คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 คำกล่าวอำลาของฉัน...(โมบายล์) END
หนูไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้วที่พี่แจนยังไม่ได้กลับมาจากญี่ปุ่น...ความจริงก็คือหนูคิดถึงพี่แจนมาก
วิธีแก้ชั้นดีเพื่อไม่ให้คิดถึงไปมากกว่านี้ก็คือทำงานจนไม่มีเวลาให้คิดถึงเท่านั้นแหละ
แต่ไม่ว่ายังไงคนเราก็ต้องมีวันพักผ่อนอย่างเช่นวันนี้
มันเลยทำให้หนูเอาแต่นั่งคิดถึงพี่แจนทั้งวันจนค่ำ
“พี่เป้ เมื่อไหร่พี่แจนจะกลับอ่ะ?”
ฉันถามพี่ปูเป้ที่กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่
“ก็บอกไปทั้งวันแล้วไงว่าพี่แจนกลับมะรืนนี้! ไม่ได้ฟังรึไงเล่า!” ความเกรี้ยวกราดที่สะสมมาทั้งวันระเบิดออกซะแล้ว
“พี่เป้จะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวพี่น้ำหนึ่งที่อยู่ข้างห้องก็ด่าเอาหรอก
ชู่!” ฉันทำท่าจุ๊ปาก
“ฮึ่ม!...” พี่ปูเป้ไม่ได้พูดไรต่อแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และนวดหัวตัวเอง
ในระหว่างที่ฉันกำลังเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ก็มีข้อความของพี่แจนเด้งขึ้นมา
หนูโมบิล!
พี่แจน! เวลาพักเหรอคะ?
นี่ไม่ใช่แค่เวลาพักนะเพราะว่า...พี่ถ่ายรายการเสร็จแล้ว!
จริงดิ!!!? แล้วเป็นไงบ้างคะ? สนุกไหม?
เปลี่ยนจากคำว่าสนุกเป็นเสียน้ำตาไปกี่ครั้งจะดีกว่านะหนูโม
ฮะ ฮะ T-T
โห่ว...แสดงว่าหนักมากเลยสิคะแบบนี้...
สุดๆ เลยแหละ บางวันเหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ขึ้นเลยจริงๆ
โห่ว...มันเป็นไงอ่ะคะเล่าให้หนูฟังหน่อย
ไม่เอาๆ
เดี๋ยวพี่ไปเล่าต่อหน้าดีกว่า =3=
โห่ววว
แต่ก็ได้ค่ะเดี๋ยวหนูรอ *-* ว่าแต่พี่แจนกลับวันไหนเหรอคะ
มะรืนนี้ๆ
แล้วจะมารับพี่ไหมเนี่ย
มะรืนนี้หนูติดงานอ่ะพี่...เสียดายมาก
เห้ยไม่เป็นไร
อย่าคิดมากๆ พี่เข้าใจ พอพี่กลับมาแล้วไปช็อปกัน!
ได้ค่ะ! จะว่าไปหนูยังไม่เคยไปสำเพ็งกับพี่แจนเลยง่ะ
นี่ไงพอพี่กลับไปแล้วหาเวลาไปกัน
โอเคเลยค่ะ =w=
ตอนนี้พี่ง่วงแล้วอ่ะ
ฝันดีน้า~
ฝันดีค่ะ
พอได้คุยกับพี่แจนแล้วฉันก็เผลอยิ้มออกมา
รู้สึกสบายใจที่ในที่สุดก็ได้คุยแบบเต็มอิ่มถึงจะเป็นแชทก็เถอะ
“โห่ว
ยิ้มจนหน้าบานเลยน้า” พี่ปูเป้ที่ดูหนูอยู่ตลอดก็ทักขึ้น
“หนูก็ยิ้มเหมือนปกติไม่ใช่เรอะ
พี่อย่าคิดมากดิ” ฉันทำหน้าบึ้งใส่พี่ปูเป้
“อื้ม~ แล้วพี่แจนกลับวันไหนนะ?”
“มะรืนไง! แค่นี้จำไม่ได้เหรอ? ตายๆ
ความจงความจำไปหมดแล้วมั้งน่ะ”
ฉันเอื้อมเอามือไปจูนสมองพี่ปูเป้
“เล่นด้วยทีแล้วเล่นใหญ่เลยน้า!”
