คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คุ ณ ผู้ จั ด ก า ร ll CHAPTER 3 [100%]
lCHAPTER 3l
ห้องทำงานห้องเดิมผู้บริหารบริษัทคนเดิมกับเรื่องน่าปวดหัวแบบเดิมๆ ปาร์คชานยอลผ่อนลมหายใจเบาๆ เป็นอีกวันที่ต้องปิดโทรทัศน์หนีข่าวพยายามทำใจสงบๆกับการรับสายจากสปอนเซอร์ที่ติดต่อเข้ามาถามเป็นระยะๆ หนังสือพิมพ์กับนิตยสารก็อซซิปที่ถูกสั่งนำออกจากห้องตั้งแต่ตาคมไล่กวาดผ่านหัวข้อกับรูปบนหน้าปก
ไม่มีข่าวดีๆซักข่าว ไม่เห็นว่าคนจะเสพเรื่องราวแบบนี้กันไปเท่าไหร่แล้ว
“แทมิน ติดต่อสำนักพิมพ์ M ให้ผมหน่อย”
กรอกเสียงเนือยๆลงไปตามสายถึงเลขาหน้าห้อง นึกขอบคุณที่ตอนนี้คุณดาราเจ้าปัญหาได้พี่สาวของเขาดูแลดีไม่มีต้องห่วง แต่สำหรับคนอื่นๆเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการปัญหาในเรื่องที่แทบจะเป็นเรื่องปกติของดาราสมัยนี้ได้ยังไง เขาก็ยอมรับว่าดารามันก็ต้องอยู่คู่กับข่าวเป็นธรรมดา เขาเองก็เป็นผู้บริหารที่คลุกคลีอยู่กับดาราในสังกัดพอสมควรก็พอรู้ว่าเรื่องรักๆเลิกๆมันก็เป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็มีที่ถูกจัดจับเป็นคู่โปรโมทสร้างข่าวเพื่อการตลาด
แต่ที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนักข่าวสำนักพิมพ์นี้ถึงได้นั่งเทียนเขียนให้เรื่องราวกลายเป็นปลายเปิดที่สามารถหยิบจับประเด็นนู่นนี่มาเชื่อมโยงจนเลยจากความจริงไปไหนต่อไหน อยากจะฟ้องร้องเสียให้เข็ดแต่ก็...ทำไม่ได้
“คุณชานยอลจะคุยกับคุณคังมั้ยครับ หรือจะให้ผม...”
“ต่อตรงเลยแทมิน ต่อตรงไปหาเขาเลย... ผมอยากคุยกับเขา”
ชานยอลอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่เรียนจบบางครั้งอาจจะตั้งแต่เริ่มเรียนปีสามตั้งแต่กลายเป็นความหวังของบ้าน เขาเป็นคนประเภทที่รักครอบครัวและมุ่งมั่นเกินร้อย เขามักจะพยายามเพื่อสิ่งที่เขาทำได้ไม่ดี นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกแต่มันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อคนที่เขารัก...อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็มากเกินกว่าจะไม่สนใจ
มันน่าเหนื่อยหน่ายและทำให้เขาต้องหวนนึกกลับไปตอนที่ยังแค่เที่ยวเล่นและทำตามใจได้เหมือนที่อยากทำในทุกๆวันเท่านั้น เขาไม่ได้ทำมันให้ดีเท่าที่ตั้งใจ
เพราะไม่ได้คาดหวัง...ว่าวันพรุ่งนี้จะต้องเปลี่ยนแปลง
มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบใบหน้าที่ดูโทรมลงไปเพราะเวลาที่จำกัดทำให้แม้จะดูแลตัวเองแล้วแต่ก็ยังหนีไม่พ้นร่องรอยของความอิดโรย หายใจทิ้งแรงๆอีกครั้งก่อนจะสูดกลับเข้าไปใหม่ ใบหน้าหล่อปนหวานประดับด้วยรอยยิ้มที่วาดกว้างอย่างตั้งใจ
...ใครบางคนมักจะบอกเสมอว่ารอยยิ้มของเขาสามารถแพร่กระจายความสุขได้เหมือนไวรัส ได้แต่หวังว่าความสุขนั้นจะแผ่มาถึงจุดเล็กๆในใจของเขาเช่นกัน...
“คุณชานยอลครับ...”
“ถ้าเขาไม่คุยก็บอกไป... คราวนี้ผมจะฟ้องเขา ผมจะฟ้องจริงๆและผมจะไม่ยอมอีกแล้ว”
[ มีอะไรก็ว่ามา ]
เสียงใสแบบที่ติดจะเย่อหยิ่งและดื้อดึงดังมาจากปลายสาย ไม่รู้เลยว่าใบหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นขมวดคิ้วน้อยๆจะกลายเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนปลายสาย จมูกเชิดรั้นกับแก้มกลมๆนั้นน่ารักเสียจนไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้เขาใจสั่นได้เสมอ
“กลัวถูกฟ้องเหรอ”
[ ไม่กลัวหรอก! แค่...ไม่อยากเสียเวลางานไปวุ่นวาย...เฉยๆ ]
“อ่อ จะทำให้เรื่องมันจบเร็วๆโดยไม่ต้องวุ่นวายก็ได้นะ ไม่ต้องเสียเวลาซักนิดก็ยังได้”
[ ... ]
“แค่เลิกเขียนข่าวแบบนั้นได้มั้ย แค่ไม่ต้องทำให้มันเสียหายจนแก้ลำบาก ทำได้มั้ย...”
