คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 Welcome to Fantasy World [4]
.
ผลจากการโหวตครั้งล่าสุด สรุปว่าผมจะแต่งนิยายให้เป็นแนวแอนตี้ฮีโร่นักประดิษฐ์ระทึกขวัญครับ
.
ตอนที่ 01 Welcome to Fantasy World [4]
แม้จะไม่ทราบว่าหลังจากนี้เขาจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แต่ปัญญามีประสบการณ์จากเกมเอาตัวรอดในโลกซอมบี้หลายเกม หนังหลายเรื่อง นิยายหลายเล่ม เขาเลือกสิ่งของที่จะมีประโยชน์กับตัวเองในทันที
เขาไม่พบสายชาร์จสมาร์ตโฟนยี่ห้อเดียวกับที่ใช้ แต่เขาพบโทรศัพท์มือถือราคาถูกกับสายชาร์จเครื่องหนึ่ง เป็นโทรศัพท์ที่เปิดรอรับสายได้นานเกือบหนึ่งเดือน เขาปิดเครื่องโทรศัพท์แล้วใช้สายชาร์จกับหม้อแปลงไฟขนาดเล็กพันทับไว้ รัดให้ติดกันด้วยยากรัดผมบนโต๊ะเครื่องแป้ง
ปัญญามองดูรอบห้อง เขย่งขึ้นมองดูหลังตู้เสื้อผ้า พบกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่ เป็นกระเป๋าเลียนแบบเป้ทหารแต่ใช้วัสดุที่มีความทนทานน้อยกว่า ด้านในเป็นผ้าร่มคุณภาพต่ำ ราคากระเป๋าไม่น่าเกิน 350 บาท แต่มันก็ดีกว่ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่แกว่งไปมาของเขามาก
เสื้อยืดผ้าร่มสองตัว กางเกงกีฬาขาสั้นสองตัว เลือกแบบเนื้อโปร่งที่ซักล้างได้ง่าย หมวกไหมพรมใยสังเคราะห์แบบครอบทั้งศีรษะ หมวกแก๊ปหนึ่งใบสวมครอบทับหมวกไหมพรมอีกชั้น
ข้อเกี่ยวตามหูห่วงในกระเป๋าถูกตัดทิ้งทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบสร้างเสียงไม่พึงประสงค์
ค้นดูบนโต๊ะเครื่องแป้งพบผ้าอนามัยชนิดบางกล่องใหญ่ ปัญญาดึงเอาชิ้นของผ้าอนามัยสิบชิ้นออกจากกล่อง บีบเข้าหากันแล้วม้วนเป็นแท่ง รัดไว้ด้วยยางรัดผม เขาเทถุงยางอนามัยออกจากกล่องที่เห็นแต่แรกได้มาสิบสองชิ้น ฉีกซองพลาสติกคลี่ถุงยางออกแล้วยัดผ้าอนามัยเข้าไป ม้วนกวัดเสียบใส่ช่องด้านหลังกระเป๋า
เสื้อยืดเนื้อหนาตัวหนึ่งถูกนำมาตัดเป็นแผ่นเท่าสองฝ่ามือหลายแผ่น จากนั้นเทยาพาราเซตามอลจากกระปุกยาลงใส่ผ้า ม้วนเป็นก้อนแล้วพักไว้ เขาเขียนชื่อยาและการใช้งานคร่าว ๆ ลงบนกระดาษที่ตัดแบ่งจากสมุดบันทึก สอดมันเข้าไปในม้วนผ้า รัดด้วยยางรัดผมแล้วยัดม้วนผ้าลงในถุงยางอนามัยอีกชิ้น
ปัญญาทำเช่นนี้กับยาอีกสามชนิดคือแอสไพริน ยาแก้แพ้คลอเฟนิรามีน ยาแก้อักเสบ สุดท้ายคือยาเคลือบกระเพาะอาหารแบบเม็ด ทุกอย่างอัดลงในถุงยางอนามัยถุงเดียวกันแล้วใส่กระเป๋าสะพายเอาไว้ เขาเตรียมการเอาไว้เผื่อว่าตัวเองจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างยาวนาน
ห้อง 102 ห้องนี้น่าจะเป็นห้องของคู่รักวัยทำงานคู่หนึ่ง ปัญญาเห็นเสื้อกั๊กวินมอเตอร์ไซค์สีส้มปักเลขแขวนอยู่กับผนังห้อง เช่นเดียวกับเครื่องแบบพนักงานโรงงานที่แขวนอยู่คู่กัน ฝ่ายหญิงน่าจะเป็นสาวโรงงานผู้โชคร้ายแต่ฝ่ายชายโชคร้ายยิ่งกว่า
ห้องนี้ไม่มีอุปกรณ์ทำครัวอย่างเช่นหม้อหุงข้าวหรือกระทะไฟฟ้า ทั้งสองคงเป็นคนประเภทที่ซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินหลังเลิกงานมากกว่าจะทำกินเอง คนที่ทำงานโรงงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นเช่นนี้
