คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ข้าชื่อเชียนรื่อหง
สตรีผู้มีใบหน้างดงามนั่งหลังเหยียดตรงภายในศาลาริมน้ำ นางจิบชาดอกเหมยด้วยท่าทีสง่างาม สาวใช้รุ่นราวคราวเดียวกันเดินมากระซิบบางอย่างเเกผู้เป็นนาย เเววตาเรียวระหงส์รี่ลง
“เช่นนั้นรึ?”
เชียนรื่อหงขานรับ เเผ่นหลังเหยียดตรงดูสูงส่งสง่างามจนสาวใช้ลอบกลืนน้ำลายเพราะรู้ว่าภายใต้ความสงบนิ่งของคุณหนูนั้นพร้อมเหยียบคนที่เอาเปรียบนางให้จมดิน คุณหนูของนางดูสง่างามขึ้นหลังจากประสบเคราะห์
สง่างามทว่าน่ากลัว
ข่าวคราวของหลิวซูฮวาดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองอี้เเห่งนี้หลังจากนางฆ่าตัวตายภายในคุก ความคิดเห็นของคนในเมืองเเตกเเขนงไปหลายความเห็น บ้างก็ว่าเชียนรื่อหงทำเกินไป บ้างก็ว่าเชียนรื่อหงทำสมควรเเล้ว
เงาร่างสูงเดินเข้ามาภายในศาลา เอ่ยถามเชียนรื่อหหงด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“น้องพี่ ทำกระไรอยู่รึ?”
เชียนห่าวหรานนั่งตรงข้ามผู้เป็นน้องสาว ใบหน้าคมดุตวัดมองใบหน้าเรียวเล็ก เชียนห่าวหรานนั้นมีรูปร่างใหญ่โตผิวคร้ามเเดดจากการทำสวนมาตั้งเเต่เด็กคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน รอยเเผลข้างเเก้มส่งเสริมให้พี่ชายของเชียนรื่อหงคมคายมากจนดูดุดัน
“น้องกำลังชมทิวทัศน์เบื้องหน้าเจ้าค่ะ”
มือเรียวบางวางจอกชาสีเขียวอ่อน นางหันไปสบตาผู้เป็นพี่ชายด้วยเเววตานิ่งสนิท ท่าทีเเปลกประหลาดของน้องสาวทำให้เเววตาของเชียนห่าวหรานเปลี่ยนไป
“ท่านพี่สงสัยอันใดในตัวน้องหรือเจ้าคะ”เชียนรื่อหงสบตาอย่างไม่กลัวเกรง
“เจ้าไม่ใช่น้องสาวข้า!”
เสียงตวาดของเชียนห่าวหรานทำให้บ่าวรับใช้ทั้งชายเเละหญิงสะดุ้งตัวโยน กลิ่นอายสังหารเเผ่ออกจากร่างสูงทันที เเววตาเเละอุปนิสัยน้องสาวของตนเปลี่ยนไป คนที่อยู่กับนางมาตั้งเเต่เด็กมีหรือจะดูไม่ออก เพียงเเต่ไม่มีใครพูดอะไรเพียงเท่านั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
เชียนรื่อหงหยิบชาขึ้นมาจิบ บรรยากาศกดดันจนบ่าวรับใช้เเทบยืนไม่ไหว กลิ่นอายอย่างคนผ่านโลกมามากเเผ่ออกจากร่างงดงามทันที
"ถ้าให้ดี...ก็ไปเชิญท่านพ่อท่านเเม่มาด้วยเลยสิเจ้าคะ"
รื่อหงเหยียดยิ้มให้คนตรงหน้า นางเป็นคนตรงไปตรงมา การสวมรอยเป็นคนอื่นมานานนับเดือนทำให้นางอึดอัดเช่นกัน เป็นเช่นนี้ก็ดีเเม้นางอาจจะโดนถ่วงน้ำหรือสังหารนางก็ไม่หวาดหวั่น
"ไปตามท่านพ่อเเละท่านเเม่มา"
บ่าวใช้ค้อมตัวรับรีบสามเท้าออกไปทันที เเรงเกรี้ยวกราดของนายน้อยไม่ใช่เรื่องดี
ร่างวัยกลางคนสองคนรีบเดินจนเเทบวิ่งมายังศาลา ใบหน้าของเหม่ยฮวาเเตกตื่น ลูกชายของนางเผลอไปกินอะไรผิดสำเเดงเข้า เหตุใดจึงตะคอกน้องรุนเเรงเสียจนบ่าวรับใช้กลัวไปเสียหมด ไม่ต้องนึกถึงคนโดนตะคอกว่าจะตกใจหรือไม่...
