ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจมังกร

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 58












    ตอนที่ 2


     

       หาท่านหญิงเจอหรือไม่

      

       “ไม่เจอเลยเจ้าค่ะอาหญิงอี้

      

       “พวกเจ้าไปหาที่ห้องแล้วหรือยัง ที่สวนเล่า

      

       “พวกข้าแยกย้ายกันไปหาหลายรอบแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่เจอเลย

      

       “แล้วท่านหญิงจะหายไปไหนได้เล่า ในวัดนี้มีพื้นที่เล็กกว่าตำหนักฮองเฮาในวังเสียอีก ไม่ว่าอย่างไรต้องหาท่านหญิงให้พบก่อนที่ฮองเฮาจะทรงทราบเข้าใจหรือไม่!”

      

       “เจ้าค่ะอาหญิงอี้



    เหล่านางกำนัลผู้น้อยโค้งให้อี้ฮวงแล้วแยกย้ายกันออกตามจื่อหลินอีกครั้ง เพียงเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กับการเรียนชีวิตในวัง จื่อหลินก็แอบหนีเรียนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว นางกำนัลเกือบทั้งหมดต้องหัวหมุนช่วยกันออกตามหานางโดยที่พยายามไม่ให้ฮองเฮาทรงทราบ ไม่เช่นนั้นพวกนางอาจจะโดนลงโทษจนหลังลายแน่



       อีกด้านหนึ่ง เด็กสาวร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าเช่นเดียวกับเด็กผู้ชายชาวบ้านคนอื่นๆเดินไปตามทางบนท้องถนนที่คร่าคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ดวงตาสีหวานกวาดมองพื้นที่รอบตัวด้วยความสนใจ บ้านเมืองภายนอกเป็นเช่นนี้เองหรือ ช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นต่างเมืองเช่นนี้

     

       กฏเกณฑ์ในวังมีมากมายทำเอาข้าปวดหัวไปหมด ต้องแบบนี้สิ อิสระ เสรีถึงจะเหมาะกับข้าน่ะ



    ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มแสนร่าเริง ครั้นเมื่อนึกถึงอี้ฮวงที่คอยสอนเรื่องกฏมารยาทในวังให้นาง มันช่างน่าเบื่อนัก นู่นก็ทำไม่ได้นี่ทำก็ไม่ดี สักวันจื่อหลินคงได้อึดอัดตายเพราะกฏเกณฑ์ที่มีมันรัดคอเอาเข้าสักวันแน่ เพราะแบบนี้ไงจื่อหลินก็เลยแอบหนีอี้ฮวงออกมาเดินเล่นในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแทน ข้างนอกมีอะไรตั้งมากมายที่นางไม่เคยเห็น เรื่องอะไรจะจับให้นางอยู่ในกรงทองเช่นนั้นเล่า



       จื่อหลินเดินเข้าร้านหนึ่งที่มีผู้คนเดินเข้าเดินออกมากกว่าร้านอื่นๆ ด้วยความอยากรู้นางจึงเดินตามคนอื่นเข้าไป ผู้คนมากมายรายล้อมเวทีสูงที่อยู่ตรงหน้าพลางส่งเสียงดังอืออึงไปทั่ว ที่นี่ดูคึกคักจริงๆแหะ



       พี่ๆน้องๆลุงป้าน้าอาทั้งหลายวันนี้เป็นวันดี วันแห่งโชคที่สวรรค์ประทานมาให้ ใครอยากรวยวันนี้ได้รวยแน่!”



       “เฮ้!!!”



    ชาวบ้านรอบๆเวทีตอบรับคำพูดของชายร่างท้วมวัยกลางคนที่พูดอยู่กลางเวทีอย่างคึกคัก จื่อหลินยืนมองเงียบๆอยากรู้จริงๆ สถานที่แบบนี้จะทำให้ชาวบ้านพวกนี้รวยได้ยังไง

     



       การต่อสู้วันนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ใครจะแพ้ใครจะชนะเชิญทุกท่านเดิมพันเข้ามาเลย!”
     

    ที่แท้มันก็คือการพนันนี่เอง จื่อหลินถอนหายใจพลางส่ายหัวเอือมระอา ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยการพนันก็มีทุกที่สิน่า ชายร่างท้วมรับเงินเดิมพันจากชาวบ้านเข้ากระเป๋าด้วยใบหน้าที่มีความสุข น่ารังเกียจที่สุดเลยคนพวกนี้!


