ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) ' ค ลั ง ฟิ ค แ ป ล เ ด็ ก ด า ว '

    ลำดับตอนที่ #4 : (CHANSOO) For the Love of Trees [I/II] ;

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 57


    For the Love of Trees

    Original story: http://19-blue-roses.livejournal.com/45467.html

    written by: drainbamage954

    pairing: chansoo





    PART I.




     

    สิ่งที่ชานยอลรักที่สุดคือความรู้สึกเวลาสายลมพัดผ่าน มันมีบางอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติ สายลมที่สัมผัสกับผิวหนังของเขาเบาๆ และทำให้เขาปลิวไสวไปมา มันนำพาความสุขมาให้ชีวิตของเขา ความสุขที่หยั่งรากลึกลงไปถึงพื้นดิน

     


     

    ชานยอลเป็นหนึ่งในไม่กี่ชีวิตที่มีความสุขกับชีวิตอันเรียบง่ายอย่างแท้จริง กับสายลมที่พัดผ่านรอบๆตัวเขา กับสายฝนที่โปรยลงมาและทำให้เขาเปียกชุ่มอย่างชื่นใจ กับสีฟ้าสดใสของท้องฟ้าเหนือเขา กับนกตัวน้อยๆที่มาสร้างรังตรงช่วงคดระหว่างกิ่งของเขา




     

    ชานยอลไม่แน่ใจว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว ที่เขารู้แน่ๆ คือเขาแก่กว่าแบคฮยอน เพราะเขาเฝ้ามองแบคฮยอนเติบโตตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขจิ้งจอก เขาชอบมองขนสีน้ำตาลแดงที่สะท้อนแสงแวววาวขณะที่สายตาของแบคฮยอนฉายแววเจ้าเล่ห์เมื่อฟังเขาเล่าถึงครอบครัวไก่ฟ้าที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ตรงพุ่มไม่ไกลจากเขาอย่างตื่นเต้น ชานยอลรู้ว่าเขาอายุมากกว่าเซฮุน แมวน้อยที่ชอบเที่ยวเดินด้อมๆมองๆไปทั่ว และชอบนอนบนกิ่งไม้ของชานยอล



     


    ชานยอลรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตของตัวเองมาก เขาไม่เคยนึกฝันถึงชีวิตอื่นเลย ชีวิตเขาซึ่งจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาจากพื้น เขาแหงนมองท้องฟ้าและตะโกน “หวัดดีฮะแม่!” เสียงดังจนพระอาทิตย์เองยังมองลงมาอย่างเอ็นดู



     


    มันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ เป็นต้นไม้น่ะ




     

    ถึงมันจะเรียบง่าย แต่เขาก็มีเพื่อนเยอะแยะ แบคฮยอนก็ตัวนึง ที่ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ วนไปวนมาอยู่ไกล้ๆและพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในป่า นอกจากนั้นก็มีต้นไม้รอบๆเขาหลายต้นที่เป็นเพื่อนเขาเช่นกัน




     

    ถึงแม้ว่าอี้ชิง ต้นวิลโลว์ข้างๆเขา จะค่อนข้างขี้ลืม และจำชื่อเขาไม่ได้ซะทีก็เถอะ...




     

    แต่ก็มีบางครั้งที่ชานยอลอยากรู้ว่ามันจะรู้สึกยังไงถ้าหากว่าเขาขยับตัวได้ ไม่ใช่แค่ปลิวไสวไปมาตามลมหรือพายุฤดูหนาว บางทีเขาแอบสงสัยว่าเขาอาจจะเคยเดินมาก่อนจนเซฮุนมองเขาอย่างระแวงและถามเขาว่าเห็ดพิษที่ผุดแถวๆรากเขามันทำให้เขาเพี้ยนรึเปล่า




     

    แต่ชานยอลมีความสุขมาก เขามีความสุขกับตัวเองที่แค่ต้องยืนไปเรื่อยและมองสิ่งต่างๆรอบตัวเขา เขามีความสุขที่เพียงแค่มีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะล้มลงมาหรือโดนไอ้เลวที่ไหนมาฟันและโค่นเขาล้มนั่นเอง...




