ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Relation18 [Zouis 1D fiction]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 58


    CHAPTER 3

     

     

    [Zayn's part]

    เจ้าของใบหน้าคมมองนาฬิกาแล้วได้แต่ส่ายหัว บ่ายสี่โมงอีกแล้วหรอเนี่ย... เขาแถบจะตื่นสายแบบนี้เกือบทุกวัน ตั้งแต่ไม่มีคนมาปลุกเขาแบบที่ผ่านมา

     
     

    ผมหมกตัวอยู่แต่ในห้อง พยายามไม่ออกไปไหนเพื่อไม่ให้ใครบางคนเห็นหน้าผม ใครบางคนที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมแคร์เขามาก และผมก็คิดถึงเขามาก มากจนไม่เป็นอันทำอะไร ผมได้แต่นั่งโทษตัวเองกับคำพูดงี่เง่าที่ผมพูดไปในวันนั้น ผมยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี มันเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด ตั้งแต่ผมเคยเจอมา

     
     

    เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งหรือสองครั้ง มันเกิดขึ้นบ่อยระหว่างผมกับเขา ผมยอมรับว่าผมรักสนุกและเที่ยวเล่นกับผู้หญิงไปเรื่อยไม่แคร์สายตาใคร ส่วนใหญ่แล้วคนที่คบกับผมเขามักจะทนไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนี้ แค่ครั้งสองครั้งเขาก็ทิ้งผมไป แต่กับเขา... ลูอี ทอมลินสัน เขาเป็นคนที่อดทนกับผมได้มากที่สุด มากกว่าทุกคนที่ผมเคยคบมา

     
     

    แต่แล้วก็ถึงวันที่เขาเห็นพฤติกรรมแย่ๆของผมกับตาของเขาเอง ถือว่าเป็นวันที่โชคร้ายที่สุดสำหรับผมแล้วละครับ วันที่จู่ๆความรู้สึกผิดต่างๆนานาถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกที่เหมือนเสียของล้ำค่าที่ไม่เคยใส่ใจได้หล่นหายไป

    .

    .

    .

    .

    ผมเพิ่งจะมารู้ค่าของมัน ในวันที่ผมเสียมันไป

     
     

    แหวนเงินที่เป็นสื่อแทนความรัก ถูกเขาถอดทิ้งอย่างหมดเยื้อใย ในตอนนั้นทำให้ผมรู้ว่า ผมหมดโอกาสแก้ตัวแล้ว ในตอนนั้นผมยื้อเขาไม่ได้แล้ว นี่สินะคือผลจากการกระทำแย่ๆของผม ที่ไม่สมควรให้อภัย

     
     

    หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เหมือนผมกลายเป็นมนุษย์กลางคืนไม่มีผิด ผมนอนกลางวัน แล้วตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน ไม่มีอะไรทำก็ออกไปเที่ยวผับเพื่อให้เลิกฟุ้งซ่าน วนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆและไม่รู้ว่ามันจะจบสิ้นตอนไหน

     
     

    ผมเดินตรงไปที่ตู้เย็นด้วยความหิวที่เกิดจากการไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบค่อนวัน ได้แต่หวังว่าขอให้มีอะไรกินสักหน่อยก็ยังดี

     

     
     

    แครอท?

     

     

    เฮ้อ... เอาอีกแล้วสินะ หนีไม่พ้นจริงๆ เหมือนกับผมโดนหลอกหลอนเลยแหะ จะทำอะไรจะไปที่ไหนก็ต้องเห็นหน้าของเขาลอยมาอยู่เรื่อย นี่เขาเล่นของใส่ผมรึเปล่าเนี่ย เอาวะเหลืออยู่อย่างเดียว กินก็กิน เห็นทีวันนี้ผมต้องออกไปซื้อของมาเพิ่มสะแล้ว

     
     

    ผมจัดการหยิบแครอทสดๆมาล้าง แล้วจับยัดเข้าปาก ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบที่สุด แต่มันคือ สิ่งที่เขาชอบ... ที่สุด

     
     

     

    ผมคิดถึงเขาอีกแล้ว... ให้ตายสิ

     

     

    ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ภาพเขาออกไปจากหัว ก่อนที่ผมจะไม่เป็นอันทำอะไร ผมจัดการใส่กางเกงยีนขาเดฟ พร้อมเสื้อยืดสบายๆ และสวมเชิ้ตทับให้ดูมีอะไร ในขณะที่แครอทก็ยังคงคาปากผมอยู่

     
     

    ผมจัดการเซ็ตผมลวกๆ และหยิบซากแครอทที่หมดแล้วไปทิ้ง พร้อมกับเอาหัวใหม่ออกมาล้างพร้อมจับเข้าปาก ก่อนจะหากุญแจห้องแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

     
     

    ผมเดินออกมาหน้ามหาลัย เพราะบริเวณแถวนี้ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาหารคาวหวาน ที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้ ไหนไหนก็ออกมาแล้ว แวะไปร้านนมสดของป้าซาร่าหน่อยดีกว่า

     

     
     

    18.00 น. ณ ร้านนมสด

     

    ผมมาร้านนี้บ่อยมากตอนที่ผมคบกับเขาอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้มาแล้ว กลัวเขาเจอหน้าผม ผมกลัวผมทำเขากังวลใจ กลัวเขารังเกียจผมไปมากกว่านี้ ที่นี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน การตกแต่งร้าน ตำแหน่งโต๊ะยังคงเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม เว้นเสียแต่ผมสิ...ที่ไม่เหมือนเดิม

     
     

    "อ้าว ไอหนวดมาทำอะไรมิทราบ?" เสียงเด็กหนุ่มผมบลอนด์พูดจาท้าทายตั้งแต่ผมก้าวเท้าเข้ามา ดูก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ เพราะไอนี้มันชอบลู แล้วผมก็เคยเป็นแฟนลู ก็นั้นแหละอย่างที่บอก มันเลยพูดจากวนเท้าไม่ต้อนรับ

     
     

    "นมร้อน" ผมสั่งเมนูสิ้นคิดที่ผมกินประจำ เพราะไม่รู้จะสั่งอะไรให้เด็กคนนั้นรับออเดอร์ แต่ใช่ว่ามันจะจดง่ายๆ มันยังคงทำหน้าทำตากวนฝ่าเท้าไปเรื่อยๆ


               "ไม่ขาย..." เด็กผมบลอนด์พูดเย้ยด้วยท่าทีกวนประสาท แต่มันยังไม่ถึงจุดเดือดผมหรอกครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ใจร้อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ผมไปถือศีลแปดมา... ฮ่าๆๆ (อะไรวะ5555555)

    "อะไร ใครไม่ขายอะไร" เสียงป้าซาร่าดังมาจากหลังเคาน์เตอร์ สักพักแกก็ชะโงกหน้าขึ้นมาดู พร้อมยิ้มทักทายให้ผมหน้าตาสดชื่นเหมือนเคย ก่อนจะออกมาดึงกระดาษจดออเดอร์กับปากกาจากมือหลาน ก่อนจะก้าวเท้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ทำเอาหลานหน้าบูดบึ้งเดินกระทืบเท้าขึ้นข้างบนอย่างขัดใจ

    "ไม่ได้เจอกันนานเลยน้า ปกติเห็นมากับลูนี่นา แล้วทำไมวันนี้มาคนเดียวละจ้ะ" ป้าซาร่าตั้งคำถามอึดอัดใส่ผม ผมจ้องป้าแกตาขวางก่อนจะนึกได้ว่าเรื่องนี้ป้าแกยังไม่รู้และหลานชายแกก็ยังไม่รู้

    "เลิกกันแล้วครับ" ผมพยาพยามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเพื่อให้ดูว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ในขณะที่คนฟังคำตอบได้แต่ทำตาโต และรีบขอโทษกับคำถามที่ตอกย้ำคนตอบโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะสั่งเมนูที่พูดไปก่อนหน้าให้ป้าซาร่าจด และที่เหลือก็แค่นั่งรอ

     

    "เลิกก้นได้สักที" เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่เพิ่งเข้ามานั่งตรงข้ามพูดขึ้น หลังจากที่ไปแอบฟังบทสนทนาของผมกับป้าซาร่าที่ซอกหลืบที่ไหนสักแห่ง คำพูดนั้นทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์ไปมองเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม "สมน้ำหน้า ทำตัวเองแท้ๆเลย"

    "อืม" ผมพยักหน้ายอมรับง่ายๆ ทำให้เด็กหัวทองนั้นทำตัวไม่ถูก เพราะปกติผมกับเขาจะเถียงกันจนร้านแทบระเบิดเลยก็ว่าได้  "ฝากดูแลด้วยนะ" เด็กหนุ่มผมบลอนด์ได้แต่ทำท่าทางเก้ๆกังๆ เพราะไม่คิดว่าผมจะมาด้วยท่าทีแบบนี้

    "ดูแลแน่ๆ ไม่ต้องบอกฉันก็ดูแลอยู่แล้ว!!" เด็กผมบลอนด์พูดตะโกนเสียงดัง กลบอาการงุนงงของตัวเอง ทำเอาผมกลั้นขำแทบไม่อยู่ "ยิ้มอะไร?" เด็กหนุ่มถามอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่ป้าซาร่าจะเอานมร้อนมาเสิร์ฟ และปล่อยให้เราคุยกันไป

     

    "ฮ่าๆ ป่าวไม่มีไร เอ้อ... แล้วถ้าลูมันมา อย่าบอกมันเด็ดขาดว่าฉันมา แล้วก็อย่าพูดชื่อฉันให้ลูได้ยิน เข้าใจมั้ย?"

    "แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอกด้วย!?" เด็กหนุ่มพูดเสียงดังอำพรางความหวาดกลัวที่ปิดไม่มิด

    "ก็ลองดูสิ" ผมพูดโดยไม่ได้จ้องหน้าคู่สนทนาก่อนจะยกนมร้อนขึ้นดื่มแบบไม่สนใจอะไร เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลยได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ

     

    ผมนั่งกินนมร้อนไปเรื่อยๆ โดยที่มีหนุ่มบลอนด์นั่งอยู่ตรงข้ามทำท่าทางอึดอัดโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เพราะรังสีความน่ากลัวจากตัวผมในอดีตยังไม่หายไป

     
     

    ผมเคยอยู่โรงเรียนเดียวกับเด็กกวนประสาทนี่ตอนม.ปลาย ผมย้ายโรงเรียนเพราะเรื่องชกต่อยที่เป็นกิจวัตร ชื่อเสียงผมค่อนข้างติดลบเวลามีคนพูดถึงชื่อ เซน มาลิค ไม่มีใครไม่รู้จักผม เพราะผมเคยเป็นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลของโรงเรียน มองย้อนกลับไปก็มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น หาเรื่องเขาเอย ก่อกวนโรงเรียนอื่นเอย ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยสักนิด พอเข้ามหาลัยมาได้ ผมเลยจัดการทิ้งทุกอย่าง เพราะพ่อแม่ขอไว้ ก็เลยเหลือแต่นิสัยม่อผู้หญิงอ่อยผู้ชายมานี่แหละ ฮ่าๆๆ

     
     

    หลังจากนมร้อนหมดจนถึงก้นแก้ว เหลือเพียงคราบนมที่ติดอยู่ขอบแก้วใสเท่านั้น ผมจัดการจ่ายเงินค่านมอร่อยๆ และหันไปกำชับไนออลเรื่องที่ตกลงกันไว้ เด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้ารัวๆ ก่อนที่ผมจะยีหัวมันไปด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนบอกลาป้าซาร่า แล้วเดินออกจากร้านพร้อมเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตู

     
     

    ผมมองดูนาฬิกาตัวโปรดที่อยู่บนข้อมือของผมอีกครั้ง เข็มชี้บอกเวลาว่าใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดลง แต่แถวนี้ยังคงคึกครื้น ไม่มีท่าทีว่าจะหลับใหล ยิ่งดึกมากเท่าไหร่ คนยิ่งเยอะมากเท่านั้น

     
     

    เวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะกลับไปที่คอนโด ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าร้านหนังสือที่อยู่ข้างๆ เพื่อหาอะไรอ่านเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา

     

    ร้านหนังสือนี้เป็นที่นิยมของนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ เพราะมีที่นั่งอ่านหนังสือกว้างขวาง ถือว่าเป็นห้องสมุดขนาดย่อมที่จะซื้อหนังสือหรือไม่ซื้อก็ได้ไม่มีใครว่า เพราะนอกจากบรรณารักษ์จะสวยแล้ว ยังใจดีอีกต่างหาก

     
     

