ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONE DAY LOVER

    ลำดับตอนที่ #4 : MONDAY 2 : จูบ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 57


                    กว่าผมจะเปิดร้าน ก็บ่ายโมงเข้าไปแล้ว  ลูกค้าก็แทบจะไม่มี ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าของร้านเค้ารู้ว่าลูกจ้างของผมทำงานแบบนี้ เค้าจะว่ายังไง  แต่ก็นะ ก็มันเป็นแบบนี้ไปแล้วจะให้ทำยังไงได้   ช่วงไม่มีคนเข้าร้านแบบนี้ มันทำให้ผมว่างซะจนคิดวนไปวนมาถึงเรื่องเมื่อวานนี้อีกจนได้ ตั้งแต่เช้าที่ร้านนั่น ไหนจะกินอะไรกันที่บ้าน   เดี๋ยวนะ กินอะไรที่บ้าน  เมื่อวานนี้   นี่มัน...........ความทรงจำบ้าบออะไรเนี่ย!!!

                   

               

    ตอนบ่ายของเมื่อวาน       

    “ไม่ได้ยินเหรอ ถามว่ามาทำไม นายต้องการอะไร!!  ผมก้มหน้าก้มตาล้างจานอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพูดประโยคนี้ด้วยเสียงแผ่วเบา  ผมไม่อยากให้คนๆนั้น มาอยู่ตรงนี้เลย ในตอนนี้ ผมยังไม่พร้อม! ไม่พร้อมเลยจริงๆ  นี่เป็นน้ำตาหยดแรก ที่ผมเสียให้กับรักครั้งแรกของผม  ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเค้าจะไม่กลับมา

    ผู้ชายคนนั้น เดินมาจับต้นแขนของผมแล้วผลิกผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขนนั้น  แผงอกที่เคยคุ้นชิน แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว  มือข้างหนึ่งของเค้าโอบผมเอาไว้  มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆ  

    “คิดถึง ก็เลยมา”  เค้าตอบแบบนั้นได้ยังไงนะ  ไม่รู้หรือไงว่าผมจะต้องร้องไห้ออกมามากขึ้น ถ้าได้ยินคำๆนี้     ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยักหน้าไปอย่างนั้นเอง 

    “นายบอกเองนะ ว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วเราไม่ได้เลิกกัน............งั้นเราก็ยังเป็นแฟนกันสินะ” 

    ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมาไม้ไหน  ตอนที่ผมเรียนอยู่ปี 1  จำได้ว่า พี่เยซองอยู่ปีสุดท้ายแล้ว ผมมักจะเห็นเค้าเสมอ ในร้านสะดวกซื้อแถวๆมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายผมก็เห็นเค้าซื้อไปแค่น้ำเปล่า  เค้ามักจะเสอหน้ามาทุกๆที่ที่ผมมักจะเดินผ่าน  สุดท้ายแล้วผมก็ทำได้แค่เดินบนทางของผม แล้วก็ปล่อยให้เค้าทำเรื่องของเค้าไป    จนวันนึงเค้าก็บอกกับผมว่า.....พี่ชอบนายนะ.....  คิดถึงคำนั้นแล้ว มันก็ทำให้ผมรู้สึก ไม่ชอบวันอาทิตย์ในตอนนี้จริงๆเลยหล่ะ

     

    “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”  นั่นคือสิ่งที่ผมพอจะคิดได้ในตอนนั้น

    “เขินก็บอกมาเถอะน่า.........”

    “เปล่านี่................................หายไปตั้งนาน  อยู่ดีๆอยากมาก็มา  ไม่คิดว่าหน้าด้านบ้างเหรอ”

    “เหตุผลชั้นก็มี นายจะฟังมั้ยล่ะ”       “ชั้นอธิบายได้”

    “ช่วยไปๆซะเถอะ”   ผมผลักเค้าออกไป  ดูเหมือนหมอนั่นจะดูอึ้งๆกับการกระทำของผมนะ  นายคิดว่าจะได้อะไรจากการกลับมาครั้งนี้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีหรอก ไม่มีอะไรจะให้อีกแล้ว 

     

    “ฟังกันบ้างสิ่  ชั้นรู้ว่านายคงรับไม่ได้  ชั้นรู้ว่าชั้นทำอะไรไว้บ้าง    แต่ช่วยฟังหน่อยจะได้มั้ย ขอแค่ได้อธิบาย ซักครั้งก็ยังดี  จะฟังกันหน่อยไม่ได้เหรอ”

    “บอกให้ออกไปไง!!!”  นี่คงเป็นเสียงตะโกนที่ดังที่สุดในชีวิตผมแล้วหล่ะนะ   

     

    เปรี้ยง!!!! 

