คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Kiss No. 4
© simply theme
Kiss No. 4
‘เจอกันตอนเที่ยงนะครับ’
คำบอกกล่าวของคนที่ชอบทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นปกติเสมอมา ได้เชิญชวนให้มาเที่ยวอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ตอนที่หมอนี่พูดออกมาว่า ‘เหตุผลบ้าๆ’ ข้างในอกนี้ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดลึกลงมาข้างในจนร่างกายเหมือนจะสลาย ราวกับโดนมีดเล่มหนึ่งแทงลงมากลางหัวใจ พึ่งจะโดนหมอนี่พูดแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรกสินะ
ผมที่กำลังดูโทรทัศน์ไปพลางเอาเรื่องเมื่อวานมาเข้าในสมองจนเหมือนจะเริ่มปวดหัว ก็ต้องสะดุ้งที่มีใครสักคนมาเคาะประตูเรียกให้ออกมาเปิดประตู ผมค่อยๆหมุดลูกบิดจากนั้นก็ดึงประตูออกมาและแล้วก็ได้มีร่างทั้ง 3 กระโจนออกมากอดผม จนรับน้ำหนักทั้ง 3 คน จัดได้ว่า ‘หนักสุดๆ’
“ฮัน~ ฉันคิดถึงนายจัง ได้ข่าวว่าไปเดทกับ ‘ดันเต้’ มาเหรอ?” เคนอุ้มผมพาไปนั่งบนโซฟา
“ก็ . . . ไม่ใช่เดทหรอก ก็แค่แบบ ‘รุ่นพี่รุ่นน้อง’ น่ะ” ผมค่อยๆนั่งดีๆ
นายนี่แข็งแรงจังนะ เคน
“เอ๋?! แต่เชบอกว่า ‘คบกัน’ อยู่นี่นา”
เคนเอ่ยชื่อตัว ‘ต้นเหตุ’ ที่บอกความจริงกับเขา ทำให้ผมต้องหันไปหาเจ้าของชื่อนี้แต่เจ้าของชื่อนี้ก็ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้ คอยดู . . . ฉันจะลงโทษนายเป็นคนแรกเลย
“ผมไปบอกว่า ‘คบกัน’ ตอนไหนครับ?” ผมยิ้มให้เช
“ก็รุ่นน้องนายบอกเองนี่นา” เขาเดินเข้ามานั่งข้างๆและกระตุกยิ้มกวนใส่
“ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!!”
“นายนี่มัน . . . ‘ปากแข็ง’ จังเลยนะ” เขาว่าจากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆผม
“อย่ามาแทงใจดะ . . .” และหอมแก้ม “เฮ้ยยยย!!! . . . ขนลุกนะ!!”
“ทีรุ่นน้องยังยอมให้ ‘หอม’ กับ ‘จูบ’ เลยนี่นา” เขาทำสีหน้าเหมือนอิจฉานิดหน่อย
“จะ . . . จะบ้ารึไงกัน?! ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นจูบหรอก!!”
“เหรอ~?” เขาลากเสียง
“จริง!!”
“แต่ว่า ‘ท่าที’ ของนายมันเหมือน ‘ปากแข็ง’ นะ” บลูที่เอาแต่นั่งเงียบตอนนี้ได้เปิดปากพูดออกมา
ปากแข็งครั้งที่ 2
“นั่นสินะ เหมือนพวกผู้หญิงจะชอบพูดว่าอะไรนะ คำนั้นน่ะ . . .” เคนนั่งคิดจากนั้นก็นึกขึ้นได้ “ซึนเดเระนี่เอง!!”
“อะไรล่ะนั่นน่ะ?” ผมหันไปตามความสนใจ
“ก็พวก ‘ปากแข็ง’ ไม่ยอมรับว่าตัวเอง ‘รัก’ หรือ ‘ชอบ’ คนคนนั้นอยู่น่ะ ทั้งๆที่ใจจริงนั้นออกจะตรงกันข้ามกันเลย”
“หือ~ . . .” เชเริ่มจับตามองผมไม่ละสายตาเลยสักนิด
“อะ . . . อะไร? มองทำไมเล่า!?” ผมมองคนที่จ้องจับผิด
“อา . . . เข้าใจแล้วล่ะ” เชพูดและเริ่มยืนขึ้น “ฉันขอตัวก่อนนะ นัดใครสักคนไว้น่ะ”
“สาวอีกแล้วเหรอ?” บลูเดาไป
“ไม่ใช่หรอก คราวนี้เป็นคนรู้จักน่ะ”
“คนรู้จัก?” พวกเราทั้ง 3 คน มองคนที่กำลังจะไปไม่ละสายตา
“นิดหน่อยน่ะ” เชกระตุกยิ้มมองโทรศัพท์มือถือตัวเองแล้วโบกมือลาพวกเราไป
“เช . . . กำลังมีความรัก?!” เคนตกใจสุดๆ
“หา?!” ผมที่นั่งอยู่ข้างๆก็ตกใจด้วย
“อือ ดูท่าทางจะมีความสุขมากๆเลยนะ” บลูจับตามองคนที่พึ่งออกไป
“อิจฉารึไง?” เคนหันไปมองคนที่เปิดปากพูด
“. . . ไม่หรอก ก็เพราะมีคนที่พิเศษอยู่เคียงข้างตลอดนี่นา” พูดก็ยิ้มมีสุข
หมอนี่ก็มีด้วยเหรอ?!
“ใครล่ะคนที่ว่า ‘พิเศษ’ สำหรับนายน่ะ?”
“ไม่บอกหรอก”
“ขี้งก!”
ทำไมรู้สึกว่าบรรยากาศมันเลี่ยนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้แฮะ หรือว่าคิดไปเอง?
“ก็เป็นแบบนี้แหละ”
ผมบอกคนข้างๆที่กลั้นหัวเราะไม่หยุดแถมยังเกือบจะโขกหัวตัวเองไปด้านหน้าอีก วันนี้ก็ได้ทำตามสัญญากับรุ่นน้องคนนี้เอาไว้ว่า ‘จะไปเยี่ยมคุณยาย’ ด้วยกัน เมื่อผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเพื่อนๆของผมจบ ดันเต้ก็เข้ามากอดทันทีที่ผมคนนี้เริ่มพูดจบ
“นี่นายยังไม่หายเข็ดเลยรึไงกัน?” ผมดันหมอนี่ให้ออกไป
“นิดหน่อยเองครับ นะ . . . นิดเดียวเอง” จากนั้นก็เริ่มเข้ามาซบอกผม
“กะ . . . ก็ได้ แค่นิดเดียวนะ”
“อื่อ!” และจากนั้นก็ยิ้มร่าใส่
ฮึ อ้อนอย่างกับลูกสุนัข หมอนี่ก็มีส่วนที่ ‘น่ารัก’ เหมือนกันนี่นา
“รุ่นพี่ครับ”
คนที่นอนบนตักผมเรียกให้ก้มหน้าลงมาหา แค่เรียกแต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ส่งรอยยิ้มที่หวานชื่นและเต็มไปด้วยความสุขมาให้ผม มันทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย ใบหน้าเริ่มร้อนชามากขึ้น . . . มากขึ้นเมื่อเขาพูดแบบนี้ว่า ‘อุ่นจัง’ มันน่ารักมากๆ
“อุ่นก็หลับไป เจ้าบ้า”
“ครับ”
1ชั่วโมงผ่านไป
“ผมว่า . . . รุ่นพี่จะไหวเหรอครับ?”
“ไหวน่า~ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“ครับ อาจจะรุนแรงนิดหน่อยนะครับ”
“ฉันทนได้น่ะ นายไม่ต้อง . . . อึก!?”
“เอ๊ะ?”
“เบาๆหน่อยสิ . . . รู้ไหมว่านายกำลังทำฉันเจ็บอยู่”
“นิดเดียวเองครับ” ขยับมือเบาๆ
“อึก! . . . ก็บอกว่า . . .” บ่นไปพลางขยับร่างกายนิดหน่อย “แก้มัดดีๆหน่อยสิ!!”
ตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้วกว่าจะถึงบ้านคุณยายผมก็นานพอสมควร เพราะมันอยู่ไกลมากๆแถมคุณยายยังมีสภาพร่างกายที่ถือว่าหนักการเอามากๆ คุณหมอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นสภาพจิตใจที่กำลังซึมเศร้า ไม่สามารถแก้ได้เลย มันยิ่งทำให้เป็นห่วง
“สักครู่ครับ โอ๊ะ . . . ได้แล้ว” พูดไปก็ยิ้มไป
“ขอบใจ แล้วบ้านคุณยายนายนี่ไกลจังนะ”
“ก็ . . . เพื่อไม่ให้ใครมาตามเจอยังไงล่ะครับ”
“ใครเหรอ?”
“พวกที่หักหลังน่ะครับ คุณยายท่านเคยไว้วางใจทุกๆคนในกลุ่มมาเฟียตัวเองมากๆ แต่แล้วก็ได้มีกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายคุณตาโดยกระบอกปืนเก็บเสียง . . . พวกเขาเก่งมากเลยใช่ไหมครับที่ทำแบบนี้?” เมื่อคนข้างๆผมฟังแบบนี้ก็ทำสีหน้าเศร้า
“. . . นั่นสินะ คนเราก็ต้องมีการหักหลังกัน แต่นาย . . . ไม่ต้องกังวลมากหรอก เดี๋ยวฉันจะช่วยปกป้องเอง”
ปกป้อง? . . . พูดอะไรออกมาน่ะ
“บ้า . . .”
“อะไรกัน!? คนอุส่าห์ช่วย”
“รุ่นพี่บ้าที่สุด นึกว่าจะช่วยผมได้รึไงกัน?” ผมว่าคนตรงหน้า “เป็นความคิดที่ไม่ดีเลยครับ”
“ก็ . . . ฉันไม่อยากให้นายเจ็บนี่นา” เจ็บเหรอ?
“. . .” ค่อยๆเอาหัวตนเองขึ้นและหันไปสบตามอง “รู้ไหมครับ สิ่งที่ผมเจ็บปวดที่สุดคืออะไร?”
