ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Paradise... ไอ้คุณชายกับยัยคุณหนู [CinTeuk&WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : Foster home ( คุณหนูVSเด็ก)...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      1
      7 เม.ย. 53

    Love of  Paradise

     

    Couple ::: CinTeuk X WonHyuk

     

     

    ………………………………………

     

    Chapter 4

     

    Foster home : คุณหนูVSเด็ก

     

     

    อื้อ...  เสียงครางในลำคอของคนตัวเล็กดังขึ้น  ก่อนจะมองไปรอบตัว  แสดแดดส่องส่องเข้าแดด จนทำให้ร่างเล็กต้องตื่นขึ้นมาจากนิทราพร้อมใบหน้าที่บูดเบี้ยวอย่างไม่ค่อยพอใจ

     

    มือเล็กคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู  ยิ่งมองก็ยั่งสร้างความไม่พอใจหนักขึ้นไปอีก 

     

    เพิ่งจะ  7 โมงเช้า  จะรีบตื่นไหนเนี่ย  พี่ชินดงนัดตั้ง 10  โมง น่าเซ็งตัวเองจริงๆ

     

     

    แต่ว่าตื่นแล้วเค้าเองก็ไม่มีอะไรทำ  ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  แล้วกะว่าจะลงไปทานอาหรเช้าด้านล่าง

     

     

     

    แต่พออกมาจากห้อง  มองไปที่ทางห้องของฮีชอลที่อยู่ตรงข้าม  ก็ย้อนนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน

     

    -ไอ้บ้านั่น  มาจูบขโมยจูบชัด- 

     

    อีทึกนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อวานทั้งโกรธ หรือเขินอาย??  ก็ไม่รู้แต่ยังไงปาร์คจองซุซะอย่างไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก  คนตัวเล็กเริ่มคิดแผนอะไรบางอย่างออก  กอ่นจะรีบทำตามแผนที่วา งไว้ทันที 

     

    อีทึกวิ่งลงที่เคาวน์เตอร์ด้านล่างก่อนจะทำการขอกุญแจสำรองของห้องฮีชอลมา  แล้วกลับขึ้นมาที่เดิม

     

    -ตื่นเช้าที่ไม่เสียเที่ยวจริงๆ-

     

     

    อีทึกไขกุญแจเข้าไปในห้อง  ก่อนจะไขปรตูเข้าไป  ก่อนจะทำอะไรบางอย่าง  แล้วเดินออกมา  พร้อมรอยยิ้ม  รอยยิ้มที่ใครต่อใครเห็นคือ นางฟ้า  แต่ในวันนี้รอยยิ้มที่ฉาบไปด้วยความเจ้าเล่ห์  ดยที่เจ้าของห้องยังหลับเป็นต

    ม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

     

    นตัวเล็กเดินยิ้มอารมณ์ดีลงมาที่ล็อบบี้ชั้นล่าง   แล้วเดินเข้าไปในโซนสระว่ายน้ำ  ก่นอจะนั่งรับลมอย่างสบายใจ

     

     

     

    เมื่อแสงแดดส่องแดงตา  เพราะเช้าวันนี้จะดูแดดแรงเป็นพิเศษ  ทำให้ร่างสูงต้องตื่นจากนิทราอย่างช่วยไม่ได้  เหงื่อเกาะพราวเต็มใบหน้า  เพราะความร้อน 

     

    ฮีชอลกระพริบตาถี่ๆ  เอปรับสายตามอง ก่อนจะเหลือบไปเห็นอุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงจนน่าตกใจ  ราวกับมีคนแกล้ง 

     

    สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาปลุกที่วางอยู่หัวเตียง  11 โมงครึ่ง 

     

    -เฮ้ย!!!!  ตายแน่-

     

    คิดได้ดังนั้น  ร่างสูงก็วิ่งพรวดไปเข้าห้องน้ำทันที  โดยไม่ต้องคิดให้ยืดยาวกว่านี้ 

     

     

     

     

    ขายาวของฮีชอล  รีบพาตัวเองลงมาที่ล็อบบี้ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว  เมื่อถึงที่หมายก็รีบสอดส่ายหาสมาชิกคนอื่นๆ  แต่ปรากฎว่ามีแต่ความว่างป่าว  ก่อนจะรีบเดินไปหาประชาสัมพันธ์  

     

    “พี่ชินดงออกไปนานเท่าไรแล้วหรอครับ”  ฮีชอลถามก่อนจะหยุดพักหายใจ

     

    “คุณชินหรอคะ” พนักงานเปิดแฟ้มตารางงานดู  “คุณชินนัดไว้ตอนสิบโมงไม่ใช่หรอค่ะ”

     

    “ครับ  ผมสาย”

     

    “สาย ?  นี่เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเองนะคะ  คุณคิม”  พนักงานตอบยิ้มก่อนจะชี้ไปทางนาฬิกาเรือนหรูที่ติดไว้กลางผนัง

     

    “ห๊ะ”  ฮีชอลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง 

     

    “จริงค่ะคุณคิม”  พนักงานหัวเราะนิดนห่อยกับท่าทางเปิ่นๆของคนตัวสูง“ถ้าคุณคิมกลัวจะเบื่อ  คุณปาร์คนั่งอยู่ที่สระว่ายน้ำข้างล็อบบี้นะคะ”  พนักงานบอกที่อยู่ให้ร่างสูงเสร็จศัพท์

     

    แต่ฮีชอลก็ยังไม่เลิกสงสัย “มีใครเข้าห้องผมบ้างรึป่าว”