    เสียงฟ้า ฟ้าร้อง แล้วฝนก็ตก  ตกมาพร้อมคำไล่ของผม............. 

     

    “ชั้นจะออกไป  หายโมโหเมื่อไหร่ ก็เปิดประตูให้ด้วยนะ   ขอร้องหล่ะ  ช่วยคิดอีกทีนะ ว่านายควรจะฟังสิ่งที่ชั้นกำลังจะพูดรึเปล่า  แล้วถ้านายเปลี่ยนใจ ช่วยเปิดประตูให้ด้วย ชั้นจะไปรอนายข้างนอก”

    ถึงผมอยากจะพูดว่าให้กลับบ้านไปซะเถอะ ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ  แต่ก็ตามใจเถอะนะ  ผมไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรทั้งนั้นแหละ

     

    17.00 น.

    ฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกแต่อย่างใด  ผมเสียใจมากเลยนะ  เสียใจอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน มันคงไม่มีคำพูดอะไรจะแทนที่ความรู้สึกนี้   แล้วฝนก็ตกหนักขึ้นไปอีก  เค้าจะกลับไปรึยังนะ 

     

    ผมถือร่มเปิดประตูออกไปที่หน้าบ้าน  ใช่...เค้ายังอยู่ตรงนั้น ผู้ชายทื่ชื่อ  เยซอง    ทันทีที่เห็นผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ทุกอย่างที่ผมทำ  อัตโนมัติล้วนๆ

     

    “เปียกหมดแล้ว  บ้าเหรอ ในรถก็มีมายืนบ้าอะไรตรงนี้เล่า”

    “เข้าไปได้รึเปล่า ??”  ผมวิ่งออกไป แล้วก็เอาร่มไปรับ   รู้ไว้ด้วยเถอะนะ ว่าชั้นมันคนดีขนาดไหน

    “เข้าไปข้างในเถอะ”  หมอนั่นยังมีหน้ามายิ้มให้ผมอีกนะ สำนึกบุญคุณชั้นไว้ด้วย เข้าใจมั้ย!!

     

    ผมหยิบผ้าเช็ดตัว เสื้อกางเกงของผมโยนไปให้ แล้วก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ  หลังจากนั้นหมอนั่นก็อาบน้ำด้วยความเร็วแสง ซกมกชะมัด 

    “เช็ดหัวให้แห้งด้วย”   หันมามองยิ้มๆ แล้วก็เปิดตู้เย็นผม หอบเบียร์ที่ซื้อมา ออกมาวางบนโต๊ะ ที่ผมนั่งอยู่

    “อะไร?”

    “ซักหน่อย เดี๋ยวเล่าไม่สนุก”

    “ใครบอกว่าจะฟัง..........เสร็จแล้วก็กลับบ้านไปได้แล้ว”

    “ไหนๆก็เปิดประตูให้เข้ามาแล้ว   ช่วยฟังอีกซักหน่อยไม่ได้เหรอ นะนะ”  ออดอ้อนออเซาะนักนะ เหอะ!

     

    แกร๊ก   ฟู่

    เบียร์กระป๋องที่ 1 ของ เยซอง

    “นายจำงานรับปริญญาของชั้นได้ใช่มั้ย....วันนั้น เราก็นั่งกินเบียร์กันแบบนี้  ตอนนั้น ชั้นรู้อยู่แล้วว่าพรุ่งนี้ ชั้นก็จะไม่ได้อยู่กับนายอีก.....”

    แกร๊ก  ฟู่

    เบียร์กระป๋องที่ 2 ของ ผมเอง    หลังจากที่ฟังเค้าพูดอย่างนั้น มันเหมือนกับว่า ผมกำลังกลับไปนั่งอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง ...............5 ปีที่แล้ว  วันที่ผมจบปี 1 และวันที่เยซอง รับปริญญา

     

    “บ้านชั้น ย้ายไปอยู่ที่อื่นน่ะ”

    “หึ แล้วทำไมไม่บอกล่ะ”

     

    แกร๊ก  ฟู่

    เบียร์กระป๋องที่ 3 ของ ผมเอง

     

    “ชั้นคิดว่า คงไม่ได้กลับมาอีกตลอดชีวิต  ชั้นเลยคิดว่า.....”

     

    แกร๊ก

    เบียร์กระป๋องที่ 4 ก็ของผมเอง

     

    “ลาซักคำก็ได้หนิ  แค่บอกว่าจะไปแล้ว เลิกกันเถอะ อะไรก็ได้ ก็พูดไป ชั้นไม่ได้โง่หนิ  ชั้นเข้าใจ ก็แค่พูดมาวันนั้น  ทำไมต้องมาบอกเอาวันนี้ ห๊ะ ...ทำไม?”   เห็นชั้นเป็นตัวอะไรเหรอ  ตัวอะไรกัน?!!

