ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 2 : Nine Lives
2 : Nine Lives
หลังจากจดจ่ออยู่กับการสอบมาทั้งสัปดาห์ ในที่สุดก็ถึงวันศุกร์ เด็กสาวก้าวออกจากโรงเรียนด้วยท่าทางที่ร่าเริงเป็นพิเศษ และเมื่อถึงบ้านเธอก็ตรงเข้าห้องแต่งตัวกับสาวใช้เพื่อเลือกเสื้อผ้าอย่างจริงจังที่สุดครั้งหนึ่งที่เธอทำมา เสื้อผ้ามากมายถูกวางเรียงรายลงบนโต๊ะหลังจากผ่านด่านแรกในการคัดออกจากตู้เสื้อผ้ามาแล้ว
ห้องแต่งตัวของพลอยนั้นเป็นห้องที่มีตู้เสื้อผ้าฝังผนังทั้งสองฝั่งของห้องและมีโซฟากับโต๊ะอยู่ตรงกลาง เพราะพลอยนั้นมีเสื้อผ้าเยอะเหลือเกิน รวมทั้งรองเท้าและกระเป๋าที่เอาไว้สวมเข้าชุดกันด้วย ที่พลอยต้องมาเลือกเสื้อผ้าตั้งแต่ตอนเย็นของวันนี้เป็นเพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องใช้เวลาในการทำอย่างอื่นอีกมากก่อนจะออกจากบ้านได้ และเธอก็ใช้เวลาเลือกชุดนานมากตามความสำคัญของคนที่จะไปเจอ ซึ่งสำหรับระดับความสำคัญของชินในใจของพลอยนั้นอาจจะทำให้เวลาในการเลือกทะลุสามชั่วโมงไปแล้ว
“คุณหนูคะ ว่าแต่พรุ่งนี้คุณหนูจะไปไหนกันแน่เหรอคะ” สาวใช้คนสนิทถามเมื่อเห็นเด็กสาวถือชุดที่ดูออกจะแฟชั่นไปเสียหน่อย
“ช่วงบ่ายไปร้านหนังสือน่ะค่ะพี่ริน กระโปรงตัวนี้เป็นยังไงบ้างคะ” พลอยถามพลางยกกระโปรงลายสก็อตสีแดงเข้มขึ้นมา
“สั้นไปหน่อยมั้งคะ ถ้าจะให้เข้าธีมน่าจะต้องเรียบร้อยๆหน่อยนะคะ”
สาวใช้พูดก่อนจะรีบจัดการหาชุดที่น่าจะเหมาะสมแล้ววางเรียงให้เด็กสาวค่อยๆเลือกอย่างไม่เหนื่อยหน่าย โดยมีพี่ชายอย่างพลสังเกตการณ์ด้วยความสงสัยอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัวที่แอบแง้มไว้เล็กน้อย
“มีเดทเหรอ” พี่ชายรำพึงกับตัวเองด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง
แต่เด็กสาวนั้นง่วนอยู่กับการเลือกเสื้อผ้าจนไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของพี่นัก หลังจากเตรียมทุกอย่างดิบดีแล้วพลอยก็รีบเข้าห้องนอนและพยายามนอนให้เร็วกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ตื่นได้แบบเต็มที่ในวันรุ่งขึ้น
เวลาประมาณบ่ายสามของวันต่อมาหลังจัดการกับโครงงานและการบ้านมากมายของเธอเรียบร้อยแล้ว พลอยก็รีบไปแต่งตัวในทันที เธอสวมเสื้อยืดสีเหลืองมีลายขวางสีขาวคู่กับกางเกงเอี๊ยมยีนส์ขาสั้น ตามคำแนะนำของสาวใช้คนสนิทของเธอทำให้วันนี้ลุคก่อนออกไปข้างนอกของพลอยออกมาค่อนข้างดูสดใสและสบายๆไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย เธอมัดผมเป็นจุกซาลาเปากลมๆไว้ด้านบนพร้อมกับผูกริบบิ้นสีชมพูลายจุดสีขาว ก่อนจะแต่งหน้าบางๆไม่ให้ดูเกินอายุจนเกินไป
“พลอย เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกพอดี ให้พี่ไปส่งไหม” พลที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกถามน้องสาวที่กำลังจะออกจากบ้าน
