คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : {part 3} Rainy day
3
Rainy Day
ซองมินนั่งอยู่บนม้าหินด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีดกับสภาพอากาศภายนอก สายฝนที่ตกลงมาตั้งแต่สิบนาทีก่อนทำให้เขาติดอยู่ที่นี่ จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ แถมที่โรงเรียนก็ยังไม่เหลือใครอีกต่างหาก เขาทำได้แค่มานั่งหลบอยู่ในซุ้ม สายตาก็จ้องมองคนที่มีร่มเดินผ่านไปช้า ๆ
อิจฉาคนมีร่ม
และอิจฉาคนมีความรัก
คู่รักหลายคู่เดินผ่านไปใต้ร่มคันเดียวกัน สีหน้ามีความสุขของพวกเขาเหล่านั้นทำให้ซองมินเหงาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่รู้ทำไม แต่ทันทีที่รู้สึกเขาก็พยายามปัดมันออกไปจากใจ จะได้ไม่เหงาไปมากกว่านี้ ซองมินมองสายฝนที่ดูเหมือนจะแรงขึ้นกว่าเดิมแล้วซบหน้าลงกับท่อนแขน จะวิ่งออกไปก็ไม่ได้เพราะเขาต้องแบกหนังสือเรียนหนาเป็นตั้ง จะรอที่นี่ก็คงจะดึก อากาศก็สดใสมาทั้งวัน ทำไมฝนต้องมาตกเอาตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้
ร่างบางเริ่มจะเคลิ้มกับอากาศเย็น ๆ รอบตัว แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือเย็น ๆ ของใครบางคนมาแตะตัวเบา ๆ
“ว่าไงครับพี่ซองมิน”คนที่มาใหม่ก็คงเป็นคนเดิม โจคยูฮยอน หากเป็นคนอื่นซองมินอาจจะดีใจที่มีที่พึ่ง แต่เป็นคยูฮยอนคนนี้แล้วไม่ไหวจะทน ถ้ากลับบ้านกับมันก็คงได้ปากเปียกปากแฉะ ไอ้เด็กนี่ แซวทุกนาที เผลอหน่อยไม่ได้แกล้งเขาทุกที อยู่กับมันแล้วปวดหัว”รออะไรอยู่..เอ หรือว่าเกิดอยากเป็นนางเอกเอ็มวีขึ้นมาบ้าง”
“ไม่ใช่ซะหน่อย !!”ซองมินตอบเสียงเขียว ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของคยูฮยอน”มารอเพื่อน นายกลับบ้านไปเลยไป”
โกหกออกมาคำโต ถึงแม้ในใจจะแอบลังเล แล้วถ้าคยูฮยอนไปใครจะพาเขากลับบ้าน ดูจากร่มสีเขียวในมือหมาป่าเจ้าเล่ห์แล้ว ที่พึ่งสุดท้ายที่จะได้กลับบ้านแบบแห้ง ๆ ก็คน ๆ นี้นี่แหล่ะ
“ไม่เอาน่า...ผมเห็นพี่นั่งมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ ป่ะ กลับบ้านด้วยกัน”คยูฮยอนเองก็โกหกเหมือนกัน ไอ้ชั่วโมงนี่เขามั่วไปเอง ที่จริงก็เดินออกมาเมื่อสิบนาทีที่แล้ว แต่เท่าที่จับอาการได้ ท่าทางที่เขาโม้ออกไปจะเป็นเรื่องจริง
“ไม่เอา!!”
“ใจร้าย”คำตัดพ้อบวกกับสายตาเศร้า ๆ ที่ส่งมาทำให้ร่างบางต้องหันหน้าหนี ใบหน้าหวานแดงขึ้นมานิด ๆ แต่เพราะความมืดสลัวของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทาล่ะมั้งที่ทำให้คยูฮยอนไม่ได้เอ่ยปากแซวอะไรออกมา”ก็ผมไม่อยากให้พี่กลับดึกนี่ ฝนท่าทางจะตกอีกนาน”
คำพูดนั้นทำให้ร่างบางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ร้อยวันพันปีคยูฮยอนจะพูดจาดี ๆ แบบนี้กับเค้าเป็นด้วย ปกติน่าจะเป็น...