“ฉะ . . . ฉันไม่รู้หรอก!!” เขาทำหน้ายอมรับ
“. . . สิ่งที่ผมเจ็บปวดที่สุดน่ะ . . .” เว้นช่วงนิดหน่อยแต่ปลายนิ้วค่อยๆขยับขึ้นไปแตะแก้มเนียนนุ่ม “คือการได้เห็นรุ่นพี่รู้สึกไม่ดี กับการ ‘ตาย’ ต่อหน้าต่อตาผม รู้ไหมครับว่าความรู้สึกแบบนี้มันหายากมากๆเลยนะ” โน้มหัวเข้าไปซบอกเบาๆ
“ดัน . . . เต้” เรียกและหน้าแดง “ขอบคุณนะ ที่ห่วงน่ะ”
“. . .” เห็นหน้าแบบนี้ก็ไม่ทนแล้วล่ะครับ “. . . รุ่นพี่”
“หือ?” ทำหน้าสงสัยอีกแล้ว
“รักนะครับ รุ่นพี่”
“ยะ . . . อย่ายิ้มสิ รู้แล้วว่ารักน่ะ” ทำไมจะยิ้มไม่ได้ล่ะครับ?
“ผิดเหรอครับ ที่ผมทั้งรักทั้งหลงแบบนี้น่ะ . . . โอ๊ะ! อีกอย่างหนึ่งรุ่นพี่ยอมให้ผม . . . เข้าไปในใจแล้วเหรอ?”
ถามแบบนี้คุณคงจะเข้านะครับ รุ่นพี่
ใบหน้าของคนตรงหน้าผมเริ่มแดงจนเหมือนมะเขือเทศแดงสด พอเอาหูไปแนบบริเวณที่ใกล้ๆอกหน่อยก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนกับว่ารุ่นพี่กำลัง . . . อา ทำไมถึงได้ . . .
“มะ . . . ไม่ใช่ซะหน่อย!!”
น่ารักชะมัด
“รุ่นพี่ยังคงปากแข็งเหมือนเดิมนะครับ” ผมว่าไป ก็แอบกอดเขาข้างๆ
“นะ . . . นาย!! เอามือออกนะ!!” และก็มาตีมือผม
“ไม่ครับ”
“เจ้าบ้า!! ไปตายซะไป๊!!”
คุณยายท่านมักจะชอบปลูกดอกลิลลี่ ทั้งๆที่เป็นดอกไม้พันธุ์เปราะบาง แค่ตัด เผา ทำลายมันก็หายไปได้พริบตาเดียว แต่ท่านก็ยังคงพยายามที่จะปลูกมันต่อไป ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันที่ท่านจะพัก
ส่วนท่านตาก็ . . . โดนกลุ่มมาเฟียของท่านหักหลัง เพราะความต้องการของเงินมากขึ้นถึงขั้นฆ่าท่านตา รวมกับคนบางส่วนที่เข้าไปยุ่งด้วย พ่อกับแม่เมื่อมาเจอแบบนี้ก็เกือบจะโดนฆ่าแต่ถ้าตำรวจมาไม่ทันก็คงจะ . . . โดนฆ่าไปแล้ว
แต่ผมกลับโดนคนรับใช้จับยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และก็ไม่ยอมให้ออกไปข้างนอกห้องหรือในห้องเด็ดขาด ปีนั้นแหละ . . . เป็นปีที่ผมเกลียดที่สุด
“ดันเต้ นายเหม่ออะไรอยู่น่ะ?”
“อ๊ะ . . . !”
ตอนนี้อย่ามาคิดเรื่องพรรค์นั้นเลยจะดีกว่า แถมปัจจุบันเราก็ได้มีชีวิตสนุกๆกับคนแบบนี้ คนที่ปากแข็ง แต่พอโดนจูบ . . . ร่างกายอ่อนไหวไปหมด ยอมให้เข้าไปข้างในหัวใจได้อย่างง่ายดาย เป็นคนที่ไม่ป้องกันตัวเองซะเลย น่าหัวเราะจังนะ ที่เอาแต่คิดมาก
ผมก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า ประตูใหญ่เข้าๆถูกเปิดออกโดยคนรับใช้ส่วนตัวของผมเอง เมื่อเข้าไปภายในบ้านนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ส่วนรุ่นพี่นั้นก็ . . . สมงสมองไปหมดแล้ว ตกใจรึไงครับ? ที่ได้มาเจอของหรูหราแบบนี้น่ะ สงสัยเราประเมินเขาคนนี้ผิดไปมากๆเลยสินะ
“นะ . . . นาย . . .” มาแล้วสินะ คำถามแบบนี้ “รวยมากไปรึเปล่า?!”
กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้
“ก็ไม่นี่ครับ . . . ทั้งหมดนี้เป็นเงินของคุณตากับคุณยายที่ช่วยกันน่ะครับ”
“งะ . . . งั้นเหรอ?” ยังไม่เชื่ออีกเหรอครับ? “แต่ว่าฉัน . . .”
“ไม่เคยเห็นเหรอครับ?”
“ห๊ะ?!”
“ของหรูหราแบบนี้น่ะครับ?”
