ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Seekers (2)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 นักรบแดง [2]

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 53


    จงชิวก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ไม้เท้าคอยแตะทางข้างหน้านำไปก่อน นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดสำรวจโดยรอบเป็นระยะๆ ในป่าเงี้ยวนั้นวังเวง แม้จะมีเสียงแมลงขับขานมากเป็นพิเศษ ไม่เงียบสงัดเกินไปก็ตาม แต่มันก็ยังชวนขนลุกอยู่ดี ด้วยเหตุที่เสียงประสานจากธรรมชาตินั้นเดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา เป็นห้วงขาดๆ แหว่งๆ ฟังดูลึกลับ ที่นี่มีแมลงมากเพราะสัตว์กินแมลงมีจำนวนน้อย พวกมันโดนเจ้าของป่าล่ากินเสียหมด...

    แสงจันทร์วันเพ็ญส่องลางๆ ลอดหมู่แมกไม้ลงมาพอให้เห็นทาง สายลมพัดอากาศเย็นมาต้องผิว เด็กชายถูมือทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความอบอุ่น ขณะนั้นเองเขาก็เห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายหางตา แต่พอมองไปกลับไม่พบเห็นสิ่งใด เด็กชายนิ่งอยู่สักพักก่อนจะละความสนใจแล้วเดินต่อ

    ...ยังอีกไกลกว่าจะถึงบ่องู อย่าเพิ่งตื่นตูมไปเลย

    ยิ่งลึกเข้าไปยิ่งวังเวง จงชิวแว่วเสียงซ่าๆ คล้ายเสียงฝนที่ข้างหูอยู่หลายครั้ง ทั้งยังมีเสียงกรอบแกรบของใบไม้อยู่ใกล้ๆ มันไม่ใช่เสียงฝีเท้าของเขาเองเป็นแน่ ที่น่าข้องใจไปกว่านั้นก็คือ สัตว์น้อยใหญ่ที่พอจะมีให้เห็นอยู่บ้างในตอนกลางวันไม่โผล่ออกมาเลย แม้แต่เสียงนกกลางคืนก็ไม่มี

    เด็กชายสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยผ่านหน้า มันแลบลิ้นจับทิศทางและทิ้งเสียงขู่ฟ่อๆ ไว้เบาๆ การพบงูในป่าเงี้ยวไม่ใช่เรื่องแปลก หากก็เป็นเรื่องที่ชวนตกใจเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันทำท่าจะฉกกัดหรือรัดเข้าแล้วละก็ หัวใจคนประสบเหตุไม่พ้นได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม จงชิว แม้เยือกเย็นเพียงใด ก็ยังอดผวาไม่ได้

    เรื่องระทึกขวัญยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น งูอีกหลายสิบตัวเลื้อยแซงเด็กชายไป เขาเกือบเหยียบทับหางตัวหนึ่งเข้าด้วยซ้ำ โชคยังดีที่ยั้งเท้าไว้ได้ทัน งูแต่ละตัวนั้นมีลักษณะไม่เหมือนกัน ตัวหนึ่งผิวเป็นเสียงแดงมีจุดดำแต้ม อีกตัวขนาดใหญ่ขึ้นหน่อย ลำตัวเป็นสีเงินยวง ตัวที่เขาเกือบเหยียบไปนั้นมีหางเป็นปล้องขึ้นมา เสียงซ่าๆ ดังขึ้นเมื่อสะบัดหาง ตัวอื่นนอกจากนั้นเขาเห็นไม่ค่อยชัด แต่เพียงเท่านี้ก็สยองได้ที่พอแล้ว

    หากจงชิวก็หาได้ตกใจขวัญกระเจิงไปเสียหมด เขาสังเกตเห็นว่าพฤติกรรมของพวกมันก็แปลกๆ อยู่ แม้เขาจะก้าวย่างอย่างเชื่องช้าเพราะต้องคอยระมัดระวัง แต่พวกมันก็เลื้อยเร็วผิดวิสัย เร็วจนล้ำหน้าเขาไป อย่างไรก็ตาม สัตว์แห่งป่าเงี้ยวไม่เคยปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงนี้ของปี

    หากเมื่อเดินล้ำเข้าไปอีก การณ์ก็เริ่มผิดปกติเกินขอบเขตที่เขารับได้... งูจำนวนมาก นับไม่หวาดไม่ไหวรายล้อมอยู่รอบตัวเขา...

