คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ~*Wish No.4 ปริศนาคนสวย*~
ตอนนี้บ่ายสองโมง เหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะถึงเวลาแข่งวาดภาพแล้ว ฉันนั่งอยู่ตรงมุมของห้องประชุมซึ่งเป็นสถานที่แข่งขัน ส่วนยัยทรายก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ฉันมองไปรอบๆห้องเพื่อสังเกตท่าทางของผู้แข่งขันคนอื่น ทุกคนต่างพูดคุยทำความรู้จักกับคนข้างเคียง แต่ไหงกับฉันไม่เห็นมีใครเข้ามาคุยด้วยเลยล่ะเนี่ย ฉันสวยไม่พอรึไงยะ
“สวัสดีค่า คุณคะ คุณคะ ได้ยินรึเปล่า” มีเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ในขณะที่ฉันกำลังน้อยใจตนเอง แต่เธอรู้คงว่าฉันปัญญาอ่อนแน่เลย
“อุ๊ย ขอโทษนะคะ พอดีกำลังคิดอะไรเพลิน” ฉันตอบเธอไปเมื่อตั้งสติได้ เธอน่าจะอายุน้อยกว่าฉันนะเนี่ย
“หึหึ ไม่เป็นไรค่า ชื่อ แบม นะคะ” เธอบอกชื่อพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ ทำให้ฉันเห็นแก้มใสๆของเธอบวมขึ้นมาเล็กน้อย บวกกับสีชมพูอ่อนๆ บนหน้า เหมือนเด็กญี่ปุ่นจังเลย เด็กคนนี้
“ชื่อ ริน ค่า มาประกวดเหมือนกันเหรอคะ”
“ค่า แต่ก็คงไม่ได้หรอก เพราะแบมก็ไม่ได้วาดสวยซักเท่าไหร่ แบมขอนั่งข้างๆละกันนะคะ” แล้วเธอก็ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งข้างๆฉัน
“โอย ไม่แน่หรอกค่ะ พี่ว่าต้องสวยกว่าพี่แน่เลย ขนาดคนวาดยังน่ารักขนาดนี้” ฉันแทนตัวเองว่าพี่ เพราะยังไงหน้าอย่างนี้เด็กกว่าฉันแน่ๆ
“อย่าแทนตัวเองว่าพี่สิคะ แบมว่าเราน่าจะอายุเท่ากันนะ รินอายุเท่าไหร่คะ” โห เด็กคนนี้ปากหวานจัง ถึงขนาดว่าฉันอายุเท่าเธอเลยเหรอนี่
“บอกไปก็อายตัวเอง 26 ค่า ใกล้จะ 30 แล้ว รินยังหาแฟนไม่ได้เลยนะเนี่ย” แล้วฉันจะบอกเขาทำไมล่ะว่ายังไม่มีแฟน โอ๊ะ งง
“เห็นไหม อายุเราเท่ากันจริงๆ ด้วย แหมน่ารักๆอย่างคุณรินเดี๋ยวต้องมีแน่ๆ ค่ะ หัวเราะทีหลังดังกว่านะคะ อ้าวคุณริน อย่าอ้าปากกว้าอย่างนั้นสิคะ ถึงว่าหาแฟนไม่ได้” จะให้ฉันหุบปากยังไงเล่า หน้าเด็กขนาดนี้ อายุเท่าฉันเนี่ยนะ
“จริงเหรอคะ อย่างงี้รินก็หน้าแก่ล่ะสิ คุณแบมหน้าเด็กกว่ารินตั้งเยอะนะ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ อย่าดูแค่หน้าสิคะ นี่ก็ได้เวลาแล้วนี่ ทำไมเขาไม่มาบอกหัวข้อให้เราวาดกันซักทีนะ” ฉันก้มหน้าดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง จริงอย่างที่เธอบอกตอนนี้บ่ายสามแล้วตรงกับเวลาที่กำหนดไว้ สักพักนึงเสียงทุกเสียงที่ทุกคนในห้องพูดคุยกันก็เงียบลง ฉันจึงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาฉันคิดว่าน่าจะเป็นพวกกรรมการเพราะทุกคนแต่งตัวเรียบร้อย และดูดี ฉันมองดูตั้งแต่คนแรกจนถึงคนหลังๆที่เดินเข้ามา อ๊ะ นั่น พี่แอนนี นี่นา พอเธอหันหน้ามาเห็นฉันเข้า ก็ยิ้มให้ จนแบมเห็นเธอก็สะกิดถามฉัน
“คุณรินรู้จักเหรอคะ”
“อ๊อ เมื่อกลางวันนี้เองค่ะ เขาเอาข้าวมาให้รินทาน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันอธิบายตามความจริง
“หรือว่าพี่เขาเป็นทอมคะ เห็นคุณรินน่ารักเลยเข้ามาจีบ ไม่น่าเลยนะคะ น่ารักๆอย่างนั้น” เอ่อ คิดอะไรของเขาเนี่ย แล้วไอ้ที่ไม่น่าเลยคือเสียดายที่เขาเป็นทอม หรือเสียดายที่เขามาจีบฉันกันแน่
แล้วเราสองคนก็หันมาฟังกรรมการคนหนึ่งที่กำลังอธิบายเกี่ยวกับการแข่งขัน ว่าถ้าใครชนะแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง บางครั้งก็ต้องมีการไปนอกสถานที่บ้าง ทำให้ฉันได้เห็นท่าทางตื่นเต้นของแบม สงสัยเธอจะชอบเที่ยวแหงๆ เลย และหัวข้อในการวาดวันนี้ก็คือ “ทะเล” อะไรนะ ทะเล มันเกี่ยวกับค่ายเพลงตรงไหนเนี่ย ทุกคนในห้องต่างร้องเสียงเหวอออกมาเพราะไม่มีใครคิดว่ามันจะไกลจากลักษณะของงานที่รับเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็รีบลงมือ เมื่อกรรมการบอกเริ่ม
แบมเริ่มจัดอุปกรณ์วาดภาพและสีน้ำมันของเธอไว้ข้างๆ ส่วนฉันก็ใช้แค่สีน้ำธรรมดาที่ฉันถนัดมากกว่า ฉันลงมือวาดรูปทะเลที่ครอบครัวฉันเคยไปเที่ยว ฉันจำไม่ได้หรอกว่าที่นั่นชื่ออะไร เพราะตอนนั้นฉันเด็กมากๆ แต่ที่ฉันจำได้ก็คือ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งก็คือหน้าร้อน แสงแดดที่ส่งมายังน้ำทะเลทำให้เกิดประกายระยิบระยับขึ้น หาดทรายที่นั่นก็ขาวสะอาด ขยะที่มีก็น้อยชิ้น เราพักกันที่บ้านพักติดชายหาด ฉันกับตาเรย์รีบเปลี่ยนชุดทันทีที่เก็บของเข้าบ้านพักเสร็จ เราแข่งกันวิ่งไปที่ทะเลว่าใครจะลงน้ำเร็วกว่ากัน สุดท้ายฉันก็ถึงก่อน ไม่ใช่เพราะฉันวิ่งเร็วหรอกนะ บังเอิญฉันสะดุดถังตักน้ำของใครก็ไม่รู้จนกลิ้งตกจ๋อมไปในทะเล ส่วนตาเรย์ก็ยืนอึ้งที่ฉันไปถึงเร็วกว่ามัน โดยการกลิ้งไป อนิจจังดีไหมล่ะ
ผ่านไปแล้ว 2 ชั่วโมง ฉันก็เริ่มเก็บรายละเอียดรูปภาพให้เรียบร้อย
“อ๊า คุณรินสวยจังเลยค่า ดูแล้วเหมือนอยู่ที่นั่นเลย ที่ไหนหรอกคะ” แบมเขยิบตัวมาชะเง้อดูภาพวาดของฉัน สวยจึงหรือเนี่ย
“ของคุณค่า รินจำไม่ได้หรอกว่าที่ไหน รินเคยไปเที่ยวมาน่ะค่ะ นานมากๆแล้ว” ฉันจึงเขยิบไปดูของเธอบ้าง
มันเป็นภาพที่สวยมากๆ เท่าที่ฉันเคยเห็น เธอวาดเก่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“โอ้โห คุณแบมสวยมากๆเลยค่า โห รินดีใจจังได้รู้จักคนที่วาดภาพสวยขนาดนี้ ต้องได้ที่ 1 แน่เลยค่ะ” ถ้าเขาได้ที่ 1 ฉันก็ไม่ได้เจอเอลล์น่ะสิ ฮือ ฮือ ความหวังฉัน
“แหม่ เราสองคนอาจจะได้ไปด้วยกันก็ได้นะคะ” สาธุ แม่คุณ
กรรมการเดินเข้ามากอีกครั้งเพื่อบอกให้ทุกคนทราบว่าหมดเวลาแล้ว บางคนก็ยืดแขนยืดขา บางคนก็หน้าเคร่งเครียดเพราะทำไม่เสร็จ แล้วกรรมการก็ประกาศว่าผลการประกวดจะบอกทางเวบไซต์ของบริษัท ในอาทิตย์ถัดไป ฉันจึงหันจัดแจงเก็บข้าวของให้เรียบร้อย แบมลาฉันกลับก่อนที่ฉันจะเก็บของเสร็จ ฉันเห็นเธอเดินไปหาผู้ชายท่าทางเหมือนคุณชาย ดูแล้วผู้ดีมาก ตามสันนิษฐานเบื้องต้นฉันว่าน่าจะเป็นเป็นแฟนเธอนะ อิจฉาจังเลย ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าถือเพื่อโทรตามยัยทรายให้มารับ แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะรับสายฉันแม้แต่น้อย ฉันจึงตัดสินใจเดินมาหน้าตึกเพื่อหาแท็กซี่แทน ฉันรออยู่นานมาก ก็รู้ๆกันอยู่ ตอนเย็นในกรุงเทพ รถช่างติดเหลือเกินจนไม่มีรถแท็กซี่คันไหนขยับมาจอดหน้าฉัน คันไหนผ่านมาก็มีผู้โดยสารแล้วทั้งนั้น