     

    “ห้องคุณคิมหรอคะ  เมื่อเช้านี่มีคุณปาร์คขอกุญแจห้องไปนะคะ”  พนักงานตอบ

     

    “งั้นก็ขอบคุณมากนะครับ”  ฮีชอลตอบก่อนจะเดินไปเป้าหมายอย่างรวดเร็ว  แค่พนักงานบอกเท่านี้เค้าก็เข้าใจตัวการของเรื่องนี้เรียบร้อย แสบนักนะยัยคุณหนู  

     

    สายตามองไปเห็น  ร่างเล็กคุ้นตาที่กำลังนั่งอยู่เก้าอี้สระว่ายน้ำ  ฮีชอลเดินเข้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว  ไม่ทันถึงตัวเจ้าตัวการก็สะดุ้งแล้วรีบหันมามอง  ก่อนจะเปิดปากพูดยอ่างมีจริต 

     

    ว่าไง  คุณชายตื่นเช้าจังนะ  อากาศตอนเช้านี่มันสดชื่อจริงๆเนอะ  นายว่ามั๊ย   คนตัวเล้กฉีกยิ้มหวานให้  แต่ร่างสูงดูเหมือนกำลังเยอะเย้ยเค้ามากกว่า

     

    ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยยัยคุณหนู  มือหนากระชากข้อมือบางให้ลุกขึ้น

     

    โอ๊ย!!  ฉันเจ็บนะ  มือเล็กพยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากมือหนา 

     

    นี่ ยัยคุณหนู  นายต้องการอะไรกันแน่  ฮีชอลดึงอีทึกเข้ามาใกล้

     

    ฉันป่าวสักหน่อย  อ๊ะ  อย่าผลักฉันตกนน้ำอีกนะ  อีทึกรีบร้องบอกเมื่อฮีชอลทำท่าจะผลักเค้าตกลงไปในน้ำ

     

    นายกลัวหรือไง  ฮีชอลยื่ใบหน้าเข้าไปใกล้

     

    ป่ะ...ป่าว  ฉันป่าวกลัวสักหน่อย  ฉันแค่...  อีทึกอึกอัก

     

    แค่อะไร

     

    แค่...แค่  แค่กลัวไม่สบายแค่นั้นเอง  อีทึกตอบ

     

    หรอ  ไม่เป้นไรหรอกมั้ง  นิดเดียวเอง  ฮีชอลช้อนตัวอีทึกขึ้น  แล้วเดินไปริมขอบสระ

     

    ยะ...อย่านะ  ฮีชอล  อีทึกเตะขาไปมา  เพื่อให้ร่างสูงปล่อยตัวเองออกแต่สองแขนก็ล็อคคอร่างสูงแน่น  เพราะกลัวหล่น 

     

    เอ...เอายังไงดีน้า  ฮีชอลแกล้งคนตัวเล้กแกล้งจะปล่อยร่างเล็กไป  คนตัวเล้กก็ร้องลั่น  จนฮีชอลออดหัวเราะไม่ได้

     

    ปล่อยฉันเถอะนะ  อีทึกมองร่างสูงด้วยสายตาอ้อนๆ

     

    เรียกฉันว่าพี่ก่อนสิ  ฮีชอลยื่นคำเสนอ  อีทึกเบ้หน้าเล็กน้อย  แต่ก็ยอมทำตาม

     

    “ฮยอง  ปล่อยผมลงไปเถอะนะ”  อีทึกเอาหัวกลมถูกับอกกว้างเบาๆ 

     

    “เรียก อปป้าสิ”  ฮีชอลแกล้งแหย่คนตัวเล็ก  จนใบหน้าสวยซับสีเลือดขึ้นมา

     

    “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ  เรียกนายว่า อปป้าน่ะ”  อีทึกโวยวายทันที

     

    “งั้นก็ลงไปอยู่ในน้ำเลยไป”  ฮีชอลทำท่าจะโดยนอีทึกลง  แต่อีทึกก็ดึงเสื้อฮีชอล

     

    “ยอมแล้ว…ยอมแล้ว  อย่าปล่อยน้า เรียกก็เรียก”  อีทึกพองลมที่แก้มอย่างน่ารัก  “อปป้า ปล่อยฉันลงเถอะน้า  ฉันกลัวตกน้ำ”

     

    ฮีชอลกระตุกยิ้มที่มุมปาก  ก่อนจะค่อยๆวางร่างเล็กลง  ก่อนจะรีบขโมยจูบที่แก้มป่องๆเบาๆ  แล้วรีบเดินหนีออกไป

     

    …เดี๋ยวนี้ไม่รู้เค้าเป็นอะไร  ชอบให้คนตัวเล็กนี่อ้อน  ดูน่ารักน่าฟัดจริงๆ… 

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------[15%]

     

     

    มือบางเอื้อมกดนาฬิกาปลุกที่ดังกวนเค้าไม่หยุดจนต้องตื่นจากนิทรา  ก่อนจะมองนาฬิกาอย่างถี่ถ้วน  แต่นึกตริตรองสิ่งที่ต้องทำ แล้วลุกขึ้นไปจัดการธุระ 

     

     

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ  ร่างบางก็มายืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก  พร้อมฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี  ร่างบางเหลือบมองนาฬิกา ก็จวนจะได้เวลาแล้ว  ออกไปรอก่อนคงไม่เสียหาย  คิดได้ดังนั้น  ก็เดินเปิดประตูออกไป  แต่อารมณ์ดีจากเมื่อเช้าก่อนอันตรธานหายไปหมดสิ้น  เพราะคนตรงหน้าห้องที่ยืนยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี

     

    สวัสดี   คนตัวสูงฉีกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยทักทายคนตัวเล็กที่ตอนนี้หน้าหงิกไปแล้ว

     

    อะไรของนาย  หลบไป  ฉันไปทำงาน  ฮยอกแจบอกก่อนจะเดินไปทางซ้าย  แต่ซีวอนก็เดนมาขวาง ฮยอกแจขมวดคิ้ว  แต่ไม่ได้พูดอะไร  แล้วเปลี่ยนเป็นก้าวขาไปทางขวาแทน เพื่อจะเดินออก  แต่ร่างสูงก็เดินมาขวางเช่นเดิม  รอมยิ้มยังไม่คงจางไปจากใบหน้าของร่างสูงแม้แต่น้อย   ถอยออกไป  ร่างบางสั่งเสียงแข็ง

     

    ร่างสูงส่ายหน้าอย่างกวนประสาท

     

    ไปด้วยกันสิ 

     

    ไม่  ฉันไปเองได้  ถอยออกไปได้แล้ว  ฮยอกแจจะเดินออกไป  แต่ซีวอนก็คว้าเข้ามากอดแน่นๆจากด้านหลัง 

     

    ไม่เอา  เมื่อคืนก็หวง  หวงมากเลยนะ  ไปคุยคนอื่น  ซีวอนซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก  ทำเอาใบหน้าสวยซับสีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ 

     

    อะไรของนาย  อย่ามาพูดมั่วนะ  ฮยอกแจดันซีวอนก่อนจะ  เดินนำออกไป 

     

    ซีวอนมองตามหลังก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ

     

    -ไม่ให้ยิ้มได้ไงหล่ะ  ที่รักผมกำลังเขิน-

     

     

     

     

    ีทึก!!” เสียงฮยอกแจเรียกเพื่อนที่กำลังคว้าคอเสื้อของฮีชอลอยู่

     

    “อะไร!”  อีทึกเผลอหันไปตะวาดด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะนึกขึ้นได้  “อุ้ย  ขอโทษ”

     

    “ไม่เป็นไรๆ  แล้วนายไปแกล้งฮีชอลเค้าทำไม” ฮยอกแจถามพลางเดินหนีซีวอนที่ทำตัวปลาหมึกอีกแล้ว 

     

    “อย่าเพิ่งมายุ่งได้มั๊ย!” ฮยอกแจหันไปเอ็ดเบาๆ

     

    “วันนี้ขอเป็นองครักษ์ พิทักษ์เจ้าหญิงน้า…น้าคร้าบ”  ซีวอนส่งสายตาอ้อนวอน  เค้าจะได้ดูแลฮยอกแจทั้งวันไง คุ้มออก

     

    “ดูแลได้แต่…ห่างๆเข้าใจมั๊ย”  พูดจบฮยอกแจก็เดินเข้าไปหาเพื่อนทันที

     

    “มันอ่ะแหละ  มาหอมแก้มฉัน”  ว่าแล้วมือบางก็พาดเข้าที่อกร่างสูงไม่ยั้ง  ฮีชอลยกมือขึ้นมาปก

     

    “นี่ฮีชอล  นายหอมแก้มยัยคุณหนูนี่  ไปดมตูดลิงยังชื่นใจกว่าอีก”  ซีวอนตะโกนบอก ทั้งฮีชอลและซีวอนหัวเราะออกมาพร้อมกัน  ก่อนจะปิดปากเงียบ เพราะสายตาอาฆาตของคนถูกพาดพิง

     

    “อยากตายอยู่ที่มั๊ย”  อีทึกวิ่งตามร่างสูงที่วิ่งหนีออกไป  “ไอ้ซีวอนบ้า  นายตายแน่” 

     

    ทั้งฮีชอลและฮยอกแจหัวเราะออก  ไม่นานชินดงก็มาถึง  พร้อมเข็มยาวของนาฬิกากระดิกตรงที่เลข 12 พอดี

     

    “อีทึกกับซีวอนหล่ะ”  ชินดงเริ่มถามเมื่อไม่เห็นทั้งคู่

     

    “ทำสงครามกันอยู่ครับ”  ฮีชอลบอกพร้อมหัวเราะร่า ฮยอกแจก็หลุดขำไปด้วย

     

    “นั่นไงครับมาแล้ว”  หลังจากหยุดหัวเราะแล้ว ฮยอกแจก็ชี้บอก

     

    “ซีวอน อีทึก  มาเร้วเราต้องรีบไปกัน  ก่อนที่จะช้าไปกว่านี้”  ชินดงมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเดินนำออกไป 

     

    สภาพของซีวอนที่ถูกอีทึกดึงคอเสื้อให้เดินตามมา  ทำฮยอกแจและฮีชอลหลุดหัวเราะอีกครั้ง

     

    “ปากหมาจริงๆ”  อีทึกลากซีวอนเดินไปจนถึงที่รถ

     

     

    แล้วตลอดทาง  ทุกคนก็ต่างทำกิจกรรมของตัวเอง  แต่ก็แน่นอนว่าไม่มีใครหลับ  เหตุผลน่ะหรอ  อีทึกกับซีวอนทั้งทะเลาะกันตลอดทาง  ให้หลับลงก็บ้าแล้ว 

     

    รถตู้ขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นสามตอน  ชินดงนั่งข้างคนขับ  แถวถัดมาเป็นซีวอนกับฮยอกแจ และแถวสุดท้ายเป็นฮีชอลกับอีทึก

     

    “ไอ้ซีวอน” อีทึกยืนขึ้นด้านหลังซีวอน มือเล็กของอีทึกผลักหัวซีวอนไปมา  ก่อนจะหัวเราะแล้วถูกฮีชอลดึงให้มานั่งที่ตักเค้า

     

    “ไอ้บ้า  ปล่อยนะ”  อีทึกพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากฮีชอล เพราะฮีชอลโอบเค้าแน่น

     

    “ซนจริงๆ  คนหรือลิง  นั่งนิ่งเวียนหัว”  ฮีชอลจูบอีทึกแน่นๆทีเดียว  คนตัวเล็กก็หมดฤทธิ์

     

    ซีวอนหันมามองพร้อมกับฮยอกแจ  ซีวอนหัวเราะเยาะใส่อีทึก  แต่อีทึกก็ตวัดสายตาขึ้นไปมอง  จะลุกขึ้นไปหาเรื่อง

     

    “อยากโดนจูบออีกหรอไง  ถ้าไม่อยากก็นั่งเฉยๆ”  ฮีชอลสั่ง  อีทึกก็ถึงกลับนั่งเงียบกริบ  ตอนนี้บรรยากาศในรถก็กลับมาในสิ่งที่ควรจะเป็น ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของอีทึกและเสียงโวยวายของซีวอน

     

     

     

    ทั้งสี่คนก้าวลงมาจากรถ แต่ละคนก็มีความรู้สึกที่ต่างกันออกไป 

     

    “เด็กหรอ  ไม่เอานะ”  อีทึกหน้าบึ้งทันที  แล้วหันหน้าไปทางอื่น

     

    ส่วนฮีชอลก็อ่านรายละเอียดที่จะต้องทำวันนี้ให้ถี่ถ้วนอีกรอบ

     

    “ว้าว  น่ารักจัง”  ฮยอกแจยิ้มร่า  ส่วนซีวอนก็ทำหน้าเซ็งๆ  ให้เดาไม่ผิด  ฮยอกแจต้องเอาแต่สนใจเด็กมากกว่าเค้าแน่นนอน

     

     

    แล้วก็ถูก…  ฮยอกแจเอาแต่มองเด็กตัวเล็ก  ขณะที่เดินตามชินดงเข้าไป  นัตย์ตาเป็นประกายเหมือนได้รับของเล่นใหม่ 

     

    ส่วนอีทึกน่ะหรอ พยายามกระเถิบเดินห่างจากเด็กมากที่สุด 

     

     

     

    “นี่คือ  สิ่งที่พวกนายต้องทำ  คือเข้าหาเด็กพวกนี้ให้มากที่สุด” ชินดงอธิบายกิจกรรมวันนี้ให้ฟังคร่าวๆ

     

    “แล้วเราต้องอยู่ที่นี่  กี่ชั่วโมง”  อีทึกถามขึ้น 

     

    “เราจะต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลา 5 ชั่วโมง”  ชินดงบอก 

     

    “5 ชั่วโมง!!”  อีทึกโพล่งขึ้น  “ไม่เอานะพี่”

     

    “ไม่ได้  จองซู  เราต้องอยู่ที่นี่  โดยเวลาของกิจกรรมถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน สองชั่วโมงแรก  ต่างคนต้องต่างไปศึกษาเด็กๆ  หนึ่งชั่วโมงถัดมาเป็นช่วงพักทานอาหาร  ส่วนสองชั่วโมงสุดท้าย เราต้องจบคู่…  แต่เอาละตอนนี้แยกย้ายกันก่อนดีกว่า”    ชินดงพูดจบก็เดินออกไป  ปล่อยให้อีทึกนั่งเหวอไปชั่วขณะ  

     

    ส่วนซีวอนก็รีบดึงฮยอกแจออกจากห้องไปทันที

     

    “ฮีชอล”  อีทึกเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน 

     

    ฮีชอลที่กำลังออกจากห้อง  หันมามอง

     

    “อะไร”

     

    “ไปด้วยกันนะ  ฉันไม่ชอบ” อีทึกเบ้หน้า 

     

    “อืม  ลุกขึ้นมาสิ”  ฮีชอลยื่นมือไป  อีทึกยื่นมือมาแล้วลุกขึ้นยืน

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------[50%]

     

     

    ฮยอกแจ!”  ซีวอนรีบเดินตามคนข้างหน้าไป  ก่อนจะรีบคว้าข้อมือเล็กนั่นไว้ 

     

    “ปล่อยฉันซีวอน”  ฮยอกแจพยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากข้อมือของซีวอน  แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปทางเด็กตัวเล็กๆที่วิ่งบ้าง  เล่นบ้างทานขนมจนหกเลอะเทอะบ้าง 

     

    “ไม่เอา  ฮยอกแจ  สนใจฉันหน่อยสิ” ซีวอนเริ่มเอาหน้ามาถูกับไหล่ของฮยอกแจ

     

    “สนใจแล้วไง  นายตัวก็โครตถึกเลย”  ฮยอกแจดันหน้าซีวอนออก

     

    “กล้าว่าฉันหรอไง  วันนี้ฉันต้องเป็นบอดี้การ์ดให้นาย”  ซีวอนยิ้มโชว์รอยยิ้มข้างแก้ม

     