“ไม่ล่ะค่ะ มีคนมารับหนูแล้ว” พลอยไม่ได้หันมองพี่ชายและรีบเดินออกไปทันที
พลได้ยินดังนั้นก็รีบเดินตามไปที่ประตูและได้เจอเข้ากับรถเก๋งสีแดงที่คุ้นตา มันเป็นรถของเจินเจินนั่นเอง พลที่เห็นน้องสาวไปกับคนที่เขารู้จักอยู่แล้วและมีความไว้ใจต่อกันพอสมควรก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านและไม่ได้คิดจะออกไปไหนตามที่เขาอ้างในตอนแรก
พลอยคุยเม้าท์มอยกับเจินเจินตลอดทางจนมาถึงร้านหนังสือตามที่ชินส่งที่อยู่ให้ในแผนที่ การหาร้านของชินนั้นไม่ยากตรงตามที่ชายหนุ่มเคยกล่าวไว้ผ่านการสนทนาทางโทรศัพท์ หลังถึงซอยที่บอกแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยเพียงนิดเดียวก็สามารถเจอมันได้อย่างง่ายดาย อาคารสี่ชั้นมีหลังคาทรงจั่วสีแดงนั้นโดดเด่นขึ้นมาจากอาคารรอบข้างได้ด้วยต้นไม้และดอกไม้ประดับตามขอบล่างของหน้าต่างในทุกๆชั้น และป้ายโลหะที่ยื่นออกมาเขียนว่า Red riding book Café
เจินเจินไปจอดรถในที่จอดรถข้างร้านก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อเข้าไปในร้านกับพลอย แม้ทั้งสองจะตกลงกันไว้แล้วว่าเจินเจินนั้นอาจจะต้องไปทำธุระต่อหลังจากส่งเธอเสร็จ
เมื่อเปิดประตูไม้เข้าไปแล้วก็ได้เจอกับด้านในร้านที่ถูกแบ่งฝั่งอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นโซนหนังสือและนิตยสารคล้ายๆร้านหนังสือทั่วๆไป กับร้านกาแฟและโต๊ะสำหรับลูกค้า ฝั่งละครึ่ง เคาน์เตอร์นั้นอยู่ฝั่งร้านกาแฟ เป็นทางซ้ายของร้านไม่ห่างจากประตูมากนัก แม้จะดูเหมือนเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟทั่วไป แต่มีป้ายบอกว่าเป็นจุดชำระเงินค่าหนังสือด้วยเช่นกัน ถัดจากเคาน์เตอร์มีตู้ใส่เค้กและเครื่องดื่มขวดหรือกระป๋อง มีทั้งโต๊ะเก้าอี้เข้าชุดกันสำหรับนั่งสองถึงสามคนหลายชุด โซฟาสำหรับนั่งหลายคนหนึ่งจุด ทุกอย่างถูกวางอย่างลงตัวในพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางมากมายนักและคุมโทนสีทั้งหมดด้วยสีที่สบายตาไม่สดใสหรืออึมครึมจนเกินไป
“ยินดีต้อนรับ!...เอ่อ...ยินดีต้อนรับครับ” พนักงานหนุ่มผมสีแดงสะดุดตาในชุดเสื้อยืดสีขาวและผ้ากันเปื้อนสีกรมท่ากล่าวเสียงดังด้วยอาการแปลกๆเล็กน้อยเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในร้าน
ถึงจะมีท่าทีที่ดูเหมือนประหม่าอะไรสักอย่างแต่เขาก็ยิ้มให้เด็กสาวอย่างเป็นมิตรทำให้พลอยไม่รอช้าที่จะเดินไปหาเขาที่เคาน์เตอร์
“ขอโทษนะคะ มาหาพี่ชินน่ะค่ะ” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงสดใส
“อ๋อ ใช่น้องพลอยหรือเปล่าเนี่ย” พนักงานหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มและได้คำตอบเป็นการพยักหน้าของอีกฝ่าย “งั้นนั่งรอก่อนนะ พี่ชินออกไปซื้อของ บอกไว้แล้วล่ะว่าถ้าน้องมาหาให้รอแป๊บหนึ่ง จะสั่งอะไรก่อนก็ได้นะ”
