ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กระจกมองหลัง
ฟาร์มรักสวนเสน่หา ๔
คุณแพร์แห่งสวนเสน่หาเดินออกมานอกห้องแล้วเหลียวซ้ายแลขวาหาหนุ่มสัตวบาลด้วยความร้อนใจ หากเขาไม่มีเงินค่ารถกลับเล่า หรือกลับไปเฉ่งคุณอาของเธอที่เป็นคนสัมภาษณ์ อาจเป็นเรื่อง คุณอาของเธออาจโกรธที่ช่วยเป็นธุระสัมภาษณ์คนให้แล้วยังมีปัญหาอีก
เมื่อเลี้ยวขวาก็เห็นหลังของเขาไวๆ กำลังเดินออกไปนอกระเบียง สงสัยไปสูบบุหรี่ ใจเด็กสาวผู้ทิ้งการเรียนเพื่อพ่อใจชื้นขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็รีบวางแผนสองทันที ตามที่คุณอาของเธอบอกมาและจากทั้งคุยกัน นายคนนี้ซื่อแต่แอบกวนเล็กๆ อาจหลุดปากบอกไปว่าเธอจะให้เขาดูแลงานก่อสร้าง ป๊าจะรู้ตอนนี้ไม่ได้ว่าตัวเองมีแผนทำเกสต์เฮาส์ คิดพลางก้าวเท้าตามฉับๆ รองเท้าส้นเตี้ยราคาแพงจากอังกฤษทำงานตามคำสั่งเจ้าของเป็นอย่างดี แป๊บเดียวก็ไปถึงประตูทางออกระเบียง
“ยังไม่รู้เลยแม่ ว่าเขาจะเอาไหม...” เสียงชายหนุ่มทำให้เธอชะงัก แล้วเงี่ยหูฟัง เขาอาจจะนินทาตัวเธอให้แม่ฟังก็ได้ หูค่อยๆ แนบกับประตูที่ปิดไม่สนิท
“เขาว่าจบไม่ตรงสาขา... แม่” นายคนนี้ว่าแล้วเกาหัวแกรกๆ แบบเดิม ถ้ามีรังแคป่านนี้ร่วงเต็มเสื้อแล้ว เสียงเขาดูเป็นอีกแบบเวลาคุยกับแม่ ดูไม่เป็นคนเลว
“ผมอาจกลับไปคืนนี้นะแม่ แต่เขาบอกว่าหากอยากสมัครงานฟาร์มโคนมแถวนี้ เขาจะพาไปส่ง” เขาพูดซื่อๆ แต่คนฟังรู้สึกผิด นึกถึงใบหน้าแม่ของเขาที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ ทำไมต้องเล่าให้แม่ฟังหมดทุกเรื่องด้วยนะ ลูกแหง่หรือไง
“ป๋อรอเขาอยู่เนี่ย...” เสียงชายหนุ่มว่าต่อ อ๋อ ชื่อป๋อ คนแอบฟังคิด
“ถ้าไก่เหลือไม่กี่ไม้แม่ไม่ต้องรอจนขายหมดนะแม่ เก็บของเข้าบ้านเลย ไม่ต้องรอจนเย็น” ได้ยินแล้วเธอเม้มริมฝีปาก เขากำลังห่วงแม่ของเขา แม่ของนายคนนี้คงขายไก่ย่าง ที่สำคัญ กำลังรอฟังข่าวลูกที่เดินทางมาทำงานแต่พอมาถึงที่ทำงานกลับกำลังจะถูกส่งกลับเพราะจบไม่ตรงสาขา คนส่งกลับก็คือเธอ ดังนั้นเธอกำลังทำลายความหวังของผู้หญิงคนหนึ่ง คิดแล้วเผลอเอามือเกาหัวแกรกๆ ตามหนุ่มสัตวบาลบ้าง
“แค่นี้นะแม่ จุ๊ฟๆ” เสียงหนุ่มสัตวบาลดังขึ้น บอกให้รู้ว่าการสนทนาใกล้สิ้นสุดแล้ว สาวผมบ๊อบรีบหันหลังแล้ววิ่งไปหลบอีกด้าน แล้วทำเป็นเดินหาเขาตรงทางเลี้ยว เมื่อหันกลับมาก็เห็นหนุ่มสัตวบาลคนนี้กำลังเดินมาทางนี้พอดี เมื่อสองตาประสานกันเขาทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เด็กสาวหน้าใสรีบชิงพูดขึ้นเพราะกลัวจะคุมเกมไม่ได้