“ผมกลัวพี่จะเดินจมน้ำขังน่ะ ตัวก็ตั้งขนาดนี้ ฮ่า ๆ ๆ”
“บ้าเอ๊ย”
แบบนี้นี่แหล่ะ
ซองมินได้แต่ทำหน้าเซ็งและเอาหัวฟุบแขนเหมือนเดิม น่าแปลกที่เขากลับมีรอยยิ้มวาดขึ้นมาได้ ไม่รู้สิ ตลกดีเหมือนกันที่ชีวิตมีแต่เรื่องทะเลาะกับคน ๆ นี้ เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคยูฮยอนหายไป หรือไม่ได้มาตามล้างแค้นเจ็ดชั่วโคตรกันแบบนี้อีกจะเป็นอย่างไร
“...อย่างอนเลยนะพี่กระต่าย...กลับบ้านเถอะ”เสียงที่เปลี่ยนโทนเป็นง้องแง้งทำให้ซองมินหลุดยิ้มออกมามากกว่าเดิม ร่างบางแกล้งขยับแขนหนี แต่ก็ต้องเหวอเมื่อคยูฮยอนทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ และเอามือมาเกาคางซองมินเล่น
“คยูฮยอน..ไอ้บ้า แง๊...จั๊กจี้นะเว้ย!!”ซองมินดิ้นปัด ๆ และโวยวายเสียงดัง เขาไม่บ้าจี้ที่คอ หรือเอว แต่ตรงใต้คางน่ะเป็นจุดอ่อน คยูฮยอนหัวเราะน้อย ๆ และดึงมือซองมินอีกที
“กลับบ้านครับ”
“เออ ๆ ๆ กลับก็ได้”ในที่สุดกระต่ายก็ยอมแพ้ คยูฮยอนยิ้มร่า มือใหญ่ดึงร่มออกจากสภาพเดิม ร่มสีเขียวมีหูเป็นกบแลดูปัญญาอ่อนสำหรับเด็กมัธยมปลายทำให้ซองมินหลุดขำออกมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินข้างกันออกไปกลางสายฝน
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ความอบอุ่นกำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของคนทั้งสองคนอย่างช้า ๆ
“ซอฮยอนตายวันที่ฝนตก..ชัดมั้ยล่ะ”
ทงเฮชะงักไปนิดหน่อย แววตาใสหม่นลงเมื่อนึกออกว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คิบอมเกลียดฝนได้มากขนาดนั้น ร่างสูงสะบัดมือเบาๆ เพื่อให้ทงเฮปล่อย แต่ร่างบางกลับยึดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คิบอมถอนหายใจ หยาดฝนเย็น ๆ ไหลลงมาตามใบหน้า เขาไม่ชอบเลย ความเย็นยะเยือกที่ทำให้เขานึกถึงเรื่องวันนั้น
เพียงแค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว
“เพราะนายเกลียดฝน ฉันถึงชวนไงล่ะคิบอม”
ทงเฮค้าน รอยยิ้มหวานนั่นยังไม่จางหายไป คิบอมเองก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่คนตรงหน้าพูดอะไรม่ยอมฟัง แล้วเขาก็ไม่ใช่คนชอบพูด ถ้าหากจะขัดอะไรก็คงเถียงไม่ทันทงเฮ ร่างบางกุมมือคิบอมแน่น นิ้วเรียวสอดประสานกับมือของคิบอมก่อนที่จะวางกระเป๋าลงในที่ร่มและลากคิบอมออกไปด้วยกัน
“ฉันชอบตอนฝนตกมากเลยนะ รู้สึกว่าถนนจะเงียบดี แล้วก้...สายฝนทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเหงา อารมณ์ศิลปินจะบังเกิดทุกที”ทงเฮพูดไปเรื่องเปื่อย เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่ลงแนบใบหน้า คิบอมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของทงเฮ ก่อนที่สายตาจะหยุดนิ่งมองภาพนั้นอย่างลืมตัว
ใบหน้าเนียนใสกับริมฝีปากที่ซีดลงจนกลายเป็นซีดเซียวทำให้ทงเฮดูเหมอืนรูปสลักนางฟ้าที่แสนจะงดงาม น่าทะนุถนอมเหมือนตุ๊กตาเลอค่า หัวใจที่เขากล้าสาบานว่ามันเหลือครึ่งดวงกำลังเริ่มเต้นอย่างเจ็บปวด แรงถ่วงจากน้ำหนักความทรงจำของซอฮยอนบวกกับอาการที่เกิดขึ้นตอนนี้กำลังดึงกันไปมาจนเขารู้สึกสับสน
“พิลึก”
“ไม่ได้พิลึกซะหน่อย เนี่ย ช่วงเวลาที่ฝนตกเป็นเวลาที่โรแมนติกมากเลยนะ”ทงเฮหันมามองหน้าคิบอม ในใจอยากเห็นรอยยิ้มที่เขารู้สึกต้องชะตานั่นอีกครั้ง แต่คิบอมก็ได้แต่ทำหน้านิ่งเหมือนเดิม แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของทงเฮเต้นได้แล้ว”อากาศมันไม่ร้อนด้วยแหล่ะ ฉันไม่ชอบหน้าร้อน”
คิบอมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หันไปทางอื่น เสน่ห์ของร่างบางข้างตัวกำลังทำให้เขาหวั่นไหวอย่างรวดเร็ว ความพยามที่จะห้ามเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันจนรู้สึกมึนงง
“ถ้าฉันชวนนายวิ่งไล่จับกลางฝนนี่คงจะบ้ามากใช่มั้ย?”ทงเฮหันมาถาม คิบอมพยักหน้าเบา ๆ เป็นทำนองว่าเห็นด้วย มันก็จริง จะให้เขามาปั่นแปะหรือเล่นหมากเก็บแถวนี้คงพิลึก ไม่แน่คิมฮีชอลอาจจะออกมาเอาเขาส่งโรงพยาบาลอีกครั้งก็ได้ ร่างบางปล่อยมือคิบอมออก ร่างสูงรู้สึกใจหายวูบนิด ๆ เมื่อนิ้วสุดท้ายที่เกี่ยวกันถูกดึงออกไป ทงเฮลูบใบหน้าเนียนเพื่อไล่น้ำฝนออก ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูซีดจะเผยอออกนิด ๆ
และเริ่มร้องเพลง
“ผมรู้และผมก็เชื่อในรักแรกพบ
ผมรู้สึกถึงมันได้เมื่อผมได้ลืมตาขึ้นในตอนเช้า
รอยจูบที่เหลือทิ้งไว้ให้ผมจากความฝันเมื่อคืน
ความรู้สึกนั่นมันยังอยู่ที่นี่ ผมยิ้มทั้งวันเมื่อได้คิดถึงเรื่องคุณ”
บทเพลงที่คิบอมจำได้ว่ามันคือเพลง So I ถูกทงเฮใช้เสียงหวาน ๆ ร้องออกมา ยิ่งได้ยินน้ำเสียงนั้น คิบอมเหมือนถูกสะกดจิตให้มองใบหน้านั่นไปเรื่อย ๆ ทงเฮจะร้องเพลงทำไม เขาไม่รู้ แต่ทำไมนะ เวลาที่เสียงใสนี่..ประกอบกับเสียงเม็ดฝนกระจายกระทบกับพื้น มันถึงได้เพราะแบบนั้น
“So I pray for you So I
. So I promise you So I
ผมจะขอสัญญากับคุณในทุกๆสิ่ง
ผมจะเชื่อว่านั่นคือคุณ
คุณจะมาหาผมมั้ย
ผมอยากจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคุณอย่างใกล้ชิด
โอ้ ผมรักคุณนะ ที่รัก
ผมก็จะเป็นแบบนี้ไปเสมอ”
ทงเฮจบเพลงลงแค่นั้น ใบหน้าหวานเหลือบตาลงต่ำก่อนที่จะหันมาถามคิบอมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เพราะมั้ย?”
คิบอมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้พยักหน้าตอบกลับอย่างล่องลอยแบบนั้น
“ไม่รู้สิ อยากร้องเพลงนี้ให้นายฟัง”ทงเฮหัวเราะเขิน ๆ และยกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนผ่าว เขาไม่ได้มีจุดประสงค์อยากให้คิบอมหวั่นไหวแต่เพลงนี้เขาอยากร้องให้คิบอมฟังจริง ๆ มันเหมือนกับเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาจะอยู่กับคิบอมไปเรื่อย ๆ
ร่างสูงมองหน้าทงเฮนิ่ง ร่างบางเองก็ละสายตาออกไปไม่ได้เช่นกัน รอยยิ้มที่ทงเฮอยากจะเห็นผุดขึ้นริมฝีปากของร่างสูงอีกครั้ง เพียงแค่นั้น หัวใจดวงน้อยของร่างบางก็เต้นโลดอยู่ในอก รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้โลกสว่างไสวได้จริง ๆ
“ขอบคุณนะ”
เสียงทุ้มของคิบอมตอบกลับ มือใหญ่คว้าเข้าที่ข้อมือของทงเฮก่อนที่จะออกแรงลากเข้าบ้าน เพราะถ้าหากอยู่นานกว่านี้อาจจะเป็นหวัดกันได้ ทงเฮระบายยิ้มหวาน หัวใจที่เต้นอยู่ในอกซ้ายดังระรัวจนแทบกลบเสียงอื่นมิด
ขอบคุณที่ทำให้สายฝนกลายเป็นเรื่องดี ๆ
ขอบคุณที่ทำให้เขายิ้มอีกครั้ง
ขอบคุณนะ...อีทงเฮ
ฮีชอลเงยหน้า นัยน์ตาสวยมองผ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าไปเห็นคนที่เดินอย่างระโหยโรยแรงลงมาจากชั้นบน ทงเฮหน้าซีดไปนิดหน่อย แต่ที่แปลกคือวันนี้กว่าจะลงมาก็ตั้งหกโมงครึ่งแล้ว ปกติทงเฮจะเช้ากว่านี้เยอะมาก นัน์ตาสวยมีแววระโหยนิด ๆ
“ผีเข้ารึไง?”เขาทักเสียงแปลกใจ ทงเฮยิ้มเพลียให้ก่อนที่จะเดินมานั่งข้าง ๆ คิบอมที่อยู่ตรงโต๊ะก่อนแล้ว
“คิบอม ไปโรงเรียนพร้อมกับทงเฮนะ”ฮีชอลหันไปสั่งคนที่ทำหน้าเย็นเป็นกิจวัตร คิบอมปรายตามามองอย่างไม่ใส่ใจอะไร เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะตอบรับหรือไม่ตอบรับ แต่เขาก็คิดเอาเสียงเองแล้วว่ามันคือการตกลง
“มีอะไรอุ่น ๆ ให้กินมั้ยฮะ...”เสียงแหบ ๆ ของทงเฮดังขึ้น คิบอมกลับหันหน้าไปมอง ฮีชอลเลิกคิ้วกับปฏิกรยาที่เปลี่ยนไปของน้องชาย ร่างบางมุดหน้าซ่อนลงในข่าวภาคเช้าต่อโดยไม่อากจะมองน้ำแข็งเดินได้ให้หงุดหงิดอีก เสียงครืดคราดของจานกับข้าวดังขึ้น ฮีชอลเหลือบตามามองและเบ้ปากกับคิบอมที่ยื่นซุปสาหร่ายให้ทงเฮ ร่างบางยิ้มขอบคุณก่อนที่จะลงมือรับประทาน ฮีชอลเบ้ปากใส่หน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง
หมั่นไส้จริงเว้ย
คิบอมรู้สึกแปลก ๆ ร้อนรนกระวนกระวายอย่างไรชอบกล นัยน์ตาเขาคอยจะชำเลืองมองไปทางคนที่วันนี้ดูซีดเซียว ผมสีน้ำตาลไล่ลงมาปรกใบหน้าอย่างคนที่ไม่ได้จัดทรง ทงเฮไอนิดหน่อยและนัยน์ตาก็แดงเรื่อ พอในรถเมล์มีที่ว่างเขาก็ให้ทงเฮนั่งลงไป ร่างบางหลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อน
อาการแบบนี้
เหมือนตอนที่เขาห่วงซอฮยอนไม่มีผิด
ซอฮยอน ?
คิบอมยิ้มขื่น เขากำลังรู้สึกผิดอีกครั้ง ยิ่งนึกถึงคนที่จากไปแล้วยิ่งรู้สึกมากขึ้น เขากำลังทรยศคนที่เขาเคยสาบานว่าจะรักตลอดไป แต่คน ๆ นี้ คนที่ชื่ออีทงเฮกำลังทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว
บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบในตอนที่หัวใจของเขากำลังอ่อนแอ
ร่างสูงพร่ำบอกตัวเองแบบนั้น ถึงแม้ในใจจะขัดแย้งก็ตาม นัยน์ตาคมก้มลงมองคนที่หลับตาพริ้มด้วยสีหน้าแข็งกระด้างอย่างที่อยากให้เป็น แต่พอทงเฮลืมตาขึ้น คิบอมก็ต้องยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทางงัวเงียนั่น...มันน่ารักจริง ๆ นี่นา
“จะถึงรึยัง...”
“อีกสองป้าย”เขาตอบเสียงเรียบ เสมองออกไปข้างนอกรถเมล์ ร่างบางขยี้ตา สะบัดหัวไล่ความรู้สึกมึนงงในศรีษะออกไปให้หมด พอถึงปุ๊บ ทั้งคู่ก็ลงจากรถเมล์ แต่เพียงแค่คิบอมเดินผ่านก็มีเสียงอุทานด้วยความตกใจตามมาเป็นทอด ๆ
“คิบอมมาโรงเรียนเช้า !?!”
“ฝนอาจจะตกนะวันนี้ !!”
สายตาเย็นชาถูกกวาดส่งไปรอบด้านจนเงียบกริบ ทงเฮก้มหน้าลงกลั้นยิ้มกับตัวเองด้วยความขำ คิบอมที่มีสีหน้าแบบนั้นมันตลกมากกว่าน่ากลัวสำหรับเขาเสียอีก ทั้งสองเดินขึ้นตึกไปด้วยกัน ทงเฮรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ใกล้จะหมดแรงในทุกก้าว ร้อนไปทั้งตัวเหมือนจะเป็นไข้
สงสัยเพราะฝนเมื่อวาน
แล้วทำไม...คิบอมไม่เป็นอะไรเลยนะ?
“ทงเฮอา ~~”มือที่เกาะหมับพร้อมกับเสียงแอ๊บแบ๊วคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากซองมิน ทงเฮยิ้มเพลียให้หลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากการงีบเอาแรงในวันนี้”วันนี้นายดูเหนื่อย ๆ จัง”
“ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”ทงเฮบอกเสียงแหบ ซองมินทำหน้าตกใจและรีบสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“เสียงแบบนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยหรอกน่าหมวย!!”