[ ไม่ ]
ผ่อนลมหายใจเบาๆพลางขยับมือไปลูบแหวนเงินเกลี้ยงบนนิ้วก้อยข้างซ้ายเบาๆ คนดื้อรั้นยังไงก็ยังดื้อรั้นอยู่อย่างนั้น นึกภาพคนที่คงปลายสายที่คงเชิดหน้าขึ้นจนคางชี้ฟ้า ไม่เคยอ่อนลงให้เขาเลยไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม แล้วเขาก็ไม่เคยชนะซักครั้ง
สาบานว่าถ้าเป็นนักข่าวคนอื่น เขาจะอ้างข้อกฎหมายเป็นร้อยเป็นพัน จบลงที่จำนวนเงินนิดหน่อยและรีบวางสายลงอย่างสบายใจเพื่อจัดการสะสางภาระงานอีกเป็นกระบุงที่รออยู่
ไม่มีทางที่คนอย่างปาร์คชานยอลจะมานั่งกุมขมับถอนใจอยู่แบบนี้ ทำไมนะ...
“ทำไมทำให้ไม่ได้ ไม่อยากฟ้องนะไม่อยากให้วุ่นวาย ไม่อยากให้ต้องอื้อฉาวกันไปใหญ่เดี๋ยวจะเสียไปถึงสำนักพิมพ์ด้วย”
[ ผมก็เขียนแต่เรื่องจริงทั้งนั้น ]
“ไม่ได้บอกว่าเขียนโกหก แต่เขียนความจริงไม่ครบคนอ่านเขาจะว่ายังไง ต้องพึ่งกันนะไม่มีคนคอยเขียนให้ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน"
[ แล้วจะเอายังไง! ]
บางทีอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนพัดความเป็นเราที่แท้จริงให้ไกลออกไปเรื่อยๆ
เขาอยากจะพูดเอาแต่ใจแบบพี่ชายคนโตบ้าง นึกอยากจะมั่นอกมั่นใจและกล้าทำเหมือนพี่สาวคนกลาง แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็เป็นแค่การถอนหายใจและเริ่มจัดการกับความคิดของตัวเองเสียใหม่ ก่อนจะส่งยิ้มจางๆออกมาเท่านั้น
“ไม่ได้เหนื่อยตามแก้นะ แต่เหนื่อยใจแล้วก็เสียความรู้สึก”
[ ใครสนกัน!! ทำไมต้องมาเสียความรู้สึก เพ้อเจ้อเหรอ? ]
“พูดดีๆ ทำไมพูดไม่เพราะเลย”
[ ทำไมต้องพูดดีๆ ผมไม่ใช่คุณชายนี่ที่ต้องพูดสุภาพทุกคำ ผมเป็นคนธรรมดาแล้วผมก็ไม่สนด้วย! ]
“...”
[ นี่งานผม คุณอยากจะฟ้องอยากจะอะไรก็ทำไป! ผมรู้ว่าคุณไม่กล้าหรอกไม่งั้นคุณคงทำไปตั้งนานแล้ว!! ]
“...”
[ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้ก็วางไปเถอะ เสียเวลาทำงานเปล่าๆ ]
“...”
[ ... ]
“...”
[ ... ]
“ตั้งใจทำงานนะ”
[ ... ]
“พี่ก็ได้แต่ขอให้บยอนช่วย พี่ไม่ฟ้องหรอก ไม่อยากให้บยอนต้องมีปัญหาต้องตกงานต้องลำบาก พี่ก็จะแก้ในส่วนของพี่ไป ตั้งใจทำงานนะคนเก่ง”
[ พูดมาก... ]
สายตัดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังติดค้างบนใบหน้า และแหวนเงินวงเกลี้ยงที่ราวกับเพนซิพบรรจุความทรงจำ ปะปนไปด้วยสุขและเศร้า
...แต่ก็สวยงามแบบที่เขาไม่มีทางลืมเลือน
.
.
.
.
.
ปึง!
“เข้าไปไม่ได้นะครับ!!”
แล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นมึนตึงฉับพลันเมื่อคุณดาราเจ้าปัญหาเปิดประตูผลัวะเข้ามาอย่างไร้มารยาทแม้จะมีเสียงของเลขาของเขาที่พยายามจะฉุดรั้งไล่หลังมา พยักเพยิดให้ออกไปบอกเป็นนัยๆว่าไม่มีผลหรอก ยังไงคนหน้าด้านก็คงจะเดินอาดๆเข้ามาหาเขาแบบไม่สนใจใครเหมือนทุกครั้ง
แต่ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเพราะร่างบอบบางเจ้าของผิวขาวผ่องที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ไล่สายตามองก็ยังเห็นข้อมือเล็กที่ถูกกอบกุมจนรอบด้วยมือใหญ่
นี่พาแฟนมาเปิดตัวกับน้องขนาดนี้เลยหรือไง ??
“ทีหลังก็เคาะก็รอบ้างนะ ถ้าติดลูกค้าอยู่ก็เสียลูกค้าพอดี”
“ไม่ได้หรอกเว้ย! เรื่องนี้มันรอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!!”
อู๋อี้ฟานในเสื้อผ้าชุดแน่นเต็มยศหน้าผมจัดเต็มแบบไม่ต้องพึ่งช่างที่ไหน แรงหอบน้อยๆที่บ่งบอกถึงความรีบร้อน มองเลยไปก็ยังเห็นคนตัวเล็กกว่าไม่พูดไม่จาเอาแต่หลบหลังพี่ชายเขาอย่างเดียว เสื้อผ้าการแต่งตัวก็ดูธรรมดาไม่ได้มีอะไรมากมาย
ไม่น่าจะมากับพี่ชายเขาได้เลยด้วยซ้ำ...
“มีอะไรอ่ะ แล้วพี่ยูราไปไหน”
“เอ่อ...ยัยยูราเหรอ ไปเลี้ยงลูกมั้ง เป็นผู้จัดการห่วยแตกไม่ได้เรื่องเลยเนอะ!”
