ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ท่านดยุคผู้เข้าใจสถานการณ์ 1
อย่างที่ทราบว่างานเลี้ยงหลวงในค่ำคืนนี้ที่ซึ่งเต็มไปด้วยหนุ่มสาวชั้นสูง ได้มีประกาศฉุกเฉินว่าด้วยเรื่องการประกาศถอนหมั้นของเรเชลด้วยตัวเจ้าชายเอง
เป็นสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะเข้าใจและที่คฤหาสน์ของดยุคเองก็ตกอยู่ในสภาวะโกลาหล ทุกคนล้วนต้องการคำตอบ ตัวดยุคเองจำต้องวิ่งวุ่นรวบรวมข่าวสารด้วยอำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์นี้
จนกระทั่งข้ารับใช้เร่งรีบเข้าพบและมอบสารที่ระบุถึงข่าวร้ายอีกฉบับมาให้
“จริงเท็จเพียงใดที่ว่าบุตรสาวข้าโดนเจ้าชายถอนหมั้นในงานเลี้ยง?”
“เฮ้อ…สายข่าวทุกที่ล้วนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันขอรับ ณ ตอนนั้นท่านหญิงถูกคุมตัวแล้วพาออกไปกลางงานขอรับ”
ผู้เป็นดยุคถึงกับกุมขมับ
“เจ้าโง่นั่น…! ข้าสงสัยยิ่งว่าพระองค์ตั้งใจจะให้เอิกเกริกแบบนี้เลยเหรอ…นี่มันแย่เกินไปแล้ว ทำไมไอ้เจ้านี่มันไม่เคยทำตัวฉลาดกัน ช่างกระทำตามใจสิ้นดี…”
ท่านดยุคพิจารณาแล้วว่าเจ้าชายตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงตกต่ำแล้ว
ทั้งประกาศยกเลิกการหมั้นหมายผิดประเพณีอันสูงส่ง ทั้งกระทำตัวเสียมารยาทท่านกลางฝูงชน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือว่าเล่น ล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น
แน่นอนว่าตัวเขาเองย่อมโกรธที่บุตรีของเขาถูกจัดฉากถอนหมั้นอย่างหน้าไม่อาย…แต่ถ้าให้กล่าวคือ มันมีสิ่งที่แย่กว่ากำลังทำลายความสุขุมของเขาอยู่
ท่านดยุคกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงไปบนโต๊ะ
“ไอ้เจ้าเด็กไร้สมองนั่น…มันกำลังปลุกปีศาจร้ายขึ้นมา!”
บุตรีคนโตของท่านดยุคนั้นเป็นสตรีเห็นเค้าความงามมาตั้งแต่เด็ก กิริยาอ่อนน้อมแลเปราะบาง ภายนอกจึงดูสุภาพและขี้อาย ตอนนั้นดยุคและภรรยาของเขายังไม่รู้เรื่องอะไรจึงมักจะชื่มชมนางเวลาอยู่ด้วยกันเสมอ ทุกๆคนเองก็ล้วนเข้าใจว่านางเป็นสตรีที่แสนจะวิเศษทั้งภายนอกและภายใน
แต่พวกเขาคิดผิด
ทันทีที่นางเริ่มเติบโตอุปนิสัยของนางก็เปลี่ยนแปลงตามไปชวนพวกเขายิ้มไม่ออก
ไม่ว่าอย่างไร การกระทำของนางนั้นไม่สามารถเอามาเทียบกับเด็กวัยเดียวกันได้เลย มันแย่กว่ามาก
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางโดนกลุ่มเด็กด้วยกันกลั่นแกล้ง นางถึงกับถกกระโปรงปีนต้นไม้ขึ้นไปแล้วปารังผึ้งเข้ากลางวงเด็กพวกนั้นด้วยซ้ำ
พอมีเด็กที่อายุมากกว่าออกตัวปกป้องน้องๆ นางก็จัดการล้มเขาด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่ แล้วจัดการโยนเจ้าเด็กหัวโจกลงบ่อน้ำไป
ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบเข้ามายังที่เกิดเหตุทันที และพบว่าบุตรีตัวน้อยของเขานั้นกำลังปาหินใส่เด็กชายทุกๆครั้งที่เขาดีดตัวขึ้นมาจากน้ำเพื่อหายใจ
ผู้เป็นบิดาตกใจและพยายามหยุดเหตุการณ์นี้ แต่ผู้เป็นบุตรีกลับค่อยๆหันมองเขาและเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเราโยนก้อนหินพอดีกับตัวเจ้านั่นตอนที่ผุดขึ้นมาสูดอากาศ มันจะช่วยขัดขวางไม่ให้เขาลอยขึ้นมาได้นะคะ”
ณ วินาทีนั้น ท่านดยุคก็รับรู้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า บุตรีของเขาต้องเป็นพวกโรคจิตแน่ๆ
เขาจึงหันไปอธิบายถึงการจะทำให้คนๆหนึ่งจมลงก้มบ่อด้วยการโยนหินใส่นั้นยากมาก จากนั้นก็ใช้เวลาไปกับการอธิบายถึงมวลของน้ำและรูปแบบของหินที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าโยนแล้วจะไปจบที่ไหน ตัวเขาพยายามสอนแล้วอธิบายเท่าที่จะทำได้ทั้งๆที่ในหัวของเขากำลังกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
“สมแล้วที่เป็นท่านพ่อ!”
