ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BASILISK RASCAL [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #4 : BASILISK - RASCAL :: ผมเกลียดเพื่อนทรยศ 60per.

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 57









     

    [Loading…60%]

      

    - EPS 03 -

    ผมเกลียดเพื่อนทรยศ

     

     ผมว่านะ ดูท่าเทพเจ้าแห่งความความโชคร้ายคงแม่-ไม่เคยตื้อใครได้มากเท่าผม เกิดมาผมยังไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะไร้ทางสู้จนถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน โดนมัดมือติดกับหัวเตียงให้ผู้ชายร่างกายใหญ่โตย่ำยีจนน่าสมเพช

     

    แล้วที่โคตรบัดซบยิ่งกว่านั้นก็คือ...

     

    แม่- ไอ้เวรนั่นทำเอาผมลุกจากเตียงแทบไม่ขึ้น!

     

    จนผมที่ได้สติและตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกระดิกกระเดี้ยขยับตัวและรีบคลานหนีลงจากเตียงได้ แต่สภาพร่างกายก็ยับเยินและเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ โชว์แนบเป็นหลักฐานทั่วทั้งตัว

     

    โชคดีหน่อยที่เหมือนเทพเจ้าแห่งความซวยยังปราณีผมอยู่บ้างนิดหน่อย เพราะหลังจากตื่นขึ้นก็พบว่าไอ้เวรที่ย่ำยีร่างกายผมจนไม่เหลือชิ้นดี มันอันตรธานหายตัวไปไหนไม่รู้

     

    ผมจึงฉวยโอกาสแต่งตัวลวกๆ ด้วยเสื้อผ้าของมันที่แขวนอยู่ในตู้บางส่วน เพราะเสื้อผ้าชุดเดิมของผมถูกฉีกทึ้งทำลายจนไม่เหลือสภาพ

     

    ตอนหนีลงจากตึกด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง ผมพบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินสวนกันพอดี ผมเลยขอร้องให้หมอนั่นช่วยขับรถออกมาส่งที่ถนนหลักและรีบร้อนนั่งแท็กซี่กลับมายังคอนโดของตัวเองโดยไม่ทันได้เอ่ยปากขอบอกขอบใจอีกฝ่าย

     

    หลังจากรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยและมั่นใจขึ้นแล้ว ผมก็รีบติดต่อไปหาไอ้เห้-คอร์น ไอ้เพื่อนเวรที่ดันทิ้งผมไว้ในสนามแข่งเมื่อคืนโดยทันที

     

    เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้ต้องมีใครสักคนที่ถูกผมใช้ระบายความโมโหและความหงุดหงิดที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายในอกจนแทบระเบิดออกไป

     

    ไม่อย่างนั้น...ผมคงได้ลงมือทำลายข้าวของและพังกำแพงคอนโดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แน่ๆ

     

    ไม่นานหลังจากพยายามต่อสายหาไอ้คอร์นอยู่หลายรอบจนติด ไอ้เวรนั่นก็ตกปากรับคำและรีบแจ้นมาหาผมที่ห้องแต่โดยดี แต่ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกดังผาง ไอ้คอร์นมันก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าก้มหน้ามองพื้นโดยไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าสบตาผม

     

    ผมที่ยืนกัดฟันทนอยู่กลางห้องจ้องมองมันด้วยสายตาแข็งกร้าวทั้งที่ขาทั้งสองข้างของตัวเองสั่นระริกจนแทบทรงตัวไม่ไหว

     

    “กูขอโทษ!! ไอ้ผักขมกูขอโทษ!

     

    ผมกำหมัดตัวเองแน่นทันทีเมื่อไอ้คอร์นพร่ำตะโกนเอ่ยปากขอโทษและพยายามจะคลานเข่าเข้ามาหา

     

    เฮอะ อย่างกับไอ้เวรนี้มันรู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์!

     

    ที่น่าสมเพชก็คือมันดันร้องไห้ออกมาจนน้ำมูกน้ำตาไหลพราก ทำให้ผมที่ได้สติก่อนใครเผลอชะงักไปชั่วครู่ เนื่องจากเริ่มสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดสังเกตลางๆ

     

    ว่ากันตามตรงแล้ว หากเป็นไอ้แค่เรื่องที่ทิ้งผมไว้ที่สนามแข่งรถ ไอ้เวรนี่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเอ่ยขอโทษขอโพยผมด้วยความรู้สึกหวาดกลัวราวกับเพิ่งเผลอไปฆ่าใครมาอย่างนี้ เพราะเท่าที่รู้มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรมาบ้างเมื่อคืน

     

    แล้วถ้าอย่างนั้น... ไอ้คอร์นมันเอ่ยขอโทษผมเรื่องอะไร!?

