ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เธอชื่อ..น้ำค้าง
แปะๆ
ซ่าซ่า
.เสียงตอนแรกเป็นเสียงของน้ำไม่กี่หยด แต่เสียงตอนหลัง
กลับเป็นเสียงน้ำจำนวนมากที่ล่วงหล่นมาจากท้องฟ้า จากนั้นก็มีแสงวับผ่านตา
เหมือนมีคนกดชัตเตอร์จากบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง ครืนๆ
เสียงเหล่านี้ปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหลในช่วงเช้า ก็ปกติผมเป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว
เสียงดังแค่นิดหน่อย ผมก็ต้องเป็นสะดุ้งตื่นทุกครั้งไป อย่าว่าแต่เสียงฟ้าร้องเลย
ผมงัวเงียขึ้นมาดูนาฬิกาที่หัวเตียง
“ตายล่ะ จะ7โมงแล้ว สายแน่ เรา” ผมลุกลี้ลุกลน ไปอาบน้ำทันที
เช้านี้เป้นเช้าที่ 5 แล้วที่ผมต้องตื่นไปเรียนพิเศษแต่เช้า เห้อ ก็ไม่รู้ว่าผมจะทนได้ถึง 20 วันรึป่าวนะ
ทำไมต้อง 20 วันน่ะหรอ? ก็คอร์สที่ผมเรียนมันมี 20 วันน่ะสิ นี่ก็พีงวันที่ 5 เอง
ทำไมเวลาช่างผ่านไปช้าขนาดนี้นะ
.
วันนี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาซะเลย แค่ผมตื่นมาก็หนักหัวเอามากๆ
คงเพราะ เมื่อวานผมนอนไม่พอแน่ๆเลย เมื่อวานผมใช้เวลาตั้งนานกว่าจะข่มตาลง
ก็เมื่อวานผมเจอกับเรื่องบางอย่าง ที่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเจอคืออะไร
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ ผมเรียนพิเศษเสร็จ
“เฮ้ย กูกลับละนะ ไอข่าย”
“เออๆ โชคดีเว้ย”
ผมร่ำลากับไอข่ายที่ป้ายรถเมล์ เพราะ มันต้องนั่งรถเมล์กลับ
ส่วนผมต้องเดินไปขึ้นไปรถไฟฟ้า ที่อยู่ถัดไปอีก
แต่ตลอดเวลาที่ผมเดินไปรถไฟฟ้า ผมกลับรู้สึกอยู่น่ะว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามผมอยู่
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนะ ทั้งๆที่ผมไม่ได้มองกลับไปแต่รู้สึกได้ว่ามีคนเดินตาม
คุณก็คงเคยเป็นใช่ไหม เวลาที่ใครบางคนจ้องมองคุณ คุณมักจะรู้สึกได้โดยที่ไม่ต้องมอง
นั่นแหละความรู้สึกเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนนี้ ผมพยายามเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพื่อจะสลัดให้หลุด
จากใครบางคนที่ตามผมอยู่ แต่ไม่ว่าผมจะเดินเร็วแค่ไหน ความรู้สึกนั้นก็ยังไม่หายไปสักที
และไม่ว่าผมจะหยุดมองกลับไปสักกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะมีใครเดินตามเลยสักคน
แต่นี่มันตอนบ่ายนะ แสงแดดยังคงมีอยู่ คงไม่ใช่ภูตผีปีศาจแน่นอนที่มาเดินตาม
ถ้าไม่ใช่ผี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุดแล้ว อย่างอื่นผมก็ไม่กลัวแล้วแหละลูกผู้ชายซะอย่าง
ผมเลยตัดสินใจว่า ช่างมันละ ปล่อยให้มันเดินตามไปเลย อยากตามเท่าไรก็ตามสบาย
ผมค่อยๆผ่อนฝีเท้า และเดินฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี ให้ไอคนที่เดินตามรู้ว่า
ผมไม่แคร์และไม่กลัวมัน อยากตามก็เชิญตามสบาย
จนความรู้สึกนั้นมันมาหายไปตอนที่ผมลง รถไฟฟ้า ที่สถานีแถวบ้านผม
แสดงว่าไอนั่นมันตามผมมาจนถึงแถวบ้านผมเลยนะเนี่ย
แต่ช่างมันเถอะ ต่อให้ตามมาถึงแถวๆนี้ก็ไม่รู้ที่อยู่บ้านผมหรอก
ดูเหมือนมันจะผ่านไปโดยไม่มีอะไรใช่ไหม แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น
ก็ก่อนจะนอนผมดันนึกขึ้นได้ว่า ตลอดทางที่ผมเดินไปขึ้น รถไฟฟ้า
คนที่เดินสวนมากับผมมักจะมองตาค้างไปที่ด้านหลังผมประจำ
บางคนนี่มองจนคอแทบจะหมุน180องศาอยู่แล้ว
ทำให้ผมอดไม่คิดไม่ได้ว่า สิ่งที่เดินตามผมมามันคืออะไรกันแน่
ถึงทำให้ผมผู้คนเกิดอาการ ช๊อค ตาค้างได้ขนาดนั้น
คงต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวแน่นอน บรื๋อ ขนลุกเลยแฮะ
และนั่นแหละ เป็นสาเหตุที่ผมไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน กว่าจะข่มตาหลับ
ก็ปาเข้าตี2ตี3เข้าไปละ
โอย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เช้านี้จะเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ยยยย
“เอาร่มไปด้วยสิ ดิน”
“ไม่เอาอ่ะแม่ ตกปอยๆเอง ไม่เป็นไรหรอก”
“ตกปอยๆเขาว่าเป็นหวัดง่ายกว่านะลูก”
“เป็นก็สิแม่ จะได้ไม่ต้องไปเรียน”
“เอ๊ะ ไอลูกคนนี้
”
“ไปละคร้าบบบ
.” ก่อนที่แม่จะทันมาเพ่น กบาล ผม ผมก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านซะก่อน
ตลอดทางที่ผมเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปเรียนพิเศษ
มีฝนตกปอยๆ ตลอดทาง เมื่อผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ก็เห็นสายฝนค่อยตกลงมาเป็นทางยาว เป็นเส้น ขาวๆนับร้อยนับพันเส้น
เป็นฉากระหว่างการเดินทางของผม ที่ไม่เลวทีเดียวเลยนะผมว่า
แต่จากการมองฝนที่ตกโปรยปรายในวันนี้
ทำให้ผมคิดถึงเกม อยู่เกมนึงนะ รู้ไหมว่าเกมอะไร?.....เฉลยนะ
เกมนั้นคือ harvest moon เกมปลูกผักสุดฮิต บนคอนโซลplaystation1และ2
ก็ในเกมผมมันอยู่ในช่วงหน้าฝนนี่ ช่วงนี้ ผมเลยไม่ต้องไปรดน้ำต้นไม้ รอเก็บผลอย่างเดียว “ฮ่ะๆ”
แต่ส่วนหนึ่งที่ผมชอบเล่นเกมนี้ เพราะ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า อย่างน้อยๆวันนึง
เราก็ได้ปลูกผัก ให้อาหารหมา เลี้ยงไก่ แปรงขนม้า สูบนมวัว ตัดหญ้า ออกไปเก็บเห็ด หรือขายของ
ซึ่งในชีวิตจริงผมยอมรับว่าผมคงไม่ขยันขนาดนั้น แค่งานที่บ้านผมยังขี้เกียจจะทำเลย
เฮ้ออ
ผมว่าเกมนี้มันเติมเต็มความรู้สึกของคนขี้เกียจ ทำให้ตัวเองดูมีคุณค่าขึ้นมา แม้จะเป็นแค่ในโลกจำลอง แต่แค่นั้นคนเราก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรอ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกมนี้ฮิตกันมากอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ผมเองดันมาสวนกระแสชอบเกมนี้เอาตอนที่ เขาเลิกเล่นกันไปหมดแล้ว
ผมเดินคิดอะไรเพลินๆมาเรื่อย สายตาผมก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย(ไม่ได้สะทกสะท้านเล้ย ว่ากำลังจะสาย)
แต่แล้วสายตาผมก็ต้องมาสะดุดกับใครบางคน
“เฮ้ย นั่นมันนางฟ้าคนนั้นนี่นา มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” ผมคิดอยู่ในใจ
ในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะเข้าไปทักเธอดีไหม เธอกลับเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาผมซะเอง
“สวัสดีค่ะ ใช่คนที่อยู่ห้องเดียวกันรึป่าว”
“อ่ อ๋อ ใช่ครับๆ” ผมตะกุกตะกักตอบไปอย่างตื่นเต้น
“แล้วนี่กำลังจะไปเรียนหรอคะ”
“ครับ” เธอถามคำ ผมก็ตอบคำ ทำไมนะต่อหน้าเพื่อน ผมมักจะพูดมาก จนเพื่อนต้องบอกให้หยุด
แต่พออยู่ต่อหน้าเธอ สมองผมกลับว่างเปล่า จนคิดอะไรไม่ออกเลย
ที่ผมรู้สึกมีเพียงอย่างเดียว คือ ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงเอามากๆ
นี่ผมกำลังเป็นอะไรเนี่ย ถึงแม้ผมจะตื่นเต้นเวลาคุยกับผู้หญิงทุกคนที่ไม่รู้จัก
แต่ครั้งนี้เกินไปแล้วจริงๆ ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ลำคอตีบ เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
นี่เรากำลังเป็นอะไรกันแน่!
