไม่กิน นี่อุตส่าใส่ไข่ลงไปตั้งสามฟองเลยนะ” คิมฮีชอลหัวเราะร่าก่อนจะยื่นตะเกียบไปให้จองซู ร่างโปร่งรับมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับร่างเล็ก ลมเย็นๆยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดินพัดเอากลิ่นหอมๆของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแตะจมูก แม้จะเป็นมาม่าที่คุ้นรสอยู่ประจำแต่ก็ทำให้คนกำลังหิวน้ำลายสอได้ไม่ยาก

     

    แต่ก็ยังน่ากินน้อยกว่าคนน่ารักนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

                    ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้กินมั๊ย แต่เห็นหน้าทีไรนี่หิวทุกที -/////////-

     

     


                    ตะเกียบทั้งสองคู่จุ่มลงในหม้อพร้อมๆกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มสงครามม้วนเส้นกันอย่างเมามัน

                    “งานมึงไล่ส่งเกือบหมดแล้วนี่ อีกกี่อาทิตย์สอบล่ะ” ฝ่ายปาร์คจองซูที่ชิงม้วนเส้นติดไข่แดงเข้าปากได้ก่อนเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น พร้อมกับเคี้ยวเส้นมาม่าตุ้ยๆเต็มปาก

     

                    “ไม่น่าเกินสองอาทิตย์อ่ะ มึงอย่าพูดเรื่องสอบได้มั๊ย ขนลุกมาก แดกไม่ลง”

                    “แล้วชีวิตมึงนอกจากสอบกับปั่นงานแล้วมีอะไรให้กูถามอีกบ้างเหรอน้องฮีชอล” คนถูกถามอมลมในปากจนแก้มป่องอย่างครุ่นคิดก่อนจะบ่นออกมายาวๆ

                   

                    “เดี๋ยวหลังสอบมันจะมีงานนิทรรศการอะไรซักอย่างของคณะ ที่แนะแนวรุ่นน้องอ่ะ ช่วงนั้นต้องเตรียมงานเยอะ คงไปกินนอนที่คณะเลย”

     

                    “อ้าว แล้ว แมวมึง?” ปาร์คจองซูเอ่ยขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆห้องอย่างระแวดระวัง แมวผีขนสีเทาจนเกือบดำสนิทที่ฮีชอลแอบเลี้ยงไว้ในห้อง ทั้งที่คอนโดมีกฎเหล็กชัดเจนว่าห้ามเลี้ยงสัตว์ แต่ทว่าคนตัวเล็กสามารถแอบมีแมวตัวใหญ่ไว้ในครอบครองได้อย่างแนบเนียนมาเกือบสองปีแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะธรรมชาติของแมวไม่เหมือนกับหมาที่เสียงเห่าดังเอะอะจนโดนจับได้ง่ายๆ

                    แต่อีกส่วนนึง คงเป็นเพราะสัตว์เลี้ยงของฮีชอลมันม่ใช่แมวน้อยน่ารักปกติทั่วไป

                    แต่มันเป็น แมวปีศาจ  

     

     

                    การเจอกันครั้งแรกระหว่างจองซูและแมวขนเกรียนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำซักเท่าไหร่ เพราะโดยปกติร่างโปร่งแทบจะไม่ถูกกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิดอยู่แล้ว ยิ่งนึกถึงวันที่เค้าเผลอนั่งพิงลงไปบนหมอนอิงสีเทาแต่ทว่าก้อนกลมๆนั่นกลับดีดตัวออกแล้วตวัดเล็บข่วนแขนของชายหนุ่มเป็นรอยยาว แถมยังพองขนขู่ฟ่อๆซะยิ่งกว่าเจอหมาแย่งอาหาร หลังจากวันนั้นปาร์คจองซูก็ขยาดกับข้าวของสีเทาทุกชนิดในห้องฮีชอล ไม่รู้ว่าเพราะแมวปลอมตัวเก่งหรือตัวเองสายตาไม่ดี แต่หลายทีแล้วที่เผลอไปรบกวนมันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจนได้รอยแผลกลับมาเต็มตัว

