ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wizard War สงครามพ่อมด

    ลำดับตอนที่ #4 : Nacryt นาคริต

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 53


     

    Nacyt นาคริต


           เจ้า! เจ้าต้องเป็นของข้า เป็นของข้า เป็นคนรับใช้ให้ข้า ฮ่าๆ ๆ

           เสียงหัวเราะสะเทือนโลกนั่น ช่างต่างกับเสียงที่เรียกร้องอะไรจากพาเวลล์ซักอย่างในฝันเมื่อวาน วันนี้เขาตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเหมือนเดิม แล้วคิดสงสัยในเสียงที่เขาได้ยินในฝัน ถึงจะไม่เห็นภาพ แต่เขาก็รู้ได้ว่า เสียงที่ได้ยิน ไม่ใช่เสียงเดียวกัน มันมีสองเสียง แล้วแต่วันที่จะได้ยินเสียงของคนไหน รู้สึกว่าจะรู้แล้ว ว่าเสียงหนึ่งมาจากหมาป่าสีขาว แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร หมาป่าจะพูดได้อย่างไรกัน ส่วนอีกเสียงหนึ่งนั้น ยังไม่รู้ที่มา

           เช้านี้พาเวลล์ออกมาเดินดูในหมู่บ้าน มันช่างเงียบ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่เด็กๆ จะเล่นกัน เสียงหัวเราะของพวกเขาจะดึงดูดให้พาเวลล์ออกมายืนดู หรือไม่ก็เล่นด้วย แต่ตอนนี้ เขาโตพอที่จะไม่เล่นแบบนั้นแล้ว เขามักจะออกมายืนดูเฉยๆ เห็นเด็กๆ สนุกกัน เขาก็สนุกด้วย แต่บัดนี้ ไม่เห็นแม้แต่คนเดียว อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่กลัวอันตราย จึงไม่ให้ออกจากบ้าน ก็เป็นได้

           "พาเวลล์ ออกมาแบบนี้ไม่กลัวบ้างหรือไง" พาเวลล์หันหลังขวับทันที ที่ได้ยินคนเรียกชื่อ

           "แล้วเธอไม่กลัวเหรอ น้องของเธอแท้ๆ นะ เธอควรจะกลัวมากกว่าคนอื่นสิ" แต่เขาก็ตอบคำถามของนาคริตด้วยคำพูดที่ดูไม่กดดัน
           นาคริตก้มหน้าต่ำลง ขอบตาของเธอเริ่มแดง น้ำตาเอ่อล้น นาคริตเป็นคนที่รักน้องของเธอมาก เธอมีพี่ชายคนหนึ่ง และน้องสาวอีกคนหนึ่ง พี่ชายของเธออายุห่างจากเธอมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอกับน้องคนเล็กเป็นลูกหลง เขาเสียชีวิตตอนสู้กับหมาป่าสีขาวในคืนวันเพ็ญ เธอจึงไม่อยากให้น้องของเธอต้องจากเธอไปอีกคน เธออาศัยอยู่กับยายของเธอ พ่อแม่ของเธอก็จบชีวิตพร้อมกับพี่ชาย

           "ฉันต้องการหาสาเหตุที่ทำให้น้องฉันต้องตาย ฮึก" เธอเริ่มยกมือขึ้นปิดหน้า พาเวลล์มองนาคริต เขาไม่กล้าจะแตะต้องตัวเธอ

           จะปลอบเธอยังไงดีนะ..

           "รู้ไหม" พาเวลล์พูดทิ้งไว้ เขามองไปที่เงาดวงอาทิตย์ที่ส่องประกายแสงบนผิวน้ำ ในอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้าน นาคริตค่อยๆ เงยหน้ามองหน้าเขา "ฉันเคยฝันเห็นชายในชุดคลุมสีขาว" พาเวลล์พูดต่อ

           "พ่อมดแห่งฟารานิการ์" นาคริตโพร่งขึ้น ทำให้พาเวลล์หันมามอง

           "อื้ม ใช่ เขามาปรากฏตัวหน้าฉัน แล้วปล่อยไอพิษ ทำให้ฉันหายใจไม่ออก" พาเวลล์เล่าความฝันของตัวเองให้นาคริตฟัง เธอฟังอย่างตั้งใจ