พี่ปูเป้ขยี้ผมหนูจนผมยุ่งไปหมด
“พี่เป้ทำไรเนี่ย! ผมหนูเสียทรงหมดแล้วนะ!” ฉันเอามือลูบผมให้เป็นทรงผมเดิม
“จะนอนล่ะยังมาห่วงเรื่องผมอีก
เรื่องมากไปอี้ก!” พี่ปูเป้ลุกขึ้นจากเตียงตัวเองไปปิดไฟห้อง
“ปิดไฟทำไมอ่ะพี่เป้”
“นอนไง!
ถามแปลกๆ” พี่ปูเป้หันหลังให้หนูทันทีที่พูดจบ
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปย่างรวดเร็ว
พี่แจนกับพี่ปัญกลับมาจากการไปถ่ายทำรายการเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่พี่แจนกลับมา หนูกับพี่แจนก็พยายามหาช่วงว่างๆ ไปเที่ยวกัน
แต่ก็ไม่มีช่วงว่างๆ ที่ว่าเลย...เพราะว่ามีน้อยมากที่พวกเราจะได้เจอกัน
ด้วยตารางงานที่แทบจะไม่เคยตรงกันเลยทำให้หนูกับพี่แจนไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง
จนกระทั้งวันวันหนึ่งที่เราได้เจอหน้าและคุยกันแบบเต็มอิ่มก็มาถึงแต่ว่า...มันก็มีเรื่องบางอย่างที่หนูไม่อยากให้มันมาถึงรวมอยู่ด้วย
“พี่แจน!”
หนูตะโกนเรียกพี่แจนที่กำลังมองหาหนูอยู่
พี่แจนยิ้มและโบกมือทักทายแล้วค่อยเดินมานั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกันกับหนู
ตอนนี้หนูกับพี่แจน อยู่ที่สวนสาธารณแห่งหนึ่ง
เป็นช่วงบ่ายๆ ที่พระอาทิตย์เกือบลับขอบฟ้าไปแล้ว
มีคนยังวิ่งและออกกำลังกายอยู่บ้างแต่ก็น้อยกว่าตอนเช้ามากๆ
“โทษทีที่พี่มาสายนะ คือว่ากว่าจะขอเคลียร์เวลามาได้มันยากเลย
แหะๆ” พี่แจนลูบผมตัวเองและพูดไปด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ
ช่วงนี้พี่งานเยอะหนูเข้าใจ...”
“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะเจ้าโมบิล”
ขณะที่พูดพี่แจนก็ลูบผมหนูไปด้วย
“ค่ะ...ว่าแต่ทำไมถึงต้องนัดหนูมานี่ล่ะคะ? มีเรื่องอะไรสำคัญเหรอคะ?” หนูหันไปจ้องพี่แจนด้วยความสงสัย
“คือว่า...เอ่อเรื่องนั้นก็...”
หนูเอื้อมมือไปจับมือพี่แจน “พี่เป็นไรเนี่ย
อย่าอ้ำอึ้งดิ พี่คุยกับหนูได้ทุกเรื่องนะ”
“พี่จะ...ประกาศจบการศึกษาเร็วๆ
นี้...” พี่แจนเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือและดึงหนูเข้าไปโอบกอดไว้แทน
ความรู้สึกหลายอย่างมันถาโถมใส่หนูอย่างรวดเร็วและทุกความรู้สึกที่เข้ามามันไม่มีความรู้สึกดีเลยสักอย่าง...หัวของหนูมันขาวโพลนยังกับว่ามันจะไม่มีวันคิดได้อีก
ตอนนี้หนูคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่กี่วิต่อมามันก็เหมือนกับว่ามันมีความรู้สึกมากมายเกินไปจนต้องถ่ายทอดผ่านสิ่งที่เรียกว่า
‘น้ำตา’
“ฮา...ท-ทำไม
ร-เหรอคะ?” ไม่อยากเชื่อเลยว่าหนูต้องใช้แรงมากมายขนาดนี้ถึงจะพูดออกมาเป็นประโยคได้
พี่แจนเล่าเหตุผลให้หนูฟังว่าทำไมเธอถึงต้องแกรด
มันเป็นเหตุผลที่หนูไม่สามารถเถียงอะไรได้ เลยทำได้แค่กุมมือพี่แจนแน่นขึ้นกว่าเดิมและพยายามคุมสติไม่ให้ร้องไห้หนักไปกว่านี้
“โมบายล์...พี่ขอโทษ”
“พี่ขอโทษอะไรอ่ะ? พ-พี่ไม่ต้องขอโทษอะไรเลยจริงๆ นะ
มันเป็นเรื่องของพี่เลยไม่ว่าพี่จะแกรดหรือทำอะไรมันก็เรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับหนูหรอก!”