     

                    “ช่วยดูให้หน่อยดิ แค่เทอาหารใส่จานมันเอง เดี๋ยวฮีบอมมันออกมากินเองล่ะ ไม่ยากหรอก”

                    “กูกลัวมัน” สวนกลับทันทีโดยไม่คิด พร้อมกับชูแขนที่เต็มไปด้วยรอยข่วนของเจ้าแมวปีศาจนั้นให้เจ้าของมันดูผลงาน

                    “มึงจะบ้าเหรอ อายุเท่าไหร่แล้ว โตจนควายเลียตูดไม่ถึงละมากลัวมงกลัวแมว กูไม่อยู่แค่สองสามวันเอง ช่วยหน่อยดิ นะ”

                    เห็นแววตาขอร้องของคนตรงข้ามเข้าหน่อยปาร์คจองซูก็เริ่มใจสั่นจริงๆก็ไม่เห็นต้องเถียงอะไรให้มากมาย น้องเค้าใช้อะไรกูก็ยินดีทำให้อยู่แล้วไม่ต้องห่วง

     

                     “เออเดี๋ยวดูให้”

                    “พี่จองซูแม่งเชื่อฟังดีมาก”

     

                    อย่าชมดิ กูเขิน -///////////-

     

                    อาหารมื้อเย็นที่แสนจะเรียบง่ายค่อยๆดำเนินผ่านไปพร้อมกับเดียงด่าทอกลั้วเสียงหัวเราะที่ดังโวยวายไปทั่วระเบียงเล็กๆ จากลมเอื่อยๆที่พัดผ่านพอให้คลายร้อน กลายเป็นลมแรงเจืออากาศชื้นๆ พร้อมกับเมฆสำดำครึ้มที่เริ่มปกคลุมไปทั่วฟ้า

     

                    “เชี่ยแม่งฝนจะตก มึงอ่ะรีบๆแดกเลย กูอิ่มแล้ว” ปาร์คจองซูวางตะเกียบลงแล้วนั่งเร่งคนตัวเล็กที่เอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่จนลืมกินรีบยัดเส้นบะหมี่ที่เหลือเข้าปาก ริมฝีปากบางบวมเจ่อเพราะรสชาติที่เผ็ดร้อน บวกกับปลายจมูกเล็กที่ขึ้นสีแดงจัดบนใบหน้าหวานที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาสูดเส้นมาม่าเข้าปากยิ่งมองก็ยิ่ง

     

     

                    น่ารักสัดๆ

     

     

                    “เร็วมึงงงง ฝนลงเม็ดแล้วเว้ย เดี๋ยวหม้อมึงช๊อตนะ ฮ่าๆๆๆ”

                    “เชี่ยยยยย ถอดปลั๊กออกให้หน่อยพี่จองซู” ฮีชอลรีบเอามือบังบนหม้อหุงข้าว พร้อมกันงับตะเกียบคาปากไว้แล้วชี้มือไล่ให้อีกคนรีบถอดปลั๊กที่เสียบไว้ออก

     

    “ฮ่าๆ ยังๆ กูพูดเล่น ค่อยๆกิน ค่อยๆกิน ” ร่างโปร่งหัวเราะเสียงดังกับท่าทางตลกๆของคนตัวเล็ก มือขวาคว้าตะเกียบขึ้นมาม้วนเส้นมาม่าที่เหลืออยู่เป็นก้อนกลมเล็กๆแล้วยื่นไปเจ่อตรงหน้าคิมฮีชอล

     

    “มีมือเป็นจองตัวเองครับพี่ แดกเองได้” ร่างบางเอ่ยปัดพร้อมกับเบือนหน้าหนี  ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ถูกคนตรงหน้าปฏิบัติเหมือนกับเป็นเด็กเล็กๆ