    จำได้ว่างูตัวเล็กๆ สีสดจะมีพิษร้าย ส่วนงูใหญ่ๆ ตัวกว้างๆ จะนิยมรัดเหยื่อให้ตายมากกว่า แต่สำหรับเด็กชายผู้เข้ามาเผชิญอันตรายเพียงลำพังแล้ว งูทุกตัวล้วนน่ากลัว มากันเยอะขนาดนี้อาจทำให้เขาหัวใจวายตายโดยไม่ต้องแพร่พิษหรือกอดรัดเลย นี่มันผิดปกติธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง งูที่เขาเห็นในคืนนี้คืนเดียวมีจำนวนมากกว่างูที่เขาเห็นมาตลอดชีวิตเสียอีก และทุกตัวต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันกับเขา ...ที่ปลายทางนั้นคือบ่องู

    จงชิวคล้ายเรี่ยวแรงหดหาย ก้าวขาต่อได้ลำบากยิ่งนัก แต่เขาก็ยังปลุกปลอบใจตัวเอง ...เอาน่า งูพวกนี้ไม่ทำอะไรตัวกาลกิณีหรอก... หากออกเดินได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องเสียววาบขึ้นมาอีกครั้ง งูเขียวมรกตเลื้อยผ่านเท้าเขาไป เคลื่อนทับมันไม่ต่างจากรากไม้ท่อนหนึ่ง เมื่อปลายหางมันพ้นไปแล้ว เด็กชายค่อยลอบระบายลมหายใจที่กลั้นเอาไว้อย่างแผ่วเบา ...ยังไม่มีงูตัวไหนทำอันตรายเขาอยู่ดี

    จงชิวรู้สึกเหมือนกำลังหลงอยู่ในฝันร้ายอีกรูปแบบหนึ่ง ฝันนี้ไม่มีความปวดร้าว ไม่มีภาพพร่าเลือน มีแต่ความหวาดผวาขนหัวลุก งูพวกนี้สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ ฝังเขาไว้ในป่านี้ตลอดกาล จงชิวเพิ่งรู้ตัวว่ารักชีวิตตนเองมากแค่ไหน และนึกยินดีขึ้นมาที่อย่างน้อยเขาก็ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ในตัว อารมณ์ความรู้สึกที่น้อยครั้งนักจะแสดงออกมายังไม่ได้ตายด้านไป

    แม้จะยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก แต่เด็กชายก็ยังคงเดินไปต่อไม่หลุดหย่อน

    ...หันหลังกลับตอนนี้ก็ต้องเผชิญกับกองทัพงูอยู่ดี สู้ไปเอาของ ทำงานให้เสร็จ แล้วค่อยฝ่าฟันออกไปมิดีกว่าหรือ ถือว่ามาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวเปล่า...

    เขาเอาความคิดมาผลักดันตนเองเช่นเคย

    จันทร์เพ็ญขึ้นตรงหัว ปรากฏที่โล่งเตียนขึ้นแทนเหล่าสนใหญ่ ที่ตรงกลางนั้นเป็นแอ่งลึกลงไป ฝูงงูแออัดอยู่รายรอบราวกับกำลังประชุมกัน จงชิวคิดว่า นี่ต้องเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่ประจำปีของพวกงูเป็นแน่แท้ และประธานการประชุมหรือผู้นำตระกูลก็ต้องประจำอยู่ที่ตรงนั้น ...ในบ่องูที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้จากมุมนี้

    เด็กชายใช้สายตาสำรวจโดยรอบ เรือนไม้ขนาดย่อตั้งอยู่ข้างๆ ปากบ่อ คงเป็นศาลเจ้าที่นักบวชชุดขาวใช้เป็นที่ทำพิธีสักการะป่า ถัดจากศาลเจ้าไปอีกเล็กน้อย มีแสงสีทองอ่อนๆ เรืองออกมาจากขอบบ่อ

    สามจันทร์! ในที่สุดก็หาเจอแล้ว

    จงชิวใช้เวลารวบรวมความกล้าสักพักหนึ่ง แล้วจึงออกเดิน เขาเริ่มชินกับเพื่อนร่วมทางไร้ขาขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อจะวางเท้าลง พวกมันก็ยอมแหวกทางให้เขาแต่โดยดี คงเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้มีลางร้ายติดตัวกระมัง