“โมบายล์อย่าทำกับพี่แบ-”
หนูลุกขึ้นและรีบเดินออกมาก่อนที่พี่แจนจะพูดจบ
หนูไม่ยอมหันไปมองพี่แจนไม่ว่าเธอจะตะโกนเรียกหนูยังไงหนูก็จะไม่หันหลังไปเด็ดขาด
“โมบายล์!” พี่แจนคว้ามือหนูไว้ก่อนที่หนูจะได้เดินไปต่อ
“อะไรพี่?” หนูพยายามหลบตาไม่มองหน้าพี่แจน
“แกจะไม่ฟังพี่พูดให้จบจริงๆ
เหรอ?”
“หนูก็ฟังแล้วไง! พี่ก็มีเหตุผลที่หนูเถียงไม่ได้อยู่แล้ว แล้วพี่จะเอาอะไรอีกอ่ะ?”
“แต่พี่ยังพูดไม่จบเลยนะ! พี่ยังมีเรื่องที่อยากจะบอ-”
“ไม่ฟังแล้ว! จะแกรดก็แกรดไปดิ!”
มันเหมือนกับว่าทุกอย่างที่หนูสร้างมากับพี่แจนมันพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งมิตรภาพ ความสุขและความรักที่เรามีให้กัน
ทุกอย่างมันพังทลายลงเพราะปากที่พูดไม่คิดของหนู
น้ำตาของพี่แจนไหลไม่หยุดหลังจากที่ได้ยินประโยคที่หนูพูดออกไป
พี่แจนปล่อยมือของหนูและเดินผ่านหนูออกสวนสาธารณไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งไว้เพียงหยดน้ำตาที่ไหลเป็นรอยตามทาง...
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปก็ย่างเข้าสู่ปี
2018 แชนแนลหลักของBNK48 ปล่อยคลิปประกาศจบการศึกษาของเจตสุภา เครือแตงหรือพี่แจน ในวันที่
29 มกราคม 2018 จาการประกาศที่ปุบปับแบบนี้ทำเอาแฟนคลับหลายคนรับมือกับความเศร้าที่ถาโถมเข้ามาแทบไม่ไหว
แต่จะให้ทำยังไงได้ก็มีแต่ต้องยอมรับมันก็เท่านั้น...
ถ้านับเวลาจากคลิปที่ประกาศออกไปตอนนี้ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว
ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนและหนูก็กำลังอยู่ในหอเหมือนเดิม ต่างกันก็แค่หนูเอาแต่คิดมาตลอดว่าถ้าวันนั้นอยู่ฟังพี่แจนล่ะก็บางทีมันอาจจะเป็นการจากลาที่ดีกว่านี้...
“ถามจริงๆ นะไม่เหนื่อยเหรอ?” พี่ปูเป้ที่กำลังเล่นโทรศัพท์จู่ๆ ก็หันมาจ้องหน้าหนู
“งานเยอะก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้วดิพี่เป้”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น...พี่หมายถึงที่แกเอาแต่พยายามทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่จริงๆ
มันมีอ่ะ” พี่ปูเป้พูดไปด้วยและเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
“พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ยพี่เป้?”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้ป้ะ? ใครๆ เขาก็รู้ว่าแกกับพี่แจนทะเลาะกัน”
“หนูไม่ได้ทะเลาะกับพี่แจนต้องให้พูดอีกกี่รอบอ่ะ!?”
“แล้วที่ละเมอแทบทุกวันว่า
พี่แจนคะหนูขอโทษนี่คืออะไร?”
“พี่อย่าพูดมั่วๆ
ดิหนูไม่เค-”
พี่ปูเป้เปิดเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์ที่หนูละเมอพูดขอโทษพี่แจนให้หนูฟัง
“...” หนูเถียงไม่ออกถ้ามีหลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ล่ะก็นะ
“ไม่เถียงแล้วอ่ะดิ”
“หนูยอมรับว่าหนูทะเลาะกับพี่แจนก่อนที่พี่แจนจะแกรด
พี่ต้องการแค่นี้ใช่ไหม?”
“ทำไมไม่ไปเคลียร์กับพี่แจนอ่ะ?”