“หา...เรียกฉันว่าอะไรนะ”ทงเฮทำหน้าเหรอหรากับสรรพนามใหม่ที่ซองมินใช้เรียก ร่างบางหัวเราะน้อย ๆ
“หมวยไง คือเมื่อวานไปเจอเฮียเกิงมา รู้จักป่ะ..ลืมไป นายไม่รู้จัก”อาการพูดเองเออเองคนเดียวทำให้สมองทงเฮที่ป่วยหนักจากไข้อยู่แล้วแทบจะหมุนตามไม่ทัน”เฮียเกิงก็ประธานปีก่อนอ้ะ...อายุเท่ากันแหล่ะ แต่ฉันชอบเรียกเฮียเพราะหมอนั่นหน้าจีน เหมือนนาย สวยเหมือนสาวน้อยในลำนำรักดอกเหมยเลย”
“จะบ้าเหรอซองมิน”ทงเฮหัวเราะกับความคิดประหลาด ๆ ของซองมิน หมวยเหรอ แปลก ๆ แต่มันก็น่ารักดี”งั้นฉันก็เป็นปลาหมวย นายก็เป็นกระต่ายฟักทองสินะ”
“ชื่อพิลึก”ซองมินตั้งข้อสังเกต ก่อนที่มืออวบ ๆ จะถูกยื่นมาแนบหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ”ตัวอุ่น ๆ นะทงเฮ...ไปกินยามั้ยตอนคาบพัก”
ทงเฮส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ เขาเอียนยาจะตายอยู่แล้ว แค่ยาที่กินทุกเช้าตอนนี้ก็แทบแย่ อีกอาทิตย์หนึ่งสินะกว่าเขาจะได้เลิกกิน
“ตามใจแล้วกัน แต่ถ้าหนักมาก ๆ บอกฉันได้นะ”
“อื้อ...ยังไงก็แบกฉันไปด้วยแล้วกัน”
แต่สุดท้ายคนแบกทงเฮไปห้องพยาบาลก็ไม่ใช่อีซองมิน คาบที่หก เขารู้สึกปวดหัวจนแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง ทงเฮฟุบหน้าลงกับโต๊ะจนถูกอาจารย์เรียกไปหน้าชั้นเพื่อทำโทษ แต่คนที่ลุกขึ้นมาแย้งว่าทงเฮไม่สบายเป็นคนที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด
“อีทงเฮไม่สบาย”
คำบอกเรียบ ๆ ของคิบอมทำให้อาจารย์ชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่จะพินิจใบหน้าของผู้ต้องหาดี ๆ ก็พบว่าริมฝีปากนั่นซีดจนแทบจะกลืนไปกับใบหน้า นัยน์ตาแดงระเรื่อ พอหันกลับไปมองนักเรียนก็พบว่าแต่ละคนมีสีหน้าแปลกใจสุดขีด
“งั้นก็ไปห้องพยาบาล”
ทงเฮถูกดันออกมา แต่ก่อนที่ซองมินจะได้ถลามาพาทงเฮไป เสียงอาจารย์ผู้สอนก็ดังขึ้นขัดไว้
“ให้ไปเอง อาการไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่หรอก”
ซองมินทำหน้าม่อย ได้แต่ทำหน้าสีหน้าห่วงกังวลมายังทงเฮ ร่างบางพยักหน้าให้ก่อนที่จะพยายามเดินออกไปเอง อยากให้ซองมินมาช่วยพยุงเขาซักนิดก็ยังดี
แต่คิดได้แค่นั้น เอวของเขาก็ถูกโอบด้วยมือ ๆ หนึ่งเสียงแล้ว เสียงเอะอะจะห้ามดังมาข้างหลังแต่เจ้าคนลากก็ไม่ได้สนใจ พาเขาออกมาจากที่ตรงนั้นจนได้
“ไงล่ะ น้ำฝนของนาย”เสียงกระแทกเย็น ๆ จากคิบอมดังขึ้น ทงเฮได้แต่เดินด้วยแรงพยุงของคิบอมไม่ได้ตอบอะไร เขากำลังปวดหัวมากขึ้นทุกที จริง ๆ เขาไม่น่านึกคึกไปเล่นน้ำฝนเลย ถ้าเกิดจะเป็นแบบนี้
“บอกว่าอย่าเล่นก็ไม่เชื่อ”
“อย่าขี้บ่นสิ..”เสียงครางประท้วงของทงเฮดังอ่อย ๆ คิบอมรู้สึกหมั่นไส้คนตัวบางนี่ถึงได้รัดอ้อมแขนที่โอบเอวไว้ให้แน่นมากขึ้นเป็นการแกล้ง ทงเฮหายใจสะดุดวูบ เขารู้สึกเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ คน ๆ นี้ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ อีกแล้ว