น่าเสียดายที่ห้องนี้ไม่มีอาวุธเลย นอกจากกรรไกรเล่มหนึ่งที่ปัญญาเก็บใส่กระเป๋าไปแล้วสิ่งอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นของไร้ประโยชน์ ยังดีที่เขาได้ไฟแช็คอันหนึ่งเอาไว้ใช้งาน ใครจะทราบดีเท่าเขาว่าเครื่องมือในการจุดไฟนั้นสำคัญเพียงไรในโลกที่เขาเผชิญอยู่
ปัญญาลงแส้กระตุ้นสมองนักเขียนของตนเองให้ทำงาน สิ่งที่เขาจะต้องพบเจอในโลกเช่นนี้มีอะไรบ้าง อย่างแรกคือซอมบี้ เขาทราบแล้วว่าซอมบี้เหล่านี้เป็นซอมบี้สายไวรัส เป็นซอมบี้วิ่งเร็วที่จะทำให้ผู้ที่ถูกกัดหรือสัมผัสของเหลวจากร่างกายติดเชื้อไวรัสและกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย
เขาต้องวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะตัวของซอมบี้เหล่านี้ เขาทราบว่าพวกมันมีประสาทหูอันยอดเยี่ยมแต่เขาไม่แน่ใจในประสาทด้านอื่น พวกมันไม่ทำร้ายกันเองก็หมายความว่าพวกมันมีวิธีในการแยกแยะพวกเดียวกันออกจากมนุษย์ปกติทั่วไป เขาต้องทราบให้ได้ว่าพวกมันใช้วิธีการใด ความรู้ในเรื่องนี้จะช่วยให้เขามีโอกาสรอดมากขึ้น
ปัญญาละเรื่องการดำเนินเรื่องตัวละครในนิยายเอาไว้ก่อน เขาเชื่อว่าผู้แต่งนิยายเรื่องนี้จะต้องมีแผนการอยู่แล้ว เขาต้องเน้นเรื่องการเอาตัวรอดไว้ก่อนอย่างอื่น
สิ่งที่ปัญญาคิดได้ตอนนี้ก็คือการขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกเพื่อสำรวจดูสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เขาต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่อันตรายหรือไม่
“ชาวอ้อมน้อยทุกท่านที่ยังมีชีวิตอยู่โปรดฟังทางนี้ ชาวอ้อมน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่โปรดฟังทางนี้”
เสียงประกาศจากลำโพงดังพอให้ได้ยิน มันเป็นเสียงที่มีแรงขับต่ำไม่น่าจะเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการ ปัญญาเงี่ยหูฟังพยายามจับใจความ สิ่งที่เขาทราบเกี่ยวกับอ้อมน้อยมีเพียงอย่างเดียวคือน้ำท่วม อย่างอื่นเขาไม่ทราบเลยแม้แต่น้อย
“นี่เป็นการประกาศจากนายจ้อยเสียงโดรน คอปเตอร์เล็กแบบหลายใบพัดกระจายข่าวสารเพื่อช่วยเหลือชาวอ้อมน้อย สิ่งที่ทุกท่านกำลังประสบอยู่ตอนนี้ก็คือการระบาดของเชื้อไวรัสชื่อว่าซอมบี้ไวรัส เป็นเพียงชื่อชั่วคราวแต่สื่อความหมายได้ชัดเจน ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนี้จะถูกทำลายสติสัมปชัญญะ เหลือเพียงความต้องการพื้นฐานของสัตว์ป่าอันดุร้ายคือการกิน นอน สืบพันธ์”
“ไวรัสซอมบี้นี้จะติดต่อผ่านของเหลวในร่างกายของซอมบี้ ขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับของเหลวเหล่านั้นเพราะเชื้อไวรัสจะทะลุผ่านผิวหนังเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว น้ำลาย เลือด หนอง อย่าปล่อยให้ของเหล่านี้สัมผัสผิวหนังโดยเด็ดขาด ซอมบี้เหล่านี้จะมีความไวต่อเสียงและกลิ่นแต่สายตาไม่ดีนัก พวกมันจะสับสนจากเสียงที่ซอมบี้พวกเดียวกันทำขึ้นบ่อยครั้ง ขอให้ใช้การหลอกล่อด้วยเสียงเพื่อเอาตัวรอด ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากรัฐบาลถึงการรับมือกับวิกฤติการณ์ครั้งนี้ การออกอากาศครั้งต่อไปคือเวลา 08.00 น. ขอให้ทุกท่านโชคดี”