     

    “มึงหมายความว่าไง? กูไม่เข้าใจ” ผมเอ่ยถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

    ไอ้คอร์นเงยหน้าขึ้นขวับ พอมันเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของผมชัดๆ ก็ชะงักไปเสี้ยววินาทีคล้ายมีความสงสัยผุดขึ้นภายในใจ แต่ทว่าเพียงครู่เดียวความคิดนั้นก็ถูกปัดออกไป และมันค่อยๆ เอ่ยตอบผมออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นระริกหวาดกลัว

     

    “กะ...กูขอโทษ เมื่อคืนกูแข่งรถแพ้ ถึงแม้จะไม่เสียรถแต่ก็ติดหนี้พวกมันหลายล้าน กะ...กูเลยทิ้งมึงไว้ที่สนามเพื่อพาไอ้โลแธร์ไปแลกกับไอ้เจ้าหนี้พวกนั้น แต่ไอ้ผักขมกูไม่มีทางเลือกจริงๆ นะ ไอ้พวกเวรนั้นมันเรียกร้องมา ถ้ากูไม่ทำมันตัดแขนขากูทิ้งแน่!

     

    ว่าไงนะ!?

     

    “ไหนมึงลองพูดใหม่... กูขอฟังใหม่อีกรอบซิ”

     

    ผมเอ่ยถามมันเสียงสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่พอๆ กับทั้งร่างสั่นเทิ้มไปด้วยความโมโหจนแทบควบคุมไม่ไหว

     

    “กะ...กูเอาไอ้โลแธร์ไปค้ำประกันไว้กับไอ้เจ้าหนี้พวกนั้นอาทิตย์เดียว เชื่อเถอะว่าภายในอาทิตย์นี้กูต้องหาทางเอาเงินไปคืนพวกมันได้แน่”

     

    “ไอ้เห้-!!!!!!!

     

    ผมตวาดเสียงดังลั่นแล้วกระชากคอเสื้อไอ้คอร์นเต็มแรงจนมันหน้าซีดหายใจไม่ออก

     

    “ไอ้เห้-คอร์นมึงทำแบบนี้ได้ยังไง! โลแธร์เป็นเพื่อนคนเดียวของมึงกับกูนะ!!! มึงทรยศความไว้ใจของกูกับมันได้ยังไง!!!” ผมตวาดใส่หน้าไอ้คอร์นจนคอแทบแตก

     

    “ไอ้ผักขมกูขอโทษ! ให้กูกราบตี-มึงตอนนี้เลยยังได้ถ้ามึงจะอภัยกูสักครั้ง” ไอ้คอร์นว่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ น้ำตาไหลพรากเป็นสายขณะขอร้องอ้อนวอนผม

     

    ผมสะบัดมือออกจากคอเสื้อมันอย่างแรงแล้วนั่งทรุดยองๆ ลงกับพื้นพร้อมยกฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นซบหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง

     

    ไอ้เลวนี่เอาโลแธร์ไปค้ำประกันไว้กับไอ้พวกเห้-ๆ แบบนั้นได้ยังไง!

    “พวกมันเป็นใคร? มึงไปติดหนี้ใครเท่าไหร่หา!?”

     

    ผมขบกรามแน่นจนดังกรอดด้วยความโมโหขณะที่ร่างสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวและนึกโมโห

     

    ใจหนึ่งก็โคตรนึกเป็นห่วงไอ้โลแธร์มัน ไอ้บ้านั่นเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ดีที่สุดและโคตรจะอ่อนต่อโลก แถมยังไม่เคยมองอะไรในแง่ร้าย นิสัยไร้เดียงสาจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกนี้มันโหดร้ายแค่ไหน ถ้าไม่มีผมกับไอ้คอร์นคอยปกป้องมาตั้งแต่เด็กแล้วละก็ ป่านนี้ไม่รู้ว่ามันจะต้องพบเจอกับเรื่องเลวๆ อะไรบ้าง

     

    “มึงติดหนี้ไอ้พวกเห้-นั่นเท่าไหร่ รีบเอาตังกูไปใช้คืนให้พวกมันก่อน ไอ้เห้-คอร์นเอ้ย ทำไมมึงได้ทำแบบนี้วะ มึงก็รู้ว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับกู!!!” ผมตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความโมโหอย่างอดไม่ไหวอีกรอบ

     

    ขอร้องว่าให้ตอนนี้ยังทันทีเถอะ!