     

    ***



     


    ครั้งแรกที่ชานยอลได้พบกับมนุษย์ เป็นวันที่สดใสวันหนึ่งในฤดูร้อน ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเจ้ากระรอกจงฮยอนอย่างเพลิดเพลิน ก็มีสัตว์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตวิ่งผ่านพุ่มไม้และเกือบจะสะดุดล้มรากของเขา สัตว์ตัวนั้นหน้าตาแปลกมาก ไม่มีขนเลยนอกจากตรงบริเวณหัว ตัวก็ถูกปลกคลุมไปด้วยสิ่งประหลาด



     


    คงจะเอาไว้ปกปิดส่วนที่ไม่มีขนเพราะอายละสิท่า



     


    สัตว์ตัวนั้นหายใจถี่ เหลือกมองไปมาอย่างตื่นๆ จากนั้นค่อยๆหยุดและยืดตัวตรงขณะที่มองไปรอบๆ



     


    “นั่นตัวอะไรน่ะ?” ชานยอลถามเซฮุนที่นั่งฟังบทสนทนาของเขากับจงฮยอนอยู่บนกิ่งไม้โปรดอย่างเงียบๆ



     


    เซฮุนมองลงมาที่สัตว์ตัวใหม่และถอนหายใจอย่างแรง เหมือนกับว่าการตอบคำถามนั้นเป็นอะไรที่ลำบากยิ่งนัก




     

    “นายไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อนเหรอ” เซฮุนถามขณะมองกลับไปที่ชานยอลอย่างไม่กระพริบ




     

    “นั่นมนุษย์เหรอ?” ชานยอลถามพลางมองสลับระหว่างเซฮุนกับสัตว์ตัวใหม่ “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามนุษย์หน้าตาเป็นยังไง มีสีสันเยอะแยะเลยแฮะ”




     

    “มนุษย์เป็นสัตว์แปลกที่ไม่มีขน แต่ใส่สิ่งที่เขาเรียกกันว่า ‘เสื้อผ้า’ น่ะ แถมพวกเขายังชอบทำทุกอย่างเละเทะอีก” เซฮุนตอบพลางเอนตัวลงกับกิ่งไม้และหลับตาลง “ก็ไอ้พวกนี้แหละที่ตัดโค่นต้นไม้อย่างนายน่ะ แถมยังเหลานายเพื่อเอาไปนั่งอีก”




     

    “พวกนี้แย่มาก” จงฮยอนเสริมพลางพยักหน้าอย่างแข็งขันขณะที่กำลังเอื้อมหยิบถั่ว




     

    ชานยอลมองลงมาที่มนุษย์คนนั้นที่นัยน์ตาวาวไปด้วยน้ำสีใส “แต่ตัวนี้ดูไม่แย่นะ”




     

    “ก็ไม่ได้แย่ทุกตัวหรอก” เซฮุนบอกก่อนที่จะถอนหายใจและขดตัวเอง หางยาวของเขาห้อยแกว่งไปมา “ยกเว้นพวกตัวเล็กๆที่ชอบมาดึงหางน่ะ”




     

    ชานยอลไม่ได้พูดต่อ แต่มองลงมายังมนุษย์ที่พยายามกล้ำกลืนน้ำลายและทำเสียงฟุดฟิดเป็นพักๆ




     

    เจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ที่แปลกมาก




     

    เจ้ามนุษย์เดินวนเป็นวงกลมอยู่สักพักก่อนที่จะล้มตัวลงบนหญ้าใกล้ๆรากของชานยอล และถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ชานยอลที่กำลังจะหันไปถามจงฮยอนว่า 'มนุษย์กินต้นไม้หรือเปล่า' หันไปมองมนุษย์ที่ร้องออกมาเบาๆ และตกใจเมื่อมนุษย์คนนั้นมีน้ำพรั่งพรูออกมาจากดวงตาโตและไหลลงเปรอะใบหน้า




     

    “เขากำลังทำอะไรน่ะ?” ชานยอลถาม เขารู้สึกตื่นตกใจเมื่อเจ้ามนุษย์เริ่มทำเสียงเศร้าๆและเช็ดถูหน้าอย่างรุนแรง




     

    “ร้องไห้ไง” เซฮุนเอ่ยตอบทั้งๆที่ไม่เปิดตาพลางแกว่งหางไปมา “พวกเขาชอบทำแบบนี้เวลาเศร้าน่ะ”




     

    ชานยอลมองขณะที่เจ้ามนุษย์ที่นอนอยู่บนพื้นร้องออกอย่างเสียใจ จนรู้สึกเศร้าไปด้วย “ทำไมตัวนี้ถึงดูเศร้าจัง?”




