ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] EXO ALL x JONGDAE

    ลำดับตอนที่ #39 : บุญ... นำพา [KrisChen]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 57


    คำแนะนำ

    เพื่อความฟิน โปรดจินตนาการถึงกรุงเทพ เมืองไทย

    ***********************************

     

    บุญ... นำพา [KrisChen]

     

                    สวัสดีครับผมชื่อ คิมจงแด ผมอยู่กับคุณตