คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๔
สีเภาว่าสังหารเจียงหัมแล้วจะทำเช่นใดต่อ กำฮอดและพะสินนิ่งอยู่ สีเภาว่าคนไทเราเองยังไม่สามัคคีเลยขุนส่าข้ารับใช้จิ๋นจากแคว้นข่านุไม่ร่วมข้างเราแน่นอน เจ้าพลายแห่งแคว้นเงินยาง แคว้นยุโร ทองด้วงแห่งแคว้นลือ สามแคว้นใหญ่นี้มิรู้ว่าอยู่ข้างไหนแน่ชัด ชาวจิ๋นต้องกลับมารุกรานเราอีกแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นสิบสองพันนาจะพินาศเป็นแน่แท้ด้วยเหตุที่ว่าเรายังไม่มีผู้นำเด็ดขาด กำฮอดและพะสินเห็นด้วยแล้วว่าข้าทั้งสองผิดเอง พะสินจึงว่าข้าจะกลับไปว่ากล่าวแก่เจ้าเมืองลือให้ช่วยชาวเชียงแสรบกับพวกจิ๋น พวกสูทั้งสองจงคิดหาวิธีชักชวนแคว้นที่เหลือเถิด กำฮอดจึงให้ผาเมืองที่มาจากแคว้นยุโรให้ไปว่ากล่าวกับเจ้าเมืองของตนให้ร่วมมือกับชาวเชียงแส กำฮอดนั้นนอนคิดเรื่องผู้นำที่สีเภาว่าใครกันที่จะเหมาะสมจนเผลอหลับไป และฝันไปว่า มีผู้เฒ่าแขนเดียวแต่งกายสีขาวมาเรียกกำฮอดๆ สูออกมาพบกับข้าเสียหน่อยเถิด กำฮอดออกไปหน้าบ้านแล้วถามว่าผู้เฒ่าคือใครกันผู้ เฒ่าตอบข้าคืออสูรกายที่อยู่ ณ ทุ่ง ลาดขวัญข้าสิ้นใจในศึกปกป้องสิบสองพันนาข้าร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับบิดาสูแลข้าสละแขนไปพร้อมกับชีวิตข้า แต่พวกข้าปกป้องดินแดนเราไว้ไม่ได้เพราะความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไท จนทำให้พวกสูเดือดร้อนจนทุกวันนี้ ข้ามาเพื่อจะบอกสูว่าพรุ่งนี้สูจงไปดักรอชายผู้นึงที่ประตูเมืองทิศเหนือ และสูจะได้พบกับผู้นำของสู และผู้ที่เฒ่าก็หายตัวไป กำฮอดสะดุ้งตื่นและยินดียิ่งที่บรรพบุรุษชาวไทช่วยเหลือ
รุ่งขึ้นกำฮอดจึงชวนสีเมฆไปที่ประตูเมืองทิศเหนือตามคำที่ผู้เฒ่านั้นบอก ทั้งสองคอยตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ไม่เห็นมีใครอื่นนอกจากชาวเมือง พอทั้งสองกำลังจะกลับสีเมฆเหลือบไปชายผู้หนึ่งขี่เกวียนมาจากทิศเหนือหน้าตาไม่คุ้นเคยเสื้อผ้านั้นเก่าแต่สะอาดกว่าชุดใหม่ด้วยซ้ำท่วงท่ากิริยาดุจผู้มีความรู้ ทั้งสองจึงเข้าถามว่าสูคือใครกันไฉนจึงมิเคยเห็นหน้า ชายผู้นั้นตอบว่าข้าชื่อกุมภวา ข้าเป็นชาวเชียงแสแต่กำเนิด แต่ข้าเที่ยวหาความรู้ในเมืองจิ๋นตั้งแต่ยังเล็ก ข้านั้นมาช่วยสูรบกันชาวจิ๋น กำฮอดดีใจยิ่งนักที่ได้พบผู้มีความรู้ตามคำของบรรพบุรุษจึงว่า สูจงไปคุยกันที่บ้านข้าเถิดครั้นถึงบ้านกำฮอดและสีเมฆจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กุมภวาฟัง กมุภวาจึงว่าพวกท่านทำถูกแล้วขอให้รอจนกว่าจะได้ข่าวจากผาเมืองและพะสินเสียก่อนเถิดจึงจะคิดการ
