คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3 - เด็กดีของจอมมาร
Death Eaters
3
ผิวของแจจุงเนียนละเอียด นุ่มลื่นมือไปทั้งตัว จอมมารรับรู้ได้อย่างนั้นจากการสัมผัสร่างบางในอ้อมกอดทั้งคืน หลังจากปล่อยให้ทาสตัวบางได้หลับไปสักพัก จอมมารก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองให้หยุดได้ที่ครั้งที่สอง เสียงครางหวานของแจจุงดังขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งสางมาเยือนนั่นแหละจอมมารถึงปล่อยให้แจจุงได้นอนพักผ่อนจริงๆ
นัยน์ตาคมสีแดงจับจ้องใบหน้าเนียนใสของทาสร่างบาง นิ้วเรียวของจอมมารเกลี่ยแก้มใสของคนตรงหน้าเล่นเบามือ หรือต่อให้หนักมือกว่านี้ยุนโฮก็คิดว่าไม่มีทางที่แจจุงจะตื่น
แจจุงนอนหนุนแขนแกร่งของจอมมารต่างหมอนเพราะสองร่างเปลือยเปล่านอนเบียดกันอยู่ที่ขอบเตียงหลังจากที่พบว่าเตียงเกือบครึ่งหนึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักที่แยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร
จอมมารจึงจัดการขยับร่างของทาสตัวน้อยและของตัวเองมานอนเบียดกันที่ขอบเตียงและให้หัวกลมๆนั้นได้ยืมแขนตัวเองหนุนนอน
มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เพราะจอมมารได้ค่าตอบแทนจากการให้ทาสตัวน้อยนอนหนุนแขนนั้นคือกลิ่นหอมจากผมนุ่มลื่นที่ยุนโฮแอบสูดดมมันบ่อยๆในตอนนี้ และแม้จะผ่านการเสียเหงื่อมาอย่างหนักกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวแจจุงก็ยังคงอยู่ให้จอมมารสูดดมเล่นเช่นกัน
น่าแปลก แจจุงเป็นดอกไม้ชนิดไหนกัน
แม้จะโดนขยี้จนช้ำจากน้ำมือเขา ดอกไม้ดอกนี้ก็ยังส่งกลิ่นหอมอยู่
คล้ายกับว่ายิ่งช้ำยิ่งกระจายความหอมออกมา
จอมมารไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกใช่ไหม..
ยุนโฮลูบผิวเนียนของทาสผู้บริสุทธิ์ที่มีรอยแดงช้ำประปรายเล่นสักพัก ก่อนจูบหน้าผากของคนตัวบางเบาๆแล้วดึงหมอนมารองหัวกลมให้หนุนนอนแทน
เขามีงานสำคัญที่ยังไม่ได้สะสาง งานสำคัญที่แจจุงเป็นคนก่อ และคิดว่ายูชอนก็กำลังรอให้เขาไปจัดการ กายแกร่งถอดถอนแก่นกายใหญ่ของตัวเองออกจากช่องทางบอบช้ำของทาสตัวน้อย แจจุงส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคออย่างไม่สบายตัวขณะที่จอมมารกำลังถอนกายออกมา ริมฝีปากหนาจูบขมับบางพลางลูบหลังกล่อมร่างบางจนเงียบไปจึงลุกไปเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย
..
.
.