    “อ้าวเซน... หายเงียบเลยนะเดี๋ยวเนี้ยะ” ลิลลี่ หรือเรียกสั้นๆว่า ลิล บรรณารักษ์สุดสวยอายุราวๆวัยทำงาน แต่หน้าตาที่ขัดกับตัวเลข ถ้าประเมินจากภายนอกย่อมคิดว่าเป็นนักศึกษามาทำงานพิเศษ ซึ่งนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ทำให้คนที่เข้าออกร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียส่วนมาก บ้างก็คอยมาจีบ บ้างก็คอยมามอง แต่คนที่ชนะใจเธอได้ ก็คือ ผมเอง... เซน... มาลิค แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดนะ ผมกับลิลลี่มองกันเป็นพี่สาวน้องชายมากกว่า

                “ทำไม... คิดถึงหรอ?” ผมถือวิสาสะเท้าแขนกับเคาท์เตอร์แล้วจ้องหน้าบรรณารักษ์สุดสวยตรงหน้า พร้อมส่งยิ้มไปให้แบบที่ทำเป็นประจำ

                “บ้า... พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” ลิลลี่ก้มหน้าหลบสายตา แต่ผมสังเกตเห็นแก้มของเธอมีสีชมพูขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนแกจะทำท่าทางจัดของแก้เขินจนมั่วไปหมด อายุย่างเข้าเลขสามแล้วแต่ผมยอมรับเลยว่าเธอน่ารักจริงๆ

                “ให้ช่วยมั้ย?” ผมถามปนหัวเราะให้กับท่าทางเขินอายที่น่ารักของเธอ

                “ไม่ต้องเลย ไปดูหนังสือไป” ลิลลี่พูดไล่ โดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองผม แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเขิน ฮ่าๆๆ

     
     

                หลังจากทักทายบรรณรักษ์เสร็จแล้ว ผมก็จัดการเดินมาดูหนังสือเรื่อยเปื่อย แล้วก็ต้องมาสะดุดตากับคนตัวสูงที่ดูเงอะงะ กำลังทำท่าจะเอื้อมหยิบหนังสือชั้นบนๆ นี่ความสูงไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยใช่มั้ยเนี่ย

     
     

                “เอ่อ... ให้ผมช่วยมั้ย?” ผมเอ่ยปากถามคนตัวสูงที่ทำท่าเขย่งหยิบหนังสือไปมา

                “...” เขาหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วก้มหน้าทำท่าทางเครียดๆ ทำให้ผมสังเกตเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน ผมกับเขาสูงไม่ต่างกันมากน่าจะไล่เลี่ยกัน ผมสีน้ำเข้มที่เงาหยักศกถูกสวมทับด้วยหมวกไหมพรหม ริมฝีปากบางอมชมพูที่ถูกเม้มเข้าหากันสนิท กับดวงตาสีเขียวที่กำลังครุ่นคิด เขาเป็นผู้ชายที่สวย... สวยมาก... ถ้าจำไม่ผิด คนนี้น่าจะอยู่คณะใกล้ๆกับผมนะ เพราะคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                “เฮ้... ให้ช่วยมั้ย?” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรียกสติคนตรงหน้ากลับมา ก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้งเล็กน้อยและพยักหน้ารัวๆ ผมเลยจัดการย่อและโอบรัดใต้สะโพกของอีกคนไว้ก่อนจะยกอีกคนขึ้นให้สูงลอยจากพื้น

                “เฮ้ย... ทำอะไรเนี่ย!?” ผู้ชายหน้าสวยได้แต่พูดตะโกนแบบกระซิบถาม

                “จะหยิบหนังสือไม่ใช่ไหง? ก็รีบหยิบดิ! มันหนักนะเว้ย!” กลิ่นตัวหอมอ่อนๆของคนที่โดนอุ้มลอยมาแตะจมูก ทำให้ยิ่งน่าหงุดหงิดไปใหญ่ ผู้ชายหรอวะ! นี่มันผู้ชายหรอวะ! ถ้าอุ้มนานกว่านี้มีหวังผมไม่ได้ทำแค่อุ้มแน่ๆ...