    เด็กชายเข้าใกล้ศาลเจ้าและบ่องูมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเลือกที่จะมองหาเพียงพื้นที่หยั่งเท้า และแสงสีทองเรืองของสามจันทร์ พยายามไม่สอดส่ายสายตาลงไปในหลุมลึกนั่น ...ผู้น้อยไม่ควรสบสายผู้ใหญ่หากยังไม่ได้รับอนุญาต และนี่เขาก็กำลังล่วงล้ำเข้ามาในเขตของเจ้าถิ่น

    ถึงศาลเจ้าแล้ว เด็กชายโค้งน้อยๆ เพื่อแสดงความเคารพ และเอ่ยเบาๆ ขอสามจันทร์ไป เขาเคลื่อนไปด้านข้าง บริเวณนี้ประชากรงูไม่หนาแน่นนัก มีพื้นที่พอจะทำงานได้ ร่างผอมคลุกเข่าลง หยิบอุปกรณ์มาถือไว้ในมือ ค่อยๆ ขุดสมุนไพรออกจากริมปากบ่อ จดจ่ออยู่กับงานเท่านั้น อย่าได้สนใจสิ่งอื่น...

    เท่านี้คงพอ...

    จงชิวยกมือซ้ายขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผากหลังจากเก็บสมุนไพรใส่ย่ามได้ปริมาณเกินความต้องการ มีเหลือย่อมดีกว่ามีขาด

    เด็กชายโล่งใจไม่น้อยที่งานสำเร็จลุล่วงแล้วส่วนหนึ่ง เหลือแค่เดินทางกลับไปรับเงินเท่านั้นเอง เมื่อมาได้ก็คงกลับได้ไม่ยาก งูพวกนั้นไม่ทำอันตรายเขาอยู่แล้ว...

    ขณะกำลังคิดเพลินๆ อยู่ เขาก็ทิ้งน้ำหนักลงไปยังแขนขวาที่วางยันขอบเหวไว้อยู่โดยไม่ตั้งใจ คันดินตรงนั้นค้ำไว้ไม่ไหวจึงพังทลายลง จงชิวทรุดไปครึ่งร่าง หากก็ยังทรงตัวไว้ได้ มิได้ตกลงไปในบ่อ ทว่าเขากลับเผลอมองลงไปในนั้นเสียแล้ว

    สิ่งที่เห็นนั้นทำให้นัยน์ที่นิ่งสงบอยู่เป็นนิจเบิกกว้างขึ้น

    มันคือตำนานที่กลายเป็นจริง...

    ป่าเงี้ยวมีงูเป็นเทพคุ้มครอง...ตามนามของป่า นักบวชชุดขาวมาที่นี่เพื่อสักการะป่า และบวงสรวงพญางูทุกปี’

    ร่างยาวมีลำตัวหนาใหญ่ขนาดเขมือบเสือโคร่งได้สบายๆ เกล็ดสีทองอมเงินแผ่นเล็กละเอียดเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบดั่งเกราะชั้นเลิศ นอนทอดตัวเป็นขนดอยู่ในหลุม หากก็ไม่ได้หยุดนิ่งเสียทีเดียว กำลังเคลื่อนไหวอยู่นิดๆ ต้อนรับการมาของสหายร่วมประชุม

    และแล้วกาลเวลาเหมือนจะเชื่องช้าลงไปด้วยความตกใจของผู้สังเกต ก็กลับมาเดินด้วยความเร็วปกติ เมื่อคันดินที่พังทลายลงก็ตกไปกระทบร่างของมันเข้า

    งูยักษ์สีทองหันศีรษะมามองช้าๆ ดวงตาแดงก่ำทำงานประสานกับประสาทสัมผัสที่ปลายลิ้น... รับรู้ถึงผู้บุกรุกทันที

    ภาพที่เห็นตรงทำให้จงชิวระลึกถึงเรื่องพญางูสีทองที่เคยแอบฟังท่านผู้เฒ่าเล่า

    พญางูโกรธแค้นมนุษย์ที่ทำให้ดวงตาของท่านแปดเปื้อนโลหิต’

    นิทานขึ้นต้นว่าอย่างนั้น น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้ฟังต่อว่ามนุษย์คนนั้นทำอย่างไรเข้า ตาของพญางูจึงกลายเป็นสีแดง เพราะถูกพบตัวเสียก่อน

    และตอนนี้ตาแดงก่ำคู่นั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี...