     

                    “อ่ะๆ อ้ามมมมๆ” กดเสียงแบนก่อนจะจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้จนคนน่ารักทนไม่ได้จับข้อมือคนข้างหน้าหักเข้าจนตะเกียบทิ่มเข้าปาก

     

                    ถึงจะรู้ว่าต้องเจ็บตัวแต่พอเห็นท่าทางน่ารักๆนั่นมันก็อดแกล้งไม่ได้ซักที

     

                    “ฝนมาของจริงแล้วว่ะ มึงเข้าไปก่อนๆ เดี๋ยวกูเก็บของเข้าไปให้เอง “

                    “อือๆ” ฮีชอลพยักหน้ารับก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเข้าห้องไป ปล่อยให้อีกคนหอบหม้อหุงข้าวพร้อมคาบตะเกียบไว้ในปากวิ่งตามเข้ามา


                    ไม่นานฝนก็ตกเทลงมาอย่างรวดเร็ว ลมแรงคล้ายพายุพัดผ่านอย่างแรงจนได้ยินเสียงใบไม้กระทบกันเสียงดัง เสียงฟ้าร้องดังโครมครามที่ดังตามมาทำให้ฮีชอลเผลอสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจ

                    “อื้อหือ ตกเป็นพายุเข้าเลยว่ะ ไม่ต้องพึ่งแอร์ละ งั้นกูกลับไปนอนห้องกูนะ” ร่างโปร่งปิดประตูระเบียง จัดการเก็บจานชามเข้าที่ ก่อนจะเดินมาหยิบหมอนและผ้าห่มขึ้นมาเตรียมเดินกลับห้อง

                    “พี่จองซู มึงอย่าลืมเอาซากอารยธรรมมึงกลับไปด้วย” ฮีชอลหยิบซากบอกเซอร์ตัวเก่าหลายตัวที่อีกคนมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดห้องเค้าแล้วลืมเอากลับไปทุกทีขึ้นมาแล้วปาใส่ร่างโปร่งที่ยืนยิ้มทะเล้นอยู่อย่างน่าหมั้นไส้

                    “เอาของกูไปแอบดมบ้างป่ะเนี่ย”

                    “กูไม่ใช่มึงนะสัด”

                    “ฮ่าๆๆ ซักให้กูด้วยเหรอ แท่งคิ้วครับน้อง กูไปล่ะ”

                    “มึงอย่ามา ที่เอามาทิ้งไว้นี่ไม่ใช่เพราะจะเนียนให้กูเอาไปซักให้หรอกเหรอ อย่าคิดว่ากูตามมึงไม่ทันนะไอ้แก่ ไปๆๆ กลับรูมึงไปได้แล้ว” คนตัวเล็กปัดมือไล่ ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดประตูตามหลัง

     

                    ครืนนนน…..!

     

                   

     

                    “เหี้ยแม่มึง!”          

                    เสียงฟ้าฝ่าดังครืนทำให้ฮีชอลสะดุ้งพร้อมสบถออกมา คนตัวเล็กพ่นลมหายใจออกมาแรงๆอย่างอารมณ์เสียเมื่อเสียงฟ้าฝ่าเวรนั่นทำให้เค้าตกใจเป็นครั้งที่สอง

     

                    ฮีชอลเป็นคนไม่ค่อยชอบเสียงดังๆซักเท่าไหร่ เป็นคนขี้ตกใจ แล้วก็ไม่ค่อยชอบความมืด

     

    จากการใช้ชีวิตวนเวียนอยู่รอบตัวร่างเล็กเหมือนวิญญาณที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเกือบๆสามเดือน ทำให้ปาร์คจองซูเริ่มรู้จักเด็กคนนี้มากขึ้น รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับคนที่ชื่อคิมฮีชอลจองซูจำได้ดี

     

                    “ไปนะ…?” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เผื่อว่าตัวเองจะพอมีประโยชน์อะไรบ้างอย่างน้อยแค่อยู่เป็นเพื่อนก็ยังดี

     

                    “เออ ไปเหอะๆ ไม่เป็นไรหรอกแค่ฟ้าร้อง ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”

     


                    ครืน!!!!!!!!!!