“งั้น...” พลอยมองเมนูเรียบง่ายในร้านก่อนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอาคาราเมาลนมสด ขอแบบร้อนนะคะ”
“รับทราบครับผม” พนักงานตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองเจินเจินที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แล้วคุณคนสวยล่ะ มาด้วยกันหรือเปล่า”
รอยยิ้มเป็นมิตรที่ดูมีมาดเจ้าชู้ติดมาด้วยเล็กๆของชายหนุ่มร่างสูงทำให้เจินเจินประหม่าที่จะพูดเล็กน้อย เธอเงยหน้ามองเมนูแต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องใบหน้าของเธออยู่ด้วยดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์เล็กๆนั่น
“เอา...ชานมร้อนแล้วกันค่ะ”
“ครับผม นั่งรอก่อนนะ”
พนักงานขานรับก่อนจะหันไปทำเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว จนเจินเจินแอบคิดว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าเขากำลังมองอยู่ก่อนจะเดินไปนั่งกับพลอย
“พี่ชายคนนั้นดูเท่จังเลยนะคะ” พลอยพูดขึ้นเบาๆพยายามไม่ให้ชายหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปพอสมควรได้ยิน
“อื้อ แต่แต่งตัวจัดน่าดู” เจินเจินบอกพลางเหลือบมองรอยสักที่แขนและเครื่องประดับบนใบหูของชายหนุ่มผมสีแดง
“แหม หล่อเท่กับการแต่งตัวมันแยกกันนะค้า”
“เหรอคะคุณน้อง แต่ผู้ชายหน้าตาดีที่แต่งตัวไม่เป็นนี่เสียของมากเลยนะคะ”
“อืมมม ก็จริงนะคะ”
หลังจากเริ่มคุยกันต่อสักพักเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ คาราเมลนมสดกับชานมร้อนวางด้วยฟองนมอย่างสวยงามและถูกวางลงบนโต๊ะโดยแทบไม่มีเสียงกระแทกแม้จะเป็นโต๊ะกระจก ใบหน้าของพนักงานที่กำลังก้มลงวางแก้วนั้นเข้ามาใกล้กับเจินเจินจนเธอเผลอเกร็งตัว
“เชิญเลย” พนักงานพูดพร้อมกับเหน็บถาดใส่แก้วไว้ข้างตัวก่อนจะยิ้มให้กับเจินเจินอย่างจงใจ “ผมชื่อนิวนะ”
“หนูพลอยค่า อ๊ะ พี่รู้อยู่แล้วนี่นา” พลอยพูดขึ้นอย่างเผลอตัวตามความเคยชินเมื่อมีคนมาแนะนำตัว ทำให้ชายหนุ่มที่ตอนแรกสบตากับเจินเจินอยู่หันไปทางพลอยแทนก่อนที่เจินเจินจะรู้สึกเสียอีก
“เจินเจินค่ะ” เสียงแหบสูงตอบด้วยท่าทีประหม่า
“งั้นตามสบายนะสาวๆ มีอะไรเรียกเลย” นิวพูดก่อนจะหันหลังแต่ก็ถูกเสียงของเจินเจินรั้งไว้
“เดี๋ยวค่ะ” เธอเรียกอย่างเผลอตัวแต่เมื่อเขาหันมาเธอก็ดูประหม่าอีกครั้ง “อ่า...แล้วค่าเครื่องดื่ม?”
“พี่ชินบอกไว้แล้วว่าถ้าน้องพลอยมาไม่ต้องคิดเงินเพราะเป็นแขกพิเศษ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“หวา เกรงใจแย่เลยค่ะ” พลอยพูดขึ้นทำให้นิวหัวเราะๆ
“บางทีพี่ชินก็ใจดีจนลืมความเกรงใจของคนอื่นแบบนี้แหละ แต่ถ้าจะจ่ายด้วยไอดีไลน์ของคุณเจินเจินล่ะก็ผมไม่ขัดหรอกนะ” นิวยิ้มทีเล่นทีจริงพร้อมกับมองไปทางเจินเจินอีกครั้งจนเธอเผลอหลบตา “ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะ ตามสบายนะครับ ไม่รบกวนแล้ว”