           "ใช่ นิโคล ก็เป็นแบบนั้น ฉันวิ่งกลับไปเอายามาให้เธอ เพราะเธอหกล้มตอนเล่นวิ่งไล่จับ พอกลับมา ฉันก็เห็น...ฮึก ฉันเห็น นิโคล ฮือๆๆ นิโคลกำลังเหมือนหายใจไม่ออก เธอเอามือกุมคอไว้ ฮึก แล้วดิ้นทุรนทุรายกับพื้น จากนั้นก็แน่นิ่งไป ฮือออออ" นาคริตปล่อยโฮออกมา แล้วซบเข้าแผงอกกว้างของพาเวลล์ พาเวลล์ที่ไม่กล้าแม่แต่จะแตะต้องตัวเธอถึงกับตกใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เขาได้แต่ลูบหัวของเธออย่างแผ่วเบา... "ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว พี่น้องฉันทิ้งฉันไปหมดแล้ว" นาคริตปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ตัวของเธอสั่นระริก ทำให้จิตใจของพาเวลล์สั่นไหวไปด้วยกับร่างบางตรงหน้า

           นี่เป็นรายที่สองงั้นเหรอ แปลว่า ตั้งใจจัดการทีละคนสินะ เริ่มจากคนที่อ่อนแอก่อน

          
            
    ตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า เหลือแต่แสงสีส้มสด สาดส่องทั่วปริเวณลานกว้างในหมู่บ้าน ซึ่งแต่ก่อน เคยเป็นสนามเด็กเล่น สำหรับเด็กๆ ตอนนี้ มีเพียงสองชีวิต ที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นสนใหญ่

           "ขอโทษนะพาเวลล์ ที่นายต้องมาเสียเวลาเพราะฉัน แล้วก็ขอบคุณนะ ที่อยู่ฟังฉันบ่นจนจบ " เธอยิ้มให้พาเวลล์

           "ไม่ต้องขอโทษหรอกนาคริต แล้วเธอก็ไม่ได้บ่นด้วย นั่นเป็นเรื่องจริงของเธอ เธอได้ปล่อยออกมาหมดแล้ว คงสบายใจสินะ"

           นาคริตพยักหน้า แล้วลากลับบ้านเพราะเย็นมากแล้ว พาเวลล์เอง ก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน

           ครืน ครืน

           ฟ้าเริ่มร้อง เมฆมากมายตั้งเค้า พายุฝนลูกใหญ่กำลังจะมา

           เป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้ท้องฟ้ายังปลอดโปร่งอยู่เลยนี่นา แล้วเมฆพวกนี้มาได้ยังไงกัน

           เปรี้ยง!

           พาเวลล์ช่วยแม่เก็บผ้าที่ตากอยู่ที่ระเบียงเข้าบ้าน เม็ดฝนมากมายโปรยปรายลงมา พร้อมกับพายุลูกใหญ่ ลมที่แรงมากพัดเม็ดฝนโดนหน้าของพาเวลล์ ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนมีคนปาหินเม็ดเล็กๆ มากมายใส่หน้า

           ตะกร้าใส่ผ้าที่ชื้นวางอยู่ตรงมุมบ้าน แม่ถอนหายใจด้วยความกังวล

           "ฝนตกได้ยังไงเนี่ย ถ้ารู้ว่าฝนจะตก แม่ไม่ซักผ้าหรอก...เฮ้อ ไปอาบน้ำเถอะลูก เดี๋ยวเป็นหวัดเอาจะแย่นะ"

