ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปมฆาตกรรม Taken At The Flood

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 49


    ฟรานเซส โคลดจ้องมองข้ามโต๊ะรับประทานอาหารไปยังสามีของเธออย่างครุ่นคิด

          ฟรานเซส เป็นหญิงอายุสี่สอบแปดปี เส้นผมเป็นสีเทาประปราย เรือยร่างสมส่วน แต่กายดี ใบหน้าสวยนั้นนิ่งเฉย ไร้ความรู้สึก แต่งหน้าแต่งตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนแทบจะสังเกตไม่เห็น

         เจอเรอมี่ โคลด ผู้เป็นสามีอายุหกสิบสาม ผมสีเทา สีหน้าเคร่งเครียดเย็นชา

         โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเย็นวันนี้ ไม่รอกพ้นไปจากการสังเกตของฟรานเซส

         เด็กรับใช้สาววัยสิบห้าปี ยืนคอยฟังคำสั่งอยู่ข้างๆโต๊ะอาหาร กำลังส่งจาน สายตาของเด็กรับใช้จับจ้องอยู่ที่

    ฟรานเซส ถ้าเพียงแต่ฟรานเซสขมวดคิ้ว เธอก็ถึงกับมืออ่อนตีนอ่ออนทีเดียว แต่ถ้าพบสีหน้าเห็นดีด้วยเธอก็ดีใจจนเนื้อเต้น

         เป็นที่จับตามองกันโดยทั่วไปใน วอร์มสลี่ เวล ผู้ที่มีคนรับใช้ได้ก็คือ ฟรานเซส โคลด อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะการจ่ายค่าจ้างสูงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอมีบุคลิกที่ทำให้ผู้คนเคารพนับถือ รู้จักการปลอบโยน ให้กำลังใจ ทำให้งานบ้านที่วุ่นวายกลับกลายเป็นงานที่น่าสนุก ตลอดชีวิตนับแต่วัยเด็ก เธอเคยชินกับการมีคนรับใช้มาตลอด การมรคนคอยรับใช้จึงเป็นเรื่องธรรมดาในความรู้สึกของเธอ

         ฟรานเซส โคลด เป็นบุตรสาวคนเดียวของ ลอร์ด เอ็ดวาร์ด เทนตัน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของคอกม้าในย่านวอร์มสลี่ ฮีท ชีวิตของลอร์ด เอ็ดวาร์ด จบลงด้วยการสิ้นเนื้อประดาตัว ชื่อเสียงมัวหมอง แต่ก็ยังโชคดี ที่สามารถตกลงกับบรรดาเจ้าหนี้ต่างๆได้ ทั้งนี้ก็ด้วยความช่วยเหลือของเจอเรอมี่โคลด ทนายความประจำตระกูล ซึ่งยินยอมช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ โคลดสนใจในตัวของฟรานเซส เทนตัน เป็นอย่างมาก เมื่อคดีสิ้นสุด เธอก็ตกลงแต่งงานกับเจอเรอมี่ โคลด ส่วนบิดดาของเธอ ลอร์ด เอ็ดวาร์ด หลบหนีหน้าไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในภาคใต้ของประเทศฝรั่งเศส

         ฟรานเซส เทนตัน ก็กลายมาเป็น ฟรานเซส โคลด

         กับการแต่งงานนี้เธอมีความรู้สึกอย่างไร ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เธอเองก็มิได้แพร่งพรายความรู้สึกใดๆออกมา ปฏิบัติตัวเป็นแม่บ้านที่ดี ซื่อสัตย์ต่อสามีเป็นแม่ที่ดีของลูก ดูแลผลประโยชน์ ตลอดจนช่วยเหลืองานการของสามี ด้วยความเต็มใจยิ่ง ถึงจะเหน็ดเหนื่อยก็ไม่เคยปริปากบ่น

         ครอบครัวโคลด นั้นยินดีที่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัยครอบครัวของฟรานเซส พวกเขาให้ความเคารพนับถือเธอ ตลอดทั้งภาคภูมิใจในตัวเธอมาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ค่อยจะได้สนทนากันอย่าสนิทสนมเท่าใดนัก