     

    “อะ...ไอ้ผักขมกูติดหนี้ไอ้พวกนั้นสามสิบกว่าล้านเลยนะ!

     

    ว่าไงนะ!!! สามสิบกว่าล้าน??

     

    ผมหันหน้าขวับไปจ้องไอ้เห้-คอร์นอย่างไม่อยากเชื่อ

     

    ไอ้เวรนี่ไปทำอะไรมา เพราะถ้าแพ้พนันเรื่องรถธรรมดาแล้วก็คงแค่ไม่กี่ล้าน แต่ถ้าถึงขนาดเป็นหนี้สามสิบล้าน บอกเลยว่าตอนนี้แม้แต่ผมเองก็มีเงินเก็บส่วนตัวไม่พอ!

     

    ผมหน้าซีดเผือดตัวชาเป็นแถบด้วยความรู้สึกอึ้งจัดคล้ายคนถูกทุบหัวเปรี้ยงด้วยท่อนเหล็กแล้วหาทางออกไม่เจอ ภายในอกรู้สึกหวาดหวั่นระส่ำระสายปนเดือดดาลเมื่อรู้ว่าไม่สามารถช่วยไอ้โลแธร์ให้กลับมาในทันทีได้

     

    แม่- โคตรบัดซบที่สุด!

     

    มือทั้งสองข้างผมพลันรู้สึกเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นเทาระริกไปด้วยความหวาดกลัว

     

    ให้ตายสิ ทำยังไงดี...ผมจะทำยังไงดี!

     

    ในเมื่อผมจะเสียไอ้โลแธร์ไปไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดผุดขึ้นมาในแผ่นอกผมคล้ายโดนมีดกรีดหัวใจออกเป็นริ้วๆ

     

    ในบรรดาเพื่อนสนิทสองคนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก นอกจากไอ้คอร์นที่ผมไม่ค่อยสนใจเท่าใดนักแล้ว ไอ้โลแธร์กลับเป็นคนที่ผมเป็นห่วงและคอยดูแลปกป้องอยู่ตลอด

     

    ไอ้บ้านั่นเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อกับแม่ผม พวกเราเลยได้รู้จักและเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนอยู่อนุบาลไอ้โลแธร์เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ นิสัยเรียบร้อยไม่ค่อยพูด

     

    กระทั่งวันหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจมากที่สุดก็คือบนร่างกายของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทุบตีทำร้ายเขียวจ้ำมาโรงเรียนทุกวันจนอาจารย์ทนไม่ไหวจนต้องเรียนปรึกษาผู้ปกครอง สุดท้ายเรื่องแดงขึ้นมาว่าคนที่ทำร้ายมันคือแม่แท้ๆ ของมันเอง

     

    ด้วยเหตุผลที่ครอบครัวของมันแตกแยก แม่ของมันบังเอิญรู้ความจริงเรื่องที่สามีของตัวเองเป็นเกย์เพราะเจอหลักฐานตอนอีกฝ่ายนอนกับผู้ชายด้วยกันคาตา จึงทำให้กลายเป็นโรคประสาทและตกอยู่ในสภาวะโรคจิตและพลอยเกลียดลูกชายตัวเองไปด้วย

     

    สุดท้ายก่อนที่มันจะถูกพักการเรียนไปช่วงหนึ่ง ด้วยความคิดแบบเด็กๆ และนึกสงสารผมจึงเป็นคนแนะนำมันว่าในเมื่อเป็นเด็กผู้ชายแล้วถูกทุบตีขนาดนั้นก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงเสียก็หมดเรื่อง หลังจากหายไปจากโรงเรียนได้ราวๆ หนึ่งอาทิตย์ไอ้โลแธร์ก็กลับมาด้วยสภาพการแต่งตัวและการเลี้ยงดูในแบบเด็กผู้หญิง

     