เเต่ท่าทางของรื่อหงทำให้เหม่ยฮวาคิ้วขมวด บุตรสาวของนางหากโดนตวาดใส่เพียงนิดก็ร้องไห้ตัวโยนเเล้ว
"เชิญนั่งเจ้าค่ะ"เชียนรื่อหงภายมือไปยังที่นั่ง ทั้งสองนั่งลงได้ชั่วครู่ เชียนห่าวหรานก็เปิดประเด็นทันที
"เจ้าเป็นใคร?"
"เชียนรื่อหงเจ้าค่ะ"
โครม!
โต๊ะไม้หินอ่อนถูกซัดลงไปในบ่อปลาจนเกิดคลื่นลูกใหญ่ น้ำสาดกระเซ็นมาโดนปลายเเขนเสื้อของรื่อหงที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยไร้ความตกใจ ความเงียบเข้าปกคลุมศาลาริมน้ำทันที
"อย่ามาเล่นลิ้น!"
"หรานเอ๋อร์ทำไมพูดกับน้องอย่างนั้นล่ะลูก…."เหม่ยฮวาเอ่ยปรามบุตรชายเสียงเข้มมีหรือที่คนใจร้อนจะฟัง เเววตาเเข็งกร้าวตวัดมองร่างเล็กทันที
"นางไม่ใช่เชียนรื่อหงของเราขอรับท่าเเม่ ท่านเเม่ดูเเลนางมาหลังจากที่นางหายเข้าไปในหุบเขา ท่านเเม่ไม่สังเกตุสิ่งใดเลยหรือขอรับ"เชียนเหม่ยฮวาเม้มปาก
ปึก!
พักราคาเเพงถูกฟาดลงฟื้นจนเเตกหักขาดรุ่งริ่ง ความกดดันยิ่งกว่าคลืบคลานเข้ามาเเทนที่ เเววตาทะมึงตึงของเชียนซีห่าวจ้องมองไปยังบุตรชาย
"เจ้าเงียบปากซะ ห่าวหราน"คนอารมณ์ร้อนจึงยอมลงปิดปากเงียบสนิท
"เจ้าบอกว่าเจ้าขื่อเชียนรื่อหงงั้นรึ?"
เเววตาคมมองไปยังสตรีที่มีท่าทางสูงส่ง ไร้คำเเทนตัวว่าพ่อบ่งบอกว่าซีห่าวคิดเช่นเดียวกันกับบุตรชาย สตรีตรงหน้าไม่ใช่หงเอ๋อร์ที่พวกตนเฝ้าทนุถนอมมาตั้งเเต่เยาว์วัย
"เจ้าค่ะ…"
"เเล้วหงเอ๋อร์?"เชียนเหม่ยฮวาถามด้วยความหวัง
"นาง...น่าจะตายตั้งเเต่ตกหน้าผาเเล้วเจ้าค่ะ...."ทันทีที่รื่อหงเอ่ยจบ เสียงสะอื้นให้ของสตรีงามล่มเมืองแผดลั่นทันที ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา ทั้งสี่คนดวงตาแดงก่ำ
เชียนรื่อหงรียนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น นางกำกระโปรงเเน่น ใบหน้ามีความหวาดหวั่นชัดเจน
"ข้าผู้นี้มีนามว่ารื่อหง เเซ่เชียน ข้าคือสตรีที่ป่วยตายด้วยโรคร้ายในอีกสามพันปีข้างหน้า ข้าไม่ใช่ลูกสาวเเละน้องสาวของพวกท่าน ข้าขออภัยที่ข้าเสเเสร้งมาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ข้านั้นทนความอึดอัดจาดการอยู่ในร่างผู้อื่นไม่ไหวเเล้วเจ้าค่ะ ฮึก"
หลังจากกล่าวจบทุกอย่างอยู่ในความเงียบกว่าหนึ่งเค่อ พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องวิญญาณสวมรอยมาบ้าง เเต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงบทละครงิ้วหรือนิยายประโลมโลกชื่อดัง ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเจอกับตัวเอง
"เเล้วเราจะเอาอย่างไรกันดีเจ้าคะท่านพี่ ลูกของข้า ฮึก หงเอ๋อร์ของเเม่"เชียนเหม่ยฮวาเอ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"บางทีเทพเเห่งโชคชะตาจะลิขิตมาเช่นนี้เเล้วกระมัง เจ้านั้นมีนามเดียวเเซ่เดียวกับบุตรสาวข้าไม่ผิดเพี้ยน เเลเจ้าไม่ได้ทำภัยอันตรายเเก่คนในตระกูล หากจะปล่อยเจ้าไปข้าก็ปวดใจเหลือเกินที่จะปล่อยกายสังขารลูกสาวไปลำบาก....เชียนรื่อหง เจ้าจะยอมเป็นบุตรสาวของข้าหรือไม่"เชียนชีห่าวเอ่ย
"เจ้าค่ะ"เชียนรื่อหงรีบคำนับทันที นางดีใจจนน้ำตาไหลรินราวกับยกภูเขาออกจากอก ความอึดอันหายไปสิ้น
"เจ้าคงเจ็บปวดมากก่อนตายใช่หรือไม่"เหม่ยฮวาผละตัวออกจากอ้อมกอดสามี นางลูบหัวรื่อหงด้วยความเอ็นดู รื่อหงพยักหน้า
"เช่นนี้เราทำป้ายวิญญาณให้นางดีหรือไม่เจ้าคะ "ห่าวหรานเชิดใบหน้าไปอีกทาง เเววตายังคงหวาดระเเวง
"ดีเหมือนกัน"เชียนเหม่ยฮวาเอ่ยก่อนจะประคองกันไป ทิ้งบุรุษสองคนไว้ในศาลา
"นางไม่ได้เลวร้าย..."
"เเต่หงเอ๋อร์...."ห่าวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"น้องสาวคงไม่อยากให้เข้าเศร้า บางทีนางอาจจะเป็นน้องสาวของเจ้าที่เวียนว่ายตายเกิดจนถึงปัจจุบัน"
"ส่วนพวกเจ้าหากใครปริปากพูด ข้าจะโบยให้หลังขาด!"
ซีห่าวไล่มองใบหน้าของบ่าวรับใช้หมดทุกคนก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเเข็งกร้าว กลิ่นอายข่มขู่เเผ่กระจายไปในอากาศจนเหล่าบ่าวใช้ต้องรีบคุกเข่ารับคำทันที
เชียนชีห่าวตบบ่าบุตรชาย ก่อนจะเดินออกไป
"อาซาน เจ้าเก็บโต๊ะขึ้นขึ้นมาจากสระ"
บ่าวรับใช้คนสนิทเเทบร่ำไห้ นายน้อยเป็นคนเอาลงไปเหตุจึงลำบากตนเอาขึ้นมาได้เล่า ความอารมณ์ร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้เขามักเป็นคนตามเก็บกวาดของที่พังเสมอ เเต่ครั้งนี้มันเกินไป
"เจ้าบ่นข้าอยู่รึ"ห่าวหรานหรี่ตา
"ไม่เลยขอรับ! บ่าวมิกล้า"
"ดี"
ลับหลังห่าวหรานเดินไป อาซานถอยหายใจออกมาทันที
.
.
.
สตรีทั้งสองเดินประคองกันจนมาถึงเรือนใหญ่ที่พำนักของฮูหยินตระกูลเชียน เรือนของเหม่ยฮวาเต็มไปด้วยดอกเหม่ยฮวาตามชื่อเจ้าของเรือน ดอกเหมยสีชมพูมากมายออกดอกบานสะพรั่ง บางส่วยหลุดออกจากกิ่งก้านล่องลอยไปตามลม
จมูกเเละดวงตาเหม่ยฮวงายังคงเเดงก่ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่มารดาจะทำใจได้เมื่อรู้ว่าบุตรของตนสิ้นไปในวันเดียว
“ลูกข้าชอบเรือนข้ามาก มักหนีมานอนกับข้าเสมอเเม้จะผ่านพ้นวัยปักปิ่นเเล้ว….”
"ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนหรอไม่เจ้าคะ"รื่อหงเอ่ย เหม่ยฮวาส่ายหน้า
"เจ้ากลับไปพักเถอะ เจ้าคงเหนื่อยเหมือนกัน"
"เเล้วข้าจะมาเยี่ยมนะเจ้าคะ"
เหม่ยฮวาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินดข้าเรือนไป รื่อหงเดินกลับไปยังเรือนของต้น ใบหน้าขอนางเรียบนิ่งเเต่ความอึดอัดในใจหายสิ้นไป
วันรุ่งขึ้นเชียนเหม่ยฮวารีบสาวเท้าไปยางเรือนฮวา นางเดินเข้าไปตามคำของสาวใช้
"ท่าน..."คำว่าเเม่จุกอยู่ที่ปากจะเรียกก็เกิดความละอายใจขึ้นมา
"มานั่งสิ ข้าอยากฟังเรื่องราวของเจ้า"เชียนเหม่ยฮวาเอ่ย ในโถงมีบุรุษหน้าตาคุ้นเคยอีกสองคนนั่งอยู่ ห่าวหรานกอดอกตนมาสังเกตุการณ์ไม่อยากอยากรู้เรื่องที่นางเบ่าเลยจริงๆ? รื่อหงนั่งข้างๆเหม่ยฮวาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนทันที
"ข้ามีอายุได้ 35 หนาวเจ้าค่ะ เเละข้าตายด้วยโรคมะเร็ง มันทำให้ผมข้าร่วงจนหมดหัว ตัวผอมจนเห็นหนังหุ้มกระดูกเเละสิ้นใจ"เหม่ยฮวาลูบมือรื่อหงอย่างปลอบประโบม เเม้จะตกใจที่หญิงสาวจะมีอายุพอๆกับนาง
"เเล้วโลกในอนาคตเล่าเป็นเช่นใด"ห่าวหรานโพล่งถามด้วยความอยากรู้อย่างเห็น
"ทุกอย่างศิวิไลซ์มากเสียจนกลบกลืนกลิ่นอายโบราณ มีบ้านเรือนสูงเสียดฟ้า มียานพาหนะที่สามารถบนข้ามเเคว้นข้ามทวีปได้ในเวลาสอง-สามชั่วยามเจ้าค่ะ มีรถที่เดินทางได้เร็วยิ่งกว่าม้า ตัวข้าเป็นเถ้าเเก่เนี้ยอยู่ในที่ทำงานตำเเหน่งค่อนข้างมีหน้ามีตาเจ้าค่ะ"
"ข้านึกภาพไม่ออกเลย"ซีห่าวลูบเลาพลางนึกคิด ยานพาหนะที่บินบนฟ้ารึ ใครเอารถม้าไปบินอยู่บนท้องฟ้าพวกเขาทำได้อย่างไรกัน? หรือโรคอนาคตจะมีสัตว์วิเศษในตำนาน
"บ้านเมืองโบราณถูกทุบเเล้วสร้างบ้านเรือนสมัยใหม่คล้ายชาวอิงกั๋วเจ้าค่ะ เเต่พระราชวังของเราอยู่ดีเเม่จะผ่านมานานเเล้วก็ตาม เป็นมรดกโลกสถานที่หนึ่งเลยเจ้าค่ะ"
"เเบบนี้รึ"ห่าวหรานนำภาพที่ได้จากเรือสำเภาชาวอิงกั๋ว รื่อหงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งห่อนจะพยักหน้า
"ดูเเข็งเเรงเเละทันสมัยกว่านี้อีกเจ้าค่ะ ในอนาคตความคิดค่อนข้างเเพร่หลายชายหญิงเท่าเทียมกัน สตรีร่ำเรียนหรือสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ เเม้จะเป็นชายตัดเเขนเสื้อหรือตุ้ยฉีก็เป็นที่ยอมรับเจ้าค่ะ"
"จริงรึ"เชียนเหม่ยฮวาป้องปากอย่างตกใจ
"เเม้จะเสพสังวาสก่อนเเต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกเจ้าค่ะ "รื่อหงป้องปากกระซิบ
ทั้งสามคนตกใจจนจอกชาหลดมือ
"เเล้วจักไม่ตั้งครรภ์รึ"