     

    “ฉันก็ไม่รู้” เซฮุนพูดพลางปรือตามองชานยอล “บางทีเขาอาจจะตระหนักถึงความไร้ประโยชน์ของสายพันธุ์ของตัวเองก็เป็นได้มั้ง”




     

    “หรือเขาอาจจะอกหักก็ได้นะ” จงฮยอนพูดขณะมองลงมาที่มนุษย์ข้างล่างด้วยความสนใจ




     

    “อกหักคืออะไรเหรอ?” ชานยอลถามพลางโปรยใบไม้ลงมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น




     

    “ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็น--เห้ยดูนั่นสิ! บลูเบอรี่นี่นา!” จงฮยอนกระโดดออกไปทันที ทำให้ชานยอลนิ่วหน้าเพราะยังไม่รู้ว่าอกหักคืออะไร




     

    “เขาดูเศร้ามากเลย” ชานยอลพูดพลางมองลงมาอีกครั้งยังมนุษย์ที่กำลังร้องไห้ “ปกติพวกมนุษย์เค้าทำอะไรกันเหรอ เวลาที่เศร้าน่ะ?”




     

    “เขากอดกันน่ะ” เซฮุนลากเสียงและยังคงไม่ยอมลืมตา เขาสะบัดหางใส่ลำต้นของชานยอลอย่างหงุดหงิด “ฉันกำลังพยายามจะงีบอยู่นะ”




     

    “กอดคืออะไรเหรอ?” ชานยอลตื่นเต้นมากกับการที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ




     

    เซฮุนถอนหายใจและพลิกคว่ำตัวบนกิ่งของชานยอลพลางห้อยขาชี้ลงที่พื้น ก่อนจะงอขาโอบรอบๆกิ่งไม้ของชานยอลเบาๆ “พวกเขาทำแบบนี้ ต่างกันตรงที่ว่าเขากอดทั้งลำตัวน่ะ”




     

    “นายฉลาดจัง” ชานยอลพูดพลางเขย่าใบไม้ของเขาด้วยความชื่นชม




     

    “ฉันรู้อยู่แล้ว” เซฮุนตอบเนือยๆพลางหดตัวกลับและยิ้มให้ชานยอลอย่างเจ้าเล่ห์ ตาของเขาโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์




     

    ชานยอลเบ้หน้าพลางมองมนุษย์ที่กำลังร้องไห้




     

    “ฉันอยากจะกอดเขาจัง” เขาพูดขณะที่เจ้ามนุษย์ปาดถูจมูกอย่างเศร้าสร้อย เขาทำเสียงแปลกๆ และไอเบาๆ




     

    “นายเป็นต้นไม้นะ” เซฮุนบอก “ต้นไม้ไม่กอดคน คนต่างหากที่กอดต้นไม้”




     

    “แต่ฉันอยากกอดเขานี่นา” ชานยอลพูด “ถ้ามันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ฉันก็อยากจะกอดเขานะ”




     

    เซฮุนไม่ตอบ แค่ยืดตัวเล็กน้อย จากนั้นจึงทิ้งตัวลงบนกิ่งของชานยอลและเอาอุ้งเท้าปิดจมูกสีชมพูของเขา




     

    ชานยอลมองลงมาอีกครั้ง เจ้ามนุษย์ได้หยุดร้องไห้แล้ว เขาเพียงแค่นั่งตรงนั้นและสะอื้นเบาๆ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจและเอนหลังพิงกับชานยอล ซึ่งชานยอลคิดว่าเขาตัวอุ่นและนิ่มมากเลย




     

    หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก เจ้ามนุษย์ที่นั่งพิงชานยอลโดยมีชานยอลคอยมองอย่างสนใจ เสย ‘ขน’ บนหัวด้วย ‘อุ้งเท้า’ ของเขา




     

    ตาของเขาโตและดูดีจัง มนุษย์คงจะมองเห็นชัดในที่มืดแน่ๆเลย




     

    “เราไม่ดีพอสำหรับเขาเหรอ?”




