ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE DIAMOND OF GOD

    ลำดับตอนที่ #4 : ขุมทรัพย์แห่งมณีนพเก้า

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 51


    ดูก่อนภารดรภาพผู้เจริญทั้งหลาย  ยังมีดินแดนอันไกลโพ้นที่สุดขอบฟ้ากว้างนั่น  นามว่า มณีรัตนา   มั่งคั่งด้วยทองคำบริสุทธ์ 

    ข้าไม่อยากรู้เรื่องนั้น  สุรเสียงทรงอำนาจมีรับสั่งมาจากแท่นยรรยงใต้นภดลมหาเศวตฉัตร

    แล้วใต้ฝ่าพระบาทประสงค์จะทราบสิ่งใดกันเล่า

    ยาจกโภคยะทูลถามองค์จอมกษัตริย์

    คำถามนั้นของจอมยาจก เหมือนเข้าไปนั่งอยู่กลางหว่างดวงใจขององค์หริวัส

    จอมกษัตริย์แสยะยิ้ม

    แล้วอะไรอีกล่ะที่เจ้ารู้

    ข้าพระองค์กราบทูลแล้วไงพระเจ้าข้า มันสุดแล้วแต่ว่าสิ่งที่ใต้ฝ่าพระบาททรงอยากรู้นั้น มันคืออะไร ยาจกโภคยะเล่นลิ้นล้อเลียนองค์หริวัส

    จอมกษัตริย์นิ่งเหมือนจักตรึกตรอง ก่อนจะรับสั่งขึ้นเสียงเครียด

    มณีนพเก้า คือสิ่งที่เราอยากรู้

    มณีนพเก้า มณีแห่งเทพเจ้าซึ่งสามารถเอาชนะศาสตราวุธทุกชนิด ผู้ใดได้ครอบครอง ย่อมสยบสามโลก จอมยาจกว่า ทรงอยากรู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่  ใช่มั้ยพระเจ้าข้า

    จอมกษัตริย์พยักพักตร์

    ข้อนี้ข้าพุทธเจ้าจนด้วยเกล้า จอมยาจกเล่นลิ้น Wด้วยมิเคยไปยังแดนนั้นจริงๆ  จึงมิอาจกราบทูลได้ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า

    จอมกษัตริย์ได้สดับให้ขัดพระทัย หากแต่ก่อนจะกระทำสิ่งใดยาจกโภคยะก็เอยคำหนึ่งออกมา

    แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพุทธเจ้ารู้ก็คือ แผนที่ขุมทรัพย์นี้เป็นของจริง

    พร้อมกับว่า จอมยาจกก็ยกชูแผ่นหนังสี่น้ำตาลคร่ำคร่าโบราณแผ่นหนึ่งขึ้นเหมือนหัว

    ก็ไหนเจ้าว่าไม่เคยไปเมืองมณีรัตนาแล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันเป็นจริง

    ถึงข้าพุทธเจ้าไม่เคยไปเมืองมณีรัตนา  แต่ข้าพุทธเจ้าก็มีข้อพิสูจน์ว่ามันมีจริง

    องค์หริวัสพระทัยเต้น ด้วยกระสันต์อยากรู้

    เจ้ามีอะไรพิสูจน์ 

    จอมยาจกยิ้มพราย  แล้วหยิบถุงผ้าที่วางอยู่ข้างกายยกขึ้นชูก่อนจะเปิดถุงผ้านั้น  และเมื่อถุงผ้าที่ถูกคลุมอยู่ถูกเปิดออก  ก็เผยให้เห็นสิ่งอันเป็นที่น่าอัศจรรย์ต่อสายตาของผู้พบเห็นนั่นคือ วิหคสีรุ้ง

    วิหคแห่งตำนานเทพปกรณัม  

    วิหคที่มีขนเป็นสีรุ้งเจ็ดสี ความเงาระยับของขนเป็นมันวาบ แลยิ่งเสียงร้องของมันช่างไพเราะอย่างน่าอัศจรรย์