“ - - ตลกเหรอครับคุณพี่”
“เออๆๆ อ่ะแฮ่ม! ท่านคงมีปัญหาผู้จัดการที่ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราวคุมอะไรก็ไม่ได้จัดการอะไรก็ไม่ค่อยอยู่จนนึกปวดหัวรำคาญใจ ทีวีทีเร็กซ์ก็เลยจะขอเสนอผู้จัดการคนใหม่ไฉไล ใช้ง่ายใช้คล่องไม่ต้องจ่ายค่าภาษี ทำงานดีไม่มีตกหล่นจนคุณจะไม่หวนคิดถึงผู้จัดการเก่าอีกเลย”
ถึงกับอ้าปากค้างกับคนที่ดูท่าสติสตางค์จะค่อยๆลอยหายออกไปนอกกาแล็กซี่ที่พี่แกเฝ้าฝันหนักหนาเข้าทุกวัน คนตัวเล็กถูกดึงกระชากมาข้างหน้าอีกยังทั้งผลักทั้งดัน สายตาคมกริบของปาร์คชานยอลลอบประเมินพิจารณาใบหน้าขาวใส ประกอบกับคำโฆษณาแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้ว
...มาไม้ไหนครับคุณพี่...
“พูดซี่ ที่คุยกันไว้อ่ะ! อย่าให้ต้องงัดสัญญามาโชว์นะ! น้องฉันมันโหดไม่เชื่อเหรอ! เห็นหน้ามันยิ้มๆอย่างงี้นะ! หึ นายได้เจอเรื่องใหญ่แน่ๆฉันรับรอง”
คิมจุนมยอนหน้าซีดจนเกือบจะไร้สีเลือด แรงบีบเบาๆกับเสียงกระซิบที่ราวกับดังมาจากส่วนลึกสุดของโลกนรกกำลังทำให้เขาสั่นน้อยอย่างไม่อาจควบคุม บอกตามตรงว่าจำอะไรไอ้ที่คุยกันไม่ได้เลย แถมจะลืมไปด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ มองคนตัวสูงเจ้าของใบหน้าใจดีด้านหลังโต๊ะทำงานที่คงเป็นเจ้าของห้องหรูหรานี้แล้วกลับรู้สึกดี
เขาเชื่อมั่นว่ายังไงคนคนนั้นก็คงไม่ได้โหดหรือใจร้ายอะไร น่าจะใจดีเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้ที่น่ากลัวน่ะมันคนที่คอยกระซิบอยู่ข้างหลังนี่มากกว่า TT
“ผะ...ผม...คือผม...”
“แนะนำตัวไปสิ! บอกว่าจะมาเป็นผู้จัดการฉัน เร็วๆ!”
ไอ้หล่อร้าย ไอ้มาเฟีย ฮือ...ทำไมทำกับจุนมยอนอย่างเน้!
“ผม...ผมคิมจุนมยอนครับ อายุ 23 จะมาเป็น...เป็น...ผะ...ผู้จัดการของ...”
“คุณคริส!”
“จะมาเป็น...ผู้จัดการ...ขะ...ของคุณ...คะ...คริสครับ”
อยากจะขำก๊ากให้ดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั้งโลก เด็กอนุบาลยังเล่นละครดีกว่าพี่ชายเขาที่จับต้นแขนคนตัวขาวแน่นแถมยังทำหน้าอย่างกับยักษ์เพราะกระซิบกระซาบเสียงดุใส่คนที่ตัวสั่นน้อยๆเพราะทั้งประหม่าทั้งกลัว
นี่เป็นพี่น้องกันมาก็ตั้งนมนาน...คิดว่าเขาจะรู้ไม่ทันหรือไงนะ แต่พี่เสนอผมก็สนองให้...อยากจะรู้ว่าแผนคนฉลาดนี่เขาเป็นยังไง
“หืม? เป็นผู้จัดการพี่คริสนี่ยากนะครับ มั่นใจเหรอ?”
“ยากเยิกอะไร นี่คนนี้ยอมให้ทุกอย่างเลยจริงๆ”
คุณเจ้าของบริษัทยิ้มขันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นขึ้นข้างหนึ่งเมื่อมือที่เคยกอบกระชับเลื่อนขยับมาเป็นโอบไหล่บอบบาง เครื่องหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มละมุนให้คนข้างกายราวกับกำลังถ่ายแบบปกนิตยสารก็ไม่ปาน นึกใส่เอฟเฟกต์แสงวิ้งๆไว้ให้คิดว่าเข้ากับบรรยากาศเวลานี้มากที่สุด
เป็นใครกันนะที่ทำให้คนหัวดื้อเอาตัวเองเป็นใหญ่อีโก้สูงกว่าใครในโลก...มาพูดตรงหน้าเขาว่าจะยอมให้คนนี้ทุกอย่าง
ถึงจะเป็นสคริปต์ที่ถูกเขียนขึ้นมา แต่ก็นะ...ใช่ว่าจะหาฟังกันได้ง่ายๆ
“อืม...อย่าว่าผมอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ผมก็ทำงานตรงนี้มานานการมีศิลปินในสังกัดจะให้ใครมาดูแลก็ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ ยิ่งเป็นพี่ชายสุดที่รักด้วยแล้วผมก็ต้องมั่นใจว่าผมหาคนที่ดีที่สุดมาควบคุมดูแล”
“คือ...”
“ให้โอกาสกันหน่อยสิวะไอ้ชาน”
“ผม...ผมจะทำอย่างดีอย่างเต็มที่เลยครับ จะดูแลไม่...ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง”
“...”