นางชื่นชมบิดาด้วยสายตาเปล่งประกาย และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาไม่ได้ยินดีกับคำชมของบุตรสาวเลย
แต่อย่างน้อยก็คุ้มค่าที่ทำให้ครอบครัวได้สังเกตเห็นถึงอุปนิสัยที่บิดเบี้ยวนี้ของเรเชล และพร้อมสั่งสอนมารยาททางสังคมให้เหมาะสมกับดวงหน้างามทันทีที่นางเริ่มเติบโต
เมื่อเปรียบเทียบกับมารยาทและกติกาของเกมแล้ว พวกเขาก็สามารถทำให้นางเติบโตตามที่หวังไว้ด้วยการตั้งแง่ว่าเรากำลังเล่น “กฎแห่งการใช้ชีวิต” เพื่อให้เท่าเทียมกับทุกคนที่กำลังเล่นอยู่ด้วย (ประมาณว่าต้องหลอกน้องว่ามันคือเกมแล้วน้องต้องทำตามกฎนะถึงจะแฟร์กับทุกๆฝ่ายน้องถึงได้ยอม)
แต่ผู้เป็นบิดามารดาไม่เคยลดความระแวงนี้ลง
เพราะหากนางลืมว่านางต้องเล่นตามกฎที่ตั้งไว้ เช่นนั้นพวกเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่านางจะทำอะไรลงไปบ้าง
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจเลี้ยงดูเรเชลและน้องชายว่าด้วยเรื่องความสำคัญของการศึกษาและจริยธรรมต่อชนชั้นสูง…แล้วมาตอนนี้ การถอนหมั้นที่เกิดขึ้นมันแหกกฎที่มีไปหลายข้อแล้ว
และท่านดยุคนั้นก็รู้ดีกว่าใครว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในโถงงานเลี้ยงนั่น
เจ้าชายเอลเลียตผู้โง่เขลานั่น ล้มกระดานเขาทิ้งไม่ไยดีเลย
เพียงชั่วอึดใจพ่อบ้านประจำตระกูลก็รีบเดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน
“มีข้อมูลใหม่ขอรับ!”
“มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?!”
ความกระวนกระวายนั้นพุ่งเข้ามาถึงขีดสุด และตัวพ่อบ้านเองก็มีสีหน้ามืดครึ้มเมื่อนึกว่าต้องรายงานเรื่องด่วนนี้
“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้าง…ตัวฝ่าบาทนั้นหาได้สนทนาอันใดกันท่านหญิงไม่ขอรับ แต่เมื่อท่านหญิงปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา คล้ายว่าตอนนี้จะถูกลากลงไปขังคุกได้ดินแล้วขอรับ”
“……….”
ท่านดยุคชะงัก…คล้ายเรี่ยวแรงที่มีจะหดหายทรุดลงนั่งกับโซฟา พ่อบ้านจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ
เขาพูดอะไรไม่ออกกว่าจะมีเสียงเล็ดรอดออกมาก็พักใหญ่
“หมายความว่า…ฝ่าบาทยังปลอดภัย”
“ขอรับ” พ่อบ้านพยักหน้ารับคำ
พ่อบ้านคนนี้เองก็รู้ถึงอุปนิสัยของเรเชลมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน
แม้จะเป็นความตั้งใจของเรเชล(ที่ยอมโดนขัง)ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลของท่านดยุคได้
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อยให้นางทำตามใจเพื่อไม่ให้มันเลยเถิดไปมากว่านี้…
สีหน้าระทึกขวัญค่อนๆจางหายไปจากใบหน้า เขาเดินกลับไปที่โต๊ะและเริ่มเติมใบยาสูบเข้าลำกล้อง
เขาต้องการจะสูบมันมากๆ มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำตอนนี้ เขาทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ
[TBC JAA]
————————
สงสารท่านดยุคแปลกๆ…
ช่วงนี้อาจจะลงไวอยู่บ้าง
ส่วนเรื่องภาษา ยังไม่ได้เกลาค่ะ
อาจมีงงมีอะไรบ้าง
จะแก้ให้ในภายหลังค่ะ
รัก
หญิงตรี
เป็นสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะเข้าใจและที่คฤหาสน์ของดยุคเองก็ตกอยู่ในสภาวะโกลาหล ทุกคนล้วนต้องการคำตอบ ตัวดยุคเองจำต้องวิ่งวุ่นรวบรวมข่าวสารด้วยอำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์นี้
จนกระทั่งข้ารับใช้เร่งรีบเข้าพบและมอบสารที่ระบุถึงข่าวร้ายอีกฉบับมาให้
“จริงเท็จเพียงใดที่ว่าบุตรสาวข้าโดนเจ้าชายถอนหมั้นในงานเลี้ยง?”