    องค์หริวัสจ้องเจ้าวิหคน้อยในกรงอย่างอัศจรรย์ใจ  แม้นมิเคยพบเห็นมันมาก่อน แต่ด้วยลักษณะที่ผิดแผกแตกต่างจากจากวิหคทั้งปวงที่เคยพบ  จอมกษัตริย์ตระหนักรู้ว่ามันคือ วิหคสีรุ้งจริงๆ

    ขนที่มันระยับเป็นประกายรุ้ง ยามเมื่อต้องแสง  ช่างวิจิตรราวกับช่างเขียนรจนา

    หากเปรียบว่า อินทรี คือ พญาแห่งนก แล้ว

    เจ้าวิหคสีรุ้งนี้ก็คงมิผิด เทพบุตรแห่งเวหา 

    แลยิ่งยามมันร้อง  เสียงก้องเป็นจังหวะสูงต่ำตามธรรมชาติของมัน มิผิดอะไรกับเสียงผิวของขลุ่ยของคนธรรพ์บนแดนสรวง

    เมื่อนั่นเององค์หริวัสจอมกษัตริย์จึงตระหนักแน่ว่า  เจ้าแผ่นหนังโบราณในมือจอมยาจกนั้น คือแผนที่ขุมทรัพย์แห่งมณีนพเก้าในตำนานแน่แล้ว 

    เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนกับแผนที่นี้

    จอมกษัตริย์รับสั่งถาม

    สิ่งที่ข้าพระองค์ใคร่ได้ก็คือ เศวตฉัตรแห่งอโยธยา จอมยาจกเอยปากอย่างลำพอง

    บังอาจ แม่ทัพนฤบาลที่นั่งฟังความอยู่ด้วยตวาดขึ้นเสียงเขียว ลบลู่เบื้องสูงรู้มั้ยมีโทษเช่นไร

    ข้าพุทธเจ้าหาได้หมายใจจะลบลู่ให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท  แต่หากแผนที่ขุมทรัพย์นี้มิมีค่าเทียบเท่าเศวตฉัตรแห่งอโยธยา  ก็หาควรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทต้องสนพระทัย

    ลิ้นเจ้าช่างเจรจานักโภคยะ จอมกษัตริย์รับสั่งอย่างพอพระทัย

    เจ้าจงแจงมาซิว่าเหตุใด แผนที่เก่าๆ ของเจ้าจึงเทียบเท่าเศวตฉัตรแห่งเรา หากไม่เช่นนั้น ข้าจะตัดลิ้นของเจ้ามาแช่เหล้าเอาไว้ดู

    จอมยาจกแสยะยิ้ม... แววตาทั้งคู่หากได้เกรงในพระราชอำนาจแห่งจอมคนแห่งอโยธยาแห่งยุคองค์นี้ไม่

    ขอพระราชทายอภัยในความโง่เขลาที่บังอาจตีราคาแผ่นหนังแผ่นนี้เพียงแค่เศวตฉัตรแห่งพระองค์  หากต้องการตีค่ามันให้ถูกต้องแล้วไซร้ ยอมต้องเทียบค่าได้กับมหาทวีปทั้งเจ็ดรวมกัน เพราะหากผู้ใดที่ได้ครอบครอบมณีนพเก้า ก็ยอมสามารถสยบสามโลกได้  

    จอมยาจกตวัดลิ้นเพ็ดทูล

    หากแต่เกล้าหม่อมชั้นเป็นเพียงยาจกเข็ญใจ  ย่อมมิสามารถทะนุบำรุงบ้านเมืองให้ยั่งยืนสถาพรสืบไปได้  ลังแต่จะทำให้ชาวบ้านร้านตลาดจักต้องมาพลอยได้ยากเพราะลิงได้แก้วอย่างข้าพระองค์

    หริวัสกำหัตถ์แน่นเพราะตระหนักรู้ว่าประโยคหลังนั้น  เจ้ายาจกปากกล้าผู้นี้จงใจว่ากระทบตน

    หากเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่เป็นเครื่องตอบแทนโภคยะ

    ขอเพียงข้าได้มีความสุขเกษมสำราญในมณเฑียรสถานแห่งนี้สักหนึ่งทิวาราตรีก็นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์จักทรงมีต่อข้าพุทธเจ้าพระเจ้าข้า

    จอมกษัตริย์นิ่งมองโภคยะยาจกอย่างชั่งใจ 

    ได้โภคยะ เราจักให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ 

    กรมวัง  จงจัดหาในทุกสิ่งทุกอย่างที่เฒ่าโภคยะผู้นี้ต้องการ

    พระเจ้าข้า  กรมวังถวายบังคมรับสนองพระราชโองการ

    จอมยาจกหัวเราะ... อย่างสมใจ

    เมื่อนั้นแม่ทัพนฤบาลที่หมอบเฝ้าอยู่จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปเอาแผ่นหนังอันเป็นแผนที่ขุมทรัพย์แห่งมณีในตำนานขึ้นถวาย

    วิหคน้อยตัวนี้ ข้าพุทธเจ้าของถวายไว้เป็นเครื่องระลึกถึงความมีอยู่จริงแห่งมหานครในตำนาน

    พร้อมกับว่า จอมยาจกส่งกรงนกไม้ที่ถืออยู่ให้แม่ทัพนฤบาล

    §         

    โภคยะได้เสวยสุขหาความเกษมสำราญในพระบรมมหาราชวังครบหนึ่งทิวาราตรีแล้วก้อเข้าเฝ้าองค์หริวัสเพื่อทูลลา

    แลก่อนที่ข้าพระองค์จะทูลลาจากไปในเพลานี้นั้น ใคร่ขอบังอาจฝากคำเตือนใต้ฝ่าละอองธุรีพระบาทไว้สักประโยคหนึ่งว่า  มันผู้ที่จะบุกแดนมรณะผืนนี้ได้สำเร็จนั้น  มันผู้นั้นจักต้องเป็นบุรุษที่ถูกเลือกโดยเทพเจ้า และสัญลักษณ์แห่งสาย วัชระ บนหน้าอก คือเครื่องหมายประจำตัวของผู้ถูกเลือก

    ทำไมต้องเป็นผู้มีสัญลักษณ์แห่งสายวัชระ จอมกษัตริย์รับสั่งถามอย่างแคลงพระทัย

    โองการแห่งฟ้า ข้าเป็นเพียงยาจกผู้ยากจึงมีอาจเปิดเผยได้

    จอมยาจกแสยะยิ้มเหมือนจะเยาะจอมกษัตริย์ ก่อนจะทูลลา

    §         

    และทันทีที่พ้นเขตมณเฑียรสถานแห่งพระราชฐานอโยธยา  ร่างจำแลงจอมยาจกก็คืนสภาพเป็นกายทิพย์แห่งองค์มหาเทวี  ก่อนจะเสด็จดำเนินลอยกลับสู่ฝากฟ้าอันเป็นเคหะสถานแห่งพระองค์

    §         

    ที่มหาวิหารอันเป็นที่ประทับแห่งเจ้าจอมมารดาแห่งเทพทั้งปวง  บัดนี้องค์ผู้เป็นใหญ่เหนือเทพบวรประทับรออยู่ ณ ที่นั่น

    องค์มหาเทวีนั่นแจ้งแก่พระทัยอยู่แล้วว่า จอมเทพนั้นเสด็จมาด้วยประสงค์สิ่งใด

    เจ้าคิดจะกระทำอันใดมหาเทวี

    สุรเสียงทรงอำนาจยิ่งรับสั่ง

    ก้อถ่วงดุลแห่งธรรมะกับอธรรมะไงเพคะ

    ด้วยการให้แผนที่ลายแทงขุมทรัพย์แห่งมณีนพเก้าแก่หริวัสกระนั้นหรือ

    เพคะ เจ้าจอมมารดาแห่งเทพรับคำ ก้อทีพระองค์ยังทรงมอบมหาศาตราแก่มันผู้นี้ได้ แล้วทำไมหม่อมชั้นจะให้แผนที่แห่งมหาอาวุธแก่มันบ้างมิได้เล่าเพคะ