นิวกลับไปยืนที่เคาน์เตอร์ดังเดิมทำให้เจินเจินถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ใบหน้าของเธอจะแสดงถึงความเขินอายอยู่ก็ตามก่อนที่เธอจะสูดหายใจเข้าแล้วหันไปซุบซิบกับพลอย
“หมอนั่นต้องเจ้าชู้แน่ๆ ระวังตัวไว้นะคะคุณน้อง”
“เจ้ติดเบ็ดแล้วเลยรู้สินะคะ” พลอยถามกลับทันควันทำให้เจินเจินตีที่หน้าตักของเด็กสาวเบาๆเป็นการปราม แต่มันกลับทำให้พลอยหัวเราะคิกคักที่การแซวของเธอสำเร็จ
หลังจากทั้งคู่นั่งคุยกันมองดูลูกค้าเข้าออกจากร้านหนังสือแห่งนี้อยู่สักพักจนเครื่องดื่มเกือบหมดแก้ว ชายหนุ่มที่พลอยรอคอยก็กลับมาพร้อมกับถุงผ้าที่ใส่ของไว้เต็มทั้งสองมือ เขาวางถุงหนึ่งลงที่เคาน์เตอร์ก่อนจะรีบเดินเอาถุงผ้าอีกใบหายลับไปทางหลังร้านโดยไม่ทันได้หันมองพลอยและเจินเจิน แต่เขาก็รีบกลับออกมาแล้วเจอพลอยที่นั่งอยู่พอดีชินจึงรีบเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ
“ขอโทษนะน้องพลอย พอดีของในร้านมันหมดน่ะ” ชินพูดทั้งที่น้ำเสียงยังเจืออาการหอบอยู่เล็กน้อย
“เป็นไรค่า วันนี้หนูว่างอยู่แล้ว” พลอยยิ้มตอบก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “นี่ เจ้เจินเจินค่ะ เป็นรุ่นพี่ของหนูเอง พอดีว่าอยากจะลองมาดูผู้ชา...เอ่อ ร้านของพี่ชินน่ะค่ะ”
พลอยแนะนำรุ่นพี่สาวสวยของตัวเองให้กับชิน ทำให้เจินเจินยกมือไหว้อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ชินรับไหว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูจะสดใสกว่าผู้ชายทั่วๆไปไปเสียหน่อย
“ร้านสวยมากเลยนะคะ แต่เดี๋ยวเจินต้องไปเรียนน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” เจินเจินรีบตัดบทอย่างเสียดายแล้วผละตัวออกมา แต่ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนพลอยต่อแต่เป้าหมายในการสแกนผู้ชายก็สำเร็จลุล่วงไปแล้ว
“แล้ววันนี้ น้องพลอยรีบกลับไหมครับ” ชินที่โบกมือลาเจินเจินแล้วหันกลับมาถามพลอย
“ไม่ค่ะ ปกติหนูอยู่ข้างนอกได้ยันค่ำๆเลย” พลอยตอบ “พอดีเที่ยวกับเพื่อนบ่อยน่ะค่ะ”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวไปดูหนังสือกันนะ” ชินพูดชวนก่อนจะหันไปทางเคาน์เตอร์ “ฝากร้านด้วยนะนิว”
“เออ” นิวตอบด้วยสีหน้านิ่งๆเบื่อๆ
“พูดกับตัวผู้ล่ะเสียงแข็ง” ชินแซวทิ้งท้าย
ชินเดินนำพลอยไปที่บันไดเพื่อขึ้นไปที่ชั้นสองพร้อมกับบอกว่าชั้นสองก็เป็นส่วนที่ให้ลูกค้าเข้ามาได้เป็นปกติเช่นกัน
ชั้นสองเป็นชั้นที่เปิดโล่งไม่มีการกั้นห้อง มีชั้นหนังสือทั้งสามฝั่งของผนังโดยเว้นเพียงแค่หน้าต่างเท่านั้น และตรงกลางห้องก็มีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือเช่นกัน โดยมีจุดดึงสายตาพิเศษเป็นตู้กระจกที่อยู่มุมซ้ายของห้องโดยด้านในเองก็มีหนังสือที่ดูจะพิเศษกว่าเล่มอื่น แต่พลอยก็ไม่มั่นใจนักว่ามันพิเศษอย่างไรถึงได้เข้าไปอยู่ในที่ๆดูแตกต่างจากเล่มอื่นๆ
