ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC : Sorry Sorry!! ขอโทษที..คนนี้ผมขอยอม [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : ยกที่ 3 : นายว่า..ขี้ข้า(ไม่ยอม)พลอย

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 54


    Ha .ha




     

    Sorry Sorry!!

    ขอโทษที..คนนี้ผมขอยอม

    ยกที่ 3 : นายว่า..ขี้ข้า(ไม่ยอม)พลอย

     

     



     

                “ไม่ยอม!..ไม่ยอม!..เป็นตายร้ายดียังไงผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด..แม่ไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมนะ..”

                “ฉันไม่สนใจ..จะยอมหรือไม่ยอมมันก็เรื่องของแก..คำสั่งก็คือคำสั่ง..ห้ามแกขัดเด็ดขาด!!..”

                ผู้เป็นแม่หันมาสั่งเสียงดังก่อนจะหันไปจัดการอาหารเย็นของลูกๆ ต่อ มีเพียงโฟนที่ยืนทำท่างิกใส่อยู่ด้านหลัง

                “แม่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!..ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยอมไปเป็นขี้ข้าไอ้หมอนั่นอย่างเด็ดขาด..แม่รู้ไหม..เจ้านั่นมันโรคจิตนะ!..”

                “เลิกพูดจาไร้สาระซะที..และแม่จะบอกให้นะ..แกควรพูดกับพี่เขาดีกว่านี้..ไม่ใช่เจ้านั่นมั่งล่ะ..หมอนั่นมั่งล่ะ..ทำตัวให้สมกับที่มีแม่เป็นอาจารย์หน่อยสิ..”

                “แม่ก็..อย่ามาบังคับผมได้ไหมล่ะ..”

                โฟนทำเสียงอ่อนลงหวังว่าแม่จะเข้าใจ แต่ไม่ใช่เลย ผู้เป็นแม่กลับหันมายิ้มให้ก่อนจะส่งตารางการเรียนของคนที่โฟนจะต้องไปดูแลมาให้

                “ดูไว้ซะ..เมื่อไรที่ชั่วโมงว่างของเขากับแกตรงกัน..แกจะต้องไปดูแลเขา..เข้าใจไหม..”

                “ไม่!!..ประชาธิปไตยอยู่ไหน?..ผมต้องการเรียกร้อง!..”

                “แกพูดไปก็เท่านั้น..ยังไงฉันก็จะให้แกไปเป็นคนดูแลเขา..”

                “สะกดยังไงก็ขี้ข้า..”

                โฟนทำเสียงต่ำและย้ำตรงคำว่า “ขี้ข้า” ให้ผู้เป็นแม่รู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่ก็เท่านั้น ไม่ว่าจะอย่างไรโฟนก็คงต้องยอมทำตาม เพราะคำสั่งที่พ่วงมาด้วย “ค่าขนมตลอดเดือน” และอีกเรื่องที่เขาไม่สามารถบอกได้

     

     

                “หวัดดี..จากนี้คงไม่มีเวลามาเล่นกับเพื่อนแล้วซิมึง..”

                “กูถามจริงเหอะ..เมื่อไรมึงจะเลิกตอกและย้ำกูซักทีวะ..”

                เอ็มเพื่อนรักเดินเข้ามากอดคอแต่เช้า และประโยคทักที่แสนจะชวนให้โฟนเอาอวัยวะส่วนล่างเสยไปกับใบหน้าคมๆ ซักสองสามเปรี้ยง

                “แหม..เมื่อก่อนเห็นอยากเป็นนักเป็นหนา..”

                “แล้วไง..นั่นมันเมื่อก่อนโว้ย!..มึงก็รู้..ว่าไอ้หมอนั่น..เอ๊ะ?..”

                ยังไม่ทันที่โฟนจะพูดจบประโยค แขนของเอ็มก็ถูกใครบางคนกระชากออกไป ไม่เพียงแค่เอ็มเท่านั้นที่ตกใจ โฟนเองก็ตกใจเช่นกัน

                “รุ่นพี่!..”

                “ไอ้โรคจิต!..”