    เรารู้เจตนาเจ้า เจ้าเหนือเทพรับสั่งอย่างรู้เท่าทัน ว่ามิได้หมายใจจักให้มันแก่หริวัส  ด้วยเจ้าแจ้งอยู่แก่ใจว่า ผู้ซึ่งถูกลิขิตให้ผ่านแดนมรณะทั้งห้าตามลายแทงได้นั้นมีแต่แสงสุรีย์แห่งสุริยะวงศ์ผู้เป็นภาคอวตารแห่งเทพสงครามเท่านั้น

    มหาเวทีแย้มโอษฐ์อย่างพอพระทัย เพราะนั่นคือเจตนาจริงแห่งพระองค์

    เมื่อพระองค์ยังมอบมหาศาตราแก่หริวัสได้ แล้วเหตุอันใดหม่อมชั้นจึงมิสามารถมอบมหาอาวุธให้แสงสุรีย์ได้เหล่าเพคะ

    ก็เพราะเจ้ายั่งมิได้พิสูจน์ซึ่งค่าอันควรจักเป็นเจ้าของมหาศาตราของแสงสุรีย์

    อย่างไรเล่าเพคะถึงจะเป็นผู้มีค่าอันควรแก่การเป็นเจ้าของมหาศาตราวุธมหาเวทีรับสั่ง หรือว่าจักต้องให้กระทำบัตรพลีเยี่ยงหริวัสถวายพระองค์  พระองค์จึงจักพอพระทัย

    สัตตอาวุธ เป็นมหาอาวุธแห่งอสูรยอมต้องพิสูจน์ศักดิ์และสิทธิ์แห่งความเป็นเจ้าของด้วยวิถีอสูร องค์มหาเทพรับสั่ง แต่มณีนพเก้าเป็นอาวุธแห่งเทพ ต้องพิสูจน์ศักดิ์และสิทธิ์นั่นด้วยวีถีแห่งเทพ

    แล้วพระองค์หมายใจจักให้หม่อมชั้นพิสูจน์เช่นไรเพคะ

    หากเจ้าทำให้เทพและมนุษย์สรรเสริญด้วยคุณความดีแห่งแสงสุรีย์ได้แล้วไซร์  ข้าอนุญาตให้เจ้าช่วยเหลือเกื้อกูลแสงสุรีย์ได้

    องค์มหาเทวีแย้มสรวลอย่าพอพระทัย

    แต่การช่วยนั้นห้ามมิให้เจ้าใช้ฤทธิ์แห่งเจ้าเข้าช่วย จะกระทำได้แต่เพียงชี้ทางให้กระทำเท่านั้น

    หากเป็นเช่นนี้ แสงสุรีย์ก็ด้อยเปรียบหริวัชซิเพคะ

    จักเสียเปรียบได้อย่างไรเล่า ก็เจ้านั้นแอบช่วยมันมาตั้งแต่ต้นแล้วนี้ ทั้งตรีสุปัญญะวิชาแห่งโฆตมะฤษี ทั้งดาบวิเศษปราบไตรจักร เยี่ยงนี้แล้ว เจ้ายังจักหาว่าด้อยเปรียบกันได้เช่นไร

    มหาเทวีแย้มโอษฐ์อย่างจำนน...