“เฮ้อ…สายข่าวทุกที่ล้วนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันขอรับ ณ ตอนนั้นท่านหญิงถูกคุมตัวแล้วพาออกไปกลางงานขอรับ”
ผู้เป็นดยุคถึงกับกุมขมับ
“เจ้าโง่นั่น…! ข้าสงสัยยิ่งว่าพระองค์ตั้งใจจะให้เอิกเกริกแบบนี้เลยเหรอ…นี่มันแย่เกินไปแล้ว ทำไมไอ้เจ้านี่มันไม่เคยทำตัวฉลาดกัน ช่างกระทำตามใจสิ้นดี…”
ท่านดยุคพิจารณาแล้วว่าเจ้าชายตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงตกต่ำแล้ว
ทั้งประกาศยกเลิกการหมั้นหมายผิดประเพณีอันสูงส่ง ทั้งกระทำตัวเสียมารยาทท่านกลางฝูงชน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือว่าเล่น ล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น
แน่นอนว่าตัวเขาเองย่อมโกรธที่บุตรีของเขาถูกจัดฉากถอนหมั้นอย่างหน้าไม่อาย…แต่ถ้าให้กล่าวคือ มันมีสิ่งที่แย่กว่ากำลังทำลายความสุขุมของเขาอยู่
ท่านดยุคกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงไปบนโต๊ะ
“ไอ้เจ้าเด็กไร้สมองนั่น…มันกำลังปลุกปีศาจร้ายขึ้นมา!”
บุตรีคนโตของท่านดยุคนั้นเป็นสตรีเห็นเค้าความงามมาตั้งแต่เด็ก กิริยาอ่อนน้อมแลเปราะบาง ภายนอกจึงดูสุภาพและขี้อาย ตอนนั้นดยุคและภรรยาของเขายังไม่รู้เรื่องอะไรจึงมักจะชื่มชมนางเวลาอยู่ด้วยกันเสมอ ทุกๆคนเองก็ล้วนเข้าใจว่านางเป็นสตรีที่แสนจะวิเศษทั้งภายนอกและภายใน
แต่พวกเขาคิดผิด
ทันทีที่นางเริ่มเติบโตอุปนิสัยของนางก็เปลี่ยนแปลงตามไปชวนพวกเขายิ้มไม่ออก
ไม่ว่าอย่างไร การกระทำของนางนั้นไม่สามารถเอามาเทียบกับเด็กวัยเดียวกันได้เลย มันแย่กว่ามาก
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางโดนกลุ่มเด็กด้วยกันกลั่นแกล้ง นางถึงกับถกกระโปรงปีนต้นไม้ขึ้นไปแล้วปารังผึ้งเข้ากลางวงเด็กพวกนั้นด้วยซ้ำ
พอมีเด็กที่อายุมากกว่าออกตัวปกป้องน้องๆ นางก็จัดการล้มเขาด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่ แล้วจัดการโยนเจ้าเด็กหัวโจกลงบ่อน้ำไป
ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบเข้ามายังที่เกิดเหตุทันที และพบว่าบุตรีตัวน้อยของเขานั้นกำลังปาหินใส่เด็กชายทุกๆครั้งที่เขาดีดตัวขึ้นมาจากน้ำเพื่อหายใจ
ผู้เป็นบิดาตกใจและพยายามหยุดเหตุการณ์นี้ แต่ผู้เป็นบุตรีกลับค่อยๆหันมองเขาและเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเราโยนก้อนหินพอดีกับตัวเจ้านั่นตอนที่ผุดขึ้นมาสูดอากาศ มันจะช่วยขัดขวางไม่ให้เขาลอยขึ้นมาได้นะคะ”
ณ วินาทีนั้น ท่านดยุคก็รับรู้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า บุตรีของเขาต้องเป็นพวกโรคจิตแน่ๆ
เขาจึงหันไปอธิบายถึงการจะทำให้คนๆหนึ่งจมลงก้มบ่อด้วยการโยนหินใส่นั้นยากมาก จากนั้นก็ใช้เวลาไปกับการอธิบายถึงมวลของน้ำและรูปแบบของหินที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าโยนแล้วจะไปจบที่ไหน ตัวเขาพยายามสอนแล้วอธิบายเท่าที่จะทำได้ทั้งๆที่ในหัวของเขากำลังกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
“สมแล้วที่เป็นท่านพ่อ!”