     



                    “เหี้ยแม่มึงตาย!!!” ร่างเล็กสะดุ้งอย่างแรงอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นปิดหู ตาคู่สวยหลับแน่น เหงือเม็ดเล็กค่อยๆผุดขึ้นที่ขมับทั้งสองข้าง

                    “เห้ย ไหวมั๊ย” จองซูสอดตัวเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะบีบไหล่เล็กเบาๆ แต่คิมฮีชอลกลับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งแล้วส่ายหน้าช้าๆ

                   

    “แค่ตกใจ ไม่ได้เป็น

     

    ครืนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    “โอ้ยไอ้ฝนเหี้ย มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย”

     

     

    ครืน ครืน….

     

    “นะ” ท้ายประโยคอ่อนลงเป็นการขอร้อง ทำหัวใจของอีกคนสั่นไหวพอๆกับเสียงฟ้าผ่า

     

    “กลัวก็บอกสิ อย่าซึน” ร่างโปร่งผลักหัวคนปากแข็งเบาๆพร้อมกับขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเล่นจนฮีชอลหันมาแยกเขี้ยวใส่

     

    หลายครั้งที่เคยมากินๆนอนๆอยู่ในห้องสีครีมโทนสว่างนี่ แต่ถ้าห้ามใจตัวเองได้ ปาร์คจองซูก็ไม่อยากพาตัวเองเข้ามาในบรรยากาศอย่างนี้บ่อยมากนัก

     

    เคยได้ยินมั๊ย

    ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหวยิ่งห้ามใจยาก

     

     

     

     

    คิมฮีชอลไม่ชอบปิดไฟนอน ... เป็นเหตุผลที่ปาร์คจองซูไม่เคยเห็นห้องข้างๆปิดไฟมืดสนิท นอกซะจากเวลาร่างเล็กไม่ได้อยู่ในห้อง ฮีชอลเป็นคนนอนน้อย วันหนึ่งๆกว่าจะได้นอนก็ตีสองเกือบตีสาม แต่หกโมงเช้าก็ต้องตื่นไปเรียนอีกแล้วฮีชอลชอบขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เป็นเหตุผลที่ปาร์คจองซูชอบเล่นกีต้าร์เสียงดังๆล่อให้เพื่อนข้างห้องออกมาตะโกนด่าเล่น หรือไม่บางทีก็โดนเรียกไปใช้แรงงานลอกรายงานในห้อง

    จริงๆก็แค่อยากเห็นหน้าบ้างเท่านั้นแหล่ะ

     

    “ใส่หูฟังนอนดิ เปิดเพลงดังๆจะได้กลบเสียงฟ้าผ่าไง” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กเริ่มมีเหงื่อซึมออกมามากขึ้น เห็นท่าว่าคืนนี้ฮีชอลคงจะหลับไม่ลงง่ายๆ ทั้งๆที่นานๆทีจะได้มีเวลาพักผ่อนมากกว่าสามชั่วโมงแท้ๆ

     

    “ไม่ชอบใส่หูฟังนอน เสียสุขภาพหู”

    “มาอนามัยอะไรตอนนี้ครับน้องหมอ - - “ พูดเสียงเนือยๆก่อนจะกวาดตามองรอบห้องว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยให้คนตัวเล็กหลับลงได้บ้าง

     

    ขืนฝนตกยันเช้านี่คงไม่ต้องหลับต้องนอนแน่ๆ พรุ่งนี้ก็ต้องมีเรียนเช้าอีกไม่ใช่รึไงเนี่ย ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาแล้วต้องหยุดเรียนทั้งๆที่ใกล้สอบนี่ไม่แย่เหรอ