“น้องคะ ริน น้องริน” เฮ้ย ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึก แต่ดันหลับไปตอนไหนไม่รู้ จนมีคนมาสะกิดฉัน อ๊า คุณแอนนีนี่นา
“คะ คะ อุ๊ย น่าเกลียดจังเลยมาเห็นรินตอนสภาพนี้ มีอะไรกับรินรึเปล่าคะ” รึเขาจะมาไล่ฉันที่มานอนหน้าตึกรึเปล่าเนี่ย
“ฮ่า ฮ่า น่ารักออกค่า แต่มาเผลอหลับแบบนี้เกิดโดนใครอุ้มไปไม่แย่เหรอคะ” เธอหัวเราะเบาๆ พร้อมกับมือที่ป้องปากไว้ ดูเธอเป็นกุลสตรีเอามากๆเลย เป็นห่วงฉันอีกต่างหาก คนแบบนี้หายากนะเนี่ย
“ก็รินโทรหาคนมารับไม่ได้นี่คะ ก็เลยกะว่าจะรอแท็กซีผ่านมา แต่ดันมาเผลหลับซะได้ ถ้าคุณแอนนีไม่มาปลุกก็คงตื่นพรุ่งนี้เช้าล่ะมั้งคะ” เธอส่าบหน้าเบาๆ พร้อมกับมือของเธอที่พยายามจะฉุดตัวฉันขึ้นจากม้านั่ง
“วันหลังอย่าเรียกคุณอีกนะคะ เรียกพี่นี่แหละ ใกล้ชิดกันดี มาเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง รถพี่จอดอยู่หน้าตึกนี่เอง” ปกติแล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ฉันไม่ได้สนิทมาก ฉันไม่มีทางไปไหนด้วยเด็ดขาด แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนดีนะ และฉันก็ยอมเดินไปขึ้นรถเธอแต่โดยดี ฉันเห็นที่นั่งด้านคนขับมีเงาดำๆ สงสัยจะเป็นคนขับรถของเธอ แต่เมื่อเปิดประตูด้านหลังเข้าไปนั่งและฉันก็ตามเข้าไป ใจฉันแทบจะทะลุออกมา คนที่ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้ก็มีแค่เขานี่ ยิ่งพอเขาเห็นมามองฉันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจยิ่งขึ้น
“ออกรถได้ เอลล์ รินเป็นอะไรหรอ” ตอนนี้ฉันว่าหน้าฉันคงหน้าเกลียดกว่าตอนที่นั่งหลับเมื่อกี๊อีก เพราะด้วยความตกใจสุดๆ ฉันอ้าปากค้างและหน้าที่เริ่มแดงกับการตื่นเต้นที่เจอเขาในระยะประชิดขนาดนี้ ขนาดพี่แอนนียังสังเกตเห็น แต่ฉันหยุดอาการตัวเองไม่ได้นี่ เอลล์จะต้องหาว่าฉันเป็นพวกบ้าดาราแน่ๆ
“อ๊อ ป่าวหรอกค่ะ แค่ตกใจนึกว่าพี่แอนนีจะขับเอง” ตอบอะไรไปเนี่ย ขอให้เขาคิดว่าฉันตกใจเพราะเรื่องนี้จริงๆเถอะ
ตลอดทางที่เอลล์ขับรถผ่านเขาไม่พูดจาอะไรซักคำ นอกจากหันมามองฉันกับพี่แอนนี เอ๊ะไม่ใช่สิพี่แอนนีคุยกับฉันมากกว่าเป็นระยะๆ ฉันเพิ่งจะนึกเอะใจได้ว่าทำไมพี่แอนนีมาอยู่ในรถของเอลล์ หรือเอลล์มาอยู่ในรถของพี่แอนนอันนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่มาอยู่ด้วยกันอย่างนี้จะเป็นอะไรได้ล่ะ นอกจากแฟน เอ๊ะแล้วยัยเด็กปรายนั่นล่ะ หือว่าเอลล์จะเป็นพวกชอบมีกิ๊ก ไม่จริงหรอกมั้ง ทำไมฉันเพ้อเจ้ออย่างนี้เนี่ย
“น้องรินเป็นอะไรรึเปล่าคะ นั่งส่ายหน้าทำไม” ฉันเผลอแสดงอาการออกไปอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย
“อ๊อพอดีรินปวดหัวนิดหน่อยนะค่ะ เอ๊ะ นี่มันทางไปบ้านรินนี่คะ รู้ทางได้ไง” ฉันนึกขึ้นได้เมื่อมองเห็นต้นมะขามใหญ่ที่อยู่หน้าปากซอย
“หึ หึ คนเรานะคะเรื่องเกี่ยวกับคนที่เรารัก เป็นเรื่องที่ต้องรู้ให้ได้นะคะ” พี่แอนนีพูดพร้อมกับยิ้มหวานๆ ให้ฉัน ฉันเห็นสายตาของเอลล์แอบชำเลืองมองมานิด ฉันว่าฉันเห็นเขาทำปากเหมือนบ่นอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี มันอะไรกันแน่เนี่ยสองคนนี้
ความคิดเห็น