                โฟนและเอ็มร้องออกมาพร้อมกัน สมกับเป็นเพื่อนรักกันเสียจริงๆ แต่เพราะประโยคของโฟนที่เอ็มได้ยินชัดๆ ในครั้งนี้ ทำให้เอ็มนึกอะไรที่เกือบลืมไปแล้วขึ้นมาได้

                “อ่า..ใช่..คืนนั้นคนที่รับโฟนกลับบ้านไปก็คือรุ่นพี่เองเหรอครับ..”

                “นี่มึงไม่นึกออกตอนปิดเทอมเลยล่ะ..ไอ้เอ็ม..”

                เอ็มหันมายิ้มให้โฟนแต่โฟนกลับไม่ยิ้มตอบแถมดันให้เอ็มไปอยู่ข้างหลังเขา แม้ว่าตัวเองจะเตี้ยกว่าเอ็มอยู่มากโขก็ตาม

                “นายทำบ้าอะไร!..ไม่เห็นเหรอ..ว่าฉันกับเพื่อนกำลังคุยกันอยู่..มีสิทธิอะไรมาทำแบบนี้ไม่ทราบ..”

                “สิทธิของประธานนักเรียน..และ..เจ้านาย..”

                พื้นเสียงเรียบๆ ที่ฟังแล้วชวนให้อยากยกเท้าขึ้นมาเสยเสียยิ่งกว่าประโยคตอกย้ำเมื่อครู่เสียอีก โฟนกันฟันแน่น กำหมัดเข้าหากันด้วยความโกรธ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงประธานนักเรียน เรื่องที่เขาไปเที่ยวกลางคืนอาจถูกขุดขึ้นมาขู่ได้

                “แล้วไง!..ฉันไม่ยักรู้..ว่านายแยกคำว่า..ผู้ช่วย..ผู้ดูแล..และขี้ข้าไม่ออก..”

                “จะแตกต่างกันตรงไหน..ในเมื่อต้องคอยฟังคำสั่งเหมือนกัน..”

                “นี่นาย!!..”

                “เฮ้ย!..โฟน..พอเถอะ..ออดเข้าเรียนแล้วนะเว้ย..”

                เอ็มเตือนเพื่อนเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังจะของขึ้น เห็นหน้าหวานๆ ออกไปแนวผู้หญิงก็เถอะ เวลาโมโหขึ้นมาเอ็มเองก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน

                “แล้วเจอกันตอนเที่ยงนะ..”

                อีกฝ่ายหันมาพูดทิ้งท้ายแล้วก็จากไป ทิ้งให้โฟนได้แต่ยืนกระทืบเท้าใส่เพื่อนรักของตน เอ็มเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ก็ได้แต่ปล่อยให้โฟนยืนทำไปอย่างนั้น

                หลังจากนั้นไม่นาน เอ็มก็สามารถลากโฟนขึ้นมาบนห้องเรียนได้อย่างทุลักทุเล เมื่อยัดเพื่อนตัวเล็กลงนั่งที่เก้าอี้เรียนได้แล้ว เอ็มก็เริ่มซักถามทันที

                “ไอ้โฟน..กูถามจริงเหอะ..ทำไมถึงไปเรียกพี่เขาว่าไอ้โรคจิตวะ..”

                “ก็เพราะมึงนั่นแหละ..ไปกับกู..แต่เสือกให้กูกลับกับไอ้หมอนั่น..”

                “เฮ้ย!..อะไรวะ..ก็กูบอกไปแล้วไง..เขารู้จักทั้งชื่อมึง..ชื่อแม่มึง..แล้วจะให้กูคิดยังไงล่ะ..”

                “ก็นั่นแหละ..โอ้ยยยย!..ไม่รู้เว้ย..รู้แต่ว่า..กูเกลียดมัน..แต่แม่ง..ทำไมกูต้องไปเป็นผู้ช่วยมันด้วยวะ..”

                โฟนร้องโว้ยวายลั่นห้อง ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนในห้องหันมามองเป็นตาเดียว แต่เอ็มก็ส่งยิ้มให้เพื่อนๆ และส่ายหัวประมาณว่าไม่มีอะไร

                “เบาๆ ซิวะ..อยากดังหรือไงมึง..”