ชินเดินตรงไปที่โต๊ะกลางห้องซึ่งเขาแยกหนังสือของเด็กสาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หนังสือขนาดพอดีมือมีสันสีขาวและหน้าปกสีออกไปทางส้มโอรสนั้นมีสิ่งที่คุ้นตา คือแมวสีดำที่นั่งมองตรงมายังผู้ที่มองปกหนังสือ แต่ก็เป็นคนละตัวอย่างชัดเจนกับเล่มที่พลอยมี มันเป็นแมวสีดำสนิททั้งตัวที่มีหูหยักแปลกตาเป็นเอกลักษณ์
“Nine livesเล่มแรก สภาพดีมากเลย” ชินลูบปกอย่างทะนุถนอม “พอค้นไปค้นมาก็เจอหน้าเล่มเลย มีที่หน้าปกต่างกัน ครั้งที่ตีพิมพ์ต่างกันด้วย”
ชินบอกพร้อมกับตบกองหนังสือห้าเล่มที่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะเบาๆ ทุกเล่มนั้นเป็นNine livesเหมือนกันหมดแต่ก็มีจุดที่ต่างกันบ้างซ้ำกันตามครั้งที่ตีพิมพ์ออกมา ทำให้ดวงตาของพลอยเป็นประกายเมื่อหยิบมันขึ้นมา
“จะอ่านที่นี่เลยไหม”
“ได้เหรอคะ”
“แน่นอนครับ แต่ว่าไม่ใช่ตรงนี้เลยหรอกนะ”
“งั้นลงข้างล่างกันเถอะค่ะ หนูอยากอ่านแล้วล่ะ” พลอยทำท่าทางกระตือรือร้น แต่ก็ถูกชินปรามไว้ก่อน
“ขึ้นข้างบนดีกว่าครับ ถอดรองเท้าด้วยนะ”
ชินยิ้มพร้อมกับยกหนังสือNine livesทั้งหมดขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินนำไปที่บันได และแม้จะยังงงๆอยู่บ้างแต่พลอยก็เดินตามอย่างง่ายดาย และไม่ลืมที่จะถอดรองเท้าตรงชั้นวางรองเท้าใกล้กับบันไดที่จะขึ้นชั้นสาม
ชั้นสามนั้นเริ่มคล้ายส่วนที่อยู่อาศัยโดยดูคร่าวๆก็จะถูกแบ่งเป็นสามประตู แต่ประตูที่กั้นระหว่างจุดที่พวกเขายืนอยู่และส่วนหน้าของชั้นนั้นดูจะกินพื้นที่มากกว่าเพื่อน ชินไม่ได้บอกว่าแต่ละห้องคืออะไร แต่เขากลับเดินเข้าไปที่ห้องซึ่งเป็นส่วนหน้าของชั้นในทันที
เมื่อตามเข้าไปด้านในสิ่งที่พลอยเห็นคือห้องขนาดกว้างกินพื้นที่ราวๆครึ่งชั้นของชั้นสามมีหน้าต่างสองบานที่หันไปทางด้านหน้าของอาคาร และผนังฝั่งซ้ายและขวาอีกอย่างละสองบาน รอบๆนั้นมีชั้นหนังสือที่ไม่สูงมากวางชิดผนังทุกด้านของห้องละไว้แค่ประตู และมีชั้นเปล่าๆที่เหมือนเอาไว้วางของ และเพราะชั้นหนังสือในห้องนี้นั้นค่อนข้างเตี้ยโดยมีความสูงแค่ราวๆอกของเด็กสาวทำให้มันมีของเล็กๆน้อยๆวางอยู่เต็มไปหมดและมีแก้วหลายใบที่การรูปแบบไม่ซ้ำกันเลยซักใบวางคว่ำเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ แต่ที่ดึงสายตาที่สุดคือตรงกลางห้อง พื้นที่กลางห้องนั้นถูกปูด้วยเบาะต่ำๆแล้วคลุมด้วยผ้าที่ดูนุ่มๆอีกชั้น บนเบาะกว้างนั้นก็เต็มไปด้วยกองทัพตุ๊กตาน่ารักๆราวๆหกถึงเจ็ดตัว หมอนขนาดกลางหลายใบ และผ้าห่มที่ถูกพับอย่างดีอีกสี่ผืน
“หวา! น่ารักจังเลยค่ะ” เด็กสาวตาเป็นประกายในขณะที่ชินเอาหนังสือวางบนพื้นใกล้ๆเบาะ
“นั่งได้เลยนะ” ชินพูดพร้อมกับกดรีโมตเปิดเครื่องปรับอากาศ “ไม่สิ นอนได้เลยนะ”