ที่เมืองลือทองด้วงผู้เป็นเจ้าเมืองนั้นอยากประกาศเอกราชจากจิ๋นมานานแล้วแต่มิรู้จะทำประการใดพอได้ฟังเรื่องของพะสินจึงดีใจยิ่งนัก และกล่าวว่าตัวข้าคิดเช่นสู พะสินเราควรช่วยเชียงแสแต่ตัวข้านี้ชรานักเห็นจะนำทัพมิได้ตัวข้ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่งหากสิ้นพ่อแล้วเห็นทีจะไร้ที่พึ่งขอให้สูแต่งงานกับลูกสาวข้าแล้วขึ้นครองเมืองเถิด สูจะได้ทำการสะดวกขึ้น พะสินว่าข้ารับไม่ได้ตัวข้านี้ยังไม่ได้รับเลือกจากชาวเมืองลือและมิได้เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวลือแต่อย่างใด ทองด้วงว่า สิ่งที่สูกำลังทำนี่อยู่สิน่านับถือที่สุดแล้วคนไทจะได้เป็นไทเสียที ทองด้วงจึงเรียกลูกสาวของตนแว่นทองออกมาพบกับพะสิน พะสินนั้นเห็นนางแว่นทองงามยิ่งนักผิวพันขาวสะอาดดุจสำลีก็มิปานจึงตกลงรับข้อเสนอของทองด้วง แต่มีข้อแม้ว่าจะมารับแว่นทองไปอยู่ด้วยก็ต่อเมื่อไม่มีชาวจิ๋นบนแผ่นดินไทแล้ว
ฝ่ายผาเมืองที่ไปเมืองยุโรนั้นก็ไปเข้าพบที่ประชุมของเมืองยุโร ได้ความว่าชาวยุโรจะมอบทหารแก่ผาเมืองเป็นจำนวน 5000 คน ผาเมืองยินดีนัก จึงให้คนนำสารของตนไปแจ้งข่าวแก่กำฮอด เมื่อสารของผาเมืองและพะสินมาถึงนั้นกำฮอดยินดีนักแลนำให้กุมภวาดู กุมภวาดูแล้วจึงว่าคราวนี้ละคนไทจะได้เป็นไทจริงๆเสียที การกวดขันของทหารจิ๋นถดถอยลงแล้วขนาดสารอันจะนำความพินาศมาสู่พวกมันเดินทางมาพร้อมกันถึงสองฉบับพวกมันยังหารู้ตัวไม่ข้าได้ข่าวจากคนที่ทำงานในจวนข้าหลวงว่าอีก3วันเจียงหำจะออกล่าสัตว์วันนั้นแลคือวันลงมือของเรา กุมภวาจึงส่งสารให้ผาเมืองว่าอีสามวันสูจงยกทหารมาดักซุ้มรอเจียงหัมอยู่หลังเขาภูสันตองทางไปป่าขโมดถ้าเห็นขบวนของเจียงหำเมื่อใดให้โจมตีตัดกลางขบวนอย่าให้หัวท้ายช่วยกันได้ต้อนทหารจิ๋นไปทางแม่น้ำโขงเสียและให้ทัพของพะสินซุ้มรออยู่เหนือแม่น้ำขึ้นไปเพื่อตีกระนาบทัพของชาวจิ๋นให้ร่วงลงแม่น้ำไป แล้วกุมภวาจึงว่าแก่กำฮอดว่า สูจงเกณชาวเมืองเชียงแสที่ใช้ดาบเป็นแลติดอาวุธเท่าที่จะหาได้เผาจวนข้าหลวงเสียเมื่อสูเห็นว่าถึงแก่เวลาคุมเชิงในเมืองเชียงแสอย่าให้ทหารจิ๋นออกไปช่วยเจียงหัมได้ กำฮอด สีเภา สีเมฆ สีหมอก จึงแยกย้ายกันไปนัดหมายไพ่พล
ครั้นถึงกำหนดเจียงหัมจึงออกล่าสัตว์เจ้าป่าเจ้าเขารู้ในความชั่วของเจียงหัม จึงบรรดารกวางป่าสีขาวดุจหิมะวิ่งตัดหน้าเจียงหัมไปตามเส้นทางที่ทัพของผาเมืองดักคอยอยู่ ส่วนเจียงหัมคิดว่ากวางสีเผือกเช่นนี้มิเคยเห็นชะลอยเทพยดาจะส่งมาให้เรากระมัง จึงสั่งทหารมุ่งหน้าตามกวางเผือกตัวนั้นไป ผาเมืองเห็นได้ที จึงตะโกนไปว่าเจียงหัมสูมิต้องให้คนตามล่าข้าอีกแล้วแล้วแลนำทัพเข้าโจมตีทันทีทหารจิ๋นมิทันตั้งตัวจึงแตกหนีไปทางแม่น้ำโขง