     

    ชานยอลไม่แน่ใจว่าเจ้ามนุษย์คุยกับใคร แต่ที่เขารู้แน่ๆคือเขารู้สึกเสียใจไปกับมนุษย์คนนี้ด้วย และชานยอลก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าขนาดนี้มานานแล้วหลังจากครั้งนั้นที่เขาเห็นคริสจับและกินหนูมัสแร็ต




     

    ***




     

    “นั่นมันแย่มากเลยนะ!” ชานยอลตะโกนใส่คริสที่มองขึ้นมาหาเขาด้วยสายตาดุร้าย




     

    “ฉันเป็นหมาป่านะ” คริสพูด “มันเป็นสิ่งที่ฉันทำ มันก็เหมือนที่เซฮุนกินหนู และแบคฮยอนที่กินไก่ฟ้านั่นแหละ”




     

    “พวกนายทุกคนกินเบอรี่กับใบไม้พุ่มเหมือนลู่หานไม่ได้เหรอ?” ชานยอลร้องงอแง




     

    “ฉันไม่ชอบความคิดนั้นนะ!” ซองมินซึ่งเป็นพุ่มไม้ตะโกนและเขย่าใบไม้ของเขาอย่างขุ่นเคือง คริสส่งเสียงรำคาญและเดินจากไป




     

    ***




     

    ชานยอลมองลงมายังใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาและรู้สึกเศร้าอีกครั้ง เขาอยากให้ความรู้สึกเศร้านี้หายไป ทั้งของเขาแล้วก็ของมนุษย์คนนี้ที่เอาตัวเขาเป็นที่พิงหลัง




     

    “นายต้องหัดคิดเบาๆบ้างนะ รู้ป่ะ” เซฮุนบ่นอย่างรำคาญ




     

    “มนุษย์ได้ยินต้นไม้รึเปล่า?” ชานยอลถาม ทั้งๆที่พอจะเดาได้ว่าไม่ จากการที่เจ้ามนุษย์ไม่มีปฏิกิรยากับเขาเลยแม้แต่น้อย



     


    “ไม่” เซฮุนตอบอย่างขุ่นเคือง “พวกเขาโง่เกินไป ระดับความฉลาดพอแข่งกับอี้ชิงได้เลย”




     

    “โหย...” ชานยอลไม่รู้จะพูดอะไรต่อ




     

    “เพราะว่าเราอายุมากกว่าเขาเหรอ? แต่มันไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลย...บางทีมันอาจจะผิดตรงที่เรานี่แหละ เห้อ” เจ้ามนุษย์ถอนหายใจพลางหลับตาลง  “เราไม่ดีตรงไหนเหรอ?”




     

    “ไม่รู้สิ” ชานยอลตอบ “แต่ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดเลยนะ นอกจากเรื่องที่ขนนายร่วงแทบทั้งตัว...ก็ไม่มีนะ”




     

    เจ้ามนุษย์ถอนหายใจและใช้ ‘อุ้งเท้า’ ปาดน้ำตาที่เป็นคราบแห้งบนใบหน้า




     

    “ทำไมคนถึงทำตัวแบบต้นไม้บ้างไม่ได้นะ?” เขาถามพลางแนบตัวชิดกับชานยอลมากขึ้น ชานยอลสงสัยว่านี่คือที่เขาเรียกกันว่ากอดรึเปล่า…




     

    “ต้นไม้น่ะจะอยู่ตรงนี้เสมอ...พร้อมที่จะประคองและเป็นที่พิงเราเสมอ..เหมือนนายไง เจ้าต้นไม้..นายเป็นต้นไม้ที่เจ๋งมาก” เขายิ้มแฉ่งโชว์ฟันสวยพลางมองชานยอลตาโต และชานยอลก็ตัดสินใจว่าเขาชอบมนุษย์ในทันที




     

    ***




     

    “ฉันชอบมนุษย์จัง” ชานยอลเอ่ยบอกแบคฮยอนในไม่กี่วันถัดมาตอนที่แบคฮยอนโผล่มาเยี่ยมเขาโดยมีไก่ฟ้าอยู่คาปาก “ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าทำไมพวกนายเกลียดพวกเขากันจัง”




     

    “นายไปเจอมนุษย์มาเหรอ?” แบคฮยอนถามทั้งๆที่ปากเขาไม่ว่าง เขาคายไก่ฟ้าลงบนพื้นแถวๆเห็ดตรงรากของชานยอล “นายควรจะรู้ไว้นะ ว่าพวกเขาแต่ละคนแตกต่างกัน”




     

    “แต่ตัวที่ฉันเจอนิสัยดีมากเลยนะ” ชานยอลบอกแบคฮยอนอย่างตื่นเต้น “ตอนแรกเขาดูเศร้า จากนั้นก็ไม่ค่อยเศร้าและซบฉันด้วย!”