    “ก็บอกให้ดูอยู่ห่างๆไง”  ฮยอกแจบ่น  คิ้วเริ่มขมวดกัน

     

    “ก็ได้  อยู่ห่างๆก็ได้”  ซีวอนยอมจำนนโดยดี  “แต่ว่า…”

     

    “อะไรของนาย”  ฮยอกจเริ่มหวาดๆเริ่มนึกถึงของแลกเปลี่ยนของซีวอน


    “ขอติดหอมแก้มไว้ สามที แล้วจะยอมดูแลห่างๆ”  ซีวอนยักคิ้วท้าทาย 

     

    “ไอ้บ้า  ไม่เอา ทะลึ่ง”  ฮยอกแจตีไปที่ไหล่หนาทีนึง

     

    “งั้นก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ”  ซีวอนดึงฮยอกแจเข้ามาประชิดตัว

     

    “อ๊ะ…อ่า…กะ ก็  ก็ได้”  ฮยอกแจพยายามดันตัวออกห่าง  พร้อมตอบรับข้อเสนอเพราะตอนนี้เด็กเริ่มหันมามองกันใหญ่

     

    “จริงนะ”  ซีวอนเลิกคิ้วถามให้แนใจอีกครั้ง

     

    “อะ…อื้ม” ฮยอกแจพยักหน้าอย่างเขิน  จนข้างแก้มเริ่มเป็นสีชมพูจนซีวอนอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

    “งั้นมัดจำไว้ก่อนทีนึงนะ”  พูดจบก็ดึงฮยอกแจเข้ามาใกล้กว่าเดิม  แล้วรีบหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่  “ฮ้า…ชื่นใจจัง”

     

    “ทุเรศ”  ฮยอกแจพาดไปที่ต้นแขนซีวอนทีนึง  ก่อนจะลูบแก้มตัวเองแล้วรีบเดินหนีไปทันที 

     

     

     

    “ฮีชอล  ไม่เอา  ฉันไม่อยากไปดูเด็กอ่ะ”  อีทึกทำตาแป๋วมองคนตัวสูงกว่า

     

    “อย่าดื้อสิ  ฉันก็ไปกับนายนี่ไง”  ฮีชอลชูมือที่อีทึกจับมือเค้าแน่นข้นมาดู “เห็นป่ะ  สะบัดยังไม่หลุดเลย”  ฮีชอลสะบัดมือทีนึงแต่อีทึกก็จับไว้แน่น

     

    “ก็ฉัน…ฉัน”  อีทึกพยายามจะหาข้อแก้ตัว

     

    “นายจะอะไรก็เรื่องของนาย  แต่รีบไปกันเถอะ  เดี๋ยวเราจะได้เก็บงานกันน้อยนะ” ฮีชอลบอกแล้วยกแฟ้มตารางในมือขึ้นมาดู

     

    “ก็ดีสิ  จะได้อยู่ด้วยกันน้อยๆ” อีทึกแอบบ่นอยู่ข้างๆ

     

    “นี่ไม่ต้องมาบ่นเลย  มานี่”  ฮีชอลรีบดึงอีทึกให้เดินตามมา

     

    ฮีชอลกับอีทึกเดินเข้าไปในห้องนอนห้องนึง ปรากฎว่ามีเด็กๆวิ่งกระโดดไปมาเต็มห้อง  อีทึกที่เจอถึงกับไม่ยอมก้าวขา

     

    “เข้ามาสิ” ฮีชอลพยายามดึงอีทึกเข้ามา

     

    “ไม่เอา  ฮีชอล”  อีทึกยื้อฮีชอลเอาไว้ 

     

    ฮีชอลถอนหายใจกับท่าทาง งอแงของอีทึก ก่อนจะดึงอีทึกเข้ามาประชิดตัว

     

    “ชอบให้ใช้กำลังหรือไง”  ฮีชอลก้มลงกระซิบเบาๆ  ก่อนจะพาอีทึกเข้าไปในห้อง

     

    อีทึกค่อยๆนั่งลงที่มุมห้องพร้อมกับฮีชอล  ไม่นานก็มีเด็กตัวเล็กวิ่งเข้ามาอีทึกถึงกับต้องรีบขยับตัวหนี

     

    “สวัสดีครับ”  ฮีชอลดึงมือเด็กผู้หญิงคนนึงวัยกำลังหัดพูดมานั่งตัก

     

    “สวัสดี…ค่ะ”  เด็กหญิงจ้องร่างสูงตาแป๋ว

     

    “ชื่ออะไรเอ่ย”  ฮีชอลเอียงหัวถามอย่างอ่อนโยน

     

    “ชื่อ…นาบีค่ะ”  เด็กหญิงตอบพร้อมอมยิ้ม “แล้วพี่ชาย…ล่ะคะ” 

     

    ฮีชอลเผยยิ้มออกมา ก่อนจะบีบแก้มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “ฮีชอลครับ ส่วนพี่คนนั้นชื่อพี่อีทึก”  ฮีชอลชี้ไปทางอีทึกที่กำลังมองมาเหมือนกัน 

     

    นาบีหันมองอีทึกตามมือฮีชอล  ก่อนจะยิ้มออกมา  ไม่นานนักอีทึกก็ยิ้มออกเหมือนกัน  เห็นอย่างนั้นฮีชอลก็เริ่มโล่งอก  ก่อนจะกระซิบนาบีให้ลุกเดินไปหาอีทึก

     

    “ไปหาพี่อีทึกสิ  พี่เค้าใจดีนะ”  ฮีชอลกระซิบบอก  นาบีลุกขึ้นยืนทำท่าจะไปพาอีทึก แต่อีทึกก็ร้องขึ้นมาก่อน