                “แล้วจะมาอุ้มทำไม!?” คนที่ถูกอุ้มยังคงตั้งคำถามไม่ขาดปาก

                “โว้ย! มึงรีบๆหยิบลงมาเหอะ! เร็ว!” ผมโวยวายใส่ก่อนที่อีกคนจะสะดุ้งแล้วรีบหยิบหนังสือที่ต้องการลงมา “เออ... ก็แค่เนี้ยะ” ผมถอนหายใจหอบก่อนจะจ้องคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้างุนงงโดยไม่พูดอะไร กลายเป็นผมต้องพูดทุกอย่างแทน

                “เหอะๆ จะไม่ให้อุ้มหรอ? แล้วดู สูงขนาดนี้ยังหยิบไม่ถึงเลย... แล้วกูเตี้ยกว่ามึงอีกคงหยิบถึงมั้ง? หะ? อีกอย่างที่นี้ไม่มีบันได ถ้ามีกูคงไม่มาอุ้มมึงขึ้นไปหยิบให้โง่หรอก ปานนี้กูเดินไปเอามาให้แล้ว เคลียร์มั้ยเนี่ย? เข้าใจที่พูดใช่ไหม? ไม่สงสัยตรงไหนนะ?” ผมพล่ามสิ่งที่อยากพูดปนความโมโหออกไปจนหมด แล้วเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าที่เกาหัวงงๆ

     
     

    ชายผมหยักศกทำท่าพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันหลังเดินไปโดยไม่มีกล่าวคำขอบคุณเลยสักนิด ทำเอาผมได้แต่หัวเราะหึในลำคอแบบสมเพชกับมารยาทของคนหน้าสวย ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ แล้วจู่ๆก็มีนิ้วเรียวมาสะกิดที่ไหล่ผมเบาๆ

     
     

    ผมได้แต่หันหน้าไปมองนิ่งๆเพราะหมดอารมณ์จะพูดกับใครอันเป็นสาเหตุมาจากเหตุการณ์เมื่อกี้ แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เท่านั้น เพราะคนหน้าสวยคนนั้นเป็นคนสะกิดผม

     

    “เอ่อ... ขอบคุณ” เขาอมยิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะยิ้มตอบ หลังจากนั้นเขาจึงกลับหลังหันและหมุนตัวเดินออกจากตรงนี้ไป น่าเสียดายยังไม่ทันได้ทำความรู้จักเลย...

     

     
     

     

    เดี๋ยวนี้ผู้ชายมันน่ารักกันหมดเลยรึไงวะ

     

     

    ผมส่ายหัวให้หลุดออกจากความคิดนั้นก่อนจะเดินหาหนังสือนั่งอ่านไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเกือบๆสี่ทุ่ม บรรณารักษ์สุดสวยก็ส่งเสียงใสแจ๋วบอกลูกค้าว่าร้านกำลังจะปิด ผมก็เลยได้แต่เดินออกมาจากที่นั่ง เอาหนังสือไปเก็บ และที่เหลือก็แวะบอกลาบรรณารักษ์สาวสวยของผมก่อน

     
     

    “จะเอ๋~!” ผมยื่นหน้าไปข้างหลังลิลลี่ทำให้เธอตกใจเธอรีบหันมาจนเกือบล้ม ร่างกายผมไวกว่าความคิด แขนสองข้างรีบอ้อมไปรับเธอก่อนจะพยุงเธอให้กลับมายืนอยู่ในท่าปกติ และผละมือออกทันที เพราะเธอค่อนข้างรักนวลสงวนตัวข้อนี้ผมรู้ดี

    “เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” ลิลลี่หยิกเข้าที่แขนผมเบาๆปนเขิน ก่อนจะฟาดผมซ้ำอีกล็อตใหญ่

    “ฮ่าๆๆ จะกลับแล้วนะ จะกลับแล้ว...” ผมยกมือขึ้นสองข้างห้ามฝ่ามือเล็กๆของหญิงสาววัยทำงานนั่นก่อนที่แขนผมจะมีรอยเขียว

    “กลับเลย กลับไปเลยยยย” เธอจับผมหันหลังแล้วค่อยๆออกแรงดันผมให้เดินออกจากร้าน ก่อนที่เธอจะปิดประตูตามหลัง แล้วแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน โบกมือลาผ่านกระจกใส โดยที่มีผมได้แต่ยืนชี้หน้าคาดโทษไว้อยู่ข้างนอกก่อนจะโบกมือลาเช่นเดียวกัน