         อะไรที่เจเรอมี่ โคลด คิดเกี่ยวกับการแต่งงานของเขา ไม่มีใครรู้ ไม่เคยมีใครรู้ว่าเจอเรอมี่ โคลด รู้สึกอย่างไร

    ท่อนไม้ตายซาก คือฉายาที่เจอเรอมี่ถูกขนานนาม เขาเป็นคนมีชื่อเสียงดีทั้งทางส่วนตัวและหน้าที่การงาน เขาเป็นทนายความที่มีความรู้ ความสามารถเฉยาะตัวสูง โคลดและบรุนสคิล ผู้ร่วมงานของเขา จะไม่ทำงานที่ขัดต่อบทกฏหมาย สำนักงานทนายความของเขามั่นคงดี แม้จะไม่ทันสมัยเท่าใดนัก เจอเรอมี่ โคลด อาศัยอยู่ในบ้านแบบจอร์เจีย ประกอบด้วยสวนแบบโบราณขนาดใหญ่ ที่ซึ่งพอถึงฤดูใบไม้ผลิ ต้นแพร์จะผลิดอกขาวสะพรั่งไปทั่ว

         มันเป็นห้องเพียงห้องเดียวเท่านั้น ที่แลเห็นทิวทัศน์ของสวนได้ทั้งหมด มันอยู่ทางด้านหลังของตัวอาคาร สองสามีภรรยาตรงไปที่นั่นทันที เมื่อลุกจากโต๊ะรัปทานอาหาร เอ็ดน่า เด็กสาววัยสิบห้าตาลีตาลานยกกาแฟตามไปทันที

         ฟรานเซสรินกาแฟใส่ถ้วยเล็กน้อย มันข้นดำและร้อนกรุ่น เธอหันไปกล่าวชมกับเอ็ดน่า

         เยี่ยมมาก เอ็ดน่า

         เอ็ดน่า หน้าแดงก่ำด้วยความยินดีกับคำชมเชยเฉกเช่นมนุษย์ทุกผู้ กาแฟกานั้น ในความคิดของเอ็ดน่า ทั้งดำ ทั้งขมปี๋ออกอย่างนั้น จะดื่มเข้าไปได้ยังไงกัน!

         ในห้องนั่งเล่น ชมทิวทัศน์ของสวนเบื้องนอกทั้งเธอและเขานั่งดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ซึ่งโดยปกติแล้ว เธอจะพูดคุยกับเขาอย่างสบายอารมณ์ แต่ในวันนี้ทั้งสองนิ่งเงียบ

         ฟรานเซสเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองผู้เป็นสามี เขายังไม่รู้ตัวว่าเธอจับตามองอยู่ มือขวาของเขาลูบริมฝีปากบน เป็นการกระทำที่แสดงออกเสมอในยามที่ยุ่งยากใจ สับสน ลังเล ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ตัว จนกลายเป็นความเคยชิน ฟรานเซสไม่ค่อยจะได้เห็นเขาทำอาการเช่นนี้บ่อยนัก ครั้งหนึ่งก็เมื่อตอนที่แอนโทนี่ลูกชายคนโปรดเจ็บหนัก และเขากำลังรอฟังผลการตรวจรักษาจากแพทย์ประจำตัว อีกครั้งก็ตอนที่เขานั่งรอฟังผลการพิจารณาคดีของคณะลูกขุน และอีกครั้งก็ในเย็นวันที่แอนโทนี่จากไป

         ฟรานเซสนิ่งคิดชั่งใจอยู่ ชีวิตสมรสของเธอและเขาราบรื่นเป็นสุขมาตลอด แต่ไม่เคยมีการจับเข่าคุยกันอย่างเปิดอกเลย เธอและเขาต่างเคารพในสิทธิ์ของกันและกันเสมอมา เมื่อครั้งที่ได้รับโทรเลขแจ้งข่าวการตายในสงครามของแอนนี่ หัวใจทั้งเขาและเธอแทบแตกสลายในบัดดลทีเดียว

         เขาฉีกซองโทรเลขออกอ่าน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง เธอจึงถามว่า มันเป็น...?