ปัญญาจดข้อมูลเกี่ยวกับซอมบี้เหล่านี้ลงสมุดบันทึก เขาได้ยินเสียงใบพัดของโดรนลำนั้นเคลื่อนที่ผ่านไปยังจุดอื่น เสียงประกาศเหมือนเมื่อสักครู่ดังขึ้นอีกแต่แผ่วเบากว่าเดิมตามสถานที่ซึ่งห่างไกลออกไป
เขาไม่ทราบว่าข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือได้มากเพียงไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นด้วยก็คือความสับสนที่น่าจะเกิดจากการก่อเสียงของเหล่าซอมบี้ด้วยกันเอง พวกมันไม่สมควรที่จะแยกระหว่างมนุษย์ธรรมดาและซอมบี้ออกจากกันได้ในระยะไกล เมื่อได้ยินเสียงดังพวกมันจะมารวมกันจากนั้นจึงตรวจสอบว่ามี “ซอมบี้” ตัวไหนไม่ใช่ซอมบี้ การที่พวกมันไม่เล่นงานกันเองก็หมายความว่าพวกมันมีการยึดถือเผ่าพันธุ์ของตนเอง น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง
ปัญญาคิดว่าซอมบี้ไวรัสแบบนี้รับมือได้ง่ายกว่าซอมบี้ผีดิบ อย่างน้อยพวกมันก็ยังมีจุดอ่อนเหมือนมนุษย์ทั่วไป เพียงแค่ไม่กลัวตายไม่กลัวบาดเจ็บแต่ไม่รู้จักความหวาดกลัวเท่านั้นเอง
สำรวจของต่าง ๆ ในห้องอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วปัญญาก็เริ่มวางเป้าหมายต่อไป เขาเปิดประตูออกมาหลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีซอมบี้ตัวใดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เขาปล่อยประตูห้องอื่น ๆ ที่เปิดค้างอยู่เอาไว้ก่อน บันไดขึ้นชั้นสองอยู่ห่างไปประมาณสิบเมตร เขามองเห็นห้องมุมบันไดที่มีลูกกรงติดตั้งทับหน้าต่างกระจกเอาไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องของผู้ดูแลหอหรือพนักงานรักษาความปลอดภัย
ปัญญาค่อย ๆ ก้าวอย่างแผ่วเบา รองเท้าหัวเหล็กของเขาไม่เหมาะกับการย่องแต่ให้ความมั่นใจได้มากกว่าในด้านของความทนทาน เขาชะโงกมองผ่านบันไดขึ้นไปก่อน ก้าวขึ้นบันไดช้า ๆ เพื่อสำรวจว่าไม่มีซอมบี้บนโถงทางเดินชั้นสอง จากนั้นจึงย้อนกลับมาตรวจสอบห้องของพนักงานห้องเล็ก ๆ ติดกับบันได
ประตูห้องเล็ก ๆ มีกุญแจล็อคอยู่ แต่เขาเห็นพวกกุญแจติดหมายเลขห้องแขวนไว้กับตะขอบนผนังหลังห้อง ถ้าจัดการกับกระจกด้านหน้าได้เขาก็สามารถใช้ไม้ยาว ๆ เกี่ยวเอากุญแจเหล่านั้นออกมา บางทีเขาอาจจะใช้ที่นี่เป็นฐานในการเอาตัวรอด
การทำเช่นนั้นต้องใช้เวลานานพอสมควร ต่อให้ได้กุญแจห้องในตึกนี้มาก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะเป็นที่อันเหมาะสม ในตัวเมืองเช่นนี้จำนวนซอมบี้จะต้องมีมากมายมหาศาล เขาน่าจะขึ้นไปสำรวจทิศทางบนดาดฟ้าเพื่อมุ่งหน้าออกจากตัวเมือง การเอาตัวรอดในแถบชานเมืองน่าจะง่ายกว่าในตัวเมืองมาก
.
โจทย์ท้ายตอน
คุณจะเลือกเส้นทางใด
1. ให้ปัญญาหาทางออกไปยังชานเมืองที่เขาเห็นว่าเอาตัวรอดได้ง่ายกว่า
2. หาทางเกี่ยวเอากุญแจจากห้องของพนักงานเพื่อปักหลักอยู่ที่ตึกหลังนี้
ขอให้เลือกโดยมีความคิดในใจว่ามันจะทำให้เกิดเรื่องราวที่เหมาะสมสำหรับการเป็น “นิยาย” โหวตได้ที่เดิมคือ http://blog.funfic.com/the-writer/ หมดเขตพรุ่งนี้ 18.00 น. ครับ (8 พฤศจิกายน 2557)
.
ชาลี
๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ความคิดเห็น