จอมมารส่งพลังจิตเรียกยูชอนผู้เปรียบดั่งมือขวาของตนมาทันทีที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก่อนจะออกไปเจอผู้เสพความตายเลือดบริสุทธิ์ร่างสูงโปร่งที่ห้องรับรอง
สีหน้าของยูชอนเคร่งเครียดและกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขายืนอยู่ ก่อนก้มหัวทำความเคารพเมื่อจอมมารเดินเข้าไปในห้อง
“มนุษย์สกปรกตนนั้นเป็นยังไง”
“อยู่ที่ปราสาทมืดครับ ผมขังไว้ที่ห้องใต้ดิน ยังไม่ได้ให้อาหารตั้งแต่เมื่อวาน”
“ดี ให้มันอยู่อย่างทรมานนั้นแหละ”
“แล้วนายท่านจะทำยังไงต่อครับ”
ยุนโฮเดินไปหยุดยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นผ่านกระจกห้องบานใส สองมือไขว้หลังอย่างใช้ความคิด
ฆ่าก็ไม่ได้ ให้มีชีวิตต่อก็เป็นอันตรายกับแจจุง หากวันใดที่เขามอบพลังความตายให้แจจุงจนหลอมรวมเป็นจิตวิญญาณได้อีกครั้งแล้วจุนซูยังมีชีวิตอยู่ นั้นแปลว่าแจจุงจะมีจิตวิญญาณสามดวง
เป็นเรื่องผิดธรรมชาติของโลกแห่งความตาย
และธรรมชาติมักจะลงโทษคนที่ทำผิดกฎเสมอ
“ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ก็ทรมานมันจนมันร้องขอความตายเองสิยูชอน”
เพราะคนที่จะเอาจิตวิญญาณคืนได้มีแค่เจ้าตัวและคนที่โดนมอบให้เท่านั้น
หากเจ้าของไม่ทวงคืน คนที่โดนผู้เสพความตายมอบจิตวิญญาณให้ ก็มีสิทธิ์ส่งมอบจิตวิญญาณคืนผู้เสพความตาย และเมื่อส่งคืน นั้นก็แปลว่าตัวเองก็พร้อมรับความตายทันทีที่จิตวิญญาณของผู้เสพความตายหลุดออกจากร่าง
แต่ดูจากกรณีของแจจุงแล้ว ดูท่าแจจุงคงไม่ยอมทวงคืน และมนุษย์สกปรกตนนั้นก็คงไม่ส่งมอบจิตวิญญาณคืนเช่นกัน
“แจจุงบอกผมว่าที่ปล่อยมนุษย์ตนนั้นไปเพราะให้เขาไปทำสิ่งในที่ต้องการให้สำเร็จแล้วถึงจะไปรับเขาส่งต่อโลกพิพากษา ถ้าเราปล่อยเขาไปทำในสิ่งต้องการ..”
“ไม่ ยูชอน ถ้าเราปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆจนมันกลายเป็นเรื่องปกติ นายคิดว่าโลกแห่งความตายของเราจะเป็นยังไงต่อไป แค่โลกมนุษย์โสโครกนั้นก็วุ่นวายมากพอแล้ว หรือนายคิดว่ายังไง” ดวงตาคมสีแดงละจากทิวทัศน์ยามเช้าตรู่ด้านนอกมาถามเลือดบริสุทธิ์ร่างสูงอย่างไม่จริงจัง
จอมมารแค่ให้คิดตาม ไม่ได้หวังคำตอบ
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
“ดี นายแค่คิดวิธีทรมานมนุษย์สกปรกตัวนั้นจนมันร้องขอความตายและส่งมอบจิตวิญญาณคืนให้แจจุง นั้นแหละหน้าที่ของนายนับจากวันนี้”
“ครับ นายท่าน”
“ส่งผู้คุมวิญญาณตัวอื่นไปดูแลเขตของนายกับแจจุงด้วย จนกว่ามนุษย์สกปรกจะคืนจิตวิญญาณให้แจจุง ฉันคิดว่านายสองคนคงต้องอยู่ที่ปราสาทสักพัก”
“ครับ”
“ไม่มีอะไรแล้ว นายไปได้”
“ครับ นายท่าน” ยูชอนก้มหัวทำความเคารพ ระหว่างที่จะหันหลังเดินออกจากห้อง ก็นึกถึงเรื่องที่ขบคิดมาตลอดทั้งคืนขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปถามจอมมาร “แจจุงละครับ นายท่านไม่ได้ทำโทษแจจุงรุนแรงใช่ไหมครับ”
เพราะยูชอนเป็นมือขวา เรื่องรู้ใจของจอมมารยูชอนมั่นใจว่าเขาไม่เคยพลาด ตั้งแต่เขาเห็นเด็กน้อยตัวขาวๆที่ยิ่งขาวซีดเมื่อกลายเป็นผู้เสพความตายเลือดบริสุทธิ์เดินมาพร้อมกับจอมมารเมื่อหลายปีก่อนจวบจนมาถึงปัจจุบัน
ความเอ็นดูของจอมมารที่มีต่อแจจุงไม่เคยลดลงเลย แม้ความผิดที่แจจุงได้ปล่อยมนุษย์สกปรกไปซ้ำๆก็ไม่เคยทำให้จอมมารขุ่นเคืองใจ จนมาความผิดนี้ที่ฝืนกฎธรรมชาติของโลกแห่งความตายและอาจทำให้แจจุงดับสลายหายไปตลอดกาล