     

    บ่นในใจซะยาวเหยียดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวอีกคนจะอารมณ์เสีย คิมฮีชอลไม่ชอบเวลาถูกมองเป็นเด็กเล็กๆ

     

    “แล้วนั่นจะไปไหน?” เสียงขุ่นๆถามขึ้นเมื่อเห็นว่าจองซูกำลังจะเปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง

    “ไปเอากีต้าร์ เดี๋ยวเอามาเล่นกล่อม” ร่างโปร่งหันมาตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย

    “สงสารหูกูหน่อยเถอะ แค่ฟ้าร้องอย่างเดียวกูก็เสียสุขภาพจิตจะแย่แล้ว”

    “ไม่เอาเหรอ?”

     

     

    เออตามใจ จะเล่นก็เล่นเถอะ ไปเอามาเร็วๆ อย่าท่ามาก” สุดท้ายปากที่เบะอย่างหงุดหงิดก็พูดส่งๆให้อีกคนไปเอากีต้าร์มาเล่นจนได้

     

    น้องหมอซึนตลอด -///////////-

     


    ไม่นานร่างโปร่งในชุดเสื้อกล้ามกับบอกเซอร์เน่าๆ ก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกีต้าร์โปร่งตัวเก่งในมือ เสียงฟ้าร้องที่ดังเปรี้ยงปร้างเป็นพักๆดูเหมือนจะทำให้ฮีชอลใกล้ประสาทเสียเต็มที ร่างเล็กนั่งกอดก้อนกลมๆสีเทาไว้บนตักแล้วบ่นพึมพำกับฮีบอมเหมือนกำลังเข้าใจกันอยู่แค่สองคน และทันทีที่จองซูเดินเข้าไปใกล้ เจ้าแมวปิศาจก็ช้อนนัยน์ตาสีเขียวน่ากลัวขึ้นจ้องร่างโปร่งเขม็ง ก่อนจะกระโดดหายตัวเข้าไปใต้เตียง

     

    แมวเหี้ยไรน่ากลัวยิ่งกว่าผี -_-;

     

    “อ่าเล่นไรดี” ปาร์คจองซูทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มก่อนจะเริ่มจีบคอร์ดเล่นแล้วดีดเอ็นกีต้าร์เบาๆแววตาคมเลื่อนไปมองคนที่เพิ่งหยิบหมอนมานอนอยู่ข้างๆราวกับจะถามว่าอยากฟังอะไร

     

    “ไรก็ได้ เอาให้เหมือนคนเล่น” ประโยคกวนประสาทถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม พร้อมตาคู่สวยที่ลืมตาแป๋วไม่มีท่าทีว่าจะง่วงเลยแม้แต่นิด

     

    ชอบหลอกด่ากูพร้อมทำหน้าแบบเนี้ยะ ใครจะโกรธลง ….. =///////////=

     

    “เออ ใช่ๆ อยากฟังเพลงนั้นอ่ะ เพลงพรหมลิขิต ชอบเล่นเปียโนบ่อยๆ อยากฟังเวอร์ชั่นกีต้าร์บ้าง พี่เล่นเป็นเปล่า?” ร่างเล็กเด้งตัวขึ้นมานั่งข้างๆพร้อมเขย่าแขนจองซูเบาๆ ใบหน้าคมพยักหน้ารับอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะเริ่มวางเรียวนิ้วกดลงบนคอกีต้าร์อีกครั้งกีต้าร์โปร่งเริ่มบรรเลงทำนองเพลงช้าๆ พร้อมกับริมฝีปากบางที่เริ่มเอ่ยร้องเนื้อเพลงออกมาเบาๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     “พรหมลิขิตบันดาลชักพาดลให้มาพบกันทันใด

     

     

     

     

     

    =_____________=….