“กะ . . . ก็เคยนะ แต่เฉพาะในทีวีกับคอมพิวเตอร์น่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น . . .” ผมหันซ้ายขวาจากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาให้รุ่นพี่ถือดู “ลองถือสิครับ”
“มะ . . . ไม่เอาหรอก! ของแพงๆแบบนี้ถึงฉันจะมีที่บ้าน . . . แต่ไม่อยากจับของคนอื่นน่ะ” เขาบอกแบบนี้แต่ผมก็ยังคงให้จับอยู่ดี
“นิดหน่อยเองครับ”
“มะ . . . ไม่เอา นายบ้ารึเปล่าให้คนแปลกหน้า . . . มาจับของบ้านนายแบบนี้เนี่ย?”
“ก็ไม่แปลกนี่ครับ” ยังคงพยายามให้จับต่อไป
“แปลกสิเฟ้ย!!” ดันออกไป
“ไม่หรอกครับ” ยังคงให้จับต่อ
“เจ้าบ้า!! ก็บอกว่า . . . อ๊ะ!?”
จู่ๆแก้วไวน์ที่ผมถือไว้ดีก็ต้องหลุดมือไปเพราะรุ่นพี่เอาแต่ดันและดันออก จะว่าใครผิดดีล่ะ . . . น่าจะเป็นผมมากกว่าเสียอีกที่เอาแต่จะให้เขามาจับแก้วไวน์ รุ่นพี่รีบคว้าแก้วไวน์เอาไว้แต่คนคนนี้ลื่นพื้นบ้านอีก ทำให้ร่างกายกำลังเอนลงไปด้านหลัง
ผมรีบคว้าตัวคนที่กำลังล้มเอาไว้ แต่ก็กลายเป็นว่าเผลอ ‘ลื่นพื้น’ กับรุ่นพี่ไปด้วย ทีจริงคนที่ลื่นก่อนอย่างรุ่นพี่ควรจะอยู่ด้านล่าง แต่เพราะผมตัดสินใจว่าจะไม่ให้คนคนนี้ได้รับบาดเจ็บจึงสลับที่กับเขาทันที
ตุบ!!
นั่นคือเสียงที่เรียกว่า ‘ของตก’ รึเปล่านะ?
“จะ . . . เจ็บชะมัด!” ผมเผลอร้องออกมา
“นาย!! มะ . . . ไม่เป็นอะไรนะ?!”
“มะ . . . ไม่เป็นอะไรคะ . . . ครับ”
“โอ๊ะ! / อา . . .”
สภาพแบบนี้ เป็นท่าที่ดูยั่วยวนและน่าอายมากๆ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้าคงเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก รุ่นพี่ทีมีสีหน้าเขินอาย ดวงตาเริ่มสั่นคลอเพราะทำตัวไม่ถูก มือที่ซ้อนทับจนเหมือนว่ากำลัง ‘จับมือ’ ด้วยกันอยู่ ความรู้สึกว่าหัวใจมันอึดอัดแถมยังเต้นไม่เป็นจังหวะ . . . มากขึ้นและมากขึ้นอีก อา . . . ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว
แล้วรุ่นพี่ล่ะครับ ตอนนี้น่ะ? . . . รู้สึกอย่างไงกันนะ ทำตัวไม่ถูก เริ่มจะหวั่นไหว หรือว่า . . . อยากจะทำขึ้นมา (ไอคำว่า ‘ทำ’ นายกำลังลามกอยูใช่ไหม?!) ริมฝีปากได้รูปนี้กำลังพึมพัมอะไรสักอย่างเหมือนกับว่า . . . จะพูดอะไรดี? ควรทำอย่างไงดี? สงสัยมีแต่คำถามไปหมด . . .
“รุ่นพี่ . . .” ทั้งๆที่คนคนนี้น่าจะยื่นหน้ามา แต่ต้องให้ผมยื่นไปหาเนี่ย . . . อยากจะแกล้งให้เยอะๆจังเลยนะ “รุ่นพี่ . . .” ค่อยๆใช้มือซ้อนใบหน้าเขาและจูบแก้มเบาๆ
“ดะ . . . ดันเต้! ตะ . . . ตรงนี้มัน . . .” รีบลุกขึ้นแต่ผมก็ยังคงจับเอาไว้ “นะ . . . นี่นาย?!”
“ฮึๆ รุ่นพี่นี่น่าแกล้งจังเลยนะครับ เห็นท่าทีแบบนี้ทีไรก็อยากแกล้งตลอดเลย” จากนั้นก็พลิกกลับให้ตนเองนั้นขึ้นคร่อมแทน “แบบนี้น่าจะถนัดนะครับ”
“ถนัดบ้านนายสิ!! ปล่อยนะ!!”
“ฮึๆ รุ่นพี่ . . . ชอบนะครับ”
“อ๊ะ . . .”
ฉ่าาาาาา!!
“หน้าแดงแล้วนะครับ”
“มะ . . . ไม่ใช่นะ!!”
“รุ่นพี่ . . .” ค่อยๆยื่นหน้าไปหาคนตรงหน้า
“ดะ . . . เดี๋ยวกะ . . .”
“ตายแล้ว~ พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอจ้ะ?”