นั้นแหละยูชอนถึงเห็นจอมมารโกรธทาสบริสุทธิ์ตัวบางผู้มีฐานะเป็นเพื่อนเขาจนแทบจะพังโลกแห่งความตายได้ทั้งโลก
ไม่ใช่ว่าจอมมารไม่รู้ใจตัวเอง
ไม่ใช่ว่าจอมมารไม่รู้ว่ามันคืออะไร
มีแต่แจจุงเท่านั้นแหละที่บริสุทธิ์จนมองไม่เห็นอะไร
..ไม่เห็นหัวใจของจอมมารสักที
จอมมารถอนหายใจออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนเอ่ยตอบบุคคลที่เขาไว้ใจอย่างไม่เคยคิดจะปิดบัง “ฉันทำพลาดยูชอน ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้แจจุงจะเป็นยังไงเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขาเป็นสมบัติของฉัน สมบัติที่ฉันบังคับเพื่อให้ได้มาครอบครอง”
“นายท่านเป็นห่วงแจจุงมาก แจจุงจะรู้ข้อนั้นครับ”
“กว่าเขาจะรู้ตัว ฉันจะทนมองสายตาที่เปลี่ยนไปของเขาเวลามองฉันหลังจากนี้ได้ยังไง”
“ก็ไม่เห็นยากนิครับนายท่าน” ยูชอนยกยิ้มเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง แม้จะรวมเร็วแต่จอมมารก็สังเกตเห็นก่อนใบหน้าของเลือดบริสุทธิ์มือขวาจะนิ่งขรึมดังเคยแล้วเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงประโยคแผ่วเบาราวกับจะกระซิบให้รู้กันแค่สองคน โดยไม่รู้ว่ามันยิ่งสร้างความหนักใจให้กับจอมมาร
“เผยความในใจให้แจจุงรู้สักทีสิครับ”
..
.
.
รู้สึกร้าวรานไปทั้งตัว นั้นคือสิ่งที่แจจุงรับรู้ได้ในตอนแรกที่ลืมตาและขยับตัว สัญชาตญาณหลีกเลี่ยงความเจ็บบอกให้แจจุงอยู่นิ่งๆ ตากลมโตที่มีรอยช้ำบวมปรากฏกรอกตามองไปทั่วห้องก่อนความทรงจำจะไหลเวียนเข้ามาในหัวสมอง
และแจจุงก็จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในไม่กี่วินาที
เสียงร้องไห้ เสียงอ้อนวอนของเขาที่จอมมารทำให้กลายเป็นเสียงคราง
เสียงต่อว่า เสียงแห่งความโกรธของจอมมารที่กลายเป็นเสียงปลอบประโลมข้างหู
แจจุงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง คนที่เป็นเจ้าชีวิต คนที่เขานับถือ ลงโทษเขาด้วยร่างกายของตัวเอง ราวกับจะตอกย้ำว่าร่างกายของเขาทุกส่วนเป็นของจอมมาร และจอมมารมีสิทธิ์ในร่างกายของเขาไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนจอมมารก็มีสิทธิ์ลงโทษ
อย่างนั้นหรือ
แต่แจจุงไม่เข้าใจอยู่ดี บทลงโทษอื่นมีมากมาย จับฉีกร่าง เผาไหม้จิตวิญญาณ หรือแม้แต่ดูดกลืนตรามารกลับไปจอมมารก็ทำได้ หรือเพราะแบบนั้นจอมมารคิดว่าแจจุงจะทรมานไม่พอ
ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ร่างสูงของจอมมารก็เดินเข้ามาในห้อง แจจุงที่ใจลอยคิดไปไกลจับสังเกตเห็นที่หางตาจึงหันไปมองโดยที่ไม่ทันคิดว่าเป็นจอมมารจึงตกใจ เผลอขยับตัวถดหนี ลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ขอบเตียง ชั่วขณะที่กายบางซีดจะตกถึงพื้น จอมมารที่เห็นเหตุการณ์อย่างนั้นก็หายตัวมารับร่างบางช้อนตัวอุ้มไว้ในอ้อมกอดได้ทัน
ทาสเลือดบริสุทธิ์ตัวบางค่อยๆลืมตาที่หลับแน่นขึ้นเมื่อไม่ได้รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด สิ่งแรกที่เห็นคือเนินอกแกร่งบางส่วนที่โผล่ออกมาจากเสื้อสีดำให้ใจสั่นเล่นเมื่อเจ้าของร่างไม่ได้ติดกระดุมเม็ดที่สองเผลอๆเม็ดที่สามก็ไม่ได้ติด
ที่สำคัญมันมีรอยข่วนที่แจจุงพอจะนึกออกว่าใครเป็นคนทำ!