         เขาพยักหน้าแล้วจึงยื่นโทรเลขฉบับนั้นมาให้เธอ

         ทั้งคู่ต่างยืนนิ่งเงียบงัน ที่สุกเจอเรอมี่ก็เอ่ยขึ้นก่อน ผมอยากจะปลอบโยนคุณจริงๆที่รัก และเธอเองก็ตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มั่นคง ไร้น้ำตา ความรู้สึกเบาโหวง หัวใจปานจะขาดรอน ก็เหมือนๆกับคุณนั่นแหละ เขาตบไหล่เธอเบาๆ ใช่ เขากล่าว ถูกของคุณ ...หลังจากนั้นก็เดินซึมไปยังประตู ไหล่คู้ลง ท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง สิ้นหวัง หมดกำลังใจ การสูญเสียลูกชาย มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจเธออย่างรุนแรง นั้นตั้งแต่เหตุการณ์ในครานั้น เธอกลับเป็นคนกระด้าง เย็นชา ...จนบางครั้งก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาตอแยวุ่นวายด้วย

         นิ้วของเจอเรอมี่ โคลด เคลื่อนไปตามริมฝีปากบนอีกครั้ง...อย่างลังเล รีรอ ท่าทางเหมือนคนหมดหนทาง

    ฟรานเซสกล่าวถามขึ้น

         มีเรื่องอะไรหรือคะ เจอเรอมี่?

         เขาสะดุ้งเฮือก ถ้วยกาแฟแทบจะหลุดจากมือ เขาวางถ้วยกาแฟคืนลงบนถาด จากนั้นก็มองมาที่เธอ

         คุณพูดว่าอะไรนะ ฟรานเซส?

         ฉันถามคุณว่า คุณมีเรื่องอะไรในใจหรือ?

         มันควรจะมีอะไรล่ะ?

         อย่าให้ฉันถึงกับต้องเดาเลยค่ะ คุณควรจะบอกฉัน

         เธอกล่าวอย่างปราศจากความรู้สึก และเอาจริงเอาจัง

         เขาตอบอย่าขอไปที ไม่มีอะไรหรอก...

         เธอนิ่งเฉยไม่ตอบ แต่จะรอคอยอย่างสงบ จ้องมองเป็นเชิงถาม ไอ้คำปฏิเสธของเขาน่ะ ฟังไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เขามองมาที่เธอด้วยแววตา บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ

         เพีบงแวบเดียว เธอก็พบว่าสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยแววกังวล ใบหน้านั้นแทบจะซีดขาว เธอไม่แปลกใจเลยซักนิดต่อสิ่งที่ได้เห็น

         เธอกล่าวขึ้นเรียบๆ อย่างปราศจากความรู้สึก

         ฉันคิดว่าคุณควรจะเล่าให้ฟังดีกว่า

         เขาถอนหายใจยาว...ราวกับจะระบายความทุกข์ใจออกมาจนหมดสิ้น

         คุณต้องได้รู้แน่ เขากล่าว ไม่เร็วก็ช้านี่แหละ

         ไอ้ที่เขาเสริมขึ้นนี่สิทำเอาเธองงเป็นไก่ตาแตก

         ผมกลัวว่าคุณจะเดือดร้อนเปล่าๆ ฟรานเซส

         งง! ชักจะไปกันใหญ่แล้ว

         มันคืออะไรล่ะ เธอกล่าว ฎเรื่องเงินรึ?

         เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมนึกถึงเงินเป็นอันดับแรก ทั้งๆที่ยังไม่เห็นว่าจะมีจุดใดที่น่าจะเป็นอย่างนั้นเลยสักนิด เท่าที่รู้มา บางครั้งทางสำนักงานทนายความของเขาไม่มีลูกความไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะที่ไหนๆก็เหมือนกัน เดือนที่แล้วทหารได้รับการปลดราชการ ไอ้การขาดแคลนผู้ช่วยเหลือก็หมดไป หรืออาจจะเป็นเพราะเจอเรอมี่ไม่สบายก็ได้ ระยะหลังนี้เขาทำงานหนัก หามรุ่ง หามค่ำ แต่ถึงจะยังไงก็ตาม ฟรานเซสก็มุ่งนึกถึงไปยังเรื่องเงิน ตามสัญชาตญาณและมีทีท่าว่าจะทายถูกเสียด้วย