    จงชิวสบตากับพญางูแล้วรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์... ตาเริ่มปรือลง ภาพพร่าเลือน ฝันร้ายเดิมๆ ทยอยหวนคืน สติที่ยังคงหลงเหลืออยู่บอกให้รู้ว่าเขาตกอยู่ในสะกดของพญางู และควรจะรีบวิ่งหนีไปเสีย แต่ถึงแม้จะรู้เช่นนั้นแล้ว แข้งขาเขาก็ไม่ยอมขยับตามคำสั่ง

    ‘...เจ้าเป็นใคร เด็กน้อย...’ ได้ยินเสียงแหบซ่าลอยมากระทบหู งูกำลังพูดกับเขาอยู่หรือนี่ บางทีสติเขาคงเลอะเลือนเต็มทีแล้ว

    ‘...พวกชุดขาวไม่มาเสริมผลึกที่ขังข้าไว้มานานปีแล้ว เจ้ามาทำหน้าที่นี้แทนพวกมันหรือ ...’ เสียงนั้นดังมาอย่างต่อเนื่อง

    ‘...พลังข้ายังฟื้นคืนไม่เต็มที่เสียด้วยสิ เจ้าอยากรับเกียรติอันสูงส่ง มาเป็นส่วนหนึ่งของข้าไหม มาช่วยเสริมพลังให้ข้าไง ...’

    มันจะกินข้าทั้งเป็น...

    สติที่เหลืออยู่น้อยนิดเตือนเด็กชายอยู่ภายใน หากใจที่รับฟังนั้นกลับรู้สึกว่าการไปเป็นส่วนหนึ่งกับจ้าวแห่งป่าเงี้ยวช่างเย้ายวนเหลือเกิน...น่าหลงใหลจนไม่อาจทัดทาน

    ภาพฝันซ้อนทับกับภาพที่เห็นมากขึ้น จงชิวก้าวไปข้างหน้า เข้าใกล้งูยักษ์สีทอง มาดหมายจะค้นหาความจริงในอดีต

    ‘...เข้ามาสิ มาอยู่กับข้า แล้วเจ้าจะได้รู้เรื่องราวทุกอย่าง...’

    เขาอยู่ใกล้มันมาก ไปข้างหน้าอีกนิดก็จะตกหลุมแล้ว

    หากพญางูมีร่างอย่างมนุษย์ ตอนนี้ใบหน้านั้นคงกำลังยิ้มกริ่มอยู่ มันปลดขากรรไกรออก บรรจงอ้าปากช้าๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ เตรียมรับประทานอาหารอย่างประณีต

    ทันใดนั้นภาพฝันที่เคยพร่าเลือนก็กลับชัดเจนขึ้นมา... หญิงสาวสภาพสะบักสะบอมนางหนึ่งกำลังร่ำร้องอย่างตื่นตระหนก

    ชิงจิ้ง รีบหนีไป!’

    ภาพและเสียงนั้นสลายไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับที่มันปรากฏ เขาเห็นแค่คนคนหนึ่ง ไม่มีเวลาพอจะมองหาแม้เพียงฉากหลัง หากแต่ความรู้สึกที่ได้รับมานั้นกลับหนักอึ้งยิ่งนัก

    เมื่อประสาทรับรู้ทั้งหมดหวนคืนสู่ปัจจุบัน จงชิวก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ฟังไม่ได้ศัพท์ รู้สึกถึงบางสิ่งโอบรัดที่หน้าท้อง กลิ่นเลือดอ่อนๆ ลอยมาต้องจมูก

    ...เป็นเลือดของเขาหรือ นี่เขาโดนมันกลืนไปทั้งตัวแล้วหรือ...