     

    แบคฮยอนจ้องเขาสงสัย “เขาซบนาย?”




     

    “อ่า..ก็ทำเหมือนที่เซฮุนทำตอนที่ลู่หานงีบหลับน่ะ..”




     

    “นายหมายถึงที่นอนพิงน่ะนะ” แบคฮยอนพูดพลางกลั้วหัวเราะ




     

    “แต่เขาไม่ได้หลับนะ..”




     

    “งั้นเขาก็นั่งพิงนายงั้นสิ?”




     

    “อ่าฮะ!” ชานยอลเอ่ยอย่างมีความสุข “ตาเขาโตเหมือนกบเลยอ่ะ! มนุษย์กับกบนี่เกี่ยวกันมั้ยอ่ะ? ขนก็ไม่มีทั้งคู่เลย”




     

    “เอ่อ..ไม่นะ” แบคฮยอนตอบเนือยๆ ขณะนั่งลงและเอาหางปุยพันรอบตัวเอง เขามองขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ “ฟังดูเหมือนจะเป็น

    มนุษย์ที่พิเศษกว่าชาวบ้านนะ..มนุษย์ส่วนใหญ่ร้ายกาจจะตายไป”




     

    “ร้ายกาจเหรอ..ไม่หรอกมั้ง” ชานยอลแย้งและพยายามยืนให้สูงขึ้นอีก “ฉันคิดว่าพวกเขานิสัยดีนะ”




     

    จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาในป่า..เสียงของกิ่งไม้ใบหญ้าขณะที่มีบางสิ่งขยับผ่าน ซึ่งไม่น่าจะใช่สัตว์ในป่าแห่งนี้ แบคฮยอนยืนแข็งทื่อและสะตุ้งหันไปทางต้นเสียง




     

    “อะไรน่ะ?” ชานยอลถามอย่างตื่นเต้นสนใจ




     

    จมูกของแบคฮยอนกระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาสูดดมกลิ่นฟุดฟิด..เมื่อได้กลิ่นเขาก็หรี่ตาลงอย่างระแวง




     

    “มนุษย์น่ะ” แบคฮยอนพูดก่อนที่จะกระโดดหนีไปหลบอยู่หลังพุ่มหนามของซองมิน ไม่กี่วินาทีต่อมา เจ้ามนุษย์วันนั้นก็เดินผ่านเถาวัลย์มาหาชานยอลพลางยิงฟันให้เห็น..มันต่างกับที่คริสแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างน่ากลัวโดยสิ้นเชิง..และยังดูมีความสุขมาก



     


    “เราว่าละว่าเราจะต้องหามันเจออีกแน่ๆ!” เจ้ามนุษย์เอ่ยและมองไปรอบๆด้วยตาโตสดใส “ดูสิ! งดงามมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ!”




     

    มนุษย์อีกคนเดินโผล่มาตามหลังคนแรก เขามีสีผิที่เข้มกว่าและมีตาที่เล็กกว่าคนแรก ขนบนหัวเขาก็ยาวกว่าด้วย..เขามองไปรอบๆด้วยสีหน้าที่ชานยอลคิดว่าเซฮุนคงจะมีถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์..สีหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่แคร์สิ่งใดบนโลกนี้เลยแม้แต่น้อย..