    ด้วยเพราะการกระทำของพระองค์มิอาจพ้นสายพระเนตรแห่งองค์มหาเทพ 

    ก็ได้เพคะ... หม่อมชั้นจะพิสูจน์ศักดิ์และสิทธิ์ความเป็นเจ้าของแห่งมณีนพเก้าของแสงสุรีย์ถวายตามวีธีแห่งเทพ

    §         

    แลในราตรีที่โภคยะจากไปนั้นเอง 

    องค์หริวัสก็ทรงสุบินว่า มีเทพบุตรองค์หนึ่งประทับบนหลังวายุภักษ์ลอยมาจากฝากฟ้าบั่นพระเศียรพระองค์ขาดกระเด็น

    §         

    ว่ายังไงเจ้าโหรา  ฝันของข้าเป็นนิมิตเช่นไร สุรเสียงแห่งจอมกษัตริย์ตวาดเอ็ดอึ้งไปทั้งท้องพระโรง

    โหราเฒ่าอ้ำๆ อึ้งๆ มิกล้าทำนายด้วยเกรงพระราชอาญา

    ว่ายังไงมึง กูถามว่าฝันกูเป็นเช่นไร

    จอมกษัตริย์กระทืบบาทอย่างโกธา 

    ถ้ามึงมิรีบปริปากของมึง กูจักให้ทหารเอามึงไปเย็บปากเสียบัดเดี๋ยวนี้ จักไม่มิต้องพูดต่อไปอีกเลย

    พระอาญามิพ้น โหราเฒ่ารีบทูลตัวสั่นงันงก อันพระสุบินของพระองค์นั้น... ทำนายได้ว่า จะมีราชศัตรูผู้ซึ่งสามารถเอาชนะสัตตะอาวุธได้

    หริวัสตบหัถต์กับพระแท่นยรรยงเสียงกัมปนาท

    เช่นไรว่ะ  

    พระอาญามิพ้นเกล้า โหราเฒ่ารีบก้มกราบทูลขอชีวิต

    §         

    คำทำนายของโหราเฒ่ายังก้องอยู่ในหัว  เมื่อหริวัสทอดพระเนตรแผ่นหนังอันเป็นแผ่นที่ขุมทรัพย์แล้วถอนพระทัย

    หรือนี่จักเป็นจุดจบแห่งตน... จอมกษัตริย์ครุ่นคิด

    สัตตอาวุธ ซึ่งเคยไร้คู่เปรียบ บัดนี้กำลังจะมีผู้มาเทียบรัศมี

    แลพระดำรัสของมหาเทพรับสั่งนั่น  แจ้งชัดว่า มีเพียงสิ่งเดียวที่จะสยบ สัตตอาวุธ ลงได้ แลสิ่งนั่นก็คือ มณีนพเก้า

    แต่หากได้ถือครองซึ่งสิ่งวิเศษทั้งสอง  ก็ย่อมหาต้องเกรงกลัวสิ่งใด

    จอมกษัตริย์แย้มโอษฐ์อย่างพอพระทัย  เมื่อลุถึงความคิดในข้อนี้

    §         

    สาวิตรีลูกพ่อ ปีนี้เจ้าก็ครบสิบแปดปีบริบูรณ์ นับเป็นสาวรุ่นแรกแย้มแล้วซินะ  จอมกษัตริย์มีรับสั่งกับพระธิดาสาว ซ้ำยังงามพร้อมเช่นนี้  มีหวังพ่อมิต้องคอยต้อนรับขบวนราชทูตจากหัวเมืองน้อยใหญ่จนหัวกระไดไม่แห้งกระมังแบบนี้

    พระธิดาแย้มสรวลอย่างเขินอายเมื่อถูกชม

    สมเด็จพ่อรับสั่งอะไรเพคะ หม่อมชั้นนั่นยังเยาว์อยู่เลย

    น้ำเสียงนั่นตัดพ้อสมเด็จพระราชบิดา

    หรือว่าสมเด็จพ่อสิ้นรักแล้ว จึงคิดจะผลักไสไล่ส่งหม่อมชั้นให้ไปให้พ้นเสียจากพระเนตรพระกรรณ์