ฝ่ายกำฮอดรวมชาวไทได้พันเศษครั้นเห็นเจียงหัมยกออกไปจนเที่ยงแล้วยังไม่กลับจึงเผาจวนข้าหลวงจิ๋นตามที่นัดหมายแลนำทหารไทไล่ฟันทหารจิ๋นตายไปราวห้าร้อยแลยึดประตูเมืองทั้งหมดได้แต่ขณะนั้นมีนายทหารจิ๋นชื่อซุนเจ้งซุนเจียวสองพี่น้องสั่งการทหารจิ๋นอย่างเข้มแข็งนักให้ฝ่าทหารไทไปทางประตูทิศตะวันออกเพื่อไปพบทัพของเจียงหัม สีเมฆสีหมอกเห็นจึงเข้ารบด้วยซุนเจ้งซุนเจียวแต่ทหารจิ๋นฝ่าประตูออกไปได้เสียก่อนกำฮอดจึงสั่งสีเภาสีเมฆสีหมอกติดตามไปส่วนตัวกำฮอดและกุมภวาจะอยู่รักษาเมืองเชียงแส
พอซุนเจ้งซุนเจียวออกจากเมืองมาได้สั่งนับไพร่พลเหลือทัพม้า 700 พลเท้า 4000 เศษเดินทางมาตามหาเจียงหัมแต่ไม่พบ ซุนเจียวผู้น้องจึงว่าทัพไทคงมาดักตีทัพของเจียงหัมเป็นแน่ ทันใดนั้นมีเสียงม้าควบมาข้างหน้าแลข้างหลังพร้อมกันข้างหน้าเป็นทหารของเจียงหัมถูกสั่งให้มาตามทัพไปช่วยเหลือด้านหลังคือทัพไท ซุนเจ้งจึงบอกแก่ซุนเจียวว่าอย่างไรเสียเราก็เสียเมืองเชียงแสแล้วยกทัพไปช่วยท่านข้าหลวงก่อนเถิด ทัพของเจียงหัมน่าจะมีทหารไม่ต่ำกว่า 6000นายรวมกำลังได้เมื่อไหร่ค่อยวกกลับมาตีเชียงแสอีกครา
เจียงหำครั้นหนีมาถึงริมแม่น้ำโขงทหารจิ๋นนั้นวิ่งมาไว้ไม่หยุดกระหายน้ำอย่างหนักต่างคนต่างกรุกันดื่มน้ำ แต่พักยังไม่ทันหายเหนื่อยดี ทัพของผาเมืองและพะสินก็ยกมาโจมตีกระหนาบทัพจิ๋น ฝ่ายจิ๋นนั้นได้เปรียบด้วยทหารฝึกมาอย่างดีแลอาวุธดีกว่าแต่ฝ่ายไทนั้นสู้ด้วยใจเพื่อความอิสระของตัวเองเมื่อตนอ่อนแรงเมื่อใดจะนึกถึงเพื่อนที่ร่วมรบอยู่ด้วยกันแลครอบครัวที่เมืองของตนทำให้แรงที่ฟาดฟันอ่อนลงนั้นกลับมาแรงยิ่งขึ้นไปอีกพร้อมตะโกนว่าเป็นอิสระๆ ซากศพของทั้งไทแลจิ๋นก่ายกันดั้งขอนไม้เลือดไทแลจิ๋นทับถมกันจนแยกไม่ออกว่าศพไทหรือศพจิ๋นมากกว่ากัน
ซุนเจ้งซุนเจียวพอตามทัพเจียงหัมมาจนได้ยินเสียงการสู้รบ จึงสั่งตีกระหนาบทัพไท สีเภาสีเมฆสีหมอกที่ตามหลังมาก็สั่งบุกเช่นกันตะลุมบอนกันเอิกเกริก ต่างฝ่ายต่างสู้กันจนหาได้สังเกตว่าน้ำในแม่น้ำโขงนั้นท่วมเท้าทุกคนอยู่ ทันใดนั้นทหารจิ๋นเริ่มรู้สึกว่าทัพไทมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกทีๆฝ่ายไทเองก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นมิรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและคนไทผู้หนึ่งตะโกนว่าสีเมฆๆข้าพบสร้อยทอง สีเมฆจึงผละจากคู่ต่อสู้แล้วตามหาสร้อยทองทันที แลกล่าวว่าไหนนางอยู่ไหน แะลนางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าสีเมฆ แลกล่าวกับสีเมฆว่า สูทำให้ข้าภูมิใจนักสูสู้เพื่อคนไท ข้านั้นได้กลายเป็นภูตน้ำในแม่น้ำโขงเทพยดาฟ้าดินเห็นใจสูนักจึงให้ข้ามาช่วยสูและบัดนั้นเองแม่น้ำโขงก็ดึงร่างทหารจิ๋นทุกคนลงสูแม่น้ำโขงเหลือเพียงเจียงหัมซุนเจ้งซุนเจียวแลทหารจิ๋นบางส่วนที่มิเคยทำร้ายคนไท
ความคิดเห็น