                “มึงลองมาเป็นกูซิ..ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นกูแอบแม่ไปเที่ยวนะ..กูคงไม่ยอมให้แม่มาบังคับแบบนี้หรอก..”

                “บังคับเชี่ยไรวะ..อย่าบอกนะ..ว่า...”

                “เออ!..ไอ้ประกาศที่มึงไปอ่านมานั่นแหละ..ฝีมือแม่กูเอง..แสบไหมล่ะ..”

                “ฮ่า ฮ่า ก็ดีนี่หว่า..ถึงจะอะไร..แต่รุ่นพี่เขาก็ดูดีนะมึง..พูดจาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่หว่า..”

                “มึงอยากรู้ไหม..ทำไมกูถึงเรียกมันไอ้โรคจิต..”

                โฟนทำเสียเรียบก่อนจะหันไปจ้องตากับเอ็ม อันที่จริงเรื่องนี้แหละที่เอ็มสงสัยที่สุด แต่เพราะถามไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ได้คำตอบ เอ็มจึงไม่ซักถาม อยากจะรอให้โฟนเป็นคนบอกเองมากกว่า

                “อือ..”

                เพราะคืนนั้นมันแอบหอมแก้มกูอ่ะดิ..         

     

     

                โฟนเดินฝ่ากลุ่มนักเรียนหน้าเดิมๆ มาที่โรงอาหารเหมือนในทุกๆ วัน แต่วันนี้คงจะเป็นวันที่ไม่ธรรมดาสำหรับเขา เมื่อโต๊ะอาหารประธานนักเรียนมีรูปของเขาตั้งเอาไว้หราเพื่อรอการมาของเจ้าตัว

                โฟนสถบออกมาเบาๆ ก่อนจะมองไปยังโต๊ะนั้นที่ไม่มีใครกล้าเดินไปแตะแม้แต่นิดเดียว ถัดไปอีกหน่อยก็มีไอ้คุณประธานหน้าหล่อนั่งหน้าขรึมส่งสายตากวนๆ ชวนให้ปารองเท้าไปหาจ้องมองอยู่

                “มาซิ..”

                แม้จะไม่ได้ยิน แต่โฟนก็อ่านปากจากระยะทางออกได้ว่าควรจะเป็นประโยคนี้ เจ้าตัวหันซ้ายหันขวาทำตาขวางๆ ใส่ก่อนจะจ้ำอ้าวไปด้านหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

                “บ้าป่ะเนี่ย..เอารูปมาแปะโชว์ใครมิทราบ..”

                “กลัวไม่รู้..ว่านั่งตรงไหน?..”

                “ฮึ่มมม..ไอ้...”

                “นัท..ไปซื้อข้าวให้หน่อยซิ..ออ..ซื้อมาเพื่อคุณเลขาด้วยนะ..”

                “ครับรุ่นพี่..”

                เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ความสูงไล่เลี่ยกับไอ้โรคจิตนั่นพยักหน้าให้แล้วรีบลุกขึ้นตรงไปยังร้านข้าวทันที และเหมือนโฟนเองก็จะรู้หน้าที่ หันไปมองร้านข้าวเสร็จก็หันมาถามคนตรงหน้าทันที

                “เอาน้ำอะไร..เดี๋ยวไปซื้อให้..”

                “ไม่ต้อง..เดี๋ยวนัทจัดการเอง..”

                “เด็กนักเรียนห้องไหนวะ..ไม่เคยเห็นหน้า?..”

                “เขาไม่ใช่เด็กนักเรียน..แต่เป็นคนใช้ส่วนตัวฉันเอง..”

                “ห๊ะ!..นี่นายมีคนใช้ส่วนตัวมาโรงเรียนด้วยเหรอเนี่ย..”

                โฟนร้องถาม แต่อีกฝ่ายกลับตีหน้าขรึมใส่

                “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะบอกเขาว่าไม่ต้องมาแล้ว..”

                “เออ..ให้มันเหมือนเด็กนักเรียนทั่วๆ ไปหน่อยก็ดี..”