     
     

    หลังจากนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายของการออกมาวันนี้คือ ซื้อของเตรียมสเบียงไว้เลี้ยงตัว คิดได้แบบนั้นผมเลยจัดการย่างเท้าไปเรื่อยๆตามฟุตบาท จนมาหยุดอยู่ที่หน้าเซเว่น

     
     

    ผมก้าวเท้าเข้าไปก็ปะทะเข้ากับแอร์เย็นๆอย่างจัง ทำเอาผมหนาวไปทั้งตัว แต่มันคงหนาวได้ไม่เท่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้หรอกครับ

     
     

    ชายร่างเล็กที่ผมคุ้นเคย กับชายร่างสูงที่ผมเพิ่งเจอเมื่อครู่กำลังยืนใกล้ชิดกัน เหมือนร่างกายผมถูกสตาร์ฟไว้แบบนั้นไม่ขยับไปไหน เมื่อเห็นร่างสูงค่อยๆเอามือพาดไปที่ไหล่คนร่างเล็ก ลูบหัวหยอกล้อกันเหมือนที่ผมเคยทำ ยืนอยู่ตรงที่ที่ผมเคยยืน ฝ่ามือที่ผ่อนคลายของผมตอนนี้ กลายเป็นกำหมัดแน่นโดยอัตโนมัติ ผมรีบเดินออกมาจากบริเวณนั้นและค่อยๆหายใจเข้าออกช้าๆ แบบที่ใช้ทำตอนสงบสติอารมณ์

     
     

    เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาในรอบสองเดือนที่ผ่านมา ทำไมเขาถึงทำให้ผมโกรธได้ขนาดนี้นะ หรือผมหึงงั้นหรอ? ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับตัวเองไปมาก่อนที่จะเดินเลือกซื้อของใส่ตะกร้า แล้วไปจ่ายตังค์โดยไม่ได้พูดอะไร

     
     

    ผมเดินกลับคอนโดโดยมีภาพของลูอี กับชายผมหยักศกเมื่อครู่วนอยู่ในหัว เหมือนเทปที่ถูกกดให้เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนผมเดินถึงหน้าห้องของตัวเอง ผมเปิดประตูเดินข้าไปในห้องช้าๆอย่างเหลืออด ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้น ทำให้ข้าวของที่เพิ่งซื้อมาที่อยู่ในมือก่อนหน้านี้ ถูกเขวี่ยงทิ้งกระจายโดยไม่มีใครรั้งได้ กำปั้นที่กำแน่นกระแทกเข้ากับกำแพงด้วยความโมโห เลือดค่อยๆไหลซึ้มออกมาตามกระดูกที่กระทบเข้ากับฝาผนังด้วยความแรง

     
     

    ตอนนี้ไม่มีน้ำตาไหลออกมา มีแต่ลมหายใจหอบที่แสดงให้เห็นถึงความโกรธที่พลุ่งพล่าน สมองไม่รับรู้ถึงความเจ็บที่เกิดขึ้นอีกแล้ว มีแต่ความคิดที่จะเอาชนะ เอาชนะผู้ชายหน้าสวยคนนั้น

    .

    .

    .

    .

    .

    เดี๋ยวมึงกับกู... ได้เห็นดีกัน!

     

             
    รูปไม่เกี่ยวไรเลย 5555555555555

             ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     
    ขอมี Zarry กรุบกริบ 55555555555 ตอนนี้รู้สึกแต่งงงๆมาก(?)
    แต่ก็ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะ555555+
    กลับมาแต่งต่อหลังจากที่ดองฟิคนี้ไว้นานนนนนเกือบเดือน รึยัง
    ลูแฮรี่เซนจะเป็นยังไงต่อ 
    เอาเป็นว่าติดตามๆ ฝากฟิคนี้ไว้ในจัยส์ด้วยนะคร้าบบบ ♥


     

    อย่าลืมติดแท็ก #Relation18 แล้วมาติชมกันผ่าน twitter ได้โลยยยินดีรับฟังครัช

    แล้วก็ใครอยากบอกหรืออยากคุยอะไรนี่เลย >>tw: @poltny

    อย่าลืม!!!

    1 คอมเม้นท์ คือ 1 กำลังใจนะยูวว

     

    ♥♥♥

     

              

     © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×