           พาเวลล์พยักหน้าน้อยๆ แล้วไปอาบน้ำ

           เมื่อน้ำขันแรกถูกตัว ภาพของนาคริตกับเขาเมื่อกลางวันก็ผุดขึ้นมา ความจริงแล้ว เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กตัญญูรู้คุณมาก เมื่อคืนวันเพ็ญ พ่อแม่และพี่ชายของเธอได้ออกไปต่อสู้กับหมาป่าสีขาวพร้อมๆ กับชาวบ้านคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ พ่อแม่ของนาคริตจึงบอกให้อยู่ดูแลน้องและยายอยู่ทางบ้านไม่ต้องตามไป ตัวเธอเองก็ไม่อยากให้ครอบครัวของเธอไป เพราะเธอกลัวความสูญเสียที่สุด แต่เหตุการณ์ในวันนั้น เธอก็ได้สูญเสียพี่ชายทันที แต่พ่อและแม่ของเธอกลับมาได้ พร้อมร่างกายที่ไม่สู้ดีนัก นาคริตร้องไห้อยู่หลายวัน แต่เธอก็ช่วยดูแลพ่อกับแม่อยู่ไม่ห่าง หวังจะให้ท่านหายดีเป็นปกติ ไม่นานอาการของทั้งคู่ก็ทรุดลง ทั้งสองเริ่มมีไข้ นาคริตไปเชิญหมอจากกลางหมู่บ้าน มาช่วยดูอาการ หมอบอกว่าทั้งคู่เป็นไข้ทรพิษ อาจจะติดมาตอนอยู่ในป่า คำพูดนี้ของหมอทำให้นาคริตช็อคไปชั่วขณะ นั่นเป็นข่าวที่ร้ายที่สุดของเธอ

           หมอมาดูอาการให้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ช่วยยื้อชีวิตของทั้งคู่ได้ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เสียชีวิตลง...

           พาเวลล์สัมผัสได้ถึงความสูญเสียนั้น อาจเพราะมีสัมผัสที่หกก็เป็นได้ เพราะเขามักจะรู้สึกตามผู้ที่กำลังมีทุกข์เสมอ และรู้ด้วยว่า เรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น

           น้ำเย็นสัมผัสและไหลผ่านตัวพาเวลล์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ในที่สุดก็อาบน้ำเสร็จ  แม่ก็เรียกกินข้าวพอดี กับข้าวของแม่อร่อยเหมือนเดิม กินแล้วทำให้หลับสบาย พาเวลล์กินข้าวกับแม่ แล้วพูดคุยกับตามปกติ จนถึงเวลาเข้านอน พาเวลล์ช่วยแม่เก็บกวาดครัว แล้วไปเข้านอน


           นำมันมาให้ข้ารึยัง ยังอีกรึ เอามันมาให้ข้า เอามันมา

           เช้าวันนี้ พาเวลล์ลุกขึ้นมาด้วยความเบื่อหน่าย ความฝันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกให้เอาอะไรมาซักอย่าง แต่มันก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าให้เอาอะไรไปให้ใคร

           ตอนนี้ พบเช้าบ้านเสียชีวิตด้วยอาการเดียวกับคนก่อนๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใหญ่บ้าน เริ่มจะหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นในหมู่บ้าน โดยให้คนไปคุยกับหมอดูที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ได้คำพยากรณ์มาว่า

           'อันตรายจากบ้านเคียงเรือนใกล้  สัตว์น้อยใหญ่จักล้มหายตายจาก เหล่าผู้คนจะถูกพลัดพราก  ถ้าหากไม่ร่วมด้วยช่วยกัน'

           ทำให้ผู้ใหญ่บ้าน รวมกำลัง เพื่อแก้ปมของคำพยากรณ์ที่ได้มาอย่างแข็งขัน นำนักปราชญ์ต่างๆ จากหลายๆ ที่ มาช่วยกัน ชาวบ้านต่างพินิจพิเคราะห์ไปหลากหลายแนว แต่ทุกความคิดนั้นล้วนแต่แฝงด้วยความหวาดกลัวในสงครามที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้

           หลังจากร่วมกันแก้ปมคำพยากรณ์กันแล้วระยะหนึ่ง ได้ความว่า...

           "จะมีอันตรายมาจากถิ่นใกล้ๆ สิ่งมีชีวิตก็จะล้มตาย พวกเราต้องร่วมมือกันในการสู้ศึกในครั้งนี้ !"