    มันเก็บเอาคำพูดของผมไปทำตามอย่างไร้เดียงสา โดยที่มันนั่งกอดขาขอร้องแม่มันขณะที่ถูกทุบตีว่าตัวเองไม่เป็นเด็กผู้ชายแล้วแต่จะเป็นเด็กผู้หญิงแทน และที่น่าตลกเป็นบ้าคือแม่ที่เป็นโรคประสาทของมันกลับเออออตามเห็นด้วย หลังจากห้าขวบเป็นต้นมาไอ้โลแธร์ก็ถูกเลี้ยงดูในสภาพเด็กผู้หญิงมาโดยตลอด ทั้งการแต่งตัว การวางตัว ท่าทางการเดินหรือแม้แต่คำพูดคำจา ดูไม่ออกเลยว่าแท้จริงแล้วมันเป็นผู้ชาย แม้ว่ามันจะไม่เคยปกปิดเรื่องนี้กับใครที่รู้จักเลยก็ตาม

     

    และที่น่าบัดซบที่สุดก็คือผมดันหลงรักมัน!

     

    ผมหลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองโดยที่ไม่เคยบอกอีกฝ่าย

     

    ไม่มีใครเอะใจด้วยซ้ำกับเรื่องนี้

     

    และชั่วขณะนี้บอกได้เลยว่าความรู้สึกของผมตอนนี้คล้ายถูกทำลายออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งรู้สึกเป็นห่วงและนึกกังวลจนแทบบ้า จนอยากลงมือฆ่าไอ้เห้-คอร์นที่เป็นต้นเหตุให้ตายๆ ไปเสีย

     

    และก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมต้องรีบหาทางเอาตัวไอ้โลแธร์กลับมาให้เร็วที่สุด

     

    แต่ให้ตายสิ ทำไมเรื่องเห้-ๆ พรรค์นี้ต้องเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลานี้ด้วย...

     

    ราวกับพวกมันจงใจนัดกันให้เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ช่วงขณะที่ผมอ่อนแอและถูกสุมไปด้วยปัญหา ตอนนี้อย่าว่าแต่จะออกไปเที่ยวเดินตามหาอีกฝ่ายเลย เพราะร่างกายของผมก็แสนจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนแทบไม่มีแรงจะขยับตัวลุกเดินด้วยซ้ำ

     

    และปัญหาสำคัญที่สุดคือ ผมจะหาเงินที่เหลือยังไงดี!

     

    แม่-เอ้ย แทบไม่มีวิธีไหนเลยที่จะได้เงินมาให้เร็วที่สุด เพราะหากจะขอหยิบยืมจากพวกพี่น้องของผมก็ยังต้องใช้เวลาหลายวันในการติดต่อพวกเขา

     

    เวรเอ้ย! แล้วทีนี้ผมจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีวะ!?

     

     

    • คอร์น •

     

     

    คุณเคยรู้สึกอิจฉาใครบางคนจนหน้ามืดตามัวแล้วเผลอตัดสินใจทำเรื่องผิดพลาดไปชั่ววูบหนึ่งไหมครับ?

     

     

    ใช่เลย! ชั่ววูบเดียว... แค่ชั่ววูบเดียวจริงๆ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมทำพลาด

     

     

    ผมแม่-ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกผิดตอนนี้ยังไงดี

     

     

    แต่บอกได้คำเดียวเลยว่า... โคตรทุรนทุรายเหมือนถูกหนามแหลมคมอันเท่ายักษ์นับสิบๆ แท่งรุมฟาดกระหน่ำจนไม่เหลือชิ้นดีอย่างไรอย่างนั้นเชียวล่ะ

     

     

    สารภาพผิดกันตามจริงเลยนะ ผมแม่-โคตรรู้สึกสับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองหรือเปล่า เพราะผมแม่-โคตรแคร์มันเหลือเกิน ไม่ว่าอะไรๆ ผมก็นึกถึงแต่มัน ไม่ว่าจะเรื่องไหนผมก็ต้องนึกถึงมันก่อนเป็นอันดับแรก

     

     

    แล้วที่สำคัญในชีวิตนี้ผมก็ดันมีเพื่อนสนิทอยู่แค่สองคน หนึ่งในนั้นคือคนที่ผมคิดว่าตัวเองแอบรัก ส่วนอีกคนคือเพื่อนที่ผมไว้ใจจนถึงขั้นฝากชีวิตไว้ที่มันได้

     

     

    แต่แล้วผมก็ทำพลาด!