สติสัมปชัญญะที่ค่อยๆรวบรวมกลับมาทำเอาแจจุงตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดของจอมมาร มือไม้ไม่รู้จะวางตรงไหนกุมกันไว้แน่นจนเริ่มมีเหงื่อซึม ใบหน้าสวยหันไปหันมาเงอะๆงะๆก่อนจะก้มงุดลงจนคางชิดอก ดีหน่อยที่ผ้าห่มสีดำของจอมมารปกปิดร่างกายของเขาไว้ ไม่อย่างนั้นแจจุงอาจจะหาอะไรก็ได้มาระเบิดตัวตรงนั้นเลยก็ได้
“เจ็บหรือเปล่า”
“…”
“แจจุง ฉันถาม”
“…”
“แจจุง”
“…”
“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะลงโทษนายแบบเมื่อคืนอีกและจะลงโทษทั้งคืนแบบนั้น ดีไหม”
“ไม่”
“ไม่อะไร”
“ผม ผมไม่เจ็บ” แจจุงที่ยังคงก้มหน้างุดตอบเสียงแผ่วเบาเลยทำให้เสียงที่ตอบคล้ายจะพึมพำ แต่ห้องที่เงียบและมีกันเพียงแค่สองร่างก็ทำให้จอมมารได้ยินคำตอบนั้นชัดเจน
อ้อมแขนแกร่งอุ้มยกร่างบางของทาสเลือดบริสุทธิ์ขึ้นมาไว้บนเตียง ตอนที่วางร่างบางลงแจจุงเผลอร้องออกมาอย่างลืมตัวเมื่อสะโพกของตัวเองได้รับการกระทบกระเทือน แม้รู้ดีว่าจะเจ็บปวดแต่จอมมารก็จัดการให้ร่างบางนั่งพิงหัวเตียงได้สำเร็จ
แจจุงที่เพิ่งสังเกตเห็นรอยรักที่จอมมารทำไว้ทั่วตัวแม้กระทั่งแขนก็ทำให้อดขลาดเขินไม่ได้ จึงดึงผ้าห่มสีเข้มขึ้นมาปกคลุมร่างกายจนถึงลำคอ แม้อยากจะคลุมหัวเลยด้วยซ้ำแต่ก็รู้ว่าจอมมารไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นแน่
ร่างสูงของจอมมารนั่งลงขอบเตียงที่ว่างพร้อมกับหันหน้าเข้าหาทาสเลือดบริสุทธิ์ที่เอาแต่ก้มหน้างุด นัยน์ตาสีแดงที่มองร่างบางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมองใคร
“ฉันทำเธอเจ็บ”
“…”
“เจ็บทั้งร่างกายและก็จิตใจที่บริสุทธิ์ของเธอ”
“…”
จอมมารถอนหายใจเบาๆเมื่อยังเห็นว่าแจจุงยังคงเอาแต่ก้มหน้างุด “ถามว่าฉันเสียใจไหม บอกได้เลยว่าไม่ ไม่เสียใจเลยที่ทำให้เธอเป็นสมบัติของฉัน เพียงแต่อาจเสียใจหน่อยที่ทำให้เธอเป็นของฉันด้วยความเจ็บปวด”
“…”
“ทำไมเอาแต่หลบตา เกลียดฉันแล้วหรือไง”
“…” แจจุงชะงักเหมือนจะเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ก้มงุดเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบซึ่งเรียกรอยยิ้มมุมปากของจอมมารได้
“งั้นก็เงยหน้าขึ้นมาหน่อย”
แจจุงส่ายหน้ารัว
“จะเงยขึ้นเองหรือจะให้ฉันทำให้เงยขึ้น”
“อ๊ะ!”