ผมทำอะไรไม่ถูกได้ยืนมองหน้าเธออยู่อย่างนั้น สักพักผมก็เห็นแก้มเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
สุดท้ายเธอก็หลบตาผม ก่อนถามผมว่า
“หน้าฉันมีอะไรติดหรอไง ถึงได้มองอยู่ได้”
“ข..ขอโทษครับ” ผมพึ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทกับเธอไป ก็ได้แต่ขอโทษเธอไปอย่างกระอักกระอ่วน
ก่อนที่ผมจะทำอะไรไปโดยไม่คิดอีก ผมว่าผมรีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“นี่เธอก็ไปเรียนเหมือนกันใช่ป่ะ”
“อื้มมม”
“งั้น
.เรา เอ้ย เธอไปด้วยกันไหม” นี่ผมทำอะไรลงไปโดยไม่ตั้งใจอีกแล้วสิ
และนั่นทำให้หน้าของเธอที่แดงอยู่แล้ว แดงเข้มขึ้นไปอีก จนผมเริ่มจะสงสัยแล้วว่าเธอเป็นอะไรกันแน่
“เธอเป็นอะไรรึป่าว ทำไมแก้มแดงจัง”
“บ้า! ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย
.รีบไปกันเถอะ สายแล้ว” ผมทำอะไรผิดเนี่ย ทำไมต้องมาว่ากันด้วย
คนเค้าอุตสาห์เป็นห่วงแท้ๆ เฮ้อ
ขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไป ก็นึกขึ้นได้ว่า ผมยังไม่ได้ซื้อบัตรเลย
“เดี๋ยวผมขอซื้อบัตรก่อนนะ แล้วจะตามเธอไป” ผมบอกเธอในขณะที่เธอกำลังจะเดินไป
เธอหันกลับมาหาผม มุมปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่มีวันลืมตลอดชีวิต
“ฉันชื่อ น้ำค้าง ค่ะ แล้วนาย
.”
“ผ่ ผมชื่อ ไอดิน ครับ เรียกสั้นๆว่า ดินก็ได้”
เธอหัวเราะคิกเบาๆ ก่อนตอบว่า
“ชื่อแปลกจังเลยนะคะ แต่ก็น่ารักดีนะ”
“ข ขอบคุณครับ” ผมเริ่มจะรับความน่ารักเธอไม่ไหวซะแล้ว พูดอะไรไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ ติดๆขัดๆไปหมด
ผมเลยรีบเดินกลับไปซื้อบัตรรถไฟฟ้า ทางหนึ่งเพราะมันสายแล้ว อีกทางหนึ่งคือ กลับมาตั้งตัว
รับความน่ารักของเธอที่จะบุกจู่โจมผมละรอกใหม่ด้วย
ตอนพักของวันนี้ ผมรีบเข้าไปอวดไอข่ายทันที
“เฮ้ย กูรู้ชื่อเค้าแล้วโว้ยยย”
“จริงอ่ะ ชื่อไรวะ”
“น้ำค้าง เข้ากับชื่อกูพอดีเลยว่ะ พรหมลิขิตแน่นอน”ผมพูดพลางมองไปข้างบน ทำตาปริบๆ
“อย่าๆ เพ้อเจ้อละมึง”
“ไอนี่นิ ปล่อยกูเข้าข้างตัวเองบ้างก็ได้นะ” ผมเริ่มจะหมั่นไส้มันตะหงิดๆละ มันขัดผมตลอดเลย
“เอ้อ กูขอโทษ กูมันผิดเอ้งงงง” มันพูดเสียงสูงและทำหน้ากวนเบื้องล่างใส่ผม
“ไอ้ข่ายยยยยย” ผมพูดพลางวิ่งเข้าไปหามัน ยังไงก็ขอเตะก้นสั่งสอนมันสักที
ไอ้ข่ายที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว เมื่อเห็นผมวิ่งเข้ามา ก็วิ่งนำผมไปทันที
ด้วยความที่มันตัวสูง และ ขายาวกว่าผม ทำให้ผมไล่มันไม่ทัน สุดท้ายผมก็ต้องหยุด
เพราะไล่มันต่อไม่ไหวแล้ว
“แฮ่กๆ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ผมพูดพลางหอบหายใจ
“แฮ่กๆ เอ้อ รีบมาเอาคืนนะมึง” สภาพมันก็ไม่ได้ต่างจากผมเท่าไร วิ่งกันจนหอบทั้งคู่
“คิกคิก” เสียงหัวเราะจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“เล่นกันเป็นเด็กๆเลยนะคะ” เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยว เสื้อตัวเล็กและกางเกงขาสั้นปริ๊ด
พ่วงด้วยสีสันลายตา ตัดกันอย่างรุนแรง เรียกได้ว่า คนที่ใส่ชุดนี้ได้ต้องมั่นใจในตัวเองไม่น้อยเลย
“ครับ ก็นิดนึงฮะ” ผมพูดพลางยกมือเกาหัว
“คิกคิก น่ารักจัง ฉันชื่อ ลูกอม ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
โห แรงแฮะ มาถึงก็มาชมเรา และแนะนำตัวเลย แต่นี่เราน่ารักจริงหรอเนี่ย โอย จะลอย
“ครับ ผมไอดิน นะยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“ว้าย ชื่อน่ารักจังเลยอ่ะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ จะรีบไปซื้อของก่อน เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันหน่ะ”
“ค่ะ แล้วเจอกันนะ”เธอพูดพลางขยิบตาข้างเดียวให้ผม แล้วเดินจากไป
เอ้อ มันแปลว่าไงกันน้า ไอ้อาการที่อยู่ดีๆก็หน้าแดง และ การขยิบตาข้างเดียวให้เนี่ย
ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ เฮ้อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น