     

    “มะ…ไม่เอานะ”  อีทึกยกมือห้าม  จนฮีชอลต้องดึงนาบีมานั่งตักเค้าเหมือนเดิม

     

    “พี่ฮีชอลคะ  ตุ๊กตาตัวนี้น่ารักมั๊ยคะ”  นาบีเอาตุ๊กตาสีน้ำตาลที่กอดอยู่ในมือขึ้นมา 

     

    อีทึกได้แต่นั่งมอง ฮีชอลกับนาบีเล่นกัน แต่บางทีก็เผลอยิ้มออก  พอฮีชอลหันขึ้นมามองแล้วทำสายตาล้อเลียน อีทึกก็รีบหุบยิ้มทันที

     

    “นี่  ฝากนาบี  ไว้แป๊บนึงนะ  ฉันขอไปทำธุระแป๊บนึง”  ฮีชอลบอกพร้อมอุ้มนาบีไว้ที่ตักอีทึก  ทำเอาอีทึกนั่งตัวแข็ง

     

    “ฮีชอล…ไปด้วยสิ”  อีทึกช้อนสายตามองร่างสูง

     

    “ฉันไปแป๊บเดียวน่า”  ฮีชอลขยี้ผมอีทึกเบาๆ  คนตัวเล็กมองค้อนขึ้นมา ทำเอาคนตัวสูงหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ

     

    “ยิ้มอะไรของนาย  จะไปก็รีบไป แบร่” อีทึกแลบลิ้นใส่ฮีชอล  ฮีชอลส่ายหน้ากับความเด็กของอีทึกก่อนจะเดินออกไป

     

     

     

    อีทึกได้แต่นั่งตัวแข็ง  ส่วนนาบีก็หยิบของเล่นใกล้มือขึ้นมาเล่น  ก่อนจะหันมาทางอีทึก 

     

    “เอ๋…”  นาบีหันมองอีทึกตาแป๋ว ก่อนจะเอื้อมมือไปจับผมอีทึก

     

    “อ๊ะ…ปล่อย  ปล่อยนะนาบี”  อีทึกพยายามดึงมือนาบี  แต่นาบีก็จับไว้ซะแน่น “โอ๊ย!! เจ็บนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้! นาบี!!” อีทึกตวาดใส่นาบี 

     

    นาบีค่อยๆปล่อยมือออกจากผมอีทึก  น้ำตาคลอเบ้าเพราะเสียงตวาดอีทึก 

     

    “ฮึก…ฮึก…”  นาบีเริ่มแบะ  ส่วนอีทึกก็เริ่มใจเสีย

     

    “อย่านะ…นาบี  อย่าร้องนะ”  อีทึกพยายามห้ามนาบีไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว  นาบีปล่อยโฮออกมาดังลั่น 

     

    “ฮืออ…”  นาบีร้องไห้เสียงดัง  จนเด็กคนอื่นๆหันมามอง อีทึกเองก็ไม่รู้จะทำยัง  รู้แต่ว่าตัวเองต้องโดนดุแน่ๆ ไม่นานน้ำตาก็เริ่มมาคลอที่ดวงตา  ก่อนจะร้องไห้ออกมาเหมือนนาบี

     

     

     

    ฮีชอลที่เดินกลับเข้ามาได้ยินเสียงดังลั่น  ยัยคุณหนูตัวแสบคงจะอาละวาดอีกล่ะสิ

     

    “คุณฮีชอลคะ  คุณจองซูร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ”  พนักงานประจำวิ่งเข้ามาหาฮีชอล 

     

    ฮีชอลรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาอีทึกทันที 

     

    เกิดอะไรขึ้นฮีชอลมองสภาพอีทึกสลับกับนาบีก่อนจะเช้ดน้ำตาให้อีทึกอย่างลวก  แล้วดึงเข้ามาปลอบ  ส่วนนาบีก็ถูกพนักงานประจำอุ้มออกไป

     

    นายมันโครตใจร้ายเลย  มือบางทุบที่อกฮีชอล  ทั้งๆที่รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก  ยังปล่อยฉันไว้

     

    หยุดร้องเถอะ  จองซู  อายเด็กเค้า ฮีชอลพยายามปลอบให้อีทึกหยุดร้อง  เด็กรอบข้างก็เริ่มหันมามอง 

     

    ฮืออ...ไม่หยุด  ฉันจะร้องให้ดังกว่าเดิมด้วย  ว่านายอ่ะโครตใจร้ายเลย  ฮืออออ!!!!~” ว่าแล้วยัยคุณหนูตัวแสบก็แผลงฤทธิอีกจนได้ 

     

    หยุด  ร้องสิ จองซู  ยิ่งยัยคุณหนูนี่ร้องไห้เสียงดังมากเท่าไหร่  คนก็ยิ่งหันมามองมากยิ่งขึ้น

     

    ฮือ  ไอ้คนใจร้าย  ไอ้คนใจดำ มือเล็กก็ทุบอกฮีชอลไม่เลิก

     

    พี่ชายก็หล่อดีนะ  แต่ทำไมใจร้ายจัง  ทำพี่อีกคนร้องไห้ด้วย  เสียงเด็กอายุประมาณ 8-9 ขวบคุยกัน  ฮีชอลต้องหันไปยิ้มแหยะๆให้

     