         สามีของเธอผงกศีรษะรับคำ

         ฉันนึกอยู่แล้ว เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิด โดยส่วนตัวของเธอแล้ว ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเงินๆทองๆเลย... แต่รู้ดีว่า สำหรับเจอเรอมี่แล้ว มันไม่เป็นอย่างนั้น เงินมีความสำคัญต่อเขามาก สำหรับเขา เงินหมายถึงความมั่นคง...หน้าที่...ตลอดจนสถานภาพทางสังคม

         สำหรับเธอชินชากับการจับจ่ายใช้สอยเงินทอง มาตั้งแต่เด็กๆในยามที่ม้าชนะการแข่งขัน เงินทองจะสะพัดเข้ามามากมาย แต่ครั้นพอถึงยามอับจนแม้แต่ร้านขายขนมก็ยังไม่ให้เชื่อ ลอร์ด เอ็ดวาร์ด ผู้เป็นพ่อต้องดิ้นรนขวนขวายหาเงินหาทองมาจับจ่ายใช้สอยตัวเป็นเกลียว ครั้งหนึ่งครอบครัวของเขาต้องถึงกับกินขนมปังแห้งแข็งกับน้ำทั้งอาทิตย์ คนรับใช้ต้องถูกปลดออกหมด พ่อเองก็ต้องหลบลี้หนีหน้าซ่อนตัวให้พ้นจากการรเร่งรัดหนี้สินของบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายแหล่

         แต่ขณะที่เธอมองสามีของเธอ ฟรานเซส รู้ได้ทันทีว่าโลกของคนในตระกูลโคลด จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้ ไม่มีการโอดครวญ อ้อนวอนขอร้องผู้ใด

         ฟรานเซส รู้สึกสงสารเจอเรอมี่จับจิต และนึกละอายใจตัวเองที่ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลย จึงกล่าวกลบเกลื่อนอย่างออกตัว

         เราจะขายทุกสิ่งทุกอย่างดีไหมคะ? สำนักงานทนายความของคุณจะล้มมั้ย?

         เจอเรอมี่ โคลด ชะงัก เธอรู้ตัวเองดีว่าพลาด

         ที่รักคะ เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล ลองบอกฉันทีสิคะ อย่าให้ฉันต้องเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเลย

         โคลดกล่าวอย่างยากลำบาก เมื่อสองปีก่อน กิจการของเราจะพังแหล่มิพังแหล่ คุณคงจำวิลเลียมได้ เจ้าหมอนั่นหนีหน้าไป กว่าเราจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ก็อานน่าดู หลังจากนั้นปัญหายุ่งยากก็ทยอยเข้ามาอีก จากวิกฤตการตะวันออกไกล หลังจากที่สิงคโปร์...

         เธอกล่าวสอดขึ้น

         ช่างมันเถอะ...ไอ้เรื่องพวกนั้นน่ะไม่สำคัญ เอาย่อๆเป็นว่าคุณกำลังเข้าตาจน หาทางออกไม่ได้ใช่มั้ย?

         เขากล่าว ผมเคยพึ่งพาการ์ดอน ถ้าการ์ดอนอยู่ปัญหาพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น

         เธอถอนหายใจอย่างกระสับกระส่าย

         แน่นอน ฉันไม่ได้คิดตำหนิชายที่น่าสงสารคนนั้นเลย...เป็นธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชายที่ชอบหลงใหลเด็กสาววัยเอ๊าะๆ และถ้าเขาปราถนาจะแต่งงาน ใครจะไปห้ามเขาล่ะ แต่มันเป็นเคราะห์ร้ายที่เขาต้องมาเสียชีวิตด้วยแรงระเบิด ก่อนที่จะทันได้จัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย ถูกต้อง ใครจะรู้ตัวว่าจะตายได้ล่วงหน้าล่ะ ความตายน่ะมันห้ามหรือต่อรองกันได้ซะเมื่อไหร่ล่ะ

         จากการที่สูญเสียเขาไป ก็เท่ากับผมสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เขากล่าวถึงการ์ดอน โคลด ผู้เป็นพี่ พอเขาเสียชีวิต ความพินาศก็ย่างกรายเข้ามาสู่ผม มันเป็นเวลาเดียวกันกับ...