“ป๊าอยากเจอคุณค่ะ” พูดแล้วเดินนำไปยังห้องคนป่วยทันที ให้ป๊าตัดสินใจเองก็ดี ว่าจะจ้างไหม ถ้าป๊าเป็นคนปฏิเสธก็จะง่ายขึ้น แต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอก็หันมาบอกเขา
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องงานก่อสร้างนะคะ ป๊ายังไม่รู้เรื่องนี้” เด็กสาวหน้าใสว่าแล้วทำมือทำไม้แบบฝรั่ง ฝ่ายชายพยักหน้าหงึกหงัก เขตโรงพยาบาล ห้ามใช้เสียง
“ลองคุยกับป๊าดูอีกรอบนะคะ การตัดสินใจอยู่ที่ป๊าคะ” เธอโยนกลองไปให้ป๊าหน้าตาเฉย ฝ่ายหนุ่มสัตวบาลนึกภาพชายในรูปแล้วอยากรู้ว่าจะยิ้มแป้นแบบในภาพไหมหากพบว่าเขาจบเอกสัตวบาล รู้อย่างนี้ตอนคุยกับทนายความบอกตรงๆ ไปเลยดีกว่าว่าจบเอกนี้ ตกลงคิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ย
เมื่อเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มเดินตัวลีบเข้าไป แต่เสียงของคนเดินนำร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะคนป่วยหน้าแดงก่ำ มารดาของเธอเพิ่งเอาทิชชู่เช็ดปากคนป่วยเสร็จ แล้วบอกเบาๆ ว่า “เมื่อกี้ไอจนหอบ ค่อยยังชั่วแล้ว”
หมวยแก้มเนียนขมวดคิ้วนิ่วหน้า อยากจะบอกให้เขาถอยออกไปนอกห้องก่อน แต่หันไปเขาก็มายืนตัวลีบปลายเตียงแล้ว กำลังยกมือไหว้ป๊ากับม๊าด้วยท่าทางเปิ่นๆ ส่วนป้าไพรีบยกเก้าอี้มาให้หนุ่มสัตวบาลคนนี้นั่ง คนป่วยหันมายิ้มให้ลูกจ้าคนใหม่ แล้วเริ่มทักทาย
ระหว่างที่มองเขาเจรจากับป๊านั้นเธอกลัวว่าป๊าจะไออีกรอบ หน้าก็ยังไม่หายแดงก่ำดี ป๊าทักเขาสบายๆ ถามนั่นถามนี่ เด็กสาวหน้าใสหันไปมองหนุ่มสัตวบาลคนนี้แล้วอยากขำ ตอนเดินเข้ามาในออฟฟิศทำเก๊กทำเท่ ผมวิชิตครับ- เจอป๊าแล้วเท่ไม่ออกละสิ
บ้าที่สุด โทรหาแม่แล้วบอก จุ๊ฟๆ เดี๋ยวจะแช๊ตถามเพื่อนๆ ว่าคนไทยทุกวันนี้เขามีการพูดจุ๊ฟๆ ด้วยเหรอเวลาคุยกับพ่อกับแม่ ประหลาดดี ตอนนี้หน้าตาเขาดีขึ้น คงได้กินข้าวแล้ว
ป๊าฉลาดถามกว่าเธอเยอะ วิธีการถามของป๊าไม่เหมือนสัมภาษณ์งาน แต่เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับเด็ก ข้อมูลส่วนหนึ่งเกี่ยวกับตัวเขาจึงไหลออกมาในตอนนี้ เลยทำให้เด็กสาวหน้าใสรู้จักหนุ่มสัตวบาลคนนี้มากขึ้นกว่าตอนที่เธอเป็นคนสัมภาษณ์เอง ยังไม่นับที่แอบฟังเมื่อครู่ด้วย ป๊าช่างเก่งจริงๆ สาวชื่อแพร์คิด
“อ้อ สมัยนี้มีให้กู้เรียนด้วย สมัยผมไม่มี” แกพูดด้วยความเสียดาย สมัยของแกนั้นยากที่จะให้ได้จบปริญญาตรีกันทุกคน