    ใครว่า... นอกจากความตายแห่งพญามัจจุราชเท่านั้นแล ที่จะพรากดวงใจของพ่อดวงนี้ไปได้

    จอมกษัตริย์รับสั่งกับพระธิดา

    แต่พ่อนี้มีการหนึ่งจักต้องอาศัยเจ้าสาวิตรี

    โปรดรับสั่งมาเทิดเพคะ  ลูกพร้อมจะสนองรับสั่งอย่างสุดกำลัง

    จอมกษัตริย์แย้มสรวล  เพราะในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของพระองค์  จักหาผู้จงรัก ภัคดี ทั้งกายและใจนั่นคงจักมีแต่ พระธิดาองค์นี้ของพระองค์เท่านั้น

    พ่อจักให้เจ้าออกเรือน  จอมกษัตริย์รับสั่งบอกเสียงเรียบ

    พระธิดาอึ้งไปเป็นถนัด... ก่อนทูลถามขึ้นว่า  เพราะเหตุใดเพคะ

    พ่อจักจัดการประลองยุทธเลือกคู่  เพื่อหาผู้มีฝีมือออกเดินทางไปนำมณีนพเก้าแห่งเมืองรัตนามาให้พ่อ

    มณีนพเก้า องค์หญิงน้อยทวนคำ มณีแห่งตำนามเทพปกรณัมนั่นหรือเพคะ

    ใช่แล้วลูกรัก  มณีเทพเจ้าเป็นคู่ปรับแห่งสัตตอาวุธ

    แล้วองค์หริวัสก็ทรงเล่าถึงความเป็นมาของมหาศาตรา สัตตอาวุธ พระกระแสรับสั่งแห่งองค์มหาเทพ และพระสุบินกับคำทำนายของโหราจารย์แก่พระราชธิดา

    เจ้าหญิงเลอโฉมจึงตระหนักว่า บัดนี้พระชนม์ชีพแห่งสมเด็จพระราชบิดากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต   

    หากพ่อได้ครองไว้ซึ่งทั้งสองมหาศาตรา ก็มิจำเป็นต้องกลัวเกรงผู้ใดอีกในสามโลก จอมกษัตริย์รับสั่งสรุปเจตนาปรารถนาของพระองค์ในท้ายสุด

    หากเป็นเช่นนี้  ชีวิตลูกพร้อมที่จะยอมถวายเป็นราชพลีเพคะ

    เจ้าหญิงน้อยรับสั่งอย่างมิทรงลังเล

    จอมกษัตริย์เอาหัตถ์ลูบหัวแก้วตาอันเป็นที่รักอย่างอารีย์

    ขอบน้ำใจเจ้านักสาวิตรี  เจ้านี้เป็นอภิชาตบุตรของพ่อโดยแท้

    §         

    บัดนี้น้ำพระทัยแห่งพระราชธิดาได้พิสูจน์แล้วว่า น้ำ นั้นบางครั้งก็อาจ ข้น กว่า เลือด ได้เช่นกัน

    แลในการนั่น... จึงได้มีพระบรมราชโองการประกาศออกไปยังหัวเมืองแว่นแคว้นต่างๆ  ถึงการสัปยุทธ์เลือกคู่แห่ง สาวิตรี อรทัยขวัญฟ้าแห่งอโยธยานคร  

    หากผู้ใดสามารถเป็น ยอดยุทธ ชนะ เลิศยุทธ ผู้กล้าจากทั่วสารทิศได้แล้วไซร้  ผู้นั้นจักได้สยุมพรด้วยอรทัยขวัญฟ้าแห่งอโยธยา

    แลทันทีที่ข่าวการสัปยุทธ์เลือกคู่แพร่ออกไป  เหล่าผู้กล้ามากมาย ทั้งที่สืบเชื้อสายสันตติวงศ์  และคนสามัญ  ต่างก้อแห่แหนกันเดินทางมาสมัครเพื่อรับคัดเลือกเข้าประลอง ทั้งนี้ก็ด้วยเพราะความเลอโฉมแห่งองค์เจ้าหญิงนั่นเอง

    §         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×