นางชื่นชมบิดาด้วยสายตาเปล่งประกาย และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาไม่ได้ยินดีกับคำชมของบุตรสาวเลย
แต่อย่างน้อยก็คุ้มค่าที่ทำให้ครอบครัวได้สังเกตเห็นถึงอุปนิสัยที่บิดเบี้ยวนี้ของเรเชล และพร้อมสั่งสอนมารยาททางสังคมให้เหมาะสมกับดวงหน้างามทันทีที่นางเริ่มเติบโต
เมื่อเปรียบเทียบกับมารยาทและกติกาของเกมแล้ว พวกเขาก็สามารถทำให้นางเติบโตตามที่หวังไว้ด้วยการตั้งแง่ว่าเรากำลังเล่น “กฎแห่งการใช้ชีวิต” เพื่อให้เท่าเทียมกับทุกคนที่กำลังเล่นอยู่ด้วย (ประมาณว่าต้องหลอกน้องว่ามันคือเกมแล้วน้องต้องทำตามกฎนะถึงจะแฟร์กับทุกๆฝ่ายน้องถึงได้ยอม)
แต่ผู้เป็นบิดามารดาไม่เคยลดความระแวงนี้ลง
เพราะหากนางลืมว่านางต้องเล่นตามกฎที่ตั้งไว้ เช่นนั้นพวกเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่านางจะทำอะไรลงไปบ้าง
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจเลี้ยงดูเรเชลและน้องชายว่าด้วยเรื่องความสำคัญของการศึกษาและจริยธรรมต่อชนชั้นสูง…แล้วมาตอนนี้ การถอนหมั้นที่เกิดขึ้นมันแหกกฎที่มีไปหลายข้อแล้ว
และท่านดยุคนั้นก็รู้ดีกว่าใครว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในโถงงานเลี้ยงนั่น
เจ้าชายเอลเลียตผู้โง่เขลานั่น ล้มกระดานเขาทิ้งไม่ไยดีเลย
เพียงชั่วอึดใจพ่อบ้านประจำตระกูลก็รีบเดินเข้ามาในห้องเพื่อรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน
“มีข้อมูลใหม่ขอรับ!”
“มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?!”
ความกระวนกระวายนั้นพุ่งเข้ามาถึงขีดสุด และตัวพ่อบ้านเองก็มีสีหน้ามืดครึ้มเมื่อนึกว่าต้องรายงานเรื่องด่วนนี้
“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้าง…ตัวฝ่าบาทนั้นหาได้สนทนาอันใดกันท่านหญิงไม่ขอรับ แต่เมื่อท่านหญิงปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา คล้ายว่าตอนนี้จะถูกลากลงไปขังคุกได้ดินแล้วขอรับ”
“……….”
ท่านดยุคชะงัก…คล้ายเรี่ยวแรงที่มีจะหดหายทรุดลงนั่งกับโซฟา พ่อบ้านจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ
เขาพูดอะไรไม่ออกกว่าจะมีเสียงเล็ดรอดออกมาก็พักใหญ่
“หมายความว่า…ฝ่าบาทยังปลอดภัย”
“ขอรับ” พ่อบ้านพยักหน้ารับคำ
พ่อบ้านคนนี้เองก็รู้ถึงอุปนิสัยของเรเชลมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน
แม้จะเป็นความตั้งใจของเรเชล(ที่ยอมโดนขัง)ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลของท่านดยุคได้
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อยให้นางทำตามใจเพื่อไม่ให้มันเลยเถิดไปมากว่านี้…
สีหน้าระทึกขวัญค่อนๆจางหายไปจากใบหน้า เขาเดินกลับไปที่โต๊ะและเริ่มเติมใบยาสูบเข้าลำกล้อง
เขาต้องการจะสูบมันมากๆ มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำตอนนี้ เขาทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ
[TBC JAA]
————————
สงสารท่านดยุคแปลกๆ…
ช่วงนี้อาจจะลงไวอยู่บ้าง
ส่วนเรื่องภาษา ยังไม่ได้เกลาค่ะ
อาจมีงงมีอะไรบ้าง
จะแก้ให้ในภายหลังค่ะ
รัก
หญิงตรี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น