“หนูพูดทำร้ายจิตใจพี่แจนขนาดนั้นแล้ว
พี่คิดว่าพี่แจนยังอยากจะคุยกับหนูอีกเหรอ?”
“อย่าคิดเอาเองดิวะว่าอีกฝ่ายเขารู้สึกอะไร
แกไม่ใช่เขานะเว้ยถึงจะไปคิดแทนเขาว่าเขาควรรู้สึกยังไง” พี่ปูเป้ขึ้นเสียงและมีสีหน้าที่เกรี้ยวกราดขึ้น
“แต่ถึงยังงั้นจะให้หนูไปพูดอะไรล่ะ?”
“พูดตามความรู้สึกตัวเองดิ
จะคิดไรมากอ่ะอยากพูดไรก็พูด รู้สึกยังไงก็พูด”
“...”
“โมบายล์ก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าพี่แจนประกาศแกรดอย่างเป็นทางการไปแล้ว
พี่แจนกับแกจะแทบไม่ได้เจอกันยิ่งกว่าตอนอยู่BNKอีกนะ แกจะไม่เคลียร์เรื่องที่ทะเลาะกันให้เสร็จจริงๆ
น่ะเหรอ? อยากจะปล่อยผ่านไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“หนูไม่อยาก”
หนูพูดและส่ายหน้าไปโดยอัตโนมัติ
“งั้นจะรออะไรล่ะไปดิ”
“แต่ว่าช่วงนี้พี่แจนทำงานและแทบไม่ว่างเลยไม่ใ-”
พี่ปูเป้โชว์แชทที่คุยกับพี่แจนให้หนูดู
ข้างในนั้นมีเนื้อความประมาณว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนพี่แจนพึ่งกลับมาพักที่บ้าน
หนูมองหน้าพี่ปูเป้และทึ้งในตัวพี่ปูเป้เพราะมันเหมือนกับว่าพี่ปูเป้เตรียมที่จะพูดเรื่องนี้กับหนูมาสักพักแล้วแต่แค่รอวันที่พี่แจนว่างแค่นั้นเอง
“มองหน้าทำไมอ่ะ? ไปดิ!”
พี่ปูเป้สะบัดมือไล่หนูให้รีบไป
“เดี๋ยวหนูมานะ!”
หนูเตรียมเงินไปจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นค่าแท็กซี่และรีบคว้าเอาเสื้อกันหนาวมาคุมชุดนอนที่ตัวเองใส่และรีบวิ่งลงไปข้างล่างหอ
หนูรีบโบกหารถแท็กซี่แต่ไปได้ไม่ถึงไหนแท็กซี่ก็บอกว่าหมดกะของตัวเองแล้ว
เขาก็เลยปล่อยหนูลงข้างทางแล้วบอกว่าตรงไปอีก 500เมตรก็จะถึงที่ที่หนูอยากจะไป
“เอาจริงดิ
แท็กซี่แบบนี้ก็มีเหรอเนี่ย อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วแท้ๆ!”
หนูบ่นตอนที่รถแท็กซี่ไปแล้ว
“น-หนาวแฮะ...วิ่งไปดีกว่าจะได้ถึงเร็วๆ”
พอคิดได้ดังนั้นหนูก็เลยรีบวิ่งไปทันที หนูวิ่งมาเรื่อยๆ ไม่หยุดพักเลยจนกระทั่งถึงหน้าบ้านพี่แจน....
หนูยืนอยู่หน้าบ้านพี่แจนและก็ไม่ยอมกดกริ่งหน้าบ้านสักที
“ก็แค่กดลงไปๆๆๆ
หนึ่ง สอง สาม!” พอนับถึงสามหนูก็กดกริ่งแต่ว่าไม่มีเคยมาเปิดให้เลย
“พี่แจนยังไม่กลับเหรอ...” หนูคอตกทันทีและเตรียมจะเดินกลับแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเข้าซะก่อน
เสียงริงโทนโทรศัพท์ที่พี่แจนชอบตั้งเอาไว้มันดังขึ้นมาแปปนึงจากอีกฟากของประตู
เมื่อได้ยินแบบนั้นก็แสดงว่าพี่แจนต้องอยู่บ้านแน่ๆ
“พี่แจน! พี่อยู่ข้างในใช่ไหม พี่!?” ฉันใช้มือทุบประตูรัวๆ
ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่ไม่ว่ายังไงพี่แจนก็ต้องอยู่ในบ้านแน่นอน
“พี่แจน...หนูขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป...หนูพูดไม่คิดเองแหละ
เพราะว่าตอนนั้นหนูโมโหที่จู่ๆ พี่ก็แกรดออกไป หนูรู้ดีว่าถึงสิ่งที่หนูพูดออกไปมันจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบแต่คำพูดร้ายๆ
ที่มันออกจากปากมาแล้วต่อให้จะอ้างว่าอะไรมันก็ไม่ได้ทำให้ลืมได้ว่ามันทำร้ายคนที่โดนว่าไปแล้วอยู่ดี...”