         เขาชะงักคำพูด

         เราจะล้มละลายหรือ ฟรานเซส ถามผมด้วยความสนอกสนใจ

         เจอเรอมี่ โคลด มองมาที่เธอด้วยความรู้สึกที่แทบจะสิ้นหวัง แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจมัน เขาสามารถรับมือกับมันได้ดีกว่าการนั่งร้องไห้ คร่ำครวญ อ้อนวอนขอร้อง ขอความช่วยเหลือจากใครอื่น

         เขากล่าวเสียงแหบแห้ง มันร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีก...

         เขาจับตามองดูเธอ ขณะที่เธอนั่งนิ่งเงียบใช้ความคิด เขาพูดกับตัวเอง อีกไม่ช้าหรอกที่เราจะต้องบอกให้เธอรู้ เธอจะได้รู้เสียทีว่าเราอยู่ใรสภาวะเช่นไร...อาจไม่เชื่อเราเสียด้วยซ้ำ

         ฟรานเซส โคลด ถอนใจ นั่งยืดตัวตรง

         ฉันเข้าใจละ เธอกล่าว การยักยอกสินค้าหรือว่าคำกล่าวที่ไม่ถูกต้อง ประเภทของสิ่งนั้น...เหมือนกับการกระทำของวิลเลียม

         ใช่ แต่ในเวลานี้...คุณยังไม่เข้าใจ...ผมกำลังรับภาระหนักอยู่ ใครใช้เงินทุนสะสมที่มีอยู่จนหมดสิ้น ผมลบล้างร่องรอยของผมแล้ว...

         แต่ตอนนี้เรื่องมันกำลังจะแดงออกมา

         เว้นเสียแต่ว่า ผมหาเงินมาได้ทัน...อย่างรวดเร็วที่สุด

         เป็นความอับอายใหญ่หลวง ที่เขาเคยมีมาในชีวิต เธอจะรู้อย่างไร

         เธอกำลังชั่งใจอย่าสงบ แต่หลังจากนั้น เขาคิด เธอจะทำอย่างไรกับเขา

         เธอยกมือขึ้นลูบแก้ม คิ้วขมวดย่นเข้าหากัน

         โง่สิ้นดี เธอตำหนิ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่มีเงินเสียด้วย

         เขากล่าวอย่างลังเล ก็เงินทุนสมรสของคุณไงล่ะ แต่...

         เธอรำพึงอย่างใจลอย แต่ชั้นเข้าใจว่าจะใช้หมดแล้วด้วย

         เขาเงียบงัน แล้วกล่าวออกมาอย่างยากเย็น น้ำเสียงแห้งแล้ง ผมเสียใจฟรานเซส ผมเสียใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว คุณคิดผิดจริงๆ

         เธอหันขวับมาทันที

         คุณเคยพูดอย่างนั้นมาก่อน คุณหมายถึงอะไรของคุณ

         เจอเรอมี่กล่าวเสียงแผ่ว

         เมื่อคุณตกลงใจแต่งงานกับผม คุณก็ย่อมหวัง...หวังในความมั่นคง...และชีวิตที่ไม่ต้องมีแต่เรื่องวุนวายใจ

         เธอมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจ

         ให้ตายสิ เจอเรอมี่ คุณคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณเพื่ออะไรกัน

         เขายิ้มแห้งแล้ง

         คุณเป็นภรรยาที่ดีมากซื่อสัตย์ต่อผมเสมอมา แต่ผมไม่อยากคิดว่าคุณจะยอมรับผมใน...เอ้อ...ในเมื่อผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

         เธอจ้องมองเขานิ่ง และระเดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

         คุณนี่ซื่อบื้อชะมัด ไอ้ความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องทางกฏหมายของคุณน่ะทำให้คุณกลายเป็นคนคิดมากถึงเพียงนี้เชียวรึ นี่คุณคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณก็เพื่อขายตัวเองให้คุณช่วยเหลือคุณพ่อฉันงั้นหรือ คุณไม่เคยเข้าใจในความรู้สึกของฉันเลย ไม่เคยสักนิด

         เธอจ้องมาที่เขา และครุ่นคิดว่าไอ้การแต่งงานกับใครสักคน ใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่ายี่สิบปีโดยที่ไม่รู้จิตใจกันและกัน น่าตลกเป็นบ้าเลย

         พ่อสามีซื่อบื้อเธอพูดออกมาดังลั่น ฉันแต่งงานกับคุณก็เพราะความรัก ฉันรักคุณ...