    “ชั้นแค่คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรต้องบอกนาย ก็ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน  นายจะให้ชั้นบอกในฐานะอะไรล่ะ”

    “ที่ผ่านมาทำขนาดนั้น  เรียกว่าไม่เป็นอะไรกันหรอกเหรอ.....ชั้นคิดไปเองคนเดียว     รึไง”

    “ก็นายไม่เคยบอกให้ชั้นมั่นใจหนิ”

     

    แกร๊ก

    เบียร์กระป๋องที่ 5 นี่ก็ของผมเอง เหอะๆ

     

    “นายเป็นคนแรก.....ที่ชั้นทำทุกอย่าง  อย่างที่คนรักเค้าควรจะทำกัน”  “นายเป็นคนแรกที่ชั้นมั่นใจว่า.....รัก.....”

    “แล้วทำไมไม่บอกล่ะ......คำถามที่เคยถามเอาไว้นายก็ไม่ได้ตอบ”

    “นายไม่ถาม  นายไม่ถามชั้นเอง    จะให้ชั้นบอกว่า  ชั้นชอบนายแล้วนะ  เป็นแฟนกันเถอะ ......แบบนี้เหรอ ” “นายรู้มั้ว่าการทำอย่างนั้น มันรู้สึกหน้าด้านน่ะห๊ะ!!!!!!!!!”  ผมรู้ตัวนะว่าผมคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมได้ว่า ควรจะพูดคำไหน หรือควรจะไม่พูดคำไหน

     

    แกร๊ก .....เบียร์กระป๋องที่

     แกร๊ก .....เบียร์กระป๋องที่    ของผมเองทั้งหมด

     

    “แล้วสรุปว่า...ตอนนั้น นายคิดกับชั้นแบบคนรักงั้นสิ่”  “แล้วเราก็ไม่ได้เลิกกันด้วย สินะ”  หมอนี่ยิ้มบ้าอะไร มีอะไรน่าดีใจนักหนา บนความทุกข์ของคนอื่น

    “นายมันคน ไม่มีเซ้น  เหอะๆ   เหอะๆ  เหอะๆๆ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ...ฮือออออออออออออออ”

     

    แกร๊ก  .....เบียร์กระป๋องที่ 8 เป็นของงงงงงงงงงงงงงงง ผม

    แกร๊ก  .....เบียร์กระป๋องที่ 9  ของผมเอง

    “นายมัน.......หึ ฮึก...”  ถึงผมจะร้องไห้ ผมก็ยังยิ้ม ราวกับคนบ้า

    “ชั้น ขอโทษนะ”

    “ไม่เป็นไร  ชั้นต้องไม่เป็นไร  ชั้นไม่ได้เสียใจอะไรเลย”  ผมก็ยังยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม  หรือผมอาจจะบ้า

     

    แกร๊ก ........เบียร์กระป๋องที่ 10  ของผม ของผม ของผม เป็นของผมแล้ว

    แต่ว่ามีใครซักคนมาแย่งไป    เยซองวางกระป๋องนั้นบนโต๊ะ  หมอนี่มองหน้าผมแบบเศร้าๆ  เค้าเอามือมาจับที่หน้าของผม แล้วก็พูดว่า

    “พอแล้วนะ  เมาแล้ว”

    “ฮึ ฮึ ฮึ.....”   ผมยิ้มอีกแล้วนะ หัวเราะด้วย แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีก  ผมจะร้องไห้ไปทำไม ผมควรจะหัวเราะ กับเรื่องตลก ตลก พวกนี้...ถึงจะถูก

     

     

     

    “นายจะต้องชอบชั้นได้อีกแน่ๆ  ชั้นมั่นใจ”

    อุ๊ป ................รอยจูบนี้ สำหรับการเริ่มต้นใหม่  ไม่รู้ว่าคนที่โง่ จะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าได้รับความรักมาตั้งนานแล้ว  หรือคนที่ลึกๆแล้วก็ยังรอคนที่ไม่รู้ไปไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกมั้ย  ใครกันนะที่ไม่มีเซ้น  แล้วใครกันนะที่โง่กว่ากัน  เรื่องความรักนี่...มันไม่ใช่เรื่อถนัดจริงๆนะ   สำหรับ ...เรา

     

    “อื้อ อื้อ .......อื้อออออออออ”  ผมรีบผลักเค้าออก  แต่หมอนี่ก็ยังจะเขามาอีก ออกไปนะ ถ้านายไม่อยากโดน

    อุ๊ป............