“จะ...จะทำหน้าที่ผู้จัดการอย่างดีที่สุดเลย...คะ...ครับ”
ไปโดนไอ้คุณพี่เขาใช้ไม้ไหนถึงได้ทำใจกล้าขนาดนี้ มองๆไปก็ดูน่ารักดีตัวนี้ขาวผ่องเป็นยองใยสเป็กคุณชายใหญ่อย่างพี่คริสจริงๆ ลองถ้ามีหน่มน้มเขาว่าคงไม่รอดเงื้อมมือมารแหงๆ
“เป็นไง โอเคมั้ยไอ้ชาน คนนี้นี่ไม่พอใจยินดีคืนเงินเลยนะเว้ย”
“...”
“ไอ้ชาน...”
“...”
“ไอ้ชานโอเคใช่ป่ะ พูดอะไรหน่อยดิวะ”
“อืม งั้นผมขอเข้าเรื่องทางการแบบไม่โยกโย้เลยแล้วกันนะ ที่นี่มีศิลปินในสังกัดอยู่มาก สำหรับการที่ศิลปินจะสามารถเลือกโยกย้ายไปอยู่ในความดูแลของผู้จัดการคนใดก็ได้เมื่อหมดสัญญากับผู้จัดการคนเก่านั้นจะเป็นสิทธิ์ของศิลปินโดยตรงก็ต่อเมื่อทางบริษัทเห็นชอบและมอบอำนาจ เนื่องจากเชื่อในความประพฤติและสิทธิ์ของศิลปินที่จะมีดุลยพินิจพิจารณาโดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญากับบริษัทและสัญญาต่องานต่างๆ แต่สำหรับอู๋อี้ฟานนั้น...”
“...”
“ผมต้องขอแสดงความเสียใจที่เขาไม่ผ่านในการประเมินความประพฤติพอจะได้รับสิทธิ์นั้นในทุกๆกรณี การดำเนินการจัดหาผู้จัดการมาดูแลจึงยังเป็นสิทธิ์ของบริษัทจนกว่าจะผ่านการเห็นชอบของผมซึ่งเป็นผู้บริหารเท่านั้น”
“...”
“และผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมาสามารถเห็นชอบได้ในเวลานี้”
ว่าจบก็ส่งยิ้มนิ่งๆให้หนึ่งทีก่อนที่จะเข้าสู่โหมดคุณผู้บริหารสุดเข้มอีกครั้ง คนคิดตื้นก็ได้แต่กินจุดๆส่วนคนที่จู่ๆถูกลากมาก็ได้แต่มองที่ใบหน้าคมด้วยสื่อความนัยว่าจะให้ทำอะไรยังไงต่อช่วยตอบทีพลีสสส
แผนหนึ่งไม่ไหว...ฉันจำใจขอใช้แผนสอง!
ชีวิตชายชาตรียอมพลีให้สองอย่าง!
1.แม่!
2.เมีย!
“อืมๆ เฮ้อ~พี่ไม่น่าทำตัวแย่ๆเลย พี่ขอโทษนะที่พาเรามาเสียเวลา เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวตอบแทนแล้วกันเนอะ เซ็งเลยพี่นึกว่าน้องชายพี่จะเข้าใจ”
“ห๊ะ...?”
คิมจุนมยอนถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อจู่ๆมือหนาก็เลื่อนมาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มไปมา ไหนจะไอ้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเสียจนเหมือนเห็นสายรุ้งกับลิตเติ้ลโพนี่น้อยบินผ่าน อยากจะอ้วกอ่ะ! เล่นอะไรไม่เข้ากับหน้าตาเลยยย เหมือนกำลังจะถูกตาแกโรคจิตหลอกลวงยังไงยังงั้น!
“พี่อุตส่าห์อยากให้เรามาดูแล ชีวิตนี้ทั้งชีวิตพี่จะยอมให้ใครถ้าไม่ใช่คนที่พี่รักหมดใจอย่างงี้”
“...”
“ไม่เป็นไรหรอก คนอย่างพี่มันจะมีใครเข้าใจ ขนาดน้องชายแท้ๆ...”
“ขอโทษนะครับถ้าไม่มีธุระอะไรก็ขอเชิญ ผมจะทำงาน”
“ตกลงแกไม่อนุมัติเรื่องผู้จัดการใหม่เหรอไอ้ชาน”
“พี่ลองถามพี่ยูราดูแล้วกัน พี่ยูราว่าไงผมก็ว่าตามนั้น”
อืม...โว้ย! ทำไมมันยุ่งยากงี้วะ!!
.
.
.
.
.
ณ คอนโดหรูเลิศอลังการดาวล้านแปดดวง
“ขอโทษๆ! ยัยบ้าเลิกบ่นซักทีเถอะน่า!! เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆยัยยูรา! ยัยแม่มด!”
คิมจุนมยอนยืนนิ่งค้างอยู่นานจนรู้สึกว่าตัวเหน็บชาเริ่มจะมาเยือน เขากุมมือประสานไว้ที่หน้าขาจ้องมองพื้นไม้ปาร์เก้ที่ดูหรูหราราคาแพงมีบ้างที่จะละสายตาเพื่อสำรวจไปรอบๆ ห้องใหญ่ของคุณดาราสุดหล่อ เทียบกับห้องตัวเองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแล้วก็นึกเจ็บใจ ห้องน้ำคุณคริสคงจะทั้งใหญ่ทั้งหรูกว่าห้องนอนเขาเป็นไหนๆ
มันจะดีกว่านี้มากถ้าไม่ติดว่ามันดูจะรกรุงรังเกินการใช้ชีวิตอยู่ของคนเราไปซักหน่อย ปากปิดสนิทเสียจนเริ่มรู้สึกน้ำลายเหนียวจนอยากจะอ้าปากถามว่าอยู่นี่เคยเก็บกวาดบ้างมั้ย! ทำไมมันรกจนเกือบจะเข้าใกล้พระราชวังให้เหล่าหนูมดแมลงสาบมาอาศัยอยู่ได้แบบนี้
แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆเหมือนไร้ตัวตน เจ้าของบ้านไม่ได้เชิญให้นั่งซ้ำยังคุยโทรศัพท์ทำเสียงเกรี้ยวกราดเสียจนน่ากลัว
ปึก!