น้ำเสียงที่ทักพวกผมนั้นไม่ใช่คุณยาย แต่เป็นคุณแม่ซะมากกว่า ถึงแม้จะอายแต่ . . . มันก็ชินแล้วอะนะ(นี่อายแล้วเหรอ?!) รุ่นพี่รีบผลักผมให้ออกไปจากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วทำเป็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อกี้คุณแม่ผมก็เห็นไปซะแล้วล่ะครับ หลบไม่ทันหรอก
“สวัสดีครับ คุณแม่” ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินไปหาผู้เป็นแม่
“คะ . . . คุณแม่?! . . . อะเอ่อ . . . สะ . . . สวัสดีครับ” ส่วนรุ่นพี่ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีจ้า แล้วเธอเป็นใครเหรอจ้ะ?”
“รุ่นพี่ครับ / แฟนครับ” เอ๊ะ? . . . ทำไมรุ่นพี่พูดแบบนั้นล่ะ?
“อา . . . ตกลงเป็นอะไรกันแน่จ้ะ?”
“รุ่นพี่ครับ! / คนรักครับ” รุ่นพี่ . . . ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ?
“นี่นาย!! . . . ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ!!” รุ่นพี่โวยวายใส่ผม
“แต่พวกเราก็ . . .”
“เจ้าบ้า!! อย่าพูดเรื่องนั้นนะ!!”
“ฮึๆ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะจ้ะ แต่ว่า . . . ดันเต้อยากจะมาหาคุณยายสินะ”
“ครับ”
“เข้ามาสิจ้ะ เดี๋ยวก็ปล่อยให้อยู่ด้วยกันซะเลย”
“คะ . . . ครับ~~!”
พวกเราทั้งสองคนรีบเดินตามหลังแม่ของผม รุ่นพี่มีท่าทีที่เกร็งเอามากๆ จนผมคนนี้ทนไม่ไหวก็จับมือของคนคนนี้เอาไว้พลางบอกเบาๆว่า ‘ทำตัวตามสบายเถอะครับ’ พูดแบบนี้และจับมือไปด้วย . . . รุ่นพี่ก็หายเกร็งทันที แต่แก้มทั้งสองข้างกลับขึ้นสีจนผมเกือบทนไม่ได้ที่จะแกล้งรุ่นพี่
รุ่นพี่ครับ เมื่อไหร่รุ่นพี่จะยอมรับตัวผมซะทีนะ?
จะ . . . เจ้าบ้า บ้า บ้า!! ทำบ้าอะไรของนายตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้วแถมพอมาถึงบ้านหมอนี่ หมอนี่ก็ยังจะทำอะไรบ้าๆโดยไม่ดูรอบๆข้างก่อนเลย น่าอายชะมัดที่ . . . โดนเห็น แถมยังโดนบอกว่าเป็น ‘แฟน’ อีก แล้วทำไม . . . เราต้องไปสนด้วยล่ะเนี่ย?!
อยากจะไปตายไกลๆจากหมอนี่ชะมัด ผมเดินตามหลังแม่ของดันเต้แต่ก็ . . . เกร็งจังเลยนะ อา . . . นี่ผมมาอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย? บ้านตัวเองก็ไม่ใช่ . . .
หมับ!?
“อ๊ะ . . .”
จู่ๆความรู้สึกเหมือนมีใครสักคนมาจับมือ ทำให้ผมหันไปหาคนข้างๆที่ยิ้มให้แล้วยื่นหน้ามาหาพลางกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำนิดหน่อยแต่กลับอ่อนโยนทำให้หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่แล้วต้องมาเป็นหนักกว่าเก่า
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ”
“อะ . . . อื่อ!”
ความรู้สึกโล่งใจนี้ ทำให้เราอยากหัวเราะออกมาจัง เพราะคนข้างๆคอยกุมมือนี้เอาไว้แน่นโดยไม่ยอมเปล่า แบบนี้แหละ . . . ที่เราชอบที่สุด
“ถึงแล้วล่ะครับ ห้องของคุณยาย . . .”
ดันเต้หยุดเดินแล้วชี้ไปที่ประตูบานใหญ่สีขาวสะอาดและเริ่มลากผมเข้าไปข้างในห้องนั้นโดยที่ไม่กล่าวอะไรเลย ถึงหน้าประตูก็เคาะตามมารยาทจากนั้นก็หมุนลูกบิดเข้าไป ภายในห้องนี้ตกแต่งด้วยสิ่งของธรรมดา ไม่แพงมากนัก แต่เตียงมีม่านปิดนี่แพงน่าดู
ร่างของวัยชราตรงหน้าผมนี้มีใบหน้าที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูเป็นมิตร ค่อยๆเดินมาหาพวกเราทั้งสอง เขาค่อยๆยื่นมือมาหาคนข้างๆผมจากนั้นก็ลูบใบหน้าอย่างรักใคร่มองบรรยากาศรอบๆห้องที่เริ่มเพิ่มความอบอุ่นเป็น 2 เท่า จึงรู้ว่าทั้งสองต่างก็คิดถึง ห่วงใยซึ่งกันและกัน ส่วนผม…ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในเขตหวงห้ามนี้เลย
“สวัสดีครับ คุณยาย” ดันเต้ยกมือไหว้งามๆ “คุณยายสบายดีนะครับ?”
