ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Disintegrate..Fragment of Love

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 ~ คำสั่งของพ่อและเงื่อนไขที่ตามมา

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 49


    Chapter 2

     แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องผู้ป่วย  เพิ่มระดับอุณหภูมิจากความเย็นเยือกให้ค่อยๆอบอุ่นขึ้น  หญิงสาวบนเตียงเริ่มขยับตัวนิดๆก่อนแพขนตาหนาจะค่อยๆปรือขึ้นอย่างอ่อนล้า  ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือเพดานสีขาวอันแปลกตาไปจากปกติ  แต่ใช่ว่าไม่คุ้นเคยกับมันเสียทีเดียวสำหรับคนที่คลุกคลีกับโรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็กอย่างเธอ  ไอยเรศค่อยๆรวบรวมความทรงจำจากภาพที่ตกค้างอยู่ในสมองแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างเลือนราง  ทว่าคนที่ให้คำอธิบายแก่เธอได้มากกว่าคงเป็นชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกเจ้าตัวยกมาวางข้างเตียง

     " พี่ชาย..."

     เมื่อได้ยินเสียงใสๆที่บัดนี้มีร่องรอยของความอ่อนเพลียเรียก  ร่างชายหนุ่มผู้งีบหลับในท่านั่งก็ค่อยขยับตัวก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นอย่างตื่นๆ  ไอยเรศมองพี่ชายของเธอกุลีกุจอเอาเครื่องมือนั่นนี่มาวุ่นวายกับเธออย่างเงียบๆ  จนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของอีกฝ่ายเธอจึงค่อยเริ่มต้นพูด

     " พี่ชายพาไอมาที่นี่เหรอคะ  แล้วเมื่อคืนไอ..." ไอยเรศเริ่มต้นแต่ก็ถูกสายตาดุๆปรามมาเสียก่อน

     " อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ  คุณหนูพักผ่อนก่อนดีกว่า " รัชตะยังคงเรียกเธอเช่นเดิมด้วยความเคยชินทำเอาคนถูกเรียกทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ

     " ขอโทษครับ...ไอ  แต่ตอนนี้รีบพักผ่อนก่อนนะครับ  เดี๋ยวพี่จะโทรไปลาที่คณะให้ "

     " ไม่ต้องมาทำพูดดี  พี่ชายเป็นหมอคงรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ  ไอเองก็รู้เพราะงั้นบอกมาเถอะค่ะว่าไอเป็นโรคหัวใจใช่มั้ยคะ " น้ำเสียงหวานเจือแฝงต่อต้าน  ทว่าก็เงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของอีกฝ่าย  ไอยเรศเผลอจ้องมองพี่ชายของเธออีกครั้งราวกับไม่เคยเห็นเขามาก่อน

     " พี่ชายอย่าบอกคุณพ่อนะคะ  ขืนบอกต้องให้ไอหยุดเรียนแน่ๆ  ไออยากเรียนต่อให้จบ " หญิงสาวเอ่ยพลางจ้องมองความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของคนเป็นพี่ชาย  รัชตะยังคงเงียบ

     " ไอมีอาการมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ "

     " ประมาณอาทิตย์นึงได้ค่ะ  ตอนแรกคิดว่าเพราะความเครียดเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องงาน  แต่พอสังเกตอาการไปแล้วก็นึกรู้ว่าไม่ใช่  น่าแปลกจังนะคะทั้งๆที่ตอนตรวจสุขภาพประจำปียังไม่มีอะไรผิดปกติสักนิด " ไอยเรศเอ่ยราวกับว่าไม่กังวลอะไรเลย  ขณะที่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด

     " ยังไงพี่ก็ต้องขอให้ไอดร็อปเรียนไปก่อน  เดี๋ยวพี่ทำเรื่องให้เอง...อ้างเรื่องอะไรก็ได้ " รัชตะพูดราวกับจิตใจไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว  เขาลุกขึ้นเดินหมายจะออกไปจากห้องก่อนจะได้ยินเสียงเรียกที่ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้าลง

     " สัญญานะคะ...พี่ชายต้องไม่บอกใครว่าไอป่วยเป็นอะไร  แล้วก็..." เธอเว้นวรรคเล็กน้อยรอให้อีกฝ่ายหันกลับมา  " พี่ชายอย่าคิดมากนะคะ " รัชตะถึงกับอึ้งไป  ความจริงประโยคนี้เขาควรเป็นคนพูดกับเธอด้วยซ้ำ  นี่เขาดูแย่ถึงขนาดต้องให้คนป่วยมาปลอบเชียวหรือเนี่ย