"อนาคตมีการป้องกันที่เเพร่หลายเเละได้ผลเต็มสิบส่วนเจ้าค่ะ สามพันปีอะไรๆย่อมเปลี่ยนเเปลงได้เจ้าค่ะ คิคิ"
"เเล้วเจ้าเช่า เสพสังวาสก่อนเเต่งงานหรือไม่"เมื่อถูกถามกลับรื่อหงพลันหน้าเเดงก่ำด้วยความเขิน ทุกคนหัวเราะทันทีท่าทีเช่นนี้เเม้เเต่สามีคงไม่มี
"เจ้าอายุมากขนาดนี้ หากเป็นข้าคงมีลูกเป็นโหลเเล้วกระมัง สามีเจ้าก็ไม่เคยมีเลยรึ"
"ไม่มี"รื่อหงกระเเอ่มตอบ เหม่ยฮวาหัวเราะในลำคอ
"ข้ากับเจ้าในที่ลับเรานับถือกันเป็นน้องสาวดีกว่า ให้เรียกเเม่ลูกคงกระดากปากนัก "
"เจ้าค่ะ"
"เเล้วห่าวหราน ลูกต้องเรียกรื่อหงว่าพี่สาวนะ นางอายุเยอะกว่าเจ้าเสียอีก"
"ไม่ขอรับ! หากนับไปอีกข้าอายุมากกว่านางเป็นสามพันปี"ห่างหรานค้านเสียงเเข็ง เพียงเเค่คิดขนกายของเขาก็ลุกชันเสียเเล้ว ทั้งสามคนต่างหัวเราะกับท่าทางของห่าวหราน ไม่นานเสียงพ่อบ้านคนสนิทเอ่ยหน้าประตู
“นายท่านป้ายวิญญาณของคุณหนูเสร็จเเล้วขอรับ ยามนี้อยู่ในห้องบรรพชน"
พ่อบ้านหวังเอ่ยอีกฟากของประตู ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งเเต่เเววตาปรากฏความเศร้าสร้อย หวังลี่นั้นเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเชียนซีห่าวตั้งเเต่ยังเเบบเบาะ เรื่องเเปลกประหลาดกับการสูญเสียคุณหนูของตนนั้นทำให้ในใจชายชราเศร้ายิ่งนัก เเต่นายท่านผู้เป็นบิดายังยอมรับได้เหตุใดตนจะยอมรับไม่ได้บ้างเล่า
“ไปกันเถอะ”
เหม่ยฮวาลุกออกไปก่อน นางเดินไปยังสุสานบรรพชนประจำตระกูล ป้ายวิญาณมากมายเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ป้ายของเชียนรื่อหงเด่นหราเพราะเป็นป้ายใหม่ กลิ่นหมึกเเละกลิ่นไม้หอมยังคงฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เหม่ยฮวาลูบป้านวิญญาณอย่างเเผ่นเบา น้ำตาเรื้อนความเสียใจจุกอยู่ที่อก
“ลูกเเม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเเม่นะลูก โชคดีที่รื่อหงเป็นคนตรงไปตรงมา ”กลิ่นธูปล่องลอยไปทั่วห้อง ไอสีขาวจากก้านธูปมากมายร่องลอยเเละสลายไปในอากาศ
เชียนห่าวหรานได้เพียงกอดป้ายวิญญาณของน้องสาวไว้ ซีห่าวโอบกอดภรรยาด้วยความรักสุดหัวใจ กุมมือบางที่สั่นไหวเบาๆ
“เจ้าไม่ต้องห่วงทางนี้นะ หงเอ๋อร์พี่อยู่ต่อไปได้เเม้จะเศร้าใจเเต่จะไม่นาน”
ราวกับหญิงสาวรับรู้ ลมเย็นประทะใบหน้าของคนทั้งสี่ทั้งๆที่ห้องปิดสนิท ทั้งสี้มองตากันก่อนจะเดินออกไป
......
ชายตัดเเขนเสื้อ : ชายรักชาย
ตุ้ยฉี : หญิงรักหญิง
1 ชั่วยาม : 2 ชั่วโมง
ชาวอิงกั๋ว : ชาวอังกฤษ
ความคิดเห็น