       “ขอบคุณๆ ขอบคุณทุกท่าน เชิญพบการต่อสู้ของขุนศึกผู้เกรียงไกล โม่เซี่ยหยีและเทพเจ้าผู้ไม่เคยแพ้ใคร ฉิ๋นหมิ่นซื่อ ได้แล้ว!!!”



    สิ้นเสียงชายร่างท้วมก็หลบฉากไป บนเวทีปรากฏร่างเล็กของเด็กชายอายุราวๆสิบสี่สิบห้าสองคนขึ้นมาแทนที่ จื่อหลินมองทั้งสองอย่างตกใครจะไปคิดว่าคนที่จะต่อสู้กันเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุแค่นี้เล่า ชายกลางคนที่หลบฉากลงมาจากเวทีเดินมาหยุดอยู่ข้างๆจื่อหลินขณะที่การต่อสู้บนเวทีเริ่มขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์จากรอบด้าน นางจะไม่สนใจชายคนนั้นหากไม่เพราะคำพูดที่เขาพูดกับชายร่างผอมแห้งอีกคนมันเข้าหูเสียก่อน



       มีแต่คนเดิมพันว่าไอ้หนุ่มที่ชื่อฉิ๋นหมิ่นซื่อคนนั้นมันจะชนะ เจ้าไปบอกให้เซี่ยหยีเอาชนะมันให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราได้หมดตัวกันแน่!”



       “พี่ใหญ่ทำไมเพิ่งมาบอกเล่า พวกเขาเริ่มสู้กันแล้วข้าจะไปบอกได้อย่างไร



       “ก็หาวิธีเสียสิ! จะทางไหนก็ได้ ไปเร็ว!”



    แบบนี้มันขี้โกงนี่น่า ผู้ใหญ่ใจดำคิดจะโกงแม้กระทั่งเด็กเลยหรือไง! จื่อหลินรีบเดินตามชายร่างผอมที่เดินแยกจากชายกลางคนไปด้วยความรวดเร็ว ถึงนางจะไม่ชอบการพนันก็ไม่ได้ความว่านางจะทนเห็นคนอื่นถูกโกงง่ายๆแบบนี้ได้นะ แต่เพราะจื่อหลินตัวเล็กไปจึงทำให้ก้าวขาตามชายคนนั้นไม่ทัน ไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวาก็หาชายคนนั้นไม่เจอเสียแล้ว 


       หายไปไหนนะ!”



    จื่อหลินพยายามมองหาชายคนนั้นอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ในนี้คนเยอะเกินไป เด็กตัวเล็กๆอย่างนางคงหาเจอง่ายๆหรอก เมื่อพยายามหาชายคนนั้นไม่เจอ จื่อหลินจึงละสายตามองกลับไปบนเวทีสูง ร่างสองร่างของเด็กหนุ่มสองคนกำลังฟัดกันนัวเนียไม่มีใครยอมใคร คนหนึ่งท่าทางผอมแห้งไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ เขากลับไม่ยอมแพ้ตรงกันข้ามเขากลับกระโจนใส่คู่ต่อสู้จนอีกฝ่ายกลายเป็นฝ่ายตั้งรับแทนเสียอีก ด้วยร่างกายที่ดูสมบูรณ์และสมส่วนกว่า การตั้งรับไม่ใช่เรื่องยากเลยด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วเหมือนมีพื้นฐานการต่อสู้อยู่แล้วบวกกับพละกำลังที่มี เพียงแค่มัดเดียวก็สามารถสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่ใช่ว่าเขาจะไม่พลาดท่าเสียเลย จากภาพที่เห็นจื่อหลินจึงเดาได้ไม่ยาก ว่าใครคือฉิ๋นหมิ่นซื่อกันแน่



       บนเวทีไม่มีอะไรที่ผิดปกตินักอย่างน้อยก็ทั้งสองที่ยังคงผลัดเปลี่ยนกันแลกหมัด แต่หากสังเกตให้ดี ฉิ๋นหมิ่นซื่อมีท่าทางที่แปลกไป เหมือนว่าเขาเสียการทรงตัวเพราะดูท่ายืนของเขาไม่มั่นคงเอาเสียเลย ดวงตาหวานของจื่อหลินหรี่ลงขณะจ้องมองฉิ๋นหมิ่นซื่อ เหมือนว่าเขาเองก็ต้องการรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่ตนยืนอยู่ ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าฉิ๋นหมิ่นซื่อกำลังเสียสมาธิจึงพุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กเองก็พุ่งชิดเข้ากับขอบเวทีด้วยความเร็วไม่ต่างกัน ฉิ๋นหมิ่นซื่อหลบอีกฝ่ายได้หวุดหวิดแล้วสวนหมัดเข้าที่ปลายคางและเตะเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายจนล้มลงหมดสติกับพื้น เสียงเฮดังขึ้นรอบด้านสลับกับเสียงสบถด้วยความไม่พอใจ 
     