    หากแต่เมื่อเปิดตามองรอบด้าน แล้วพิจารณาดีๆ แล้วก็ต้องพบว่า ความคิดนั้นผิดถนัด เด็กชายยังปลอดภัยดี และกำลังเคลื่อนออกห่างจากปากบ่อ โดยที่ไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใด

    งูยักษ์สีทองเห็นเหยื่อแสนโอชะหนีหายไปก็พยายามไล่ตามมา แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างขวางกั้นมันไม่ให้ออกจากบ่อได้ มันเอาลำตัวหุ้มเกล็ดกระแทกเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า งูเล็กๆ ต่างรุมล้อมเข้าช่วยด้วยอีกแรง ...ภาพเหล่านั้นอยู่ห่างออกไปทุกขณะ เขากำลังถูกหิ้วไปด้วยความเร็วสูงทีเดียว

    จงชิวกะพริบตาปริบๆ ตั้งสติของตนใหม่ พยายามทำความเข้าใจเรื่องอัศจรรย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสำรวจสิ่งที่ช่วยตนไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ หวังว่าคงไม่ใช่สัตว์ร้ายอีกตัวที่คิดจะงาบเขาไปกินหรอกนะ

    ร่างผอมของเขาอยู่ระหว่างท่อนแขนแข็งแรงแนบขนาบข้างกับลำตัว ที่พาเขาวิ่งอยู่นั้นก็เป็นขาคนไม่ผิดแน่ แล้วกลิ่นคาวเลือด และหยดสีแดงที่ทิ้งร่องรอยไว้ตามทางนี่มันอะไรกัน จงชิวไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ตรงไหน หรือว่าคนที่เจ็บคือผู้ที่พาเขาหนีอยู่นี่

    ผ่านไปพักหนึ่ง จงชิวก็ถูกวางลงข้างไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง คนที่ช่วยเขาไว้คู้ลงพิงต้นไม้นั้นโดยทันที สองมือกุมหน้าท้องเอาไว้ เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่น่าจะต่างจากจงชิวมากนัก หากก็สูงกว่าอยู่มาก สิ่งที่ต่างจากคนทั่วไปก็คือเส้นผมสีทองที่เห็นได้ชัดแม้อาศัยเพียงแสงจันทร์ และบาดแผลตามตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าท้องที่มีโลหิตไหลเปรอะออกมา

    ท่านบาดเจ็บ!” จงชิวรีบลุกไปช่วยดูแผล เด็กหนุ่มเพียงแค่นยิ้มให้อย่างยากเย็น พลางพูดบางอย่างที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะคลายมือหนึ่งออก แล้วชี้ไปด้านหลังของเด็กชาย

    จงชิวมองตามนิ้วเปื้อนเลือดนั้น เห็นงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยมุ่งหน้ามายังพวกเขา

    ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการได้” เด็กชายพูด เสมือนให้กำลังใจตัวเองเสียมากกว่า เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะฟังออกเช่นกัน จงชิวควานหาอาวุธ แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า แย่ละ... เขาเผลอทิ้งไม้พลองไว้ที่ปากบ่อเสียแล้ว ตอนนี้มีเพียงถุงย่ามที่สะพายติดตัว อาวุธชั้นเลิศที่อยู่ในนั้นได้แก่ มีดขนาดกะทัดรัด และช้อนปลายแหลม ...ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยละนะ

    จงชิวส่งช้อนปลายแหลมให้เด็กหนุ่ม กระชับมีดสั้นในมือ หวังให้รัศมีแห่งลางร้ายที่เขามีขับไล่พวกงูออกไป เจ้างูคืบคลานเข้ามา และหยุดรอท่าอยู่ในระยะที่เหมาะสม งูอื่นๆ เริ่มมาสมทบ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ตกอยู่ในวงล้อมงูอีกระลอก แต่คราวนี้จงชิวไม่ได้พาตัวเข้าไปอยู่ในนั้น พวกมันมาล้อมเขาเอง

    เสียงกังวานคล้ายแก้วแตกดังขึ้น ทิศทางต้นกำเนิดเสียงนั้นมาจากบ่องู หรือว่าอะไรก็ตามที่กักขังอสรพิษร้ายไว้ได้พังทลายแล้ว