“สบายดีจ้า แล้วหลานพาใครมาด้วยล่ะเนี่ย?” คุณยายของดันเต้หันมาหาผม
“สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของดันเต้ชื่อ ‘ฮัน’ ครับ” ผมยกมือไหว้เสร็จก็ส่งยิ้มให้
“อ่อนน้อมดีจริงๆรุ่นพี่คนนี้ ยายดีใจนะที่หลานมีคนที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอมาน่ะ”
ร่างของสาววัยชราส่งรอยยิ้มแสนอบอุ่นให้รุ่นน้องผม ความรู้สึกเริ่มเข้าใจความรักระหว่างหลานกับสาววัยสูงอายุที่มีให้กันแล้ว ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนจนต้องเผลออมยิ้มไม่หยุด คุณยายของดันเต้ทั้งอ่อนโยนตามอายุที่เหมาะสมกับนิสัยวัยนี้ ถึงวัยนี้จะขี้บ่นก็ตามแต่ความอบอุ่นนี่แหละ...ที่ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ ดันเต้ยิ้มหวานพลางใช้ลูกตาดำๆทั้ง 2 หันมาทางผม
จะมองทำไมครับ?!
“แล้วพวกเธอ 2 คน...” เริ่มเอ่ยถามบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมแทบอยากจะเอาหัวทิ่มกับพื้น “จะค้างที่นี่กันไหม?”
คำถามนี้เล่นหัวสมองผมสั่งการต้องชะงักทันทีส่วนรุ่นน้องผมก็รีบส่ายหน้าไปมาพลางยื่นหน้าไปใกล้ๆกับใบหูของคุณยายและกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างจนคนที่ฟังเริ่มยิ้มแป้นไม่หยุด
“เดี๋ยวพวกผมขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะครับ คุณยาย” ดันเต้รีบเดินมาหาผม
“จ้ะ ถ้าเกิดหิวข้าวขึ้นมาก็มาหาก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับ!”
เมื่อกล่าวคำขอบคุณเสร็จคุณยายของดันเต้ก็ยิ่งรู้สึกพออกพอใจราวกับว่าถึงแม้เธอจะเริ่มมีอายุไขที่เยอะแล้ว แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะช่วยเหลือใครสักคนอยู่ ช่างเป็นคนที่มีจิตอ่อยโยนซะจริง ระหว่างที่ผมกับดันเต้กำลังออกไปนั้นจู่ๆก็ได้มีร่างหญิงสาว รูปร่างสูงหน้าตาจัดได้ว่า ‘สวย’ จนเหมือนนางแบบ เธอเดินเข้าหาคนข้างๆผมจากนั้นก็…
หมับ!
“Hello boy~!”
กอดรุ่นน้องผมและกล่าวคำทักทายด้วยภาษาอังกฤษ พอเจ้าตัวโดนแบบนี้ก็กอดกลับแล้วกล่าวคำทักทายเช่นกันแถมยังเรียกว่า ‘พี่สาว’ อีก โอ้...พี่น้องหน้าตาดีทั้งคู่เลย ชักอิจฉาแล้วสิ...ทั้งคู่รีบผละออกจากกันจากนั้นพี่สาวของดันเต้ก็เริมหันมามองผมพลางสำรวจมองจากหัวลดลงมาถึงปลายเท้าและ...กระตุกยิ้มแบบพอใจ
พี่สาวดันเต้เข้ามาใกล้ๆผมและถามว่าเป็นใครแถมยังใช้ภาษาไทยพูดอีก(พูดคล่องด้วยนะ)
“ผมชื่อ ‘ฮัน’ เป็นรุ่นพี่ของดันเต้ครับ”
“Oh~…ฮัน...Honey(ที่รัก)?” เธอชี้ไปที่ดันเต้ทันทีที่พูดจบ
“”มะ…ไม่ใช่ครับ!” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่จะคิดไปไกล
“โอ๊ะ…อุฮุฮุฮุ!” พี่สาวของดันเต้หัวเราะออกมาเบาๆจากนั้นก็ยิ้มหวาน “Sorry, I don’t know”
“ไม่เป็นไรครับ”
“จ้า…ฉันน่ะชื่อ ‘เดียร์’ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ยื่นมือมาหา
“ครับ คุณเดียร์” ผมรีบจับมือตอบ
“แล้วดันเต้มาทำอะไรที่นี่น่ะ? มาหาพี่ใช่ไหม?”