“โอ๊ย! ชีวิตทำไมมัน อ๊ากก!! อยากจะหนีไปให้พ้นๆจริงๆเลย”
ตากลมมองตามโทรศัพท์เครื่องสวยที่ตกลงไปในกองเสื้อผ้าหน้าโซฟาด้วยความเสียดาย แต่ดูเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ ขายาวๆจึงเตะป่ายไปทั่วเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด สุดท้ายคุณโทรศัพท์ที่หน้าสงสารก็ลอยละลิ่วตกปลิวมานอนแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า
นึกอยากจะก้มลงไปเก็บมาปัดๆลูบๆแล้วบอกว่าโอ๋ๆถ้าเจ้าของเก่าเค้าไม่เห็นค่าเดี๋ยวพี่จะพาไปดูแลเอง แต่ความจริงมักจะขัดกับความคิดของเราเสมอ เมื่อขายาวกำลังสาวเข้ามาใกล้จนดูเหมือนว่าคิมจุนมยอนอาจจะเป็นเป้าหมายถัดไป ที่ต้องลอยละลิ่วไปตกตรงไหนไม่ต่างจากคุณโทรศัพท์เครื่องสวย
“นายมายืนหน้าเอ๋ออะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย! น่าหงุดหงิดชะมัดเลย”
สิ้นคำคนเจ้าอารมณ์ก็กระแทกตัวนั่งบนโซฟา คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนเกือบจะรวมกันเป็นปมใหญ่ ใบหน้าขาวมองตามใบหน้าหล่อๆนั้นแล้วก็นึกบ่นอยู่ในใจ
...ก็ตัวเองลากเค้ามา! ไอ้ดาราขี้เก๊กเอ้ย!!...
“อย่ามาด่าฉันทางสายตานะคิมจุนมยอน”
“หืม??”
สะดุ้งโหยงเมื่อสายตาคมเลื่อนมาจับจ้องกรอบหน้าใส ขายาวๆก้าวผ่านกองข้าวของที่ระเกะระกะสองสามครั้งก็ประชิดตัวคนที่ได้แต่ยืนตาโตด้วยความรวดเร็ว กระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆประกอบอยู่ฉากหลังกับควันลอยกรุ่นและไฟสีแดงที่เริ่มสาดส่อง
..
.
“นายมันไม่ได้เรื่องจริงๆเลย!!!”
คนโดนตวาดหลับตาปี๋ทันที ยิ่งส่วนสูงที่ต่างกันจนน่าเศร้าใจแล้วยิ่งทำให้จุนมยอนเหลือกลายเป็นแค่คนตัวเล็กๆที่แทบจะปลิวหายไปกับคำพูดที่สาดซัดของคนตัวโดตกว่าในทันที
“บอกให้แถไปไง! บอกเองว่าฉลาดหนักหนาเห็นได้แต่ตะกุกตะกักไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก!! แล้วใครเขาจะมาเชื่อเล่า!”
“ก็...ก็อยู่ดีๆคุณก็มาลากผมไปนี่! ผมจะไปรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง แล้วไอ้เป็นผู้จัดกงจัดการอะไรผมทำเป็นที่ไหนล่ะ!!”
“ยอกย้อนนะ! บอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า! เป็นคนไม่มีไหวพริบแบบนี้ไงถึงได้โดนหลอกเอาง่ายๆ!!”
“ห๊ะ!! หลอกอะไรใครนะ”
“ห๊า! เออๆ...ป่าวๆ”
ในทางจิตวิทยาว่ากันว่าเมื่อคนเราโกหกมือจะพัวพันวนเวียนอยู่ที่บนใบหน้าโดยอัตโนมัติ โชคดีที่คิมจุนมยอนซื่อพอที่จะไม่รู้ว่าไอ้การที่เขาเกาจมูกจนแทบจะแดงไปหมดนี่คือการเฉไฉหลังหลุดพูดความจริงลึกๆในใจออกไป ทิ้งตัวนั่งบนโซฟายีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ความวัวคือการพยายามยัดเยียดความเป็นผู้จัดการใหม่แต่ไม่สำเร็จผล ความควายคือแผนป่วนกองถ่ายโฆษณาที่เขาจัดเละไว้ให้ปาร์คยูราจัดการนั้นได้ผลดีเกินคาด เพราะเสียงแว้ดๆที่ส่งทะลุสายโทรศัพท์มา จบลงสั้นๆว่า ‘ฉันเอาแกตายแน่!’
...นี่ชีวิตมันจะไม่มีอะไรดีเลยใช่ม้ายยยย~...
