ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อภินิหารผนึกมนตรา - ดีวา

    ลำดับตอนที่ #4 : ทาสผู้มาจากฟีเอสต้า

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 53



             
    เหตุการณ์นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็ก ๆ ... หลังจากที่ชายหนุ่มหนีตาแก่เจ้าของบ่อนมาได้ ก็วิ่งลัดเลาะตามทางแคบ ๆ จนออกมาที่ถนนใหญ่ แล้วก็มีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชน

              “อ๊ะ ขอโทษค่ะ”

              โลกของหนุ่มน้อยหยุดหมุนไปชั่วขณะ เบื้องหน้าของเขาไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากดวงตาสีฟ้าที่กลมใสเป็นประกายดุจอัญมณีของหญิงสาว...

                เช่นเดียวกับตอนนี้...

                เรวินมองรีเซ่ไม่วางตา โดยมิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา

                “ต้องขอบคุณท่านเรวินอีกครั้งนะคะ ที่กรุณาช่วยข้าไว้” หญิงสาวโค้งให้

                “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าเพียงแต่หมั่นไส้เจ้านักดาบขี้เต๊ะนั่นเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มหลบตา

                “เจ้าชื่อรีเซ่ใช่ไหม ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเจ้าไม่น่าจะใช่คนที่นี่ เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงถูกพวกนั้นไล่ล่า” ลันซ์ถาม

                “เอ่อ... คือข้า...” รีเซ่ดูหวาดวิตกอย่างเห็นได้ชัด

                เทียร่าเข้าไปกุมมือรีเซ่ “ไม่ต้องกลัวนะพี่รีเซ่ เห็นหน้าตาดุ ๆ อย่างนี้ ที่จริงพี่ลันซ์เป็นคนใจดีนะ”

                “อืม...” รีเซ่บีบมือเทียร่าเบา ๆ ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมานั้น ช่วยคลายหวาดกลัวให้เธอ “ข้าเกิดและโตที่เมืองนอร์ดิก แต่เพราะสงครามจึงถูกจับเป็นทาส และถูกขายมาเรื่อย ๆ จนมาถึงศาสนจักรโรมานอฟ”

                “นอร์ดิก... นั่นมันชื่อเมืองในทวีปฟีเอสต้านี่” ลันซ์ว่า “เจ้ามาไกลมาก”

                ทวีปฟีเอสต้านั้น อยู่ทางตอนเหนือของทวีปอนาสต้า ทั้งสองทวีปมีช่องแคบครีดขั้นอยู่ เฉพาะในฤดูหนาวช่องแคบนี้จะกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งยาวหลายร้อยไมล์ทำให้คนของทั้งสองทวีปเดินทางไปมาหาสู่กันได้

                อย่างไรก็ดีความสัมพันธ์ของทั้งสองทวีปนั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะศาสนจักรโรมานอฟที่เป็นศูนย์กลางของทวีปอนาสต้าซึ่งมีอาณาจักรเกรสและอาณาจักรโรซานขึ้นตรงด้วยนั้น เคยพยายามรุกรานดินแดนฟีเอสต้าหลายครั้งหลายหนแต่ไม่สำเร็จเพราะสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัด ซ้ำยังมีช่องแคบครีดขวางกั้น

                ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่ทวีปอนาสต้าเช่นเรวิน ลันซ์ และเทียร่าจึงได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับทวีปฟีเอสต้าน้อยมาก

                “แล้วพวกที่ไล่ล่าเจ้าล่ะ” ลันซ์ซักต่อ

                “พวกนักดาบช่วยข้าออกมาจากที่คุมขังของศาสนจักรฯ แต่ข้ากลัวพวกเขา จึงแสร้งยอมตามไปดี ๆ พอได้โอกาสก็หนีมา”

                “เอาล่ะ! พักเรื่องเครียด ๆ ไว้เท่านี้ก่อน” เทียร่าแทรกขึ้น เธอจูงมือรีเซ่ออกจากห้อง “มาพี่รีเซ่ เราไปชมสวนกัน”

                ชายหนุ่มทั้งสองปล่อยให้สาว ๆ เดินนำไปก่อน ในตอนนั้นเองลันซ์ก็หันมาพูดกับเรวิน

                “เจ้าคิดว่าไง...”

                “ดวงตาของนางช่างสวยจริง ๆ”

                องค์ชายแห่งโรซานเขกกบาลเพื่อนรัก

                “ข้าไม่ได้ถามเรื่องนั้น! จริงอยู่... ผิวที่ขาวราวกับหิมะและผมสีฟ้าครามเหมือนน้ำทะเลนั่น นางเป็นชาวฟีเอสต้าแน่ แต่ช่วงสองร้อยปีมานี้ชาวอนาสต้าอย่างพวกเรารู้เรื่องฟีเอสต้าน้อยมาก เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมทาสที่ถูกจับที่ฟีเอสต้าถึงได้มาอยู่ที่ศาสนจักรฯ ไหนจะพวกนักดาบที่มาช่วยนางอีก...”

                “ใช่... พวกเอรีออสก็คงเป็นชาวฟีเอสต้าเหมือนกัน” เรวินตอบ

                “รู้ก็ดีแล้ว งั้นเจ้าคิดจะทำยังไงกับนางต่อ”

                “ไม่ได้คิดอะไรเลย ถึงเวลาก็รู้เองแหละ”

                ลันซ์ยิ้ม “สมเป็นเจ้าจริง ๆ”

                “ท่านพี่ลันซ์ ท่านเรวินมัวแต่คุยอะไรกันอยู่นั่นแหละ รีบ ๆ ตามมาสิคะ”

     

                ราตรีที่ฟากฟ้าดารดาษด้วยหมู่ดาว กษัตริย์แห่งโรซานทอดกายลงนั่งในห้องบรรทม ก่อนจะคลี่จดหมายลับออกอ่านอีกครั้ง

                ชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าห้าสิบปี มีสีหน้าเคร่งเครียดยามพิจารณาเนื้อหาในจดหมาย

                “เจ้าต้องการให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เรอะ เรแวน...” เกลด้าเปรยกับตนเองพลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง

                บัดนี้ดาวประจำเมืองแห่งอาณาจักรเกรส ที่เคยส่องประกายเจิดจ้าอยู่ทางตะวันออกกลับดูริบหรี่ ชายผมเงินได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้สิ่งนี้เป็นลางแห่งหายนะของอาณาจักรเกรสเลย...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×