     " ครับ...ไอเองก็นอนพักอยู่นี่อย่าดื้อล่ะ  เดี๋ยวพี่จะให้พยาบาลมาดูแลนะครับ " น้ำเสียงและสายตาอันอ่อนโยนที่ทอดมองมาชวนให้รู้สึกอุ่นใจ  ไอยเรศพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆเลื่อนตัวลงนอนพักผ่อนโดยไม่อิดเอื้อนอีกต่อไป


     ...........................................................


     " ลูกไอ...!! "

     ตอนสายๆปฐวีก็ผลุนผลันมาโรงพยาบาลทันทีที่ได้ทราบเรื่องจากรัชตะ  เสียงดังสนั่นปานฟ้าจะถล่มนั่นทำเอาไอยเรศตกใจตื่น  หลังจากนั้นก็ถูกผู้เป็นพ่อคว้าตัวไปกอดก่อนที่จะทันรู้ตัวด้วยซ้ำไป  หญิงสาวได้แต่มองตาปริบๆอย่างขวยเขิน  คงเพราะเธอกับพ่อไม่ค่อยได้แสดงความรักกันออกนอกหน้าให้รัชตะเห็นบ่อยๆก็เป็นได้จึงรู้สึกไม่ค่อยชินกับสายตาที่มองมาอยู่  อีกฝ่ายคงจะรู้ตัวจึงเบือนสายตาไปทางอื่นเสียอย่างนั้น

     กว่ารัชตะจะช่วยพูดให้ปฐวีสงบสติอารมณ์ได้ก็เล่นเอาไอยเรศรู้สึกว่าตัวเองคงหน้าแดงอย่างนี้ตลอดไป  หลังจากได้ฟังคำอธิบายอีกครั้งจากปากลูกสาว  คนเป็นพ่อจึงค่อยๆยอมรับขึ้นมาทีละน้อย

     " ก็บอกแล้วไงคะว่าเพราะเรียนหนักไปหน่อยก็เลยเหนื่อยแค่นั้นเอง " ไอยเรศรีบย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าปฐวียังตั้งท่าจะปักหลักอยู่เฝ้าเธอไปทั้งวัน  ตัวเขาเองก็เคยเป็นหมอมาก่อนที่จะรับสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้  ถ้าเกิดไอยเรศแสดงอาการแปลกๆออกไป  เธอไม่คิดว่าปฐวีจะลืมความรู้ที่เคยมีแล้วเดาอาการของเธอไม่ออก

     " เรียนหนักจนเป็นลมเป็นแล้งไปแบบนี้พ่อไม่เอาด้วยแล้วนะ  ลูกไม่ต้องเรียนแล้ว  ให้รัชตะหัดงานในโรงพยาบาลไปเลย "

     " โธ่...คุณพ่อคะ  แพทย์ก็ต้องเรียนหนักอยู่แล้วนี่คะ  ยิ่งขึ้นปีสี่ต้องขึ้นชั้นคลีนิกด้วย..." ไอยเรศรีบส่งสายตาไปทางพี่ชายของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ

     " ไม่เอา...พ่อไม่ให้เรียนแล้ว " ปฐวียังคงดึงดันเจตนารมย์เดิมอย่างดื้อดึง

     " งั้นให้ผมเป็นแอดไวเซอร์ให้คุณหนูดีไหมครับ  จะได้เรียนพร้อมทั้งหัดงานไปด้วย " เสียงสวรรค์ของรัชตะดังขึ้น  ไอยเรศรู้สึกเหมือนอยากโผไปกอดพี่ชายของเธอเสียตอนนี้เลย  ปฐวีทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบ...

     " เอาตามนั้นก็ได้...ยังไงก็เป็นคนคุ้มกันอยู่แล้ว  เปลี่ยนเป็นอาจารย์เพิ่มไปด้วยคงไม่หนักหนาอะไรหรอก...เอาเป็นว่าฝากน้องด้วยละกัน  พ่อไปนะ...ต้องไปประชุมฝ่ายบริหารต่อ " ปฐวีเอ่ยตอบรัวเร็วราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้ว  ก่อนจะหอมแก้มลูกสาวเบาๆแล้วบอกลาออกจากห้องไปพร้อมกับภมรที่รออยู่หน้าห้อง

     "............"