หนูนั่งลงและพิงประตูบ้านพี่แจน
หนูพยายามหลับตานึกคำที่จะพูดต่อไป
“ถ้า..ถ้าพี่จะไม่เปิดประตูก็ไม่เป็นไรแต่ให้หนูร้องเพลงให้พี่ฟังนะ...เพลงนี้เป็นเพลงที่พอหนูฟังหรือร้องทีไรหนูจะร้องไห้ทุกทีเลย..”
หนูหลับตาลงและสูดหายใจเข้าเตรียมที่จะบรรเลงเพลงสุดท้ายที่หนูจะได้ร้องให้พี่แจนฟังในฐานะหนึ่งในBNK48
“สดสวยเห็นแสงเรืองรองจากท้องนภา~ เหม่อมองฟ้ายามอรุณที่ดูว่างเปล่า~
ถ้าจะขอ อยากจะขอ~ให้วันนี้ของเรา ได้มี... แต่รอยยิ้มที่งดงาม~!
บางครั้ง
ท้องฟ้าก็มีหยาดฝนโปรยปราย~ และตอนนี้ คงจะมีแค่เพียงน้ำตา
สิ่งที่หวัง ในวันนี้
ไม่เป็นดังหวังตั้งใจ~! พรุ่งนี้ ต้องลองเริ่มใหม่สักครา~
ความใฝ่ฝัน
ที่มีในใจตลอด~ ยังมีตัวฉัน ที่ทำตามฝันนั้น
เรื่อยมา~
ได้ทำตามสิ่งที่รัก~ ได้ทำตามปรารถนา~ เอื้อมมือคว้า
เป็นดังที่ใจต้องการ~!
อธิษฐาน~! บนทางที่แสนยาวไกล คือชีวิตที่ลอยไป~ เป็นเหมือนเครื่องบินกระดาษ~
ตราบแรงลม
จะพาพัด ปล่อยใจลอยล่องในอากาศ~ แค่เพียง เราก้าวเดินออกไป
บินไปไกลแค่ไหน
เพียงใดก็ไม่สำคัญ กว่าการที่ได้โบยบิน ไปถึงยังไงและที่ไหนมา~
ปล่อยใจไป
ปล่อยใจฝัน ปล่อยใจลอยล่องในนภา~ หมุนไปในเวลาทุกช่วงที่มี~
Sanbyaku rokujuu
go nichi~”
น้ำตาของหนูมันไหลไม่หยุดตั้งแต่ตอนเริ่มร้องยันตอนร้องจบ
“ต-ตอนนี้หนู...หนู ข-เข้าใจดีแล้วว่าหนูคงจะแก้ไขเรื่องที่ทำให้พี่เสียใจไม่ได้แต่ว่าหนูก็ยังอยากจะมาฟังต่อนะว่าสิ่งที่พี่แจนยังไม่ได้บอกหนูมันคืออะไร”
พี่แจนเปิดประตูออกมาและมองมาที่หนู
หนูสังเกตเห็นว่าหน้าพี่แจนก็เต็มไปด้วยน้ำตาไม่ต่างจากหนูเลย
“น-นี่ต้องบ้าขนาดไหนถึงจะกล้ามานั่งแหกปากร้องเพลงที่หน้าบ้านคนอื่นอ่ะ?”
พอพูดจบพี่แจนก็มองหน้าหนูและฉีกยิ้มให้
“บ้ารักพี่ไง!” หนูพุ่งเข้าไปกอดพี่แจน พวกเราสองคนร้องไห้ทันทีที่กอดกัน ต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยถึงจะปรับอารมณ์ให้เข้าที่ได้
จากนั้นพี่แจนก็พาหนูไปนั่งคุยกันที่ห้องนอนของพี่แจน
พวกเราสองคนคุยเรื่องต่างๆที่ไม่ได้แชร่ให้กันมาหลายเดือน
หนูรู้สึกมีความสุขมากที่ในที่สุดเราก็ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวและนานหลายชั่วโมงขนาดนี้
“แล้วคิดอะไรเนี่ยถึงใส่ชุดนอนมาหาพี่แบบนี้อ่ะ?” พี่แจนพยายามกลั้นขำ
“ก็หนูกลัวพี่แจนจะติดงานที่ญี่ปุ่นอีกนี่นา...”