พออีกคนเงียบไปจุนมยอนก็ยิ่งไม่รู้จะทำยังไง มองผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ออกไป ความมืดมิดก็โรยตัวปกคลุมท้องฟ้าของกรุงโซลจนหมดแล้ว จะสองทุ่มแล้วในตอนนี้โชคดีที่โทรไปบอกลางานว่าเกิดเหตุฉุกเฉินกับพี่คีย์ไว้แล้ว พอตกอยู่ในความเงียบที่บีบให้รู้สึกอึดอัดและทุกตารางพื้นที่ที่สายตาลากผ่านก็ไม่มีอะไรน่าสนใจพอให้หยุดมองอีกแล้ว
แล้วแววหวานก็เลือกจะพักสายตาที่ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบของคนที่จับจ้องที่นั่งหลับพักสายตาบนโซฟาหนังตัวหรู คิ้วเข้มดูดุที่ชอบขมวดหากันนึกๆไปก็อิจฉาเป็นดาราคงต้องใช้เครื่องสำอางมาก แต่คนคนนี้ก็ยังมีผิวที่เรียบเนียนสะอาดสะอ้าน จมูกโด่งเป็นสันที่นึกอยากเอื้อมมือไปลูบดูว่าเป็นของจริงหรือเปล่า ริมฝีปากที่ชอบเอื้อนเอ่ยแต่คำร้ายๆ ถ้าเขาเปลี่ยนมาพูดดีๆเพราะๆบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย
อู๋อี้ฟานเป็นจุดพักสายตาที่ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่น่าสนใจพอให้หยุดมอง เขาเป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาจากหนังสือ เป็นตัวละครสมบูรณ์แบบที่มีชีวิตอยู่ในโลกจริงๆของเรา
“นั่นไง นายน่ะโรคจิต...มองอย่างกับจะกินฉันเข้าไปอย่างนั้นแหล่ะ”
“อ่ะ...ผม...ปะ...เปล่า...เปล่านะ”
น้ำเสียงเนือยๆกับดวงตาปิดสนิทที่กลับลืมขึ้นทำให้จุนมยอนที่กำลังใช้ช่วงที่พายุร้ายสงบลอบสังเกตเทพผู้สร้างพายุนั้นถึงกับสะดุ้งโหยง ละล่ำละลักปฏิเสธพัลวันทั้งที่หลักฐานนั้นมันดิ้นไม่มีหลุด
“หึ มีใครบอกหรือเปล่าว่านายมันโกหกไม่เนียนเลยซักนิด”
“...??”
“ฉันรู้ว่าฉันน่ะมันโคตรหล่อ แต่ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้”
“ห๊ะ!”
“นายนี่ท่าจะหูไม่ค่อยดีนะ โอยย~ เมื่อยชะมัดเลย”
ว่าแล้วก็ขยับตัวยุกยิกถอดเสื้อนอกที่เดาได้ไม่ยากว่าราคาคงแพงขนาดที่ว่าคิมจุนมยอนทำงานทั้งชาติก็ไม่มีทางไปซื้อมาใส่ได้ แต่ดูเหมือนราคาจะไม่มีผลกับคุณดาราขาวีนเมื่อคุณเสื้อผู้น่าสงสารก็ถูกเหวี่ยงดวงวงสวิงอันสวยงามมาตกอยู่แทบเท้าจุนมยอนอย่างสวยงาม
แล้วจู่ๆก็เกิดจะกล้าท้วงถามตามความสงสัยในใจ ลืมที่จะเกรงกับสายตาดุนั้นไปเสียสนิท
“ทำไมไม่เอาไปแขวนล่ะครับ แพงไม่ใช่เหรอ”
“ขี้เกียจ” ตอบสั้นๆแต่ความหมายมันยาวเหลือเกินครับพี่น้อง
“รกจัง คุณมีแม่บ้านส่วนตัวมั้ยครับ”
“ไม่มี ไม่ชอบให้ใครเข้ามาจุ้นจ้านในห้อง”
“อ้าว! งั้นคุณก็ต้องทำความสะอาดเองเหรอครับ”
“จะสัมภาษณ์ไปลงหนังสือหรือไง!”
“ก็...ผมแค่อยากรู้”
อยากรู้ว่าใช้ชีวิตอยู่ยังไงในรังที่รกได้ขนาดนี้ ช้อนสายตามองก็เห็นแต่คางแหลมๆที่ชี้มา เมื่อคุณดาราพิงหัวกับพนักโซฟาแบบหงายหน้าขึ้นฟ้า เงียบไปนานจนเขาเกือบลืมว่าตัวเองยังมีขาอยู่ตั้งสองข้าง และนานจนลืมไปแล้วว่าคำถามยังไม่ได้คำตอบ
“ไม่จ้างแม่บ้าน ไม่ชอบ ปกติก็มีผู้จัดการทำให้แต่ยัยแม่มดยูรานั้นเหรอ! หึ! ไม่ทำเองเพราะทำไม่เป็นแล้วก็ขี้เกียจ”
“...”
“ไว้มันรกจนงูมาอยู่เมื่อไหร่ ค่อยเผาทิ้งทีเดียวแล้วกัน”
“...”
“อืม...วันนี้ฉันโคตรเหนื่อยแล้ว นายกลับเองได้ใช่มั้ย ล็อคห้องให้ฉันด้วยนะ”
“อ่ะ...คะ...ครับๆ”
“อืมๆ อย่าขโมยของล่ะ หนี้เก่ายังไม่หายอย่าสร้างหนี้ใหม่ขึ้นมาอีก”
ลอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่หลังกว้างๆของคนที่เดินลากสลิปเปอร์น้องหมีขึ้นไปชั้นบน พอได้ยินเสียงประตูปิดก็ราวกับมีใครกดนาฬิกาของคิมจุนมยอนให้เดินต่อ ปล่อยก้อนลมหายใจที่เผลอเก็บไว้ไม่รู้ตัว ถือวิสาสะเดินโงนเงนไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาที่ยังคงมีร่องรอยกับสัมผัสอุ่นๆจากคนที่พึ่งลุกออกไป
น่าอิจฉาจริงๆนะ คนที่มีชีวิตอยู่อย่างหรูหราทำงานหรือก็สบายแค่แต่งตัวสวยหล่อโชว์หน้าตาที่มีดีมาแต่เกิดหรือเจิดเพราะมีดหมอไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินก้อนใหญ่มาอย่างสบายๆ เทียบไม่ได้เลยกับเงินเล็กน้อยกับหยาดเหงื่อแรงงานที่เขาต้องเอาไปแลกมาหลายชั่วโมง คิดๆว่าถ้าได้อยู่ห้องใหญ่ๆวิวสวยๆแบบนี้บ้างก็ดี
มองนาฬิกาข้อมือแล้วก็คิดว่ามีเวลานั่งพักหายใจหายคอเสียก่อนถึงค่อยโบกรถเมล์กลับบ้าน แต่พอมองไปที่สภาพห้องรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ไม่จ้างแม่บ้านให้ผู้จัดการทำให้ พอผู้จัดการไม่ทำให้ค่อยรอเผาทิ้ง คนเราหนอคนเรา นี่ถ้าเกิดสมมติว่าเขาได้หลวมตัวมาเป็นผู้จัดการอะไรนี่จริงๆ
ไม่อยากจะคิดเลย...