“เปล่าครับ อย่าหลงตัวเองสิ” ผู้เป็นพี่สาวทำท่าจะกอดอีกครั้งแต่พอน้องชายกล่าวคำท้ายเสร็จก็ทำให้คนที่กำลังกอดหยุดทันที
“ใจร้ายจัง แล้วตกลง…มาหาคุณยายสินะ”
กล่าวพูดออกมาแค่ชื่อ ‘คุณยาย’ ดันเต้ก็ยิ้มบางๆและมีสีหน้าที่เศร้านิดหน่อย เมื่อเดียร์เห็นแบบนี้ก็ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเขา
“เข้าใจแล้วครับ”
ร่างสูงพยักหน้าตอบกลับจากนั้นก็ขอตัวพาผมไปเดินเล่นข้างนอก ระหว่างที่เดินออกมาท่าทีของคนข้างๆผมก็เริ่มเงียบนิดหน่อย มันทำให้ผมสงสัยจึงตัดสินถามออกมาจากใจจริงๆของผม ตั้งแต่ที่พี่สาวหมอนี่กระซิบกระซาบคุยเรื่องอะไรสักอย่าง
“นาย…มีอะไรอยากระบายรึเปล่า?”
การตั้งคำถามของผมทำให้ร่างสูงเบิกตาโตและสะดุ้งอีก มันทำให้ผมรู้แล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆที่คนคนนี้ปกปิดไว้อยู่ เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ผมจึงรีบคว้ามือของร่างสูงมากุมเอาไว้แน่นๆแล้วเริ่มยิ้มปลอบโยนใส่
“ถ้านายไม่อยากพูด ฉันก็ไมว่าหรอกแต่…ฉันไม่อยากให้นายต้องแบกรับเอาไว้ บอกมาเถอะ ขอร้อง”
คนตรงหน้าก้มหน้าก้มตาลงและค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผมพลางซบสายตาทั้งคู่ให้จ้องมองมานานๆ ค่อยๆยื่นหน้ามาหาแล้วจากนั้นก็เริ่มใช้ริมฝีปากกระซิบข้างๆใบหูของผม ความรู้สึกร้อนๆหนาวๆบริเวณใบหน้าทำให้ไม่เข้าใจว่า ‘ทำไม’ ถึงรู้สึกแบบนี้ ยิ่งร่างกายที่เกือบแนบชิดติดกันยิ่งเพิ่มความร้อนมากขึ้นไปอีกเป็น 2 เท่า และฝ่ามือ…ที่ผมเผลอกุมไปไปเป็น 3 เท่าอีก
อ๊ากกกก!!...ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ล่ะ?
ตึกตัก…!
แถมหัวใจมัน…
ตึกตัก…!
“…รุ่นพี่…พวกเรา 2 คนไปหาที่ที่ไม่มีคนมาพบเห็นดีกว่า”
ดันเต้ที่ทำสีหน้าจริงจังกับผมที่ทำสีหน้าแปลกๆแบบนี้มันเหมือนกับว่าตัวผมเองที่รู้สึกแบบนี้คนเดียวไม่ใช่เหรอ?
“อะ…อือ!”
ตึกตัก…!
“ไปกันเถอะครับ!”
“หวาาา?!”
เสียงหัวใจที่เต้นตึกตักซะเสียจนผมอยากจะร้องอ๊ากออกมา แต่ดีที่รุ่นน้องอย่างดันเต้กระชากมือที่กุมไม่ปล่อยนี้ให้รีบออกมาจากบริเวณที่พวกเรา 2 คน ยืนใกล้ชิดกันจนหัวใจของผมเต้นตึกตักไม่หยุดอยู่คนเดียว…
ราวกับคนบ้าคนหนึ่ง
“ผมจะเล่าตั้งแตต้นจนจบเลยดีไหมครับ?”
ระหว่างที่คนตรงหน้ากำลังยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ผมก็รีบถามทันทีที่เขาจะได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของใบชา รุ่นพี่แทบจะสำลักที่ผมเผลอทักเขา…จากนั้นก็ทำสีหน้าจะฆ่าผมให้ตายอีก
“ยังคงน่ารักเหมือนเดิมนะ…”
“อะไรน่ารักเหรอ?” เมื่อได้ยินก็รีบถามผม
“เปล่าครับ แค่พูดลอยๆก็เท่านั้น”
“…”
ถึงกับเงียบเลยรึไงครับ? ผมนึกสงสัยก็เริ่มคิดที่จะแกล้งคนตรงหน้าให้หน้าแดง(อีกแล้ว) แต่ก็…วันนี้ขอปล่อยให้รอดไปก่อนก็แล้วกัน(จะจริงรึ?) รุ่นพี่รีบทักผมให้เริ่มเล่าเรื่องราวของคุณยายที่กำลังจะพูดตอนนี้ ผมถอนหายใจแล้ว…เข้าไปนั่งใกล้ๆร่างบางเพื่อไม่ให้ใครสักคนมาได้ยินเรื่องแบบนี้
เอาตรงๆพอเข้าไปใกล้คนตรงหน้าก็เริ่มหน้าแดงอยู่ดี ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“คือ…คุณยายท่านมีอาการที่ไม่ถูกกับโลกภายนอก แถมยังต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองและโรคประจำที่ยังรักษาไม่หายตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบัน คุณยายมักจะชอบปลอบโยนตัวเองอยู่เสมอมาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว…” หยุดพักหายใจก่อนที่จะเล่าต่อ
“แต่พอเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาจนจะลืมกันไปหมดก็กลับมาอีกครั้ง ฝ่ายมาเฟียที่ไม่ถูกกับครอบครัวผมได้ส่งจดหมายมาว่า ‘ส่งตัวลูกชายมาให้แต่งงานกับลูกสาวของตัวเอง ไม่อย่างงั้นจะก่อเรื่องเหมือน 4 ปีก่อน’ เมื่อคุณยายได้รับมาอ่านและพิจารณาดูจึงรีบตัดสินใจอย่างรอบครอบก่อนที่จะส่งจดหมายไปว่า ‘ขอพิจารณาดูก่อน’ เมื่อทางฝ่ายนั้นได้รับจดหมายจึงกำหนดเวลาก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน”
“…แล้ว…นายจะแต่งงานไหม?”