     

     

    ด้วยเหตุผลที่ว่าผมนึกอิจฉาริษยาพวกมัน!

     

     

    โดยเฉพาะไอ้พื้นที่ความใกล้ชิดและความไว้ใจมันเหมือนค่อยๆ ขีดเส้นแบ่งแยกพวกเราสามคนชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ มันชัดเจนเสียจนผมโคตรรู้สึกเจ็บปวด ที่ต้องคอยมองดูพวกมันเอาใจใส่ดูแลสบตากัน

     

     

    แล้วผมก็แม่-บ้า ที่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหวี่ยงออกมาอยู่นอกพื้นที่เหล่านั้น เพราะพวกมันสองคนดันแสดงความห่วงใยกันมากเกินไป!

     

     

    บางทีระยะเวลานานนับสิบปีที่เราคบกันมา ความใกล้ชิดสนิทสนมทำให้พวกเรารู้จักตัวตนของกันและกันมากเกินไป

     

     

    และมันมากจนรู้สึกว่า...ตัวผมเองค่อยๆ ถูกทิ้งไว้ข้างหลังพวกมันสองคน

     

     

    กระทั่งเมื่อสองวันก่อนผมก็เผลอทำเรื่องบ้าๆ ลงไปโดยไม่ทันยั้งคิด ไม่รู้ว่าไอ้ผีบ้าแห่งความริษยาตนไหนมันเข้ามาสิงหัวจิตหัวใจของผม

     

     

    ผมกับไอ้ผักขมไปแข่งท้าพนันรถที่สนามแข่งมหาลัย A แล้วแม่-สุดท้ายพวกผมสองคนก็ดันแพ้ ไอ้ผักขมยอมเสียรถไปตามกฎ

     

     

    ตอนนั้นผมโคตรรู้สึกโมโหที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้ ว่ากันตามจริงคือ ผมคิดจะสั่งสอนไอ้ผักขม ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมคิดแผนที่จะแก้แค้นมันแบบอ้อมๆ โดยวางแผนพามันไปแพ้พนันตั้งแต่แรก สั่งสอนมันให้เจ็บเล่นๆ ด้วยการทำให้มันเสียรถคันโปรดสุดหวงไป

     

     

    แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ผมไม่นึกว่าตัวเองจะแพ้ด้วย ทั้งที่ผมมั่นใจมากแท้ๆ ว่านัดนี้ตัวเองต้องชนะแน่ๆ เพราะสืบหาข้อมูลคู่แข่งมาเป็นอย่างดีแล้ว

     

     

    ผมเลยเผลอทุ่มพนันเกินตัว สุดท้ายก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าล้าน!

     

     

    เอาจริงๆ ตอนรู้ว่าตัวเองพลาด ผมรู้สึกเหมือนถูกกระชากขาให้ทิ้งตัวดิ่งลงสู่ก้นเหว แล้วจู่ๆ ไม่รู้ว่าไอ้ฝ่ายตรงข้ามมันไปรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมมาจากไหน เพราะมันดันรู้จักไอ้โลแธร์เพื่อนสนิทของผมด้วย ไอ้เห้-นั่นเลยเสนอยื่นเวลาให้ผมเอาตัวไอ้โลแธร์มาวางค้ำประกันไว้อาทิตย์หนึ่งเพื่อหาเงินมาคืนมันให้ครบ โดยสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้กระทบกระเทือนเพื่อนผมหรือปล่อยให้ตกอยู่ในสภาวะความหวาดกลัว

     

     

    หากว่ากันตามจริง กฎของการแข่งรถในสนามแข่งแถบนี้ ถ้าคุณมีเงินไม่พอก็อย่าริเสนอหน้าเป็นอันขาด เพราะไม่งั้นจุดจบของคุณคือไม่ได้ตายดี

     

     

    เอาจริงๆ ตอนนั้นผมแม่-ดันรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาดื้อๆ และเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บตัวหรือถูกรุมหักแขนหักขาทิ้ง ผมจึงเผลอรับข้อเสนอของอีกฝ่ายไปในชั่ววูบนั้น


    วินาทีที่ได้สติและรู้ว่าตัวเองทำพลาด ผมก็กลับคำพูดตัวเองไม่ได้ซะแล้ว เพราะหากผมก้าวผิด คราวนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะเจ็บตัว เพราะแม้แต่ไอ้โลแธร์ก็อาจจะโดนเชือดไปด้วย