“เฮ้อ~ เดี๋ยวก็ได้มีงูจริงๆแน่เลย”
ใช้กำปั้นน้อยทุบสองขาขับไล่ความปวดชาก่อนจะลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆแล้วก็แทบกุมขมับไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนอะไรยังไงก่อนดี ไม่ได้อะไรนะ! ก็แค่สงสารงูหรอกต้องมาอยู่ห้องคนใจร้ายแบบนี้
ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะทำให้...อยากดูแลอยากอะไรไม่มีเลยนะ!
80.01%
.
.
.
.
.
RrrrrRrrrrrRrrrrr
“อืมมมมมมมมมม อะไรคนจะนอนนนนนน”
นึกรำคาญแรงสั่นจากโทรศัพท์บนหัวเตียงที่ดังต่อเนื่องกันมานานเหลือเกิน ขยับมือไปคว้าได้แล้วก็เหวี่ยงทิ้งออกไปตกปุบนพื้นพรม พอไร้สิ่งกวนใจก็ขยับตัวซุกเข้าในกองทัพเหล่าตุ๊กตาน้อยใหญ่ ยกยิ้มหลับพริ้มเหมือนคุณหนูผู้โมเอ้สุดใจไม่มีผิด
แต่อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบินก็ต้องมาเยือนถึงเตียงอู๋อี้ฟานในที่สุด
“ชิบหายละ!!”
กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะแทบถลาบินลงไปยังจุดที่โทรศัพท์ตกลงไปเมื่อครู่ แรงสั่นนั้นไม่ได้ทำให้มือเขาสั่นเท่ากับชื่อและใบหน้างดงามที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ
INCOMING CALL
-แม่มดยูรา-
เลื่อนนิ้วขยับไปกดเลื่อนที่ปุ่มรับอย่างสั่นๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอครองแชมป์มิสคอลไปกี่สาย
“ฮัล...ฮัลโหล”
[ ... ]
“ฮัลโหล...โย่วๆ”
[ อู๋อี้ฟาน!!!!!!!! แกโดนตุ๊กตาทับตายไปแล้วหรือไงยะ!!! ฉันกดโทรหาแกจนนิ้วจะพังอยู่แล้ว!!!! แล้วอะไรคือเปลี่ยนรหัสประตูห้องห๊ะ! อยากลองดีใช่มั้ย! เรื่องเมื่อวานยังไม่ได้จัดการนะ!!!! ฉันให้เวลาแกสิบนาที งานหน้างานผมไม่ต้องมา แค่โผล่หัวมาให้ฉันเห็นก่อนสิบโมงที่กองถ่ายโฆษณาพอ!! ถ้าฉันไม่เห็นภายในสิบนาที ฉันสาบานด้วยเกียรติของเนตรนารีว่าฉันจะจัดการแกแน่ๆ!...]
ราวกับเป็นสายของปีศาจมรณะที่โทรเข้ามาเพื่อบอกว่าจะมารับวิญญาณเขาไป แค่ได้ยินชื่อตัวเองที่ถูกส่งมาอย่างทรงพลังโทรศัพท์ก็ร่วงหล่นตกลงไปที่พื้นพรมอีกครั้ง แต่ปาร์คยูราก็น่ากลัวมากพอที่จะส่งเสียงออกมาได้อย่างชัดเจนอย่างไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
หลอกตัวเองว่าเดี๋ยวคงมีสายเรียกจากนรกเข้ามาอีกครั้ง ก็ถลันตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความไวแสงแบบไม่คิดชีวิต บางทีอาจต้องนั่งเครื่องบินไปถ้าจำเป็น ไม่งั้นมีหวังได้ตายหยังเขียดจริงๆแน่
.
.
.
.
ซอยเท้าลงจากบันไดด้วยความเร็วพลางใส่นาฬิกาข้อมือและต่อสู้กับความง่วงงุนที่ยังตกค้าง เมื่อเท้าแตะบันไดขั้นที่หกก็เบี่ยงขวาสุดกำลัง วันก่อนเขาพึ่งลื่นเกือบตกบันไดเพราะมีเสื้อยืดตัวหนึ่งนอนตายขวางทางอยู่ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าต่อให้เบี่ยงขวาหรือซ้ายก็ไม่ได้เป็นผลอย่างใดเลย
เมื่อทุกพื้นที่สะอาดเอี่ยมอย่างที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานาน นึกฉงนจนเปลี่ยนจังหวะเป็นก้าวเดินช้าๆแทน หยุดตรงขั้นสุดท้ายของบันไดและมองผ่านประตูกระจกใสก็เห็นเสื้อผ้าราคาแพงระยับถูกตากอยู่บนราว พื้นไม้ปาร์เก้ที่มันวับราวกับถูกขัดถูอย่างดี ข้าวของจากแฟนคลับถูกจัดวางเรียงไว้บนโต๊ะ ไม่ถูกที่นักแต่ก็ไม่ได้ระเกะระกะจนน่ารำคาญเหมือนก่อนหน้า
ยัยยูรามาทำให้เหรอ? หรือหล่อนจ้างแม่บ้านมา? แต่ว่า...เธอเข้ามาไม่ได้หรอกเพราะเขาลองเปลี่ยนรหัสประตูห้องเมื่อวานก่อนออกไปทำงาน
“อ่ะ...เฮ้ย!”