           ไม่นาน ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกกำลังพล ขออาสาสมัครจากคนในหมู่บ้าน ผู้ที่มามีทั้งตัวใหญ่บึกบึน ตัวเล็กดูปราชเปรียว หรือแม้แต่ดูฉลาดหลักแหลม  แต่ละคนที่มาล้วนแต่มีใจเต็มร้อย พร้อมจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน และหนึ่งในบุคคลเหล่านี้ ก็คือ พาเวลล์ หนุ่มน้อยที่เต็มไปด้วยเลือดแห่งนักสู้ ผู้ที่มาด้วยใจเด็ดเดี่ยวและต้องการช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แม้ความพยายามของแม่ที่จะไม่ให้พาเวลล์ร่วมมือ เพราะห่วงเรื่องอันตรายของเขาก็ไม่สามารถฉุดยื้อความมุ่งมั่นของพาเวลล์ได้

           ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านกำลังจัดเตรียมแผนการป้องกันหมู่บ้านให้ทุกคนได้ฟัง โดยให้ผู้ที่มีความสามรถด้านการพินิชพิเคราะห์ช่วยกันวางแปรนในเรื่องนี้ ส่วนคนอื่นๆ นั้น ก็เริ่มคุยกันและคาดเดาเหตุการณ์กันไปต่างๆ นานา

           ในที่สุด แผนการก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ สำหรับทุกคน

           แผนที่ออกมาคือ ฝ่ายด้านตะวันออก จัดคนชุดหนึ่ง ประมาณ 20-30 คน โดยมีผู้ที่มีร่ายกายแข็งแรงไว้คุ้มกันจำนวนหนึ่ง และผู้รายงานสถานการณ์อีกจำนวนหนึ่ง ที่เหลือ คือเหล่าผู้กล้าในการเผชิญหน้ากับศัตรูหากกำแพงมนุษย์ทลายลง ฝ่ายทางใต้ จัดผู้ที่ยิงปืนเก่งและผู้ที่แข็งแรงเอาไว้อีก 20-30 คนเช่นกัน เพื่อคุ้มกันจากเหล่าหมาป่าสีขาว ฝ่ายทางตะวันตก จัดคล้ายๆ กับทางตะวันออก และทางเหนือ ใช้กำลังคนทั้งหมดที่เหลือ พร้อมทั้งอุปกรณ์ป้องกันขั้นสูง เพื่อป้องกันไอเวทย์จากดินแดนพ่อมด

           เมื่อทุกคนรับทราบแผนการแล้ว จึงมีการจัดชุดจำนวนคนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สะดวกแก่การเริ่มแผนการในวันที่สำคัญที่สุด ไม่นานฟ้าที่ดูสว่างเจิดจ้า ก็เริ่มกลายเป็นสีส้มอ่อน แล้วค่อยๆ เข้มลง จนตอนนี้ กลายเป็นสีน้ำเงินแล้ว บ่งบอกถึงราตรีอันแสนกดดันที่ย่างกลายเข้ามา และเมื่อแสงแห่งเวลาสายัณห์ได้หดหายไป ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ทุกคนมีนัดกันมาซ้อมการรบในวันพรุ่งนี้


          เช้าวันต่อมา แม่ของพาเวลล์ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอึกทึกคึกโครม มันดังมาจากทางหน้าบ้านของเธอ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะเช้าดี แต่มีเสียงดังราวกับมีการรบเกิดขึ้นที่ข้างนอกนั่น เธอลุกขึ้นมา เดินตามแสงสลัวๆ ไปที่ตู้กับข้าว
           เทียนใช้แล้วหลายเล่มวางระเกะระกะอยู่บนตู้กับข้าวที่สูงกว่าเธอจะมองเห็น เธอไขว่คว้าจนได้เทียนเล่มขนาดเหมาะมือ แล้วจุดมันด้วยไม้ขีด แสงจากเทียนนำทางให้เธอเดินมาถึงประตูบ้าน        
           ประตูไม่ได้ล็อค ?
           เมื่อคืนล็อคแล้วนี่นา...

          


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×