                “แต่นายต้องรับผิดชอบแทนเขาทุกอย่าง..”

                “อะ?..อะไรนะ!..หน้าที่ฉันเลขานะ..ไม่ใช้คนใช้..เรื่องอะไรฉันต้องมานั่งวิ่งซื้อนู้นซื้อนี่ให้นายด้วยล่ะ..”

                “งั้นก็หุบปาก..”

                ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามกดเสียงต่ำซ้ำยังเมินหน้าหนีไปทางอื่น ยิ่งทำให้โฟนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกป่วนโดยคนหยิ่งยะโสคนหนึ่ง

                “ชิ...”

                “มาแล้วครับคุณชาย..นี่ของคุณเลขาครับ..”

                “เอ่อ..ขอบคุณนะ..” โฟนรับจานข้าวมาพร้อมแก้วน้ำอีก 1 ใบ “เอ๊ะ?..ทำไมมีแค่ 2 ชุดล่ะ?..แล้วของ..”

                “ผมเป็นแค่คนใช้นะครับ..ไม่มีสิทธิทานอาหารพร้อมเจ้านาย..”

                นัทพูดจาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว พลางส่งยิ้มให้โฟนก่อนจะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง ยืนประจำจุดด้านหลังที่โฟนไม่เคยสังเกตตั้งแต่ตอนแรก

                “แต่ก็เป็นคน..ไม่ต้องกินหรือไง..”

                “กิน..แต่ต้องที่หลัง..”

                ร่างสูงเงยหน้ามาตอบโฟนเสียงเรียบ แล้วหันไปสนใจอาหารในจานต่อโดยไม่ได้ช้อนสายตามองขึ้นมาแม้แต่น้อย

                “นัท!..งั้นมานั่งกินฝั่งฉันก็แล้วกัน..เพราะฉันก็ขี้ข้าเหมือนกัน..”

                “เอ่อ..คุณเลขาครับ..อย่าทำแบบนี้เลย..”

                “งั้นฉันก็ไม่กิน!..”

                โฟนกระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะอย่างแรง นัทที่เห็นการกระทำเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเจ้านายของตนเองอย่างเกรงกลัว

                “ตามใจ..”

                เป็นเพียงคำตอบสั้นๆ ที่ทำให้โฟนเจ็บจี๊ดไปถึงสมอง แม้อีกฝ่ายจะฟ้องด้วยใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตร ฐานะที่ร่ำรวยจนสามารถเรียกว่ามหาเศรษฐี แต่จิตใจและการกระทำกลับตรงข้ามด้วยสิ้นเชิง โฟนหงุดหงิดที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายแบบนี้ จึงลุกขึ้นหมายจะหนี อีกฝ่ายเหมือนรู้ทัน จึงคว้าข้อเมือเล็กของอีกฝ่ายเอาไว้ได้

                “ถ้าลุกออกไป..นายเดือดร้อนแน่..”

                “ถ้าแค่นี้กลัว..ก็ไม่ใช่ไอ้โฟนแล้ว...”

                โฟนไม่ฟังคำเตือน ซ้ำยังสะบัดข้อมือออกแล้วหันหลังเดินจากไปทันที ร่างสูงนั่งมองตาเขียว แผ่นหลังเล็กๆ ของโฟนเดินไปเรื่อยๆ จนหายลับไปกับตา

                “พรุ่งนี้..นายได้ร้อนสมใจแน่..”









    ขออภัยที่มาต่อช้า (มากกกกกกก) ค่ะ
    พอดีมีปัญหาเรื่อง Internet นิดหน่อย (มั้ง)
    เลยทำให้ไม่สามารถมาอัพได้ดังใจหวัง
    จริงๆ เราต้องอัพตั้งแต่วันศุกร์หรือไม่ก็วันเสาร์แล้วอ่ะ...

    ขอโทษน้องๆ จริงๆ นะค่ะ

    รักนะ จุ๊บ จุ๊บ


    แอบมาแก้ไขคำผิดนิดหน่อย..ไม่ว่ากันนะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×