     " อาการเป็นยังไงบ้างครับ " เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมทั้งสองชั่วครู่ก่อนรัชตะจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน  ไอยเรศขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล  เห็นดังนั้นรัชตะจึงเข้าไปช่วยประคองอย่างเกร็งๆ

     " พี่ชายเป็นอะไรไปคะ  ดูท่าทางเกร็งๆชอบกล " ไอยเรศกล่าวพลางกลั้นยิ้ม

     " เปล่าครับ...เดี๋ยวขอพี่ตรวจอาการดูอีกรอบนะครับ " รัชตะเลี่ยงที่จะตอบคำถาม  อาการห่างเหินอย่างแปลกๆนั่นทำให้หญิงสาวหงุดหงิดยิ่งนัก  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น


     ตอนพักกลางวันพวกเพื่อนที่คณะแห่กันมาเยี่ยมไอยเรศทั้งทีม  นำโดยมินวดีเพื่อนสนิทเป็นผู้นำขบวน  เพราะอาจารย์รัชตะไม่ได้เข้าสอนทั้งหมดจึงได้ทราบว่าเขามาดูแลไอยเรศที่ป่วยอยู่

     " โอ๋ๆๆ  คราวหลังจะไม่ใช้ให้ทำงานให้แล้วล่ะ  ดูสิหน้าตายังดูเซียวๆอยู่เลย " มินวดีวาพลางมานั่งลูบๆหัวไอยเรศที่เตียง

     " ไม่ใช่แค่ของมิ้น  ของแพม  ของตาลและก็ของพจน์ไอก็ขอแคนเซิลนะคะ " ไอยเรศได้ทีโยนงานคนอื่นที่ยัดมาให้ทำทิ้ง  เจ้าของคดียิ้มแห้งๆคนอื่นๆพากันฮาครึน  ขณะที่รัชตะยืนเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่บนหัวเตียง (เหมือนเจ้าที่เจ้าทางยังไงก็ไม่รู้)

     " แล้วแกป่วยเป็นอะไรล่ะ  เมื่อวานยังกระดี้กระด๊าอยู่เลยว่า..." พรพิมลหรือแพมเอ่ยถามพลางจะแซวแต่เดินไอยเรศถองเสียก่อนเพราะเห็นรัชตะยังมองอยู่

     " เมื่อไหร่จะได้กลับไปเรียนล่ะครับ " สุพจน์ชายหนุ่มผิวขาวแสนสุภาพเอ่ยถามอย่างกลัวๆกล้าๆ

     " นั่นสิ...ไม่มีไอแล้วใครจะแข่งเป็นที่หนึ่งกับฉันล่ะ " มินวดีว่าพลางลูบผมคนป่วยแรงๆอีกครั้ง  คราวนี้ไอยเรศเงียบไปอย่างรอให้ความอยากรู้ของทุกคนพุ่งถึงขีดสุดก่อน...

     " คุณพ่อไอท่านไม่ให้เรียนต่อแล้วล่ะ  แต่จะให้ฝึกงานโนโรงพยาบาลเลยแล้วให้อาจารย์รัชตะเป็นแอดไวเซอร์ให้ " ไอยเรศบอกเสียงอ่อยๆ  รับรู้ได้ถึงกระแสความตกใจระคนประหลาดใจของเพื่อนๆ  ทุกคนสูดลมหายใจเข้าพร้อมกันเฮือกหนึ่งก่อนจะพร้อมใจกันมองไปทางอนุสาวรีย์ที่อยู่บนหัวเตียงอย่างขอคำตอบ  พวกเขาพอจะรู้อยู่ว่าสมัยเรียนอาจารย์รัชตะได้คะแนนสูงสุดในชั้นปีทุกครั้งซ้ำยังจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอีกด้วย  แต่ไม่นึกว่าพ่อของไอยเรศจะไว้วางใจขนาดฝากลูกสาวคนเดียวที่สุดรักสุดหวงให้เป็นลูกศิษย์ชนิดตัวต่อตัวได้

     " จริงเหรอครับ...อาจารย์ " สุพจน์กลั้นใจถาม  รัชตะพยักหน้าตอบเงียบๆทำเอาทั้งหมดกลั้นหายใจอย่างตกตะลึงอีกครั้ง