ขายาวเตะสะดุดเอาร่างบอบบางนุ่มนิ่มบนพื้นพรมเข้า คนโง่ที่เขาบอกให้กลับบ้านแล้วอย่าลืมล็อคประตูให้ ไหนจะกำชับอีกว่าอย่าขโมยของ ตอนนี้นั่งบนพื้นซ้ำยังหลับโดยการเอาหน้าซบกับท่อนแขนที่วางพาดบนโซฟา แก้มขาวยุ้ยๆกับริมฝีปากแดงที่ห่อยู่น้อยๆเมื่อต้องอยู่ระหว่างแก้มกลมสองข้างที่อยากจะไหลไปรวมกันใช้กอบโกยอากาศจนหน้าอกบางสะท้อนขึ้นลง คนอะไรจะขาวจนแทบจะมองทะลุเห็นเส้นเลือด บางทีผิวคิมจุนมยอนอาจจะสังเคราะห์สารเรืองแสงเองก็เป็นได้
มือใหญ่ขยับเลื่อนไปสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มเบาๆอย่างชั่งใจ ผิวเรียบเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็กเลยนะ คงเหนื่อยเพราะจัดการทำความสะอาดให้เขาสินะ เป็นคนดีอย่างงี้ต้องให้รางวัลหรือเปล่า...??
“อื้อออ~”
เสียงใสร้องครางเบาๆเมื่อถูกรบกวน คริสชักมือกลับทันทีกลับมายืนตัวตรงและกระแอมไอ เมื่อกี้ก็แค่หลงผิวขาวๆหน้าใสๆหรอก ไม่ได้คิดว่าน่ารักน่าอะไร (?) ไม่มีเลยนะ
.
.
แค่เผลอไปหน่อยเดียว...
“งือออ...อ่า...คุณคริสอรุณสวัสดิ์ครับ”
หัวทุยผงกขึ้นจากโซฟาตาปรือๆเพราะยังสะลึมสะลือจ้องมองร่างสูงโปร่งเจ้าของที่อาศัยนอน นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้กลับห้องแต่วุ่นเก็บกวาดตั้งใจจะแค่พักนิดเดียวแต่ก็เผลอหลับไป พอคิดว่าเดี๋ยวไม่แคล้วจะโดนเหวี่ยงออกไปนอกโลกก็รีบพยายามบังคับตัวเองให้ตื่นเต็มตาขึ้นไวๆ
มือเรียวยกขึ้นขยี้ดวงตาหวังจะไล่ความขุ่นมัวจากฝันดียามค่ำคืนให้หายไป แต่ดูเหมือนท่าทางนั้นจะขัดใจคุณซุปตาร์ที่ทำท่าฮึดฮัดก่อนจะย่อตัวลงไปยื้อมือน้อยให้เลิกทำร้ายดวงตาเช่นนั้น
“โง่หรือไง! ขยี้อย่างนั้นตามันก็ช้ำพอดี”
สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วที่เลื่อนมาลูบไล้เปลือกตาสีมุกราวกับจะรักษาแทนสัมผัสรุนแรงจากความไม่รู้
ชั่ววูบหนึ่งที่จุนมยอนรู้สึกว่าอู๋อี้ฟานกลายเป็นสายลมอุ่นและแสงแดดในตอนเช้าแรกของวัน
“อือ...คุณไม่ไปทำงานเหรอครับ”
คริสนึกอยากจะจับคนตัวบางนี้มาเหวี่ยงโยนไปไกลๆเสียจริง...ทั้งข้อหาใสซื่อเกินเหตุแล้วก็ข้อหาทำให้เขาเผลอไผลไปหลายครั้ง ชักมือกลับมาแนบข้างลำตัวก่อนจะยืนลุกขึ้นเต็มความสูง พอเห็นว่าคนตัวขาวยังหลับตาพริ้ม ก็แสร้งเอื้อมมือไปผลักหัวทุยนั้นอย่างไม่จริงจังนัก
“มีสิ นายรีบตื่นรีบลุกรีบกลับไปซักทีสิ ฉันจะได้ออกไปทำงาน”
“คร้าบๆๆ”
.
.
.
“คิม จุนมยอน”
“ครับ...คุณคริส”
“ฉันจะเอานายมาเป็นผู้จัดการแทนยัยแม่มดให้ได้ หมายถึงว่าตามสัญญาชดใช้หนี้น่ะ แล้วก็...”
“...”
“...”
“...”
“ขอบคุณ...”
มาแล้วค่า ช้าเบย ><
ขอโทษค่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัว 555
คือคิดๆอยู่ว่าจะลงยังไง จะลงไปแล้วจะกี่เปอร์
เดี๋ยวจะนึกว่าอืมลงทีนิดๆหน่อยๆอะไรแบบนี้
ก็เลยรอนานนิดนึงนะคะ แล้วก็ไม่อยากรีบแต่งรีบลง อยากทวนอยากตรวจอยากคิดตามด้วย
ไม่ว่ากันเนาะ ขอบคุณที่ตอนนี้วิว 400 แล้วเย้ๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านถึงตรงนี้นะคะ
อยากให้รู้ว่ารักค่ะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆน้า
ขอ
ความคิดเห็น