จากความรู้สึกประทับใจเริ่มกลายเป็นตัวต้นเหตุของเสียงหัวใจที่กำลังเต้นตึก ๆ อยู่ในอก
“เอ้า ถึงแล้ว”ประตูสีขาวถูกฝ่าเท้าของร่างสูงดันออก คิบอมวางทงเฮไว้ตรงที่นั่งรอและเดินเข้าไปถามกับบอกอาการของร่างบาง ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับยาและน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว
“กินซะ“
ทงเฮเบ้ปาก แต่ก็ยอมหยิบมาไว้ในมือ เขารู้ว่าต้องกินยา แต่คนมันไม่อยากกินจริง ๆ นี่นา
“ไม่อยากกินอ่ะ...”ร่างบางบ่นงุบงิบและก้มหน้าหลบสายตาทิ่มแทงจากคนเย็นชาที่เริ่มจะขี้บ่นเป็นคุณเฮียของทงเฮอีกคน
“กินแล้วนอนซะ”เสียงดุ ๆ กับใบหน้าเครียดนั่นทำให้ทงเฮจำใจรับยามาใส่ปากจนได้ ร่างบางถูกพยุงต่อมาที่เตียงอีกฟาก คิบอมดึงม่านรอบเตียงมาปิดก่อนที่ใบหน้าคมจะชะโงกเข้ามามองทงเฮ ร่างสูงตั้งใจจะเดินออกไปเลยแต่มือเล็กก็คว้ามือของร่างสูงเอาไว้เสียก่อน
“ขอบคุณนะ”ร่างบางระบายยิ้มจางให้ คิบอมพยักหน้าอย่างแข็ง ๆ และเดินออกมา แต่ก็ยังไม่วายหันกลับไปมองผ้าม่านที่ปิดบังร่างของคนที่นอนหลับไปเสียแล้วคนนั้น
ทำไมต้องหวั่นไหว
ทำไมหัวใจของเขามันกำลังทรยศเจ้าของ
“เฮียยย !!!”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกแบบนั้น มันแก่รู้ตัวมั้ยซองมิน”
“ก็นายเหมือนเฮียจริง ๆ นะ เกิงจ๊ะเกิงจ๋า ~~”ซองมินทำเสียงล้อเลียนคนตัวสูงกว่าอย่างน่าหมั่นไส้ เจ้าของใบหน้าออกไปทางจีนอย่างฮันกยอง หรือหานเกิง อดีตประธานนักเรียนปีที่แล้วหัวเราะเบา ๆ กับความกวนประสาทได้อย่างแบ๊ว ๆ ของซองมิน ปีที่แล้วต้องทำงานร่วมกันเยอะถึงได้สนิทกันแบบนี้
“สยองน่า”
“ออกจะดูดี ชิชะ”ซองมินทำหน้าบูดบึ้งใส่ ก่อนที่จะกระตุกแขนฮันกยองด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ตรงโรงอาหารที่คนกำลังพลุกพล่าน คนเยอะแยะจนเสียงวอแวไปหมด ร่างบางจึงจำเป็นต้องกระซิบแทน”เออนี่...คิบอมอ่ะ มันเปลี่ยนไปนะ”
“อะไรล่ะ?”ร่างสูงเลิกคิ้ว ได้ข่าวมาว่าแฟนของคิบอมตาย จากที่เมื่อก่อนจะมีแฟนคิบอมนิสัยแย่สุด ๆ แต่พอมีความรักถึงกับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้ พอเป็นแบบนี้...กังวลแทนเหมือนกันว่าจะเปลี่ยนไปมากมั้ย
“ทงเฮไง คนที่น่ารัก ๆ อ่ะ รู้มั้ยว่าคิบอมดูแลยังกะเป็นเจ้าหญิงเลย”ซองมินทำเสียงตื่นเต้นเพื่อเพิ่มฟีลเอ็กไซต์ แต่ฮันกยองแค่เลิกคิ้วใส่เท่านั้น
แต่ทั้งสองก็ไม่ได้รู้เลยว่าจากมุมนั้น มีใครกำลังแอบมองอยู่
เสียงแก้วน้ำพลาสติกถูกวางบนโต๊ะจนได้ยินเสียงกรอบแกรบของโมเลกุลของพลาสติกกำลังบีบตัวสู่การประจุแบบใหม่ของสาร คยูฮยอนมองภาพที่ซองมินกระซิบเริงร่าอยู่กับฮันกยองด้วยใบหน้าเครียด ๆ ข้าง ๆ ก็มีฮยอกแจที่ทำหน้าเรียบเฉยอยู่
“ฮยอกแจ แค้นหน่อยสิ นั่นมันพี่ชายนายนะ!!”คยูฮยอนโวยวายขึ้นมา ฮยอกแจส่ายหัวนิด ๆ ร่างบางยิ้มเนือย ๆ เป็นการบอกว่าเขาก็ชินแล้ว
“นายไม่รู้หรอกคยูฮยอน ปีก่อนพี่เกิงกลับบ้านมาแล้วพูดถึงแต่ซองมินเลยนะรู้มั้ย?”