         รักผมหรือ? แต่คุณเห็นอะไรในตัวผมบ้าง

         ถ้าคุณถามฉันอย่างนั้น เจอเรอมี่ ฉันเองก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า คุณน่ะแตกต่างไปจากบรรดาคนอื่นๆที่สนิทสนมกับคุณพ่อ คุณไท่เคนพูดถึงเรื่องม้า ไม่เคนพูดถึงเรื่องการพนัน คุณคงไม่รู้สินะ ว่าฉันน่ะเบื่อหน่ายกับสิ่งเหล่านี้ขนาดไหน...คุณจำได้รึเปล่า...คืนนั้นฉันนั่งอยู่ข้างๆคุณและถามคุณว่า โลหะผสมคืออะไร คุณก็อธิบายให้ฉันฟัง...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใช้เสลาตลอดระยะเวลาหารมื้อค่ำนั้น...

         มันคงทำให้คุณเบื่อหน่ายน่าดูชมละสิเจอเรอมี่กล่าว

         มันเป็นความมีเสน่ห์มากกว่าไม่เคยมีใครเคยสนใจพูดคุยกับฉันอย่างอาจริงเอาจังเช่นนั้นมาก่อนเลย คุณเป็นคนสุภาพมาก ไม่เคยแม้แต่จะมองหน้าฉันตรงๆ หรือคิดว่าฉันสวย ฉันจึงเริ่มรู้สึกสนใจ เลยสาบานกับตัวเองว่าจะต้องทำให้คุณสนใจฉันให้ได้

         เจอเรอมี่ โคลด กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม ทำไมผมจะไม่สนใจคุณ คืนนั้นพอผมกลับมาบ้านก็เล่นเอานอนไม่หลับ คุณสวมชุดสีฟ้าลายดอกข้าวโพด...

         ทั้งเธอและเขานิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง เจอเรอมี่กระแอมเบาๆในลำคอ

         เอ้อ...เรื่องราวเหล่านี้มันผ่านมานานแล้ว...

         เธอพยายามระงับความวุ่นวายใจของเขา ด้วยคำปลอบโยน

         และตอนนี้อายุของเราก็ปาเข้าวัยกลางคนแล้ว เราต้องค้นหาทางออกที่ดีที่สุด

         ไอ้ที่คุณเพิ่งจะบอกผมเนี่ย มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก...

         เธอขัดขึ้น

         เรามาพูดกันให้รู้เรื่อรู้ราวเสียที คุณเองเป็นทนายความ เป็นผู้รู้ตัวบทกฏหมาย แต่ดันทำความผิดเสียเอง คุณอาจถูกตัดสินจำคุก เขาสะดุ้งเฮือก ฉันไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ฉันจะต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งมัน แต่อย่านึกว่าฉันจะทำมันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมานะ ฉันไม่ได้มาจากครอบครัวอะไรที่ดีนักหนา จำได้ไหม แม้แต่คุณพ่อเองท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียง มียศถาบรรดาศักดิ์ ท่านยังเล่นตุกติกอยู่บ่อยๆ และยิ่งชาร์ลส ลูกพี่ลูกน้องด้วยแล้วตัวแสบเชียวแหละ แม้จะไม่ได้ถูกตัดสินจำคุก แต่ก็ถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ลูกพี่ลูกน้องของฉันอีกคน เจอรัลด์...เขาปลอมลายเซ็น เช็คสั่งจ่ายที่อ๊อกฟอร์ด แต่พอกลับจากสงคราม ดันได้เหรียญกล้าหาญ คุณก็คงรู้อยู่แล้วกระมังว่าคนเราน่ะไม่ได้ดีเลิศไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะอย่ายิ่งในกรณีที่มีความจำเป็นบังคับ มนุษย์เราต้องหาทางออกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ฉันเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์ในโลกเรานี่หรอก

         ที่รักเขาลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหา ก้มลงจูบเรือนผมของเธอ