     

     

    ที่สำคัญตอนนี้ผ่านมาสองวัน ผมยังหาเงินมาได้ไม่ครบ ไอ้คนที่คิดว่ายืมได้ก็ยืมมาแล้ว ไอ้คนที่คิดว่ามีให้ยืมก็ดันกระเป๋ากลวงโบ๋ในช่วงเวลานี้พอดี

     

     

    แม่-พอเอาเข้าจริงที่ว่ารีบๆ ผมก็หาเงินได้ไม่ครบอย่างว่า

     

     

    แล้วไอ้ผักขมก็ดันมาล้มป่วยจนลุกจากเตียงไปไหนไม่ได้ ที่สำคัญกว่าจะติดต่อพวกญาติๆ หรือบรรดาพี่ของมันเพื่อยืมเงินก็ต้องรออีกสามวัน

     

     

    ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าสภาพไอ้โลแธร์จะเป็นยังไงบ้าง

             

     

    ชั่วขณะนี้ผมเลยรู้สึกมืดแปดด้านไปหมด

             

     

    เรื่องของเรื่องคือผมโคตรรู้สึกเป็นห่วงไอ้โลแธร์ กลัวว่าไอ้เพื่อนหน้าใสโลกสวยนั่นจะโดนปู้ยี่ปู้ยำจนไม่เหลือ แต่ต่อให้สภาพของมันจะเป็นยังไง ต่อให้ร่างกายของมันแปดเปื้อนหรือผ่านมือใครมากี่ร้อยกี่พัน สุดท้ายมันก็คือคนสำคัญสำหรับผมมากที่สุดอยู่ดี ผมไม่แคร์หรอกว่ามันจะผ่านอะไรมาบ้าง เพราะผมแม่-รับได้หมดทุกอย่าง

     

     

    ขอแค่เพียงเป็นโลแธร์เท่านั้น

     

     

    เพราะไม่ว่ายังไง...เนื้อในของมันก็โคตรสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เดิมทีนิสัยโรคจิตส่วนตัวของผมก็ไม่ได้ชอบใครง่ายๆ หรือมองใครแค่ภายนอกอยู่แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ที่ทำให้ผมนึกสนใจได้นั้นก็มีเพียงแค่ไอ้โลแธร์ที่เนื้อแท้ข้างในของมันโคตรขาวสะอาด

     

     

    แต่ให้ตายเถอะ

     

     

    นอกจากอาการทุกข์ร้อนกังวลจนหัวใจเหมือนถูกกรีดยับนี่แล้ว ไอ้ผักขมก็ยังไม่หายโกรธผมด้วยอีกคน ขนาดผมหอบข้าวหอบยาแวะไปดูอาการมันที่ป่วยทุกวัน แม้แต่หน้าผมไอ้บ้านั่นมันยังไม่มองเลย

     

     

    หัวใจของผมโคตรถูกบีบคั้นอย่างแสนสาหัสด้วยความรู้สึกผิดคล้ายคำว่าเพื่อนทรยศถูกขีดอยู่เต็มหน้า รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดหัวให้จมน้ำจนหายใจไม่ออก

     

     

    ตอนนี้ผมหาเงินมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ!

     

     

    ยังขาดอยู่อีกราวๆ สิบล้าน!

     

     

    วันนี้ผมรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แบกเอาร่างผอมๆ ซีดๆ เหมือนซากศพที่ไม่ได้นอนมาตลอดสองวันเต็มออกไปหยิบยืมเงินคนรู้จักที่พอช่วยเหลือได้อย่างเคย

     

     

    ก่อนหน้านี้เพื่อนต่างคณะคนหนึ่งโทรมาแนะนำให้ผมไปยืมเงินรุ่นพี่ที่มันสนิทด้วยคนหนึ่ง ว่ากันตามจริงแล้วไอ้เพื่อนที่ว่านี่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับผมมาก ก็แค่บังเอิญว่าผมกับมันเคยเรียนที่เดียวกันตอนอยู่ม.ปลาย และผมเคยร่วมวงช่วยมันกระทืบเด็กต่างห้องที่มาหาเรื่องด้วยความบังเอิญก็แค่นั้น คงเป็นเพราะว่ามันยังไม่ลืมและคล้ายติดค้างเรื่องนี้กับผมอยู่ มันก็เลยแนะนำแหล่งที่ผมจะสามารถหยิบยืมเงินมาได้คนหนึ่ง

     

     

    ข้อดีของมันคือ คนที่อยู่รอบๆ ตัวมันมีแต่พวกรวยๆ

     

     

    และแน่นอนว่ามันเพิ่งโทรมาบอกผมว่าไอ้รุ่นพี่ที่ว่านี่ให้ผมยืมเงินได้สิบล้านพอดี!