เพราะแจจุงยังคงส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมทำตามที่จอมมารสั่ง แขนแกร่งทั้งสองจึงรวบเอวบางแล้วยกให้ตัวของแจจุงขึ้นมานั่งบนตักหนาของเขา เรียกเสียงครางและหน้าเหยเกจากอาการเจ็บสะโพกจากทาสตัวบางได้เป็นอย่างดี
“บอกดีๆไม่ฟังเอง” นิ้วเรียวยาวของจอมมารถือโอกาสเชยคางมนของแจจุงไว้ไม่ให้ก้มหน้าได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นดวงตากลมโตก็ยังหลบนัยน์ตาคมของคนตรงหน้าไปมา มือบางสองข้างดันหน้าอกแกร่งไว้อย่าขืนตัว จอมมารก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ตอนนี้ได้มองใบหน้าสวยของทาสเลือดบริสุทธิ์ได้ก็พอใจในระดับหนึ่งแล้ว “อย่าดื้อ ไม่งั้นฉันจะจูบ”
ได้ผล ดวงตาสีเทาเผลอสบเขากับนัยน์ตาสีแดงของจอมมาร มือบางที่ดันขืนอกแกร่งไว้อ่อนระทวยทำได้เพียงวางไว้เฉยๆอย่างหมดทางเลือก
“อยะอย่า” เสียงหวานที่แหบผิดปกติเล็กน้อยเอ่ยห้ามเบาๆ
แจจุงยอมแล้ว ยอมอยู่ในโอวาทของจอมมารแล้ว
จอมมารยิ้ม รอยยิ้มที่หายากของอีกคนทำเอาแจจุงตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะก่อนจะได้สติจากเสียงทุ้มที่ดังมาเข้าหู
“งั้นก็เป็นเด็กดี แล้วก็ตอบคำถามของฉัน เข้าใจไหม”
แจจุงพยักหน้าช้าๆก่อนจะหาลิ้นของตัวเองแทบไม่ทันเมื่อใบหน้าหล่อคมของจอมมารทำท่าจะพุ่งเข้ามาฉกจูบริมฝีปากของเขา “ขะเข้าใจครับ! ผมเข้าใจ”
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของจอมมารดังขึ้นเบาๆก่อนแววตาที่ส่อเค้าเล่นจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “เจ็บมากไหม ..ตรงนั้นน่ะ”
ริมฝีปากบางเม้มแน่น หลบสายตาคมก่อนจะพยักหน้า “เจ็บครับ”
“มีตรงไหนที่เจ็บอีกไหม”
“ไม่ ไม่ครับ ไม่เท่าไหร่”
“ปวดหัวหรือเปล่า บอกความรู้สึกตอนนี้ให้ฉันฟัง”
ทาสตัวบางเงยหน้าขึ้นสบตาร่างหนาที่ให้เขานั่งตัก สีหน้านั้นเหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“…”
“เร็วสิ”
“ไม่ปวดหัวครับ แต่ปวดตานิดหน่อย คั้นเนื้อคั้นตัว แสบคอ ละ และ และก็..”