    “พี่จองซู

     

     

    “ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิต ใจ

                   

                    “ไอ้เชี่ยพี่จองซู!

                    “หือ.. อะไร?” คนที่วิญญาณอาร์ตติสต์กำลังสิงร่างเต็มที่สะดุ้งหันมาทำหน้าตาหรอหรามองร่างเล็กที่กำลังขำจนตัวงอพร้อมกับทุบเตียงอย่างบ้าคลั่ง

                   

                    “พี่จองซู ไอ้ 555555555555555555555 สัด แม่ง55555555555555555555555 5555555555555555555 …โอ้ย เชี่ยหายใจไม่ออก 555555555 555555555555555 5555555555555555555555

     

                    “ขำห่าอะไรน้องฮี ( ‘    ‘ ) “ ปล่อยให้คนตัวเล็กชักดิ้นชักงอขำเป็นบ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าบื้อๆ

     

                    “555555555555 กูขอพรหมลิขิต  ….วง บิ๊กแอส ….5555555555555 สัดมึงเล่นสุนทราภรณ์เลยเหรอ 5555555555555555555555 เก๋าสัดๆ โอ้ย ฮาไม่ไหวแล้วห่า 55555555555555555555555555555555555555

     

    ( ‘    ‘ ) ….

    กูเข้าใจผิดเหรอ?

     

    “พี่จองซู แฮ่กแปบนะกูหายใจไม่ทัน ………” คิมฮีชอลยันตัวลุกขึ้นมาจับแขนจองซูไว้แน่นก่อนจะหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากการเกร็งตัวหัวเราะเกือบสิบนาที

     

    5555555555555 สัด สุนทราภรณ์อ่ะมึง 5555555555555 โอ้ย หน้าแม่กูลอยมาเลย 55555555555 ความพยายามกลั้นขำของฮีชอลประสบผลล้มเหลว พร้อมกับร่างเล็กทิ้งตัวลงไปหัวเราะพรวดอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ชักดิ้นชักงอเป็นจังหวะเดียวกับเสียงฟ้าร้อง จนจองซูนึกว่ากำลังเล่นกีต้าร์ให้คนป่วยลมบ้าหมูฟัง

     

    น้องหมอเป็นอะไรมากมั๊ย -_______-

     

    “ฮึก โอเคๆ …. กูโอเคล่ะ” คิมฮีชอลยันตัวลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนเริ่มนั่งเท้ากีต้าร์หน้าเหี่ยวอย่างเซ็งๆที่คนตัวเล็กไม่ยอมหยุดหัวเราะซักที

     

    มือบางยกขึ้นลูบใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะแรงหัวเราะเพื่อกลั้นขำเอาไว้ พยายามไม่นึกถึงเพลงที่จองซูเล่นเมื่อกี๊เพราะกลัวจะหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง

     

    “มึงเล่นเพลงหลง พ.. มากพี่จองซู โคตรอินดี้ 5555

    “แล้ว พ.. นี้เค้าต้องเล่นอะไรครับน้อง สอนสิสอน” ฮีชอลชี้นิ้วขึ้นด้วยท่าทางมาดมั่นก่อนจะเอื้อมไปหยิบไอโฟนมาเสียบหูฟังแล้วส่งให้ปาร์คจองซู นิ้วเรียวจิ้มไปบนหน้าจอเพื่อเปิดเพลงที่ต้องการ พร้อมคอร์ดกีต้าร์แต่ละวรรคเลื่อนขึ้นมาตามเนื้อเพลง

     

    “ถ้าเล่นเพลงนี้ได้ภายในสิบห้านาที เดี๋ยวพาไปเลี้ยงชาบู” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะเสียบหูฟังใส่หูของร่างโปร่งทั้งสองข้างแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำรอ แต่ก็ยังไม่วายหันมามองหน้าคนเล่นกีต้าร์แล้วหลุดหัวเราะออกมาอีกชุดใหญ่

     

     

    แต่ปาร์คจองซูก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนนี้ในหัวมีแค่

     

    ….กินชาบูกับน้องหมอ  +///////////+

     

    ประโยคเดิมดังซ้ำๆในหัว ร่างโปร่งเม้มปากแน่นตัดสินใจแน่วแน่ ว่าไม่ว่าเพลงจะยากแค่ไหน แต่มีคอร์ดมาให้แล้วแค่นี้เรื่องสิวๆ ปาร์คจองซูแคนดู!