     " โชคดีเป็นบ้าเลยว่ะแก..." ญาดาแอบถองไอยเรศเข้าแรงๆทีหนึ่ง  เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาสาวที่แอบปลื้มอาจารย์หนุ่มมาดขรึมอย่างรัชตะอยู่  โดยเฉพาะเธอแอบปลื้มมาตั้งแต่สมัยเป็นรุ่นพี่คณะแพทย์แล้ว  ไอยเรศทำหน้าปุเลี่ยน

     " เสียใจด้วยนะเฟ้ย...ตาล  อาจารย์รัชตะสุดหล่อของแกน่ะ..." มินวดีกระซิบเสียงไม่ค่อยนักอย่างลืมไปสนิทว่าคนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นชื่อรัชตะ

     " คุณไอยเรศต้องพักผ่อนนะครับ  ถ้าพวกคุณไม่มีธุระอะไรมากไปกว่านี้ก็ขอเชิญกลับ " รัชตะกระแอมขัดจังหวะขึ้นมาอย่างเสียมิได้  เหล่านักศึกษาแพทย์ต่างลอบสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากผลของคำว่า ' อาจารย์รัชตะสุดหล่อ ' แต่ก็เห็นผู้เป็นอาจารย์มีท่าทีเป็นปกติ

     " งั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ...หายเร็วๆนะไอ " มินวดีเป็นตัวแทนกล่าวคำอำลา  ก่อนกองทัพย่อมๆของเหล่าว่าที่แพทย์ทั้งหลายจะเคลื่อนพลออกไปจากห้องพักผู้ป่วย


     " พี่ไม่ยักรู้ว่าไอมีเพื่อนมากมายขนาดนี้ " รัชตะอ้อมมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมของตนที่ถูกสุพจน์ครอบครองไปเมื่อครู่  จ้องมองคนป่วยบนเตียงด้วยแววตาที่เดาความรู้สึกไม่ถูก

     " ก็เพื่อนๆที่คณะน่ะค่ะ  พวกเรามีอุดมการณ์เดียวกันเลยเข้ากันได้ดีทุกคน " ไอยเรศว่าด้วยท่าทีปลาบปลื้ม  ทั้งๆที่คณะแพทย์มักมีอัตราการแข่งขันสูงทำให้นักศึกษาพลอยจะหมางเมินกันไปหน่อย  แต่เธอดีใจเหลือเกินที่พวกเขากลับสนิทกันขนาดนี้

     " ก็ดีแล้วครับ " รัชตะว่าพลางถอนหายใจ

     " อ้าว...นึกว่าจะโกรธซะอีก " ไอยเรศเอ่ยยิ้มๆ   เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรอีกเธอก็เลือกที่จะเงียบแทน

     " พี่ชาย...ไอขอถามอะไรอย่าง "

     " ครับ " คนถูกเรียกเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบรับ

     " เมื่อไหร่พี่ชายจะเริ่มเทรนงานให้ไอ " ไอยเรศกลั้นใจถามทั้งๆที่แทยจะเดาคำตอบล่วงหน้าอยู่แล้ว  ทว่า...

     " ไม่เมื่อไหร่อะไรทั้งนั้นล่ะครับ...ทั้งหมดนั่นพี่จงใจบอกเพื่อไม่ให้คุณท่านสงสัย " คำตอบที่ได้กลับพลิกความคาดหมายไปอีกโข

     " พี่ชาย ! "

     " ลำพังงานปกติก็ยุ่งแทบแย่อยู่แล้ว  จะเอาเวลาที่ไหนมาอีกล่ะครับ "

     " พี่ชาย ! " น้ำเสียงหวานเริ่มปนกระแสไม่พอใจ  ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีไม่รู้ไม่ชี้เสียแบบนั้นก็ยิ่งชวนให้อารมณ์เสีย

     " ไม่รู้ล่ะ  อย่าลืมหาอะไรมาล่ามไว้ด้วยละกัน  เพราะไอจะหนีไปเรียน "


     เมื่อได้ยินคำขาดเช่นนั้นรัชตะก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกระอาในความเอาแต่ใจของหญิงสาวก่อนจะกลับไปสนใจกับหนังสือที่อ่านค้างอยู่ต่อ...


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×