    เป็นจริงดังคาดโดยไม่ต้องสงสัย บรรดาลูกสมุนงูค่อยๆ แหวกทางเปิดให้นายใหญ่ของมัน ดวงตาแดงแววและเกล็ดสีทองต้องแสงจันทร์ให้เห็นแต่ไกล ลิ้นสองแฉกแลบฟ่อๆ ไม่สื่อความ คราวนี้เด็กชายเลี่ยงที่จะสบตากับมัน

    ทำอย่างไรดี

    ต้องทำอย่างไรถึงจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้

    จงชิวเค้นสมองครุ่นคิดอย่างสุดความสามารถ ทั้งๆ ที่ตัวยังสั่นด้วยความกลัว เขารู้ดีว่าศัตรูมีอำนาจมหาศาล และเขาก็ไม่มีอะไรไปสู้มันได้เลย

    ขณะนั้นเด็กหนุ่มที่จงชิวคิดว่าคงหมดสติไปแล้วกลับยืดกายขึ้นมา วางมือบนไหล่เขาเบาๆ แล้วกระซิบบอกบางอย่างเป็นภาษาต่างแดน จงชิวค่อยสังเกตเห็นว่า คนเจ็บดูแลตนเองโดยใช้เศษผ้าฉีกจากเสื้อตนมัดปิดปากแผลไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็คงช่วยได้แค่ระยะหนึ่งสำหรับแผลใหญ่ขนาดนั้น เมื่อพูดจบเด็กหนุ่มก็สลับอาวุธของตนไปเป็นมีด ให้จงชิวถือช้อนปลายแหลมแทน

    ข้าจำเป็นต้องใช้มัน”

    จงชิวคิดว่าเด็กหนุ่มคงพูดประมาณนั้น

    พญางูเข้ามาใกล้มากแล้ว ไม่นานคงฉกพวกเขาได้ทั้งยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่แล้วเด็กหนุ่มกลับกระทำการที่ผิดคาด เขากางขาข้างหนึ่งออก ย่อตัวต่ำลง วาดใบมีดออกไปในแนวระดับ ซัดพลังใส่อากาศธาตุเหมือนฝึกซ้อม หากงูเล็กงูน้อยที่กระจุกอยู่ในทิศที่เด็กหนุ่มโจมตีไปนั้นกลับหายเรียบ ทางกลับหมู่บ้านเปิดโล่ง จงชิวถูกหิ้วคอเสื้อขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วจึงโดนเหวี่ยงออกไป เด็กชายลงพื้นอย่างปลอดภัยในระยะที่ไกลพอสมควร ครั้นพอมองย้อนไปก็เห็นเด็กหนุ่มตะโกนออกมาสุดเสียง

    รีบหนีไป!”

    แม้ฟังไม่ออก แต่สีหน้า ท่าทาง และอารมณ์ทั้งหมดสื่อคำพูดของเขาออกมาเช่นนั้น

    ฝูงงูที่เหลือเลื้อยเข้ามาปิดทางอีกครั้ง มีบางตัวหันมาแว้งกัดเขาบ้าง จงชิวแม้จะยังสองจิตสองใจอยู่ แต่ความกลัวก็ขับส่งให้เขาทำตามคำสั่งของเด็กหนุ่ม เด็กชายลนลานวิ่งถอยหลัง ช้อนปลายแหลมปัดป่ายสะเปะสะปะ หนีพลาง เหลียวมองเด็กหนุ่มผู้เสียสละพลาง

    พญาอสรพิษจู่โจมเด็กหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม ก่อนจะฉกเข้าใส่เป้าหมาย คงคิดจะกลืนทั้งตัวในคราวเดียว ทว่าเด็กหนุ่มก็สามารถพุ่งตัวหลบได้ทัน งูยักษ์งับต้นไม้ใหญ่เข้าไปเต็มคำ ไม้นั้นคลอนแคลนเกือบล้มหัก ใบไม้และกิ่งหนาหนักร่วงลงสู่พื้น

    เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นไต่ไปตามลำตัวสีทองนั่น เขาเกาะที่ศีรษะของมัน ก่อนจะแทงมีดปักลงไปที่นัยน์ตาอสรพิษ พญางูดิ้นสะบัดไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ธารโลหิตหลั่งไหลออกจากดวงตาข้างนั้น ...แปดเปื้อนเลือดไม่ต่างจากเหตุการณ์ในตำนาน

    เด็กหนุ่มยังคงเกาะตัวงูยักษ์ไว้แน่น เพราะถึงลงพื้นไปก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยจากพวกงูตัวอื่น ยิ่งตอนนี้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วด้วย อย่างน้อยเกล็ดหนาเหล่านี้ก็คงทำให้มันจับตำแหน่งที่อยู่ของเขาไม่ได้ ...คนเจ็บลืมไปเสียสนิทว่างูใช้ประสาทรับกลิ่นมากกว่าประสาทตา และตอนนี้เขาก็มีกลิ่นเลือดติดเต็มตัว

    ร่างสูงถูกซัดตกกระแทกพื้นในเวลาไม่นาน...