             

     

             เอาไงก็เอาวะ!

             

     

    ต่อให้ต้องบากหน้าไปกราบกรานคนไม่รู้จัก ในสถานการณ์แบบนี้ผมคงเหลือแต่ความหน้าด้านหน้าทนเท่านั้น

             

     

              เงินสิบล้านสำหรับวัยรุ่นมหาลัยปีหนึ่งอย่างพวกผม ว่ากันตามจริงแล้วมันไม่มีทางที่จะหากันได้ง่ายๆ เพราะถ้าแม่-มึงไม่ได้เป็นอัจฉริยะเล่นหุ้น หรือชนะพนันธุรกิจมืดรายการใหญ่โต หรือที่บ้านไม่รวยจริง ขนาดเอาเงินมรดกของบรรพบุรุษมาพลาญได้ รับรองว่าต่อให้ก้มหน้าทำงานงกๆ ทั้งชาติก็ไม่มีทางหามาได้ครบ

     

     

    ผมนัดเจอไอ้รุ่นพี่ที่ว่านี่ที่เรดคลับในตอนค่ำตามคำบอกของเพื่อนที่แนะนำมา ผมรู้แค่ว่า...ว่าที่เจ้าหนี้ของผมชื่อ อีวาน หมอนั่นเป็นรุ่นพี่วิศวะปีสี่มหาลัย A ที่นิสัยค่อนข้างแปลกประหลาดเพราะค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่สักหน่อย ว่ากันตามจริงคืออีกฝ่ายอยู่มหาลัยเดียวกับผมนั่นแหละ

     

     

    แต่สิ่งที่ยืนยันผมได้แน่นอนก็คือ ผมสามารถยืมเงินจากไอ้คนที่ว่านี้ได้แน่ๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของเรดคลับอันแสนโด่งดังแห่งนี้นั่นเอง

     

     

    หลังจากแจ้งชื่อตัวเองและเวลานัดให้กับผู้จัดการคลับ ผมก็ถูกเชิญไปยังห้องรับรองพิเศษชั้นบนด้วยความนอบน้อมจนแทบอยากผิวปาก  สงสัยว่าต้องหาเวลาตอบแทนไอ้เพื่อนที่แนะนำมาด้วยข้าวมื้อใหญ่สักมื้อซะแล้วแฮะ

     

     

    ผมนั่งรออยู่ในห้องนั้นอยู่นานมากเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยความอดทน พูดกันตามจริงคือร่างกายผมที่ไม่ได้นอนมาตลอดสองวันเต็มบวกกับแอร์เย็นฉ่ำและกลิ่นสะอาดสะอ้านของโซฟากำมะหยี่ตัวใหญ่เบิ้มนี่ทำให้หนังตาผมเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกที

     

     

    แม่-เอ้ย ทำไมไอ้คนที่นัดไว้ถึงได้ช้าอย่างนี้วะ ผมแอบส่งเสียงสบถด่าลั่นในใจ

     

     

    เพราะชั่วขณะนี้เปลือกตาผมมันหนักจนแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว หัวหนักๆ ของผมโงนเงนไปมาและผงกขึ้นลงอยู่หลายรอบจนกระทั่งเผลอวูบไปในที่สุด

     

     

    กว่าจะรู้ตัวว่าไอ้ว่าที่เจ้าหนี้ที่ว่าปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า สติตังของผมก็อยู่ไม่ครบเสียแล้ว มิหนำซ้ำร่างผอมๆ ซีดๆ ของผมก็นอนเลื้อยซบกับโซฟาอันแสนนุ่มนิ่มอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ เต็มตาเสียด้วย

     

     

     

     

    *ลง 30per. 23/10/57 : 2:11น.

    เรื่องนี้อัพอีกครั้งหลังวันที่ 5 พย.ไปแล้วนะจ้า คนแต่งติดธุระเดินทางกลับถึงบ้านอีกทีเดือนต้นเดือนพย.เลยจ้า

                        *ลง 50per. 06/11/57 : 4:59น.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×