ชินพูดด้วยท่าทางสบายๆก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเบาะ ในตอนแรกพลอยยังคงลังเลแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนกำลังผ่อนคลายมากๆเธอก็นั่งขัดสมาธิบนเบาะด้วยก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
กว่าจะรู้ตัวเด็กสาวก็ทิ้งตัวลงนอนคว่ำยกขาทั้งสองขึ้นขยับไปมาสลับกันพลางจดจ่ออยู่กับหนังสือซะแล้ว พลอยและชินกำลังอ่านหนังสือเล่มเดียวกันต่างกันแค่ครั้งที่ตีพิมพ์ ชินนอนหงาย หัวของเขาวางทับตุ๊กตาตัวกลมๆอย่างสบายใจ แล้วอยู่ๆเขาก็แหงนหน้ามองเด็กสาวที่ยังอ่านหนังสืออยู่
“ปกติพลอยไม่ได้อ่านหนังสือเป็นประจำใช่ไหม” ชินถามขึ้นทำลายความความเงียบงันอันยาวนาน
“ค่ะ พี่ชินรู้ได้ยังไงคะเนี่ย”
“สัญชาตญาณของหนอนหนังสือมั้งครับ ฮ่าๆๆ พี่น่ะอยู่กับมันมานานมาก เหมือนมีเรด้ารับรู้คนที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน” ชินพูดแล้วพลิกตัวนอนคว่ำ “พูดแบบนั้นก็ดูเว่อเนอะ”
“อือออ ไม่รู้สิคะ อาจจะรับรู้ได้จริงๆก็ได้” พลอยทำท่าครุ่นคิด “แต่ปกติหนังสือมันก็ดูน่าเบื่อจริงๆนะคะ แม่พลอยเคยบอกว่าอย่าไปอ่านของที่มันไม่ได้ใช้สอบ”
“ฮ่าๆๆๆ งั้นเหรอ” ชินหัวเราะ แต่ดูเหมือนสายตาของเขานั้นแฝงความเหนื่อยหน่าย
“ถ้ารู้ว่าสบายใจแบบนี้พลอยคงอ่านไปนานแล้ว” พลอยยิ้มแม้ดวงตาของเธอจะยังจดจ่ออยู่กับหน้ากระดาษ
“คนเราน่ะไม่ได้ไม่ชอบอ่านหนังสือนี่นะ” ชินพูดต่อ “เราคงไม่ชอบการที่คนอื่นมาคาดคั้นว่าเราต้องอ่านอะไรมากกว่า พอเป็นสิ่งที่ถูกบังคับมันก็มีอคติที่จะหยิบเล่มอื่นไปด้วย กลายเป็นความรู้สึกชวนอี๋ซะงั้น”
“งั้นสินะคะ” พลอยพูดพลางย้อนนึก
“ถ้าถูกใจล่ะก็จะซื้อไปสักเล่มก็ได้นะ” ชินยิ้มพลางใช้นิ้วเคาะกองNine lievs “ของมือสองพวกนี้ไม่แพงนักหรอก”
“แต่มันหายากนี่คะ พี่เก็บไว้เก็งราคาได้นะ”
“หัวการค้านะเรา”
“แหม ก็มันจริงนี่นา”
“บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องของท่านหรอก แต่หากท่านสามารถช่วยเหลือเขาได้ ย่อมน่านับถือน้ำใจกว่านิ่งดูดายมากมายนัก” ชินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะน่า ให้คนที่ชอบจริงๆไปมันดีกว่าให้คนที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว”
“ไดอะล็อกแรกลอกมาทั้งดุ้นเลยนะคะ”
พลอยหัวเราะแล้วเอาสันหนังสือเคาะที่ศีรษะชินเบาๆเชิงหยอกล้อหลังชายหนุ่มพูดคำพูดของแมวสีเทาตัวน้อยผู้เป็นอมตะในหนังสือที่เธอกำลังอ่านโดยไม่ผิดแม้สักพยางค์
NINE LIVE
ทรงศีล ทิวสมบุญ
WRITER TALK
หลังจากแก้ไป...หลายรอบมาก55555 แก้ไปแก้มา แก้แล้วแก้อีก ทิ้งช่วงไปนานเหมือนกันนะคะเนี่ย ครึ่งเดือนหรือยังนะ ทิ้งช่วงแต่ยังไม่ทิ้งเรื่องนะคะ อาจจะมาแบบผีเข้าผีออกหน่อย แต่เราจะไม่ยอมให้การป้ายยาจบลงง่ายๆแน่นอนค่ะ
จริงอีกสาเหตุที่ช้าคือ...เราซื้อหนังสือมาเพิ่มแล้วนิตยสารที่ตามก็เพิ่งออก เลยขี้เกียจเขียน
♥ กดให้กำลังใจกันหน่อยน้า ♥
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น