     

     

    กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน

     

     

                    คุณพ่อมึง…. เพลงเกาหลี OTL….

                    จังหวะแอ๊บแบ๊วด้วยชิบหาย

     

    คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันน้อยๆเมื่อท่อนแรกขึ้นมาก็ทำเอามึนไปหลายวิ

     

    ฟังรอบแรกจบไปหมดเวลาไปสามนาที ...จองซูพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนเจ้าตัวจะเริ่มตั้งสติ มองชื่อคอร์ดที่เริ่มเลื่อนไปเรื่อยๆแล้วดีดตามช้าๆ พยายามจับจังหวะเปลี่ยนคอร์ดให้ทัน ก่อนจะกรอเพลงซ้ำไปมาหลายต่อหลายครั้ง

     

    ทำนองเพลงเร็วที่ถูกเปลี่ยนเป็นแบบอคูสติกช้าลงเพื่อให้เล่นง่ายขึ้นทำให้ร่างโปร่งเริ่มจับทางได้ ด้วยความที่คอร์ดไม่ได้แปลกประหลาดหรือเปลี่ยนยากมากนัก เลยทำให้เสียงกีต้าร์โปร่งเริ่มบรรเลงออกมาเป็นทำนองเพลงที่ใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    รอบแรกผ่านไปแบบทุลักทะเล ก่อนที่รอบที่สอง และรอบที่สามจะกลายเป็นเพลงที่พอฟังได้มากยิ่งขึ้น

     

    “ปิ๊บบบบ! หมดเวลาแล้วคนแก่” ร่างเล็กวิ่งออกมาจากห้องน้ำก่อนจะกระโจนลงบนที่นอนเสียงดังตุ๊บจนร่างโปร่งเกือบจะเซล้มตามลงไป

     

     

    “เออๆ เล่นอ่ะพอได้ แต่ร้องไม่เป็นนะเว้ย”

    “รู้แล้ว ขึ้นมึงร้องอีกครั้งกูขำตายห่าแน่ 5555555 …เดี๋ยวร้องเองๆ”

     

     

    น้องหมอจะร้องเพลงให้กูฟัง  …. v///////////v

     

     

    “ให้ครั้งเดียวนะ ถ้าผ่านเดี๋ยวเลี้ยงชาบูๆ โอเค้? ” หันมาทำตาแป๋วใส่อีกครั้งก่อนจะรับไอโฟนจากร่างโปร่งมาถือไว้ระหว่างกลางคนทั้งสองเพื่อดูเนื้อร้อง และให้อีกคนดูคอร์ดไปพร้อมๆกัน  …ปาร์คจองซูสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

     

    “โอเค …1 …2 …3 …

     

     

     

     

     

    กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน

     

    กาน จิ กาน จิ มา อุ มิ กาน จิ รอ

     

     

     

    (หลับตาแล้วฟังจ้า…)

                    

     



    เสียงหวานใสค่อยๆร้องคลอไปตามเสียงกีต้าร์เบาๆ ทำนองเพลงจังหวะสนุกสนานถูกเปลี่ยนเป็นแบบอคูสติกบรรเลงไปอย่างลื่นไหล แววตาใสหันมามองคนที่ตั้งอกตั้งใจเล่นกีต้าร์อยู่ข้างๆ ท่าทางมุ่งมั่นของปาร์คจองซูทำให้อีกคนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ริมฝีปากเล็กร้องตามเนื้อเพลงไปเรื่อยๆเรื่อยๆ ….