“นั่นไงถึงต้องเดือดร้อน”ร่างสูงทุบโต๊ะปังด้วยสีหน้าเคียดแค้น ในใจรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อเห็นซองมินทำสีหน้ามีความสุขแบบนั้น ทีอยู่กับเขาล่ะไม่เคยมี ชิชะ
“ชินแล้ว บอกแล้วไง”ฮยอกแจจิบกาแฟเย็นอย่างไม่ใส่ใจ ร่างบางกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาอะไรอย่างอื่นมองแทน แต่นัยน์ตาสีเข้มนั่นก็มีแววของความเจ็บปวดอยู่เช่นกัน
ฮันกยองกับฮยอกแจเป็นพี่น้องกัน แค่คนละแม่กัน แม่ของฮันกยองเป็นคนจีน ส่วนแม่ของเขาเป็นเมียน้อยของพ่อ และตอนนี้แม่ของฮันกยองก็ตายไปแล้ว แต่ฮันกยองก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเขา ทำตัวเป็นพี่ชายที่อบอุ่นมาตลอด
และความอบอุ่นนั่นก็ทำให้ฮยอกแจตกหลุมรักพี่ชายของตัวเองตั้งแต่อยู่มัธยมต้นปีที่หนึ่ง
แต่ติดแค่ที่ว่าฮันกยองจะมองเขาเป็นแค่น้องชายรึเปล่าเถอะ
“หึงซองมินก็บอกมาเถอะ”ฮยอกแจละปากออกมาจากหลอดและดักคอคนโกรธแค้นแทนเขา คยูฮยอนสะดุ้งโหยงและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ ๆ ๆ กระต่าย..เอ่อ ทำไมต้องหึงเล่า !!”
“ทำยังกะฉันจะดูไม่ออก”ร่างบางคนน้ำแข็งเพื่อหาเศษวิญญาณกาแฟที่เหลือ คยูฮยอนส่ายหน้าพรืดเพื่อปฏิเสธเต็มขั้น พวกเขาสองคนก็สนิทกันมานาน ตั้งแต่อยู่คนละโรงเรียนกันแล้ว เรื่องแค่นี้ก็รู้ไส้รู้พุงกันดี คยูฮยอนเงียบไปได้ซักอึดใจหนึ่งพอให้เขาได้กินกาแฟที่เหลือด้วยความสบายใจ ทันทีทันใด ร่างสูงของหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ก็ลุกขึ้นมาโดยไม่ให้เขารู้ตัว
“ไม่เอาแล้ว ฉันไปจะไปแยกสองคนนั้น”
“คิดเหรอจะไปแยกแบบนั้นมันจะดี”เสียงเรียบเรื่อยของไก่มากเล่ห์ดังขึ้นขัดจังหวะคนใจร้อน”ไปแบบเหนือความคาดหมายสิ ฉันเองก็อยากแกล้งพี่ชายสุดที่รักซักหน่อย”
ฝนตกอีกแล้ว หลังเลิกเรียนพอดี ซองมินเงยหน้าขึ้นมองเพดานด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแลบลิ้นใส่แทน
วันนี้เอาร่มมาเฟ้ย !!
“ซองมิน นั่นน้องนายรึเปล่า”ฮันกยองสะกิดแขนเขา ร่างบางรีบหันหน้าให้ตรงองศาปกติของโลกและหยีตามองคนสองคนที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ ดูท่าทางจะลากกันมาเพื่อข้ามไปอีกตึกเสียมากกว่า
“ฮยอกแจนี่ น้องนายด้วยแหล่ะฮันกยอง”ซองมินบอก พยายามเพิ่มรายละเอียดเข้าไป แต่ว่าใบหน้าที่เคยคลี่ยิ้มอารมณ์ดีกลับกลายเป็นบูดบึ้งกะทันหันเมื่อเห็นว่าน้องชายของฮันกยองกำลังกุมมือเดินมากับน้องของเขา
เท่าที่ผ่านมาเขาเดานิสัยฮันกยองออกว่าหวงน้องมากแค่ไหน แล้วคยูฮยอนเป็นใครมาจากไหนถึงได้มาเดินจับมือกับฮยอกแจแบบนี้ ฮันกยองเองแทบไม่เคยเจอหน้าด้วยซ้ำ
“น้องนา...ไม่ใช่ ไอ้บ้านั่นมันใคร”ร่างสูงข้าง ๆ เขาทำเสียงขรึม ซองมินกระตุกยิ้มอย่างบอกว่าซวยแล้วนะคยูฮยอนเอ๋ย แต่ในใจเขาก็แอบรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน
“โจคยูฮยอน”
พอเขาจะอธิบายต่อ เสียงเรียกของไอ้เด็กแก่แดดที่กำลังจะแฉไส้มันก็ดังขึ้นพอดี ร่างสูงของคยูฮยอนไม่เดินดิ่งมาแบบทุกครั้ง เพียงแต่หันไปคุยกับฮยอกแจนิดหน่อยและเดินจับมือกันมาเท่านั้นเอง หัวใจของซองมินเต้นเป็นจังหวะแปลก ๆ รู้สึกร้อนวูบวาบโดยไม่ได้เกี่ยวกับฝน เหมือนความกระวนกระวายเสียมากกว่า
“วันนี้เอาร่มมาใช่มั้ยฮะ”คำแซวถูกส่งมาก่อน ซองมินพยักหน้ารับ สายตาอดไม่ได้ที่จะมองมือของคู่หูคยูฮยอกไปด้วย
“ดีแล้วแหล่ะ...”