ร่างบางถามผมแบบนี้ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแปลกๆออกมา ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่…ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บ ผิดหวัง หรือเศร้าเสียใจ เพราะไม่ว่าอย่างไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานง่ายๆหรอก
ถึงจะมี…คนที่ชอบแล้วก็ตาม
“ไม่ครับ แต่ถ้าแต่งงานจริงๆผมก็จะพยายามทำให้อีกฝ่ายหย่ากับผมให้ได้”
“นายนี่…เป็นพวกชอบวางแผนสินะ?” รุ่นพี่พูดแบบนี้ก็เริ่มทำให้ผมยิ้มออกมาโดยไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังเผลอทำอะไรสักอย่างลงไป
“ใช่ครับ~! แล้วแผนของผมไม่เคยผิดพลาดไปเลยสักนิด”
“รวมทั้งการใช้ความหล่อในการหว่านเสน่ห์พวกสาวๆสินะ”
“พูดอีกก็ถูกอีกครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ
“แล้วฉันล่ะ?”
“อา…”
รู้สึกโดนแทงที่อกเลยแฮะ
คนตรงหน้าถามออกมาตรงๆด้วยความสงสัยที่ซื่อสุดๆ ผมก็เคยบอกไปแล้วนิว่าจริงจังกับรุ่นพี่คนเดียวน่ะ เมื่อกลายเป็นแบบนี้จึงตัดสินใจโอบเอวคนข้างๆให้มาใกล้ชิดผมนิดหน่อยและยื่นหน้าเข้าไปซบอกทันที
“ปะ…เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย?!” รุ่นพี่โวยทันที
“ผมขออ้อนหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“อ้อนบ้าบออะไรของนายเล่า! แต่…ถ้าจะอ้อนจริงๆฉัน…ไม่ว่าหรอก” รุ่นพี่หน้าแดงไม่หยุดกับคำพูดของตัวเองที่กล่าวออกมา…รวมทั้งผมด้วย
ตกลงจะให้อ้อนไหมเนี่ย?
“ถ้างั้น…ผมก็ขอนอนซบอกไปก่อนแล้วกันนะ” พูดจบก็เริ่มหลับตาลง
“เมื่อคืน…นอนไม่หลับรึไง?”
“อือ มัวแต่คิดถึงคุณยายน่ะ รวมทั้ง…” ผมยื่นมือไปหาคนตรงหน้าแล้วจับใบหน้าเนียนเบาๆ “คุณอีกด้วยว่า…จะแกล้งอย่างไงให้หน้าแดงได้ตลอดเวลาน่ะ”
“นายมัน…”
“ครับ~ ผมมันบ้ามากๆ…ที่มาชอบรุ่นพี่น่ะ”
ผมรีบหลับตาลงเพื่อที่จะให้คนตรงหน้าหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศอยู่คนเดียว แต่รู้ไหมว่า…ผมคนนี้ก็อีกคนหนึ่งชักจะเหมือนรุ่นพี่แล้วสิ
แล้ว…พวกเราจะทำอย่างไงกับลูกสาวของทางฝ่ายนั้นล่ะคะ? คุณยาย”
ร่างหญิงชราค่อยๆหันมาหาเดียร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเธอเอง เธอยิ้มหวานแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและหนักแน่นนิดหน่อย
“พวกเรามีแผนใช่ไหม?”
“ค่ะ และดันเต้ก็ให้ความร่วมมืออีกด้วย”
“เข้าใจล่ะ เจ้าเด็กแสบคนนี้นี่แผนสูงจริงๆ”
“แล้ว…ทำอย่างไงกับรุ่นพี่ของดันเต้ดีล่ะคะ หนูไม่อยากให้เข้ามาพัวพันกับเรื่องมาเฟียเลยสักนิด เพราะดูท่าทางแล้ว…ดันเต้คงจะ…”
“เรื่องนั้นยายก็รู้แล้วล่ะ เด็กคนนั้นเป็นคนดีมากๆเพราะเหมาะสมกับดันเต้อีก”
“ซาตานกับนางฟ้ารึไงคะ?”
“ฮึๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ ซาตานน่ะ…ก็อยากได้ความรักที่แท้จริงเหมือนกันนะ”
“นั่นสินะคะ”
“เอาล่ะ ได้เวลาอาหารว่างแล้วสิ”
ร่างหญิงวัยชราหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่แล้วสั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารว่างสำหรับตัวเธอและหนุ่มๆกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความรักที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้ง 2 คน ยังไม่รู้อะไรมากมายเลย
ความคิดเห็น