     


    ทือ ดึ ทืด ทืด ทือ ทื ดือ………..


     

     

    เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายถูกร้องออกมาจนจบ พร้อมกับเสียงนุ่มทุ้มของกีต้าร์โปร่งที่ค่อยๆเบาลง

     

     

                    “….ไงผ่านมั๊ย…?” ปาร์คจองซูปล่อยมืออกจากคอกีต้าร์ก่อนจะหันไปถามตัวตัวเล็กข้างๆด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้นแบบปิดไม่อยู่

     


                    คิมฮีชอลหงายตัวลงนอนราบไปกับเตียงพร้อมกับชูมือขึ้นมาทำเป็นรูป
    OK…

     

                    Mission complete…

     

                    ปาร์คจองซูยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง ภายในใจจุดประทัดฉลองยิ่งกว่าตรุษจีนใหญ่.. ก่อนจะเดินเอากีตาร์ไปวางเก็บไว้บนเก้าอี้ข้างๆ พอเดินกลับมาก็พบร่างเล็กนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงซะแล้ว

     

                    เสียงฝนตกฟ้าร้องเงียบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มีเพียงแค่เสียงหัวใจของปาร์คจองซูคนนี้เท่านั้นที่เต้นเป็นจังหวะเลิฟๆ

     

                    ร่างโปร่งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มถึงคอฮีชอลอย่างเบามือพร้อมกับค่อยๆถอดแว่นกรอบบางออกมาว่างเก็บไว้บนชั้นวางของข้างๆ

                    แววตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานยามหลับ ที่น่าหลงใหลไม่แพ้ยามตื่น

     

     

                    รักแรกพบไม่ได้จืดจางลงจามกาลเวลา
                    แต่วันวานที่ผ่านมากลับช่วยย้ำเตือนว่าความรู้สึกชั่ววูบนั้นได้เติบโตจนกลายเป็นความรักที่มั่นคง

     

     


                    ร่างโปร่งหยิบไอโฟนของตัวเองที่แอบไว้ออกมาจากกระเป๋าเล็กๆที่บ๊อกเซอร์ ก่อนจะเสียบหูฟังแล้วเปิดไฟล์อัดเสียงที่แอบอัดเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

     

    กือ เด ยู อิ อิบ ซู ริ ดา อือ มยอน

    กาน จิ กาน จิ มา อุ มิ กาน จิ รอ

     

                    เสียงคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง เรียกร้อยยิ้มบนใบหน้าหล่อให้ระบายเป็นวงกว้าง ...

                    ปาร์คจองซูทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ หลับตาฟังบทเพลงเดิมที่ถูกกดเพลซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ

     

     

                   

     ….กินชาบูกับน้องหมอ  v///////////v

     

     

     

     

    To be con.

     

                   

     

                    ลองหลับตาฟังเพลง Aing นั่นหลายๆรอบนะคะ เสียงอ้อนมาก โคตรเขินนนนน อยากดิ้นตาย ฮึก… TwT

                    ขอบคุณพี่เอิงที่เอาเพลงนี้ลงบลอคค่า ไปเจอถูกจังหวะพอดีเลยจับมาใส่ฟิคซะเลย 555…โอ้ย ชอบจริงๆ

                    ไม่รู้ตอนมันยาวขึ้นหรือเว้นบรรทัดเยอะ 5555 แต่แต่งเรื่องนี้แล้วรู้สึกแฮปปี้เวลาเขียน เกรียนไปเรื่อยๆอย่างนี้แหล่ะ ไม่ดราม่า ไม่หักมุมใดๆทั้งสิ้น

                    ถ้าคนอ่านแฮปปี้เหมือนกันก็ขอเม้นสร้างกำลังใจหน่อยนะคะ

     

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×