“และอะไร”
แจจุงมีสีหน้าลำบากใจ แววตาใสคล้ายจะอ้อนวอนไม่ขอตอบ แต่เพราะจอมมารจ้องมองด้วยสายตาคาดคั้น แจจุงจึงหลบตาพร้อมจำใจตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมรู้สึกปวด และก็แสบตรงนั้นมากๆเลยครับ”
แทบอยากจะแทรกเตียงหนี ผิวขาวซีดที่แก้มเนียนของแจจุงปรากฏสีแดงระเรื่อ อากัปกิริยาเหล่านั้นเรียกเสียงหัวเราะพอใจของจอมมารได้อยู่มัด
แจจุงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองส่งสายตามองค้อนให้จอมมาร
“เด็กดีของฉัน” จอมมารเอ่ยพลางลูบหัวของแจจุงก่อนเลื่อนมือซ้ายไปดึงผ้าห่มสีเข้มของตัวเองออกจากกายขาวช้าๆจนมันหล่นไปกองปกปิดเพียงแค่ตรงสะโพกบาง
กายซีดขาวที่มีรอยแดงช้ำประปรายคล้ายจะสั่นเทาเล็กน้อยอย่างหวาดผวา ใบหน้าสวยก้มลงหลบตาอย่างติดประหม่าเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาจากมือหนาที่ลากตามแขนเรียวขาวของตัวเองลงมาระหว่างดึงผ้าห่มลง
ก่อนลมหายใจที่ติดขัดของแจจุงจะผ่อนคลายขึ้น เมื่อมือของจอมมารลูบลงไปสัมผัสตรามารของแจจุงแล้วส่งมอบพลังความตายให้เท่านั้น
การส่งมอบพลังงานความตายมีขีดจำกัด
แต่ทั้งผู้ให้และผู้รับไม่มีใครรู้ว่าขีดจำกัดของพลังความตายนั้นมันอยู่ที่เท่าไหร่ รู้แค่เพียงเมื่อถึงขีดจำกัดนั้นผู้ให้จะไม่รู้สึกว่าพลังความตายของตัวเองหายไป และผู้รับก็จะไม่รู้สึกว่าพลังความตายได้เข้ามาในร่างกายของตน แม้ดึงดันส่งต่อก็ไม่มีประโยชน์
ผู้เสพความตายจะสามารถเสพสุขจากผู้ร้องขอพลังความตายมากเท่าไหร่ก็ได้
แต่ผู้เสพความตายจะสามารถมอบพลังความตายให้ผู้ร้องขอได้แค่เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งวันของโลกมนุษย์เท่านั้น
กฎอีกข้อของโลกแห่งความตาย
กฎอีกข้อที่เปรียบเสมือนบทลงโทษ หากว่าผู้เสพความตายตัวใดต้องการจิตวิญญาณใหม่
เพราะแบบนี้ถึงไม่ค่อยมีผู้เสพความตายตัวใดทำเรื่องบ้าบอมอบจิตวิญญาณอีกครึ่งของตัวเองให้กับมนุษย์สกปรกดังเช่นแจจุง
จอมมารละมือออกแขนขาวเมื่อส่งมอบพลังความตายให้แจจุงในครั้งนี้เสร็จ ขณะเดียวกันก็ไล่สายตากวาดมองไปทั่วกายขาวซีดบนตักที่มีรอยรักของเขาฝากไว้ทั่ว
แจจุงสั่นสะท้านกับสายตาคมที่ไล่มองเรือนร่างเขาอยู่
“นะ นายท่าน” แจจุงร้องเรียกจอมมารเบาๆเมื่อรู้สึกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายอ่านกินเรือนร่างของตัวเองนานเกินไป จนร่างกายเริ่มขนลุกชันด้วยความหนาวไปทั้งตัว อาการอ่อนเพลียจากเมื่อวานบวกกับร่องรอยความบอบช้ำที่จอมมารฝากไว้ยังคงเล่นงานเขาอยู่
แม้พลังความตายที่ยุนโฮมอบให้จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและทำให้แจจุงรู้สึกดีขึ้น ไม่เจ็บร้าวไปทั้งตัวเหมือนในคราแรกที่ลืมตา แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะขีดจำกัดในการส่งมอบพลังความตายหมดซะก่อน
บทลงโทษของจอมมารที่มอบให้ทาสเลือดบริสุทธิ์
ใช่ลงโทษแค่ครั้งเดียวที่ไหน
และแจจุงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องโดนส่งมอบพลังความตายกี่ครั้ง ความเจ็บช้ำทางกายที่จอมมารฝากไว้ถึงจะหายไป
ข้อดีข้อหนึ่งของการส่งมอบพลังความตายคือการได้จิตวิญญาณใหม่ แม้อาจจะต้องใช้เวลานาน
แต่หนึ่งในข้อเสียของมันคือ เมื่อร่างกายของผู้เสพความตายมีร่องรอยบาดเจ็บ
พลังความตายจะไปรักษาอาการเหล่านั้นให้หายดีเสียก่อนเพื่อให้ร่างของผู้เสพความตายมีความพร้อมในการรวบรวมพลังและรอวันหลอมรวม นั้นหมายถึงบาดแผลทางกายขนาดเล็กที่ใช้พลังความตายในการรักษาไม่หมด
แต่ถ้ากรณีของแจจุงพลังความตายที่จอมมารส่งมอบให้ในวันนี้หมดไปกับการรักษาบาดแผลจนไม่มีเหลือเก็บไว้แล้ว ถึงอย่างนั้นทาสร่างบางก็ยังไม่หายดี
คงทำได้แค่รอวันต่อไปเท่านั้น
จอมมารรุนแรงกับทาสเลือดบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
จอมมารใช้พลังเปลี่ยนผ้าปูโดนไม่เรียกให้ผู้เสพความตายที่มีหน้าที่รับใช้มาเปลี่ยน เพราะอาจทำให้คนตัวบางที่เคลื่อนกายไม่สะดวกต้องลำบากใจถ้าหากเขาเรียกทาสรับใช้ขึ้นมาเปลี่ยนตอนนี้
อ้อมแขนแกร่งอุ้มร่างบางของแจจุงให้เอนกายลงนอนบนเตียงที่เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูไป ก่อนจะดึงผ้าห่มที่หมิ่นเหม่อยู่สะโพกบางขึ้นมาคลุมถึงหน้าอกของอีกคน
“นายคงอยากรู้ว่าตอนนี้กี่โมง”
“ครับ”
แจจุงพยักหน้าตอบรับเพราะเขาเพิ่งรู้สึกตัว แต่จอมมารทำเหมือนจะให้เขานอนอีกแล้ว
ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาก็อยากพักผ่อนอีก แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้
“สองทุ่มกว่าๆของโลกมนุษย์”
แจจุงตาโตเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าจอมมารเองก็ปล่อยให้เขาได้นอนเมื่อตอนเช้านี่เองก็เสมองไปทางอื่น
โลกแห่งความตายไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
เพราะโลกแห่งความตายเกิดหลังจากที่มนุษย์ตายและอยู่เคียงข้างโลกมนุษย์มาโดยตลอด
เวลาที่ใช้เรียกบนโลกแห่งความตายจึงยึดตามเวลาบนโลกของมนุษย์นั้นแหละ
“นอนพักซะ”
“นายท่าน เรื่องของมนุษย์คนนั้นผมอยากจะ”
“นอนซะแจจุง” นัยน์ตาสีแดงจ้องดวงตากลมเทาอย่างบังคับและพูดตัดบท แค่นั้นก็ทำให้แจจุงรู้แล้วว่ายังไม่ใช่เวลาที่เขาจะพูดเรื่องนี้ได้
แจจุงเลือกที่จะหลับตาลง ร่างกายของเขายังต้องการการพักผ่อน จอมมารเองก็ต้องการอย่างนั้น มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้
สัมผัสอุ่นวาบที่ขมับที่เหมือนกับสัมผัสเมื่อวานตอนก่อนจะวูบหลับไปหลังจากโดนทำโทษทำเอาแจจุงหลับตาแน่น ใจสั่นรัวไม่คิดว่าจอมมารจะทำแบบนี้อีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากจอมมารแล้วเสียงเดินที่ห่างออกไป
แจจุงยังไม่คิดจะลืมตา แต่คิดสงสัยในใจว่าจอมมารจะไปไหน ห้องนี้มันห้องของจอมมารไม่ใช่เหรอทำไมไม่พาเขากลับห้องของเขา คิดไปได้ไม่เท่าไหร่ความเพลียที่ยังมีอยู่ก็ครอบงำให้ทาสร่างบางเผลอหลับไปบนเตียงของจอมมารอีกครั้ง
ความคิดเห็น