    จองซูเงียบก่อนได้มั๊ย อายเค้า  ฮีชอลกระซิบบอก  เค้าไม่น่าดึงยัยคุณหนูนี่เข้ามาปลอบเลยจริงๆ

     

    ไม่!! ฉันไม่อาย  แล้วก็จะไม่หยุดร้องด้วย  ฮือออ!!!  ไอ้คนไม่มีหัวใจ!!”  ว่าแล้วอีทึกก็ตั้งน่าตั้งตาร้องไห้ต่อไป

     

    แม่เจ้า  ฮีชอลอยากจะตายซะตรงนี้เลย  ฝากยัยนี่ไว้ที่นี่อีกคนได้มั๊ยเนี่ย 

     

    พี่ชาย ใจร้ายจังเนอะ  เด็กหญิงอีกคนอายุประมาณ 6-7 เดินผ่านมาพูดขึ้น

     

    เอ่อ  พี่ไม่ได้ทำอะไรนะ  พี่ชายคนนี้เข้าเสียใจก็เลยร้องไห้เอง  พี่ป่าวทำอะไรนะ  ฮีชอลรีบแก้ตัวก่นอที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

     

    ไม่จริง!!  ใครบอกหล่ะ  นายนั่นแหละ เป็นคนทำฉันร้องไห้ปลอยฉันทิ้งเอาไว้คนเดียว  ฮือออ!!!  หนูอย่าไปเชื่อพี่ชายคนนั้น เค้าเป็นคนใจร้ายมากเลย  ทิ้งพี่ไว้อยู่เดียว  พี่เลยร้องไห้เห็นมั๊ยเนี่ย  แล้วยังไม่ยอมรับผิดอีกนะ  ทำไมนายเลวขนาดนี้ คิมฮีชอล  อีทึกร้องไห้โวยวายหนักขึ้นไปอีก 

     

    จริงด้วยค่ะ พี่สาวอย่าร้องไห้นะ  เด็กหญิงเดินไปลูบผมอีทึกเบาๆ

     

    เอ๋...  อีทึกหยุดร้องไห้แล้วมองหน้าเด็กหญิงที่เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า พี่เป็นผู้ชาย

     

    พี่ชายคนนี้ใจร้ายกับพี่มากเลยเนอะ  ทำพี่สาวร้องไห้ เด็กหญิงชี้ฮีชอลให้พวกเพื่อนดู

     

    นี่!  จองซู  เลิกเล่นเถอะ ฮีชอลพยายามกระซิบบอก  แต่อีทึกก็ยังฟูฟายไม่เลิก

     

    นี่ท้องแล้วหาพ่อเด็กไม่เจอรึป่าวเนี่ย  ร้องไห้ซะขนาดนี้

     

    ฮืออ!!!...ไอ้คนบ้า  คนใจร้ายทำฉันร้องไห้ยังมาหาว่าฉันแกล้งเล่นอีกหรอ!!”

     

    “แล้วมันจริงมั๊ยหล่ะ  ร้องห่มร้องไห้ อย่างกับเสียตัวอย่างนั้นหล่ะ”  ได้ผล คำพูดของฮีชอลทำอีทึกหยุดทันที

     

    “เสียตัว? ฉันเพื่อนเล่นไงหรือไงฮะ!! คิมฮีชอล!  ถึงพูดจาแบบนี้!  พูดจาอยากตายมากใช่มั๊ย!  ได้!! สมใจนายแน่”  อีทึกลุกขึ้นยืน  ส่วนฮีชอลก็ได้แต่มองอย่างงงๆ  ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไป

     

    “กลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า!!!”  อีทึกตะโกนไล่หลังก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป

     

     

    “หายไปไหนวะ”  อีทึกสถบออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาไม่มีตัวการที่เค้ากำลังหาอยู่

     

    “หาใครอยู่หรอ”  ฮีชอลที่ออกมาจากทางไหนไม่รู้  ตะครุบรวบตัวร่างเล็กเอาไว้ ไม่ให้แผลงฤทธิ

     

    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!  ไอ้บ้า!!” อีทึกพยายามดิ้น แต่อีทึกจะสู้แรงฮีชอลไหวหรอ “ปล่อยยย!!!”

     

    “ฮีชอล!!”  ซีวอนที่เดินมาพร้อมฮยอกแจ  เรียกเพื่อนที่กำลังง่วนอยู่กับการจับอีทึกให้อยู่หมัด

     

    “อะไรวะ”  ฮีชอลหันไปมอง  แต่ก็พยายามกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น

     

    “นี่  ฉันว่าแกโครตอ่อนเลย  แค่ยัยนี่พยบแก่ยังปราบไม่ได้เลย”  ซีวอนพูด  ฮีชอลเงียบไปก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก

     

    “หรอ  ใครบอกฉันปราบไม่ได้  แต่อย่าให้ฉันทำแล้วกัน  ยัยคุณหนูเนี่ยอาจจะไม่กล้าพยบอีกก็ได้”

     

    “อะไร…อะไรของนาย”  เกือบจะได้ผล  อีทึกยอมสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ว่ามันยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

     

    เงียบซะ  รึว่าอยากเจอแบบบนรถ  ฮีชอลยักคิ้วให้อย่างยียวน  คนตัวเล็กได้แต่กัดปาก ก่อนจะเงียบไป

     

    ว้าว  เจ๋งว่ะ ทีเดียวจอด  ซีวอนเอ่ยชมเพื่อนรัก

     

    ฉันก็ทำให้แกทีเดียวจอดได้ อยากลองมั๊ยหล่ะ  อีทึกหันไปต่อปากต่อคำ

     

    นี่  อยากโดนจริงๆหรอไง  ฮีชอลแอบตีก้นอีทึกทีนึง

     

    เจ็บนะเว้ย  อีทึกหันไปทำหน้านิ่ว

     

    เจ็บก็เงียบๆสิ  ฮีชอลแอบตีอีกทีด้วยความหมั่นไส้  

     

    คราวนี้ คนตาสวยได้แต่หน้านิ่วแต่ก็ไม่กล้าหันไปต่อปากต่อคำ แต่ยังไม่วายแอบบ่นพึมพำ

     

    แล้วสักวันฉันจะเอาคืน 

     

    เพี๊ยะ!!!