“อ๋อ จบที่เดียวกับลูกเฮียอ๋า” แกเออออเมื่อได้ยินชื่อสถาบันของเขา แล้วหันไปพยักพเยิดกับภรรยาตนเอง คงเป็นคนรู้จัก มีลูกเรียนที่ไหนก็มักเล่าให้กันฟังด้วยความภูมิใจ
“แล้วจบเอกอะไรมา ศัตรูพืชหรือเปล่า” ชายกลางคนทักแล้วเอ่ยชื่อเอกเพื่อแสดงว่าตนก็มีความรู้ หมวยแก้มเนียนพลิกลูกตาไปทางเขาทันที
ฝ่ายบัณฑิตหนุ่มขยับริมฝีปาก ในใจบอกกับตัวเองว่าระเบิดเวลาแตกแล้ว แต่เด็กสาวรีบชิงพูดก่อน “ค่ะป๊า เกรดดีด้วยค่ะ”
สองมือรีบบีบนวดตามแขนบิดาทันทีเพื่อหันเหความสนใจ แล้วยิ้มเอาใจคนป่วย เกรงว่าเมื่อรู้แล้วจะเอ็ดตะโรลั่น ไม่อยากให้ไอโขลกๆ อีกรอบ หน้าก็ยังไม่หายแดงดี รู้นิสัยดีว่าหากป๊าไม่พอใจจะยิ่งลำบาก อาของเธออาจต้องรับโทรศัพท์ฟังเสียงงิ้วทั้งๆ ที่กำลังว่าความ
ฝายหนุ่มสัตวบาลมองหน้าสาวพิมพ์นิยมหมวยด้วยความงุนงง คุณจะเอายังไงกับผมครับ คิดแล้วอยากยกมือขึ้นเกาหัว ยังพอควบคุมได้เพราะอยู่ในสถานการณ์หมิ่นเหม่ คนเกือบทุกคนจับตามองมายังเขา ยกเว้นป้าไพที่ทำโน่นทำนี่แต่ลอบฟังไปด้วย
“แล้วให้เงินเดือนอีเท่าไหร่” ชายหน้าจีนหันไปถามลูกสาว เธอบอกไปตามที่ปรากฏในเครื่องคิดเลข ไม่มีปัดขึ้นปัดลง
“เอ่...ย ให้ไปหมื่นหนึ่งไปเลยทำบัญชีง่าย แต่ลื้อต้องช่วยงานอื่นด้วยนะ ตอนกลางคืนบางทีต้องช่วยอั้วะจับโจร ฮ่าๆ” แกหัวเราะแล้วกลับไอโขลกๆ จึงรีบหยุดพูด
ด้วยความเป็นห่วงเด็กสาวจึงรีบบอกเบาๆ กลัวจะอาการหนักอีก “พักเถอะป๊า ไม่มีแล้วเพลี้ยกระสอบสมัยนี้”
อ้าว กรรม ตกลงได้งานแล้วหรือนี่ แต่ได้หน้าที่ตำรวจเพิ่ม วิ่งจับโจรกลางดึก โหย คุ้มจัง ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นแต่อดแปลกใจไม่น้อยที่ต้องมาช่วยเจ้าของฟาร์มจับโจรด้วยพูดเล่นหรือพูดจริงเนี่ย
ป้าไพเอาน้ำมาเสิร์ฟเขา หลังจากได้รับไฟแดงจากเจ้าของฟาร์มแล้วว่ารับหนุ่มสัตวบาลคนนี้เข้าทำงาน ประหนึ่งว่าเป็นการแสดงความยินดี แกเอ่ยเบาๆ ว่า “เมื่อเช้ารถเสีย เลยต้องให้กระบะแวะรับคุณ แล้วพานั่งหลังตากแดดไปส่งผักแต่ละที่กว่าจะหมด ลำบากแย่”
“อ้าว.. เหรอ รับน้องๆ” ชายเจ้าของฟาร์มแปลกใจแล้วช่วยกลบเกลื่อน ทำทีว่ามาใหม่ต้องมีการรับน้อง ซึ่งได้ผลชายหนุ่มยิ้มกว้างไม่ถือสา ฝ่ายคนเป็นลูกสาวเองตอนที่เห็นกระเป๊าฝุ่นเขรอะแล้วก็นึกอยากจะบอกเหมือนกันว่าขอโทษด้วยที่เอารถกระบะไปรับ แต่ไม่รู้จักการแก้สถานการณ์เหมือนป๊า เลยไม่ได้พูด