         เธอยิ้มให้เขา เราจะทะอะไรกันต่อไปดีคะ จะหาเงินจากที่ไหนได้

         ใบหน้าของเจอเรอมี่ ตึงเครียด

         ผมไม่รู้จะหาเงินได้ยังไง

         ก็จำนองบ้านหลังนี้สิคะ เธอโพล่งออกมา จริงสินะ ฉันนี่มันโง่ซะจริงๆ แน่นอน คุณทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้เลย คำถามต่อไปก็คือ เราจะไปหาใครดี ใครที่สามารถให้ความช่วยเหลือค้ำจุนเราได้ ฉันเห็นจะมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่อาจจะมีทางเป็นไปได้ ภรรยาหม้ายของการ์ดอนไงคะ...โรซาลีน

         เจอเรอมี่ สั่นศีรษะด้วยความคลางแคลง

         มันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก...ไม่สามารถจะถอนออกมาจากเงินต้นได้ เพราะมันเป็นเงินที่เธอฝากเอาไง้เพื่อดอกเบี้ยเท่านั้น

         ฉันไม่ยักกะรู้ คิดว่าเราจะถอนออกมาได้อย่างสะดวกสบาย แล้วถ้าเธอตายอะไรมันจะเกิดขึ้นคะ

         มันก็จะกลายมาเป็นสมบัติของตระกูลโคลด ของบรรดาญาติพี่น้องของการ์ดอน อาจจะกล่าวได้ว่ามันต้องทำการแบ่งเป็นส่วนๆสำหรับผม,ลีโอเนล,อเดล่าและลูกชายของมอริส คือโรว์ลี่

        มันจะกลายมาเป็นของเรา...ฟรานเซสทวนคำช้าๆ

         ราวกัมีอะไรบางอย่างผ่านวูบเข้ามาในห้อง...ความคิดสว่างสดใส

         ฟรานเซสกล่าว ไม่เห็นคุณบอกฉันเลย...ฉันคิดว่า เธอได้มันไปครอบครองทั้งหมด...สิทธิการยกให้ใครต่อใครขึ้นอยู่กับตัวเธอเท่านั้นเสียอีก

         ไม่ได้หรอก ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตามกฏหมายว่าด้วยการสืบทอดมรดก ปี 1925...

         ฟรานเซสไม่ได้สงสัยอะไรกับคำอธิบายของสามี พอเขาหยุดพูด เธอก็กล่าวขึ้น

         เราคงจะตายกันเสียก่อนที่จะได้รับมรดกสิท่า อีกนานหลายปีกว่าที่อายุของเธอจะเข้าวัยกลางคน เธออายเท่าไรคะ? ยี่สิบห้า...หรือยี่สิบหกคะ เธออาจจะมีอายุยืนยาวถึงเจ็ดสิบปีก็เป็นได้

         เจอเรอมี่ โคลด เอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก

         เราอาจจะขอกู้จากเธอ...ด้วยเหตุผลว่าเป็นความจำเป็นของครอบครัว เธออาจจะใจดี...ยินดีให้เรากู้ก็ได้...แต่เรารู้จักสนิทสนมกับเธอน้อยเต็มที...

         อันที่จริงเราก็ดีกับเธอ...ไม่มีอคติเหมือนอเดล่า เธอคงจะยินดีฟรานเซสออกความคิดเห็น

         แต่เรา...เอ้อ...จะต้องไม่ทำให้เราเห็นว่าเราร้อนเงินนะสามีของเธอเตือน

         ฟรานเซสกล่าวอย่างกระสับกระส่าย แน่นอน ฉันรับรอง ปัญหาใหญ่มันไม่ได้อยู่ที่ตัวพี่ชายของหล่อนหรอก เงินของหล่อนจะให้ใครต่อใครก็ย่อมไม่มีความผิด

         ก็ไอ้พวกเศษเดนสังคมคนหนึ่ง เจอเรอมี่กล่าว

         ฟรานเซสฉีกยิ้มกว้าง ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก หน้าตาท่าทางของเขาหล่อเหลา เสียแต่บ้าๆบอๆ ท่าทางสติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื่อกับตัว ฉันเองก๋เป็นอย่างนั้น

         เธอฝืนยิ้ม สบตากับผู้เป็นสามี เรายังไม่ถึงกับล้มละลายเสียทีเดียว มันต้องมีทางจนได้สิน่า เราไปปล้นธนาคารก็ยังได้นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×