    “อื้อออออ .....อย่าสิ่ อื้ออออออออออ”   ไอ้บ้า ไม่ไหวแล้ววววววว

     

     

    อ้วกกกกกกกกกก

    “เฮ้ย!”  

    “บอกว่าอย่าไง....อย่า......  เสื้อผ้าชั้น จัดการให้ด้วยนะ ช่วยเปลี่ยน ให้ หน่อ.......ย”  นั่นหล่ะ คำสุดท้ายที่พูด

    “เรียวอุค  นี่ นี่ๆๆ”    “หลับ แล้ว เหรอ ?”

     

     

     

    “นี่ชั้น เป็นคนบอกให้เปลี่ยน จริงๆเหรอ    บ้าน่า ...จะบ้าเหรอ”  “ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องไม่เป็นอย่างนั้นหรอก”

    “อะไรไม่เป็นอย่างนั้นเหรอครับ” ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดออกมาจากโลกส่วนตัวซักที  ลูกค้าเข้าร้านมาตั้งนานแล้ว คิดอะไรอยู่ได้ โถ่เอ๊ย

    “อ๋อๆ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แฮ่ แฮ่ แฮ่”  หัวเราะบ้าอะไรของนาย เรียวอุค บ้าป๊ะเนี่ย ติงต๊อง

    “เอาสองเล่มนี้ ห่อปกให้ด้วยครับ”

    “น้องเรียน  บริหารเหรอ”

    “อ่อครับ  ปีสุดท้ายแล้ว”  ปีสุดท้าย สินะ เหมือนใครบางคนเลยนะ

     

    “เรียบร้อยแล้วครับ คราวหน้า มาอีกนะครับ”   เรียนบริหาร  บ้า เรียวอุค นายบ้าเหรอ คิดถึงเค้าทำไมเล่า ประสาทรึไงเนี่ยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    14.00 น. วันจันทร์

     

    บ่ายนี้ก็มาอีกแล้วหล่ะ  เจ้านายน้อย  แต่จะว่าไปก็มาอย่างนี้แทบทุกวันอยู่แล้วนี่นะ ตั้งแต่ผมมาสมัครงานที่นี่ มาทำงานที่นี่  ก็เจออยู่ทุกวัน ทุกวันเลยยย   ยิ้มหวานมาด้วยนะ  ออกไปตอนเช้าดูเหมือนจะเศร้า แต่ผมคงคิดไปเองล่ะมั้ง ก็ตอนนี้ ยังยิ้มอยู่เลย

    คยูฮยอนเอาศอกวางบนเค้าน์เตอร์ แล้วก็เท้าคาง มองหน้ายิ้มๆของเจ้านายน้อย

    “ผมนึกว่าคุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจซะอีก....ที่ทำหน้าเศ้ราๆ แล้วบอกว่าให้ผมรีบโตน่ะ”

    “แล้วคิดว่ามีมั้ย”

    “ตอนนั้นคิด...แต่ตอนนี้ ไม่”

    “คิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”

    “ครับ”      ผมคิดแบบนั้นจริงๆ  แต่ทำไมพอผมเริ่มจะถาม ก็เริ่มจะเครียดๆอีกแล้วนะ  วันนี้มันแปลกมากจริงๆ  หรือว่ามีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกรึเปล่านะ  มีอะไรในกอไผ่กันแน่

    “ถ้าชั้นชอบเด็กอายุ 18 จะเรียกว่า พรากผู้เยาว์มั้ย”

    “หืมมมม......ไปแอบชอบเด็กที่ไหนครับเนี่ย”  กินเด็กนะเนี่ยเจ้านายเรา 

    “แล้วถ้าจูบเด็กอายุ 18 นี่ จะเรียกว่า พรากผู้เยาว์มั้ย”

    อะไรของเค้าเนี่ย ถามแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้    “คิดว่าคงไม่หรอกครับ...ก็แค่จูบเอง”

    “งั้นก็ไม่เป็นไรสินะ”  หืมมมมมมม  อุ๊บ!!! นี่มัน อะไร กัน เนี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    ..............ขอโทษนะ คยู  นายบอกชั้นเอง มันจะไม่เป็นไรใช่มั้ย   ชั้นคิดจริงๆนะว่ามันจะไม่เป็นอะไร   แต่มันก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่ชั้นยังกลัว   หลังจากนี้แล้ว มันจะเป็นยังไงต่อไป   ชั้นอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้ ตรงนี้ ตอนนี้    ถ้าหากว่านายรู้สึกว่าความรู้สึกของชั้นเป็นภาระล่ะก็  ต่อจากนี้ อย่าทำดีกับชั้นอีกเลยนะ    ชั้นหวังให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×