       ฉิ๋นหมิ่นซื่อปาดเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆแล้วเดินลงจากเวทีไปอย่างเงียบๆ จื่อหลินจึงเดินตามเขาออกไปเช่นกัน



       หายไปไหนแล้วนะ เดินไวเสียจริง



    เพียงแค่ละสายตานิดหน่อยร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นก็หายไปทันที จื่อหลินพยายามกวาดสายตามองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอนางจึงตัดสินใจเดินออกมาจากร้านที่กำลังชุลมุนวุ่นวายกับการรอรับเงินจากชายวัยกลางคน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อคิดว่าการพนันครั้งนี้เป็นเขาที่ต้องหมดตัวเสียเอง เนี่ยแหละน่า กรรมตามสนอง



       เจ้าทำเช่นนั้นทำไม



    แค่เดินออกจากร้านมาไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มก็ดังขึ้นใกล้ๆจากทางด้านหลัง จื่อหลินหมุนตัวกลับไปมองต้นเสียง เป็นฉิ๋นหมิ่นซื่อที่ยืนรอนางออกจากร้านนั้นเอง



       เจ้าเห็นหรือ?”



       “ใช่ ข้าไม่ได้ดีใจนักหรอกนะ ชัยชนะที่ได้มาเพราะมีคนคิดคดเล่นไม่ซื่อเช่นนี้น่ะ



    คำพูดของฉิ๋นหมิ่นซื่อทำให้ใบหน้าเล็กมึนตึงทันที คนที่คิดคดเล่นไม่ซื่อคือคนพวกนั้นต่างหากเล่าหาใช่นางไม่ เพียงแค่นางใช้ไข่มุกจากสร้อยที่ติดตัวโยนไปบนพื้นเวทีขณะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาฉิ๋นหมิ่นซื่อหวังเล่นงานทีเผลอเท่านั้นเอง ก็ใครใช้ให้พวกนั้นแอบทำให้พื้นเวทีที่ฉิ๋นหมิ่นซื่อยืนอยู่ไม่มั่นคงเล่า



       พวกนั้นต่างหากที่คิดคดเล่นไม่ซื่อ ข้าเพียงแต่ไม่อยากเห็นเจ้าพ่ายแพ้ด้วยวิธีสกปรกของคนพวกนั้นต่างหาก



       “ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้ามาช่วยข้าเสียหน่อย



       “เจ้า!.....”
     

       “ดูเจ้าแล้วข้าน่าจะอายุมากกว่าเจ้าหลายปี หัดมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่เสียบ้างสิเด็กน้อย

    นี่นางคิดผิดใช่หรือไม่ที่ช่วยเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่เพียงไม่ขอบคุณแต่กลับมาโทษนางเสียอีก จื่อหลินเม้มริมฝีปากเน้นพยายามข่มความไม่พอใจที่เริ่มจะล้นปรี่ออกมาเรื่อยๆ

       ข้าจะให้การเคารพกับคนที่ควรเคารพเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เจ้า!”

    จื่อหลินแทบจะกระโดดกัดคอเขาให้รู้แล้วรู้รอดแต่นางเลือกจะหมุนตัวแล้วเดินหนีโดยไม่ทันระวังทำผ้าเช็ดหน้าที่ท่านแม่ให้ไว้หล่นลงพื้น ฉิ๋นหมิ่นซื่อรีบก้มลงเก็บก่อนที่จื่อหลินจะเก็บมันได้ เขายักคิ้วกวนๆรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าได้รูป พลางมองหน้าจื่อหลินสลับกับผ้าเช็ดหน้าในมือ

     

       
    เจ้า! เอาของข้าคืนมานะ!”

      

       “หือ นี่ของเจ้าหรือ เจ้าเป็นชายแต่กลับพกของเช่นนี้ติดตัวงั้นหรือ

      

       “ข้าจะพกหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า เอาคืนมานะ!”

      

       “ไม่ จนกว่าเจ้าจะบอกชื่อของเจ้าให้ข้ารู้เสียก่อน

      

       “ฝันไปเถอะ ฉิ๋นหมิ่นซื่อ!”

      

       “เจ้า!”








     



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×