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม? ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวใส่ชุดนอนมาเดินตอนกลางคืนเนี่ยนะ? มันอันตรายมากเลยนะ!”
พี่แจนลูบหัวหนูและดึงหนูเข้าไปกอด
“ค่ะ...เพราะหนูคงจะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้วล่ะ”
“เลิกเศร้าได้แล้ว!
พี่งานเยอะก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานพี่จะเยอะไปตลอดนะยังไงมันก็มีช่วงว่างอยู่แล้วแหละน่า!”
“ค่ะ...แล้วเรื่องที่พี่แจนยังไม่บอกหนูคือะไรคะ?...”
“อ้อ~อันนั้นก็...”
พี่แจนหยิบโทรศัพท์ตัวเองและกดเปิดเพลงอะไรสักอย่างแล้วก็ส่งหูฟังให้หนู
“ฟังดิ”
หนูหยิบหูฟังมาสวมหูและเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้นมา
เริ่มจากทำนองเบาๆ
และก็มีเสียงสองเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกันเป็นเสียงของพี่แก้วและพี่แจนที่ร้องร่วมกัน
พอถึงฮุคน้ำตาของหนูก็เริ่มไหลอีกครั้ง หนูหลับตาและกอดพี่แจนแน่นขึ้น
พี่แจนตอบรับการกอดของหนูด้วยการลูบหัวหนูเบาๆ คำที่สละสลวย
ทำนองไพเราะที่บรรเลงไปอย่างช้าๆ
มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวซะจนหนูสรรหาคำไหนมาบรรยายไม่ได้...
พอเพลงจบแล้วหนูก็เงยหน้าขึ้นไปมองพี่แจนที่ยังคงยิ้มให้หนูอยู่...
“เพลงนี้มัน...”
“ใช่...เพลงสุดท้ายของพี่ในฐานะBNK48... ตอนที่คุยกันที่สวนสาธารณะก็กะว่าอยากให้โมบายล์ได้ฟังคนแรกแต่ก็ไม่ได้ให้ฟัง
แหะๆ”
“หนูขอโทษ”
หนูซบอกพี่แจนและเอาแต่พูดว่าขอโทษ
“เห้ย พอแล้ว พี่ได้ยินแล้ว...”
“…”
“เป็นไงเพลงเพราะไหม?”
“เป็นเพลงที่เพราะมากเลยค่ะ…”
“ใช่ไหมล้า~
พี่ตั้งใจร้องมากเลยนะ”
“พี่จะไปญี่ปุ่นวันไหนเหรอคะ...?”
“28 กุมพาพันธ์ และพี่ก็จะไม่มีคำว่าBNK48ต่อท้ายแล้วด้วย...”
“หนูจะจดจำพี่ไว้ว่า
ครั้งหนึ่งพี่ก็เคยอยูที่BNKนะ...”
“ปากหวานนะเราอ่ะ...”
“หวานได้พี่ไง”
พี่แจนอาจจะไม่ใช่คนที่เต้นเก่งที่สุด
อาจจะไม่ใช่คนที่พูดเก่งที่สุด
อาจจะไม่ใช่คนที่ร้องดีที่สุด อาจจะไมใช่คนที่สวยที่สุด
อาจจะไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็คและดีไปซะทุกอย่าง
แต่ตลอดเวลาที่ได้รู้จักพี่แจนผ่านนามสกุลBNK48
ก็ทำให้เห็นว่าพี่แจนก็เป็นผู้หญิงที่มีความพยายามและความตั้งใจที่จะทำตามความฝันของตัวเองไม่แพ้คนอื่นในวงเลย
พี่แจนจะถูกจดจำไว้ตลอดไปว่าครั้งหนึ่งมีผู้หญิงที่มีชื่อและเคยใช้นามสกุลว่า
JanBNK48
พยายามทำตามฝันของตัวเองจนในที่สุดมันก็สำเร็จ
คำกล่าวอำลา
(END)
*เพลงสุดท้ายของพี่แจนที่ร้องร่วมกับพี่แก้ว (https://www.youtube.com/watch?v=awJd6vaaZlc)
ความคิดเห็น