     

    อีกแล้วฮีชอลตีลงมาที่ก้นเค้าอีกแล้ว

     

    ห้ามบ่นด้วย  เข้าใจมั๊ย  ทีนี่ยัยคุณหนูจอมโวยวายก็ได้สิ้นฤทธิของแท้ ไม่กล้าหันมาต่อปากต่อคำแม้แต่คำเดียว และไม่มีเสียงบ่นพึมพำแม้แต่น้อย  สงบอย่างง่ายดายภายในอ้อมกอดฮีชอล

     

    ว้า  คุณหนูเป็นอะไร  ทำไมไม่ค่อยพูดเลยหล่ะ ซีวอนก็อดที่จะแซวไม่ได้ เพราะนานๆทีเค้าจะได้เป็นต่อ

     

    อีทึกได้แต่หันไปค้อน แต่ริมฝีปากก็ถูกเม้มจนเป็นเส้นตรงไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย  จนคิมฮีชอลยังอดพอใจไม่ได้  เวลายัยคุณหนูนี่ยอมแพ้แล้วอยู่นิ่งๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ  ชอบท่าทางที่เถียงคอเป็นเอ็นเพื่อเอาชนะแล้วไม่ได้ดั่งใจ ถึงมาหงอยอยู่ที่อ้อมแขนเค้า  น่ารักชะมัดให้ตายสิ

     

    นี่  ฮีชอลปล่อยอีทึกได้หรือยัง  ฮยอกแจท้าวสะเอวก่อนจะมองฮีชอลที่แอบแต๊ะอั๋งเพื่อนเค้าไม่เลิก

     

    ...ยัง  คำตอบสุดแสนจะกวนประสาทของคิมฮีชอล แถมยักคิ้วกวนประสาทสุดๆ

     

     

     

    อีทึกเงียบไปนานผิดปกติ  อยู่ดีๆรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า  จนอีกสามคนเสียวสันหลังวาบ  ยัยตัวแสบคิดอยากจะทำอะไรอีก

     

    ฮีชอล อีทึกเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน ก่อนจะค่อยซบลงที่ไหล่หนา  พอรู้สึกว่าวงแขนฮีชอลเริ่มคลายจึงค่อยๆหันไปประจันหน้ากับร่างสูง  จ้องแววตาร่างสูงกลับอย่างไม่คิดยอมแพ้ 

     

    ขอให้มีความสุขมากนะ  พูดจบสองมือเล็กก็คว้าที่ไหล่หนา แล้วดึงร่างสูงเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้เข่า เข่าไปที่ส่วนหันของฮีชอล จนร่างสูงต้องรีบปล่อยให้อีทึกเป็นอิสระแล้วเลื่อนมือลงมากุมส่วนสำคัญที่ถูกทำร้ายทันที

     

    หูยยยย  เสียงซีวอนเป็นเสียงประกอบ  อีทึกตวัดสายตาไม่มองซีวอน  เจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกตัวแล้ว เตรียมตัวจะวิ่งแต่ก็ไม่ทันอีทึกหรอ  อาศัยที่ตัวเล็กวิ่งเลยเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าวิ่งไปประชิดตัวซีวอน  ก่อนจะใช้ฝ่าเท้าประทับที่แผ่นหลังซีวอนทันที เจ้าตัวเกือบจะล้มหน้าขมำ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป  เหลือเพียงแค่อีทึกกับฮยอกแจ

     

    ไปทานน้ำหวานกันเถอะฮยอกแจ อีทึกคว้าเพื่อนให้เดินไปอีกทางที่ซีวอนเดินไป 

     

    เล่นกับใครไม่เล่น  เคยเตือนแล้วไม่ยอมเชื่อกันบ้างเลย

     

    ฮีชอลมองตามทางที่อีทึกเดินไปพร้อมฮยอกแจ

     

    -สักวันเถอะ ฉันจะเอาคืนนายทีเดียว  จองซู-

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------[100%]

    ^^
    กลับมาแล้วค่า

    คิดถึงกันบ้างมั๊ย

    ฮ่าๆๆๆ

    วันนี้วันเกิด  พระเอกเราด้วย  เอ...หรือพระรองน้า

    ช่างเถอะ

    สุขสันต์วันเกิด  ซีวอน  แล้วฮยอกแจด้วยนะคะ
    เดือนนี้ เดือนวอนฮยอก  เนอะๆ

    ฮ่าๆๆๆ

    คิดได้ - -

    อย่าลืมเม้นกันนะคะ
    ช่วงนี้อัพฟิคได้บ่อยขึ้นแล้วแหละ  ฮ่าๆๆ  จะมาลงเรื่อยๆนะคะ (ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจ)
    รักรีดเดอร์เช่นเดิมนะคะ

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นงามๆด้วยค่ะ

     nu eng

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×