“คือ...เฮียเกิง ผมกลับกับคยูฮยอนนะ”ฮยอกแจต่อกลางประโยคให้ทันใจ รอยยิ้มโชว์เหงือกเหมือนทุกทีถูกส่งมาให้ฮันกยองที่ทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ในใจของร่างบางแทบจะเข้าข้างตัวเองไปเกินครึ่งแล้วว่าพี่ชายกำลังหวงตัวเองอยู่
แต่หวงมันก็ต่างจากหึง
ในฐานะพี่ชายเท่านั้น
“เป็นอะไรกับน้องชายฉัน”คำถามไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยถูกยิงกลางวง ซองมินเอามือกุมขมับเพราะอาการหวงน้องชายของฮันกยองเริ่มกำเริบ ฮยอกแจทำหน้าตกใจปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ได้อย่างแนบเนียน มือบางบีบมือของคยูฮยอนแน่นเพื่อบอกว่าเขาจะตอบเอง
“คนของผมฮะ”
คำตอบคลุมเครือนั่นทำให้ฮันกยองตีหน้าเครียดไปมากกว่าเดิม ซองมินเองก็เช่นกัน รอยยิ้มหวานชะงักค้างเหมือนไปแตะโดนเบรกเข้า สองพี่อาวุโสหันไปมองหน้ากันเอง เวลาผ่านไปได้ซักสามนาที สองคนนั้นถึงได้หันกลับมา ฮันกยองทำท่าอึกอักอยู่ซักพักก่อนที่จะหลุดปากออกมา
“งั้น กลับบ้านคุยกับพี่หน่อยนะ”
ฮยอกแจยิ้ม นิ้วเรียวรัดรอบมือของคยูฮยอนแน่นอีกหนึ่งวูบ ก่อนที่เสียงใสจะตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ครับผม”
======================================================
4 Years Anniversary SUJU
13 1 = 0 ,, 13 + 1 = 0
We’ll walk together
Super Junior and E.L.F.
Now and Forever
สี่ปีแล้วเนอะ รักเอสเจ รักเอลฟ์ทุกคน *-*
** ตอนนี้กำลังเริ่มแต่งโปรเจค Seven Deadly Sins ฟิคสั้นเจ็ดเรื่องอีกครั้ง
เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ โลภ โกรธ ตะกละ เกียจคร้าน อิจฉา ยโส ปรารถนา แต่ละเรื่องก็จะแยกเป็นคู่ ๆ ลงในเด็กดีได้แค่สี่ตอน จากแปดตอน เพราะว่าสี่เรื่องที่เหลือมีทั้งความรุนแรงและฉากเอ็นซี ~
อาจจะรวมเล่มนะเออ *-*
ใครสนใจบ้างจ๊ะ มีคิเฮ วอนซิน คยูมิน ฮันฮยอก คังทึก ยุนแจ ยูซู ~
อันนี้หน้าปก ฟิคยังไม่เสร็จแต่หน้าปกเสร็จแล้ว 555
ฮยอกไม่ได้ใสซื่อนะเออ *-*
ชอบแฮะ 555
คิมคิที่รักนี่โฉดได้ใจจริง แต่งเองเขินเอง >w<
คิเฮ น้ำตาลค่อนกระปุก เดี๋ยวมันก็หมด...ซักตอนที่ 1x หึหึหึหึหึ
มาช้าหน่อยเพราะมีนกระแดะลงตอนเปิดเทอม การบ้านไม่เยอะแต่เวลากลับบ้านน้อยมาก
ที่โรงเรียนมีกีฬาสี เค้ากักไม่ให้ออกก่อนห้าโมงเลยต้องนั่งแต่งในห้องเรียนเสียอย่างงั้น = =
เพื่อนก็เล่นเกมอยู่รอบ ๆ 5555
GTA Sushi ดูนารุโตะ Feeding Frequency กิจกรรมประจำห้อง - -
อ่า...คอนใกล้เข้ามาแล้ว เนอะ
เสียใจที่ที่รักไม่มา...ได้แต่หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ TT
| ||||
| ||||
Name : [[ด.ช.คิม ปั๊ง ซัง]] [ IP : 125.27.161.37 ] |
| ||||
| ||||
Name : อิ อิ< My.iD > [ IP : 125.26.102.200 ] |
| ||||
| ||||
Name : ,,MINPOADZ [ IP : 61.90.114.25 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > [ IP : 58.8.22.6 ] |
| ||||
| ||||
Name : TungkhaoW< My.iD > [ IP : 203.147.53.73 ] |
| ||||
| ||||
Name : TungkhaoW< My.iD > [ IP : 203.147.53.73 ] |
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 125.27.213.82 ] |
| ||||
| ||||
Name : snowtears< My.iD > [ IP : 58.11.66.139 ] |
| ||||
| ||||
Name : snowtears< My.iD > [ IP : 58.11.66.139 ] |
| ||||
| ||||
Name : snowtears< My.iD > [ IP : 58.11.66.139 ] |
| ||||
| ||||
Name : wonderful [ IP : 124.122.201.124 ] |
| ||||
| ||||
Name : =>มหานครเดียวดาย<=< My.iD > [ IP : 125.26.197.195 ] |
ความคิดเห็น