    ปากแผลใหญ่เปิดออก ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่มีอยู่ในตัว เด็กหนุ่มก็ฝืนลุกขึ้นยืน เตรียมรับการโจมตีอีกครั้ง มีดเล่มเดิมยังปักตรึงอยู่ที่ตาของศัตรู ตอนนี้เขาเหลือแต่เพียงมือเปล่าแล้ว

    อยากได้ดาบใหญ่ๆ คมๆ ที่ฟันเจ้าเกล็ดหนานี่ขาดได้ท่อนในคราวเดียวจัง...

    เขาหวนคิดถึงอานุภาพของอาวุธที่เคยใช้ พลางกำหมัดแน่น แล้วตั้งมือขึ้นเสมือนมีดาบอยู่ในมือ

    กำไลทองที่ข้อมือสะท้อนแสงจันทร์สว่าง...

    คราบเลือดที่ติดอยู่เกรอะกรังเลือนหายไป...

    รู้สึกถึงอากาศในมือที่หนาแน่นขึ้น...

    พญางูชูคอขึ้นสูง ตวัดลิ้นออกมาข่มขวัญ จ้องหน้าเหยื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย

    เด็กหนุ่มก้าวกระโดดออกไป เงื้อดาบที่มองไม่เห็นเข้าใส่มัน เผชิญหน้ากับจ้าวแห่งป่าเงี้ยวอย่างไม่ลดละ

    พริบตานั้นพญางูถูกผ่าขาดเป็นสองท่อนที่ลำคอด้วยดาบลมที่ตัดผ่าน โลหิตสีแดงพวยพุ่งออกจากปากแผล ลำตัวใหญ่ยาวที่เคยตั้งตระหง่านล้มลง เกิดเสียงดังลั่นไปทั่วป่า ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย

    เด็กหนุ่มอ้าปากรับรสโลหะ ทั้งตัวชโลมไปด้วยสีแดงฉานจากเลือดพญางู เขากลืนของเหลวในปากลงไปด้วยความกระหายน้ำ

    อา... ในที่สุดก็จบเสียที” เขากล่าวกับตัวเอง เป็นภาษาที่มีแต่เขาเท่านั้นที่เข้าใจ

    การต่อสู้อันห้าวหาญของเด็กหนุ่มนั้น จงชิวรับชมและเป็นกำลังใจให้ตลอดจากระยะไกล เมื่อรู้ว่าตนปลอดภัยจากงูที่ตามล่า

    ดวงตาสีดำสนิทถูกตรึงนิ่งกับฉากปาฏิหาริย์ เหมือนดังฝัน

    หงจวิน...

    นักรบแดง... นักรบแดงจากสรวงสวรรค์...

    ภาพเด็กหนุ่มถูกย้อมด้วยสีแดงเตือนให้จงชิวนึกถึงตำนานเทพเจ้าที่เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว...

    ‘...นักรบผู้มีทั้งเรือนกายและเครื่องทรงเป็นสีแดง...

    ...เทพผู้ลงมาปราบปีศาจให้แก่มวลมนุษย์...

    ...แม่ทัพผู้ฝ่าฟันเอาชนะศึกและอาบโลหิตมานับครั้งไม่ถ้วน...’

    ตำนานนี้เขาเคยได้ยินในวัยเด็กไม่ผิดแน่ ผู้เฒ่าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง...

    หากความยินดียังไม่ทันจางหายไปจากใจของเด็กชาย นักรบแดงผู้ยิ่งใหญ่ก็ล้มลง เหลือเพียงเด็กหนุ่มผู้มีแผลฉกรรจ์นอนทอดร่างอยู่ตรงนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×