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้ แปลว่าป๊ารับเขาเข้าทำงานสินะ หมวยผมบ๊อบก้มหน้าคิดระหว่างที่ป๋อเล่านั้นเล่านี่ช้าๆ อันเป็นเรื่องเดิมๆ ของสวนเสน่หาตั้งแต่เธอยังไม่เกิด ฟังบ่อยจนจำได้ทุกประโยค ตั้งแต่สวนเสน่หายังมีเสือเข้ามากัดหมาในฟาร์ม ต้องยิงปืนไรเฟิลไล่ แล้วก็ลงท้ายด้วยน้ำเสียงปลงๆ ว่า “แต่ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว อากาศสมัยแต่ก่อนตกเย็นก็หนาวจะแย่แล้ว ตะวันยังไม่ตกดินเลย”
คนฟังยิ้มแฉ่ง อยากเห็นภาพที่ว่า แต่พลันประสานสายตาหมวยๆ ที่มองมาแบบแปลกๆ จึงชักไม่แน่ใจว่า ยายตุ๊กตาจีนอาจไม่อยากให้เขาทำงานที่นี่ แต่คงเอาใจป๊าของเธอไปก่อน ออกจากโรงพยาบาลนี้แล้ว เธออาจเลี้ยวรถไปส่งตนที่ บขส. แล้วบอกว่ากลับไปเสีย เรามีค่ารถและค่าอาหารเล็กน้อยให้
“แล้วพักที่ไหนล่ะ” เจ้าของฟาร์มถามลูกสาว แต่เด็กสาวอึกอักเพราะยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ กะพริบตาถี่ๆ คิดหาคำตอบ
แต่มารดาของเธอหันมาบอกว่า “ห้องเก็บของริมสุดในออฟฟิศไง รื้อๆ ข้าวของออกแล้วค่อยหาที่หลับที่นอนที่หลัง ป้าไพหาดูที่นอนเหลือให้ที ไปพักที่เรือนคนงานจะเสียการปกครอง นี่เขาจบปริญญาตรี”
เมียเจ้าของฟาร์มพูดแบบคนต่างจังหวัดที่ยังให้เกียรติคนได้ร่ำได้เรียนมา ฝ่ายคนป่วยก็เออออตามภรรยา “เรือนคนงานเวลาหน้าหนาวเอาไม่อยู่หรอกคุณ ที่นี่หนาวน้อยกว่าไซบีเรียหน่อยหนึ่ง ฮ่าๆ”
ถึงจะเป็นมุกตลก แต่ก็จริงอย่างที่เจ้าของฟาร์มพูด ลมหนาวพัดมาจากไซบีเรียจริงๆ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกดีขึ้นกับชายเชื้อจีนคนนี้ หมื่นหนึ่งก็ไม่เลวเพราะเพื่อนเอกเดียวกันเพิ่งไปได้งานบริษัท เงินเดือนเก้าพันห้าเท่านั้นแถมต้องกินต้องใช้สารพัดในกรุงเทพฯ อย่างน้อยก็ข่มคนนี้ได้ละคนหนึ่ง ฮ่าๆๆ
แต่ประโยคท้ายๆ ของเจ้าของฟาร์มทำให้ชายหนุ่มพรั่น “พรุ่งนี้มาคุยอีกตอนบ่ายๆ เดี๋ยวจะถามเรื่องเมล็ดพันธุ์ จะเอาของที่ไหนดี เผื่อจะเจอที่ถูกกว่าดีกว่า”
ฟังแล้วยิ้มแหยๆ จะไปรู้ได้อย่างไรเรื่องเลือกเมล็ดพันธุ์หว่า คืนนี้สงสัยต้องโทรไปหาเพื่อนต่างเอกเพื่อขอข้อมูลเสียแล้ว ไม่งั้นซวยแน่
แต่เด็กสาวนักเรียนนอกที่ยังไม่จบกวาดสายตามองไปยังหนุ่มสัตวบาลอย่างไม่ไว้ใจ ภาวนาเงียบๆ ว่าอย่าให้เขาพูดออกมาเชียวนะว่าไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไม่ได้จบเอกนี้ หากป๊ารู้ความจริงเข้าโรงพยาบาลระเบิดแน่ๆ
ฯ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น