     

    “ที่นี่น่ะนะ ที่นายเอาแต่พูดถึงตั้งแต่วันจันทร์น่ะ?” เจ้ามนุษย์ผิวสีแทนถามพลางมองไปรอบๆ..สายตามาหยุดที่ชานยอล แต่แล้วมองเขาอย่างไม่ปลื้มนัก ซึ่งมันแปลกมากสำหรับชานยอล




     

    เฮ้ๆ ฉันเจ๋งจะตาย..ฉันเป็นต้นไม้เชียวนะ! ต้นไม้น่ะเจ๋งและเท่มากเลย..เพราะฉะนั้นฉันเจ๋งและเท่มากนะ




     

    “ใช่แล้ว!” เจ้ามนุษย์ที่ตัวเล็กกว่า ตัวโปรดของชานยอล เอ่ยตอบเจ้าผิวสีแทน จากนั้นเขากาง ‘ขาหน้า’ ของเขาออกและหมุนรอบตัวเอง และเดินไปมาด้วย ‘ขาหลัง’ ของเขา




     

    ครั้งที่แล้วเขาก็เดินด้วยขาหลังเหมือนกัน..เจ้าผิวสีแทนก็ด้วย..แปลกจังแฮะ แต่ก็น่ารักดีนะ




     

    “สวยใช่ม๊า จงอิน?”




     

    เจ้าผิวแทนที่ชื่อจงอินชักสีหน้าเล็กน้อย “คยองซู นี่เราอยู่กลางป่านะ ที่นี่มันมีอะไรพิเศษหรือไง?”




     

    เจ้าตัวเล็กคนโปรดของชานยอลที่ชื่อว่าคยองซูมองกลับไปที่จงอิน..เริ่มเสียหน้าเล็กน้อย “อ่า..นายไม่ชอบที่นี่เหรอ?”




     

    จงอินถอนหายใจและหลับตาลงขณะที่คยองซูก้าวขาไปหาเขา “อืม..ฉันว่ามันก็ดีนะ” จงอินตอบอย่างเนือยๆ “ก็..เงียบดี”




     

    คยองซูยิ้มกว้างกว่าเดิม “เราว่าแล้วว่านายจะต้องชอบที่นี่” เขาพูดพลางยื่น ‘อุ้งเท้าหน้า’ ไปวางบนไหล่ของจงอิน จงอินยิ้มตอบพลางจูงคยองซูมานั่งลงบนรากของชานยอลและพิงหลังบนลำต้นของเขา จงอินวางขาหน้าบนไหล่ของคยองซูและดึงตัวมาชิดเขายิ่งขึ้น คยองซูเอนหัวซบบนไหล่เขา..และนั่นทำให้ชานยอลตัดสินใจว่าเขาไม่ชอบเจ้ามนุษย์ผิวสีแทนเท่าไหร่นัก..




     

    “ที่นี่เป็นที่ของเราก็ดีมั้ย” คยองซูพึมพำเบาๆ




     

    “อืม..” จงอินเอ่ยพลางวางหัวเขาบนหัวของคยองซูและมองไปรอบๆอย่างเบื่อๆ




     

    ชานยอลรู้สึกไม่ชอบเขา..เขารู้สึกไม่ชอบคนผิวแทนเพราะเขาดูเบื่อและดูจะไม่แคร์อะไรเลย..แต่เขากลับได้สัมผัสตัวคยองซู และได้พูดคุยกับเขา..ซึ่งชานยอลไม่สามารถทำได้..




     

    “ฉันอยากเป็นมนุษย์” ชานยอลมุ่ยหน้าขณะที่แบคฮยอนโผล่หัวออกมาจากใบไม้ของซองมิน




     

    “จะบ้าเหรอ? ใครเขาอยากหน้าตาเหมือนพวกมันกัน” แบคฮยอนถามอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินมาจากเพื่อนเขา “พวกมันหน้าตาอย่างกับพังพอนไร้ขน”




     

    “เฮ่!” ซูโฮโวยวายและโผล่หัวออกมาจากบ้านเขา ซึ่งอยู่ใกล้กับรากของอี้ชิง “อย่ามาว่าสายพันธุ์ฉันนะ!”




     

    “นายเป็นมิงค์ต่างหาก” แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่ซูโฮ “ไม่ใช่พังพอน..แต่บางทีฉันก็ว่านายชอบทำตัวลับๆล่อๆเหมือนพวกมัน”




     

    ซูโฮทำเสียงฟึดฟัดก่อนจะมุดลงไปในบ้านเขา แบคฮยอนยิ้มเย้ยใส่ซูโฮก่อนที่จะมองกลับมาที่ชานยอล




     

    “ฉันพูดจริงนะ มันไม่คุ้มหรอกน่า..ดูเจ้าสองตัวนี้สิ” แบคฮยอนพูดพลางมองไปหาสองคนนั้น




     

    ชานยอลมองลงไปยังสองคนนั้นที่กำลังพิงกับเขา คนผิวแทนกำลังลูบหัวคนตัวเล็ก




     

    ฉันไม่อยากให้หมอนี่อยู่ตรงนี้เลยแฮะ




     

    ราวกับว่าจงอินได้ยินความคิดของชานยอล เขามองขึ้นมาที่กิ่งไม้ของชานยอลและมุ่ยหน้า




     

    ชานยอลปล่อยกิ่งไม้เล็กๆใส่หน้าจงอิน และนั่นทำให้จงอินสะดุ้งตัวและขยับหนี ซึ่งทำคยองซูมองขึ้นมาอย่างตื่นๆ ตาโตเบิกกว้างอย่างงงๆ จงอินลูบหน้าป้อยๆ และขยับตัวออกห่าง




     

    “นายทำตัวอย่างกับเด็กๆ” แบคฮยอนตำหนิ




     

    ชานยอลไม่สนใจและปล่อยใบไม้ลงมาใส่จงอิน ตามด้วยลูกโอ๊ก ใบไม้เขาไหวไปมาขณะที่เขาหัวเราะร่าเมื่อเห็นจงอินมองไปมาอย่างตื่นกลัว และก้าวถอยหลังพลางจ้องเขม็งใส่ชานยอล




     

    ชานยอลรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก



     

    คยองซูยังคงทำหน้างง “จงอิน มีอะ-”


     


    “ไปเหอะ” จงอินพูดอย่างฉุนเฉียว สายตายังคงจ้องชานยอล และนั่นทำให้คยองซูหน้าเสีย “ฉันเปลี่ยนใจละ ที่นี่โคตรแปลกเลย”




     

    ชานยอลเริ่มรู้สึกไม่ปลื้ม “เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งไป!” เขาพูดเมื่อเห็นคยองซูรีบร้อนตามจงอินที่เดินแหวกป่าออกไปอย่างหัวเสีย




     

    “ฉันอยากเป็นมนุษย์จังเลย..” เขาเอ่ยขณะที่มองลงมายังเพื่อนจิ้งจอกของเขา




     

    “นายอิจฉาเหรอ?” แบคฮยอนถามพลางมองชานยอล




     

    “อิจฉาคืออะไรเหรอ?” ชานยอลถามเมื่อได้ยินศัพท์ใหม่




     

    “มันหมายความว่านายเห็นคนมีบางอย่างที่นายไม่มี และนายก็อยากได้มัน”




     

    “..อ่าฮะ” ชานยอลเขย่าตัวเล็กน้อยเพื่อยืนยัน “ใช่ ฉันอิจฉา”




     

    แบคฮยอมก้มหัวมองพื้นอย่างยอมแพ้..ถึงแม้ชานยอลจะแก่กว่าเขายี่สิบปีเป็นอย่างน้อย เขาทำไมรู้สึกเหมือนว่าเขาโตกว่ามากเวลาคุยกับชานยอล..




     

    ***




     

    ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ลูกโอ๊คหล่นใส่หัวจงอินวันก่อน ทั้งสองคนก็ยังคงมาเยี่ยมชานยอลอยู่เรื่อยๆ จงอินยังคงมองไปมองมาอย่างเบื่อๆ ขณะที่คยองซูยิ้มให้กับทุกสิ่งอย่างสดใสร่าเริ่ง มีบางครั่งที่คยองซูจะมาคนเดียวและไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งพิงชานยอลและมองรอบตัวเขาอย่างเงียบๆ




     

    บางครั้งคยองซูก็จะนั่งคุยกับชานยอล..เกี่ยวกับสถานที่หลายๆแห่ง..เกี่ยวกับบ้านเขา..เกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่เรียกว่า ‘มหาวิทยาลัย’ ที่ฟังดูยุ่งยากเหลือเกิน..เกี่ยวกับจงอิน..เกี่ยวกับ ‘เขาสองคน’ ที่คยองซูรู้สึกไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย..







     

    ...To be continued...



     







    22.05.14
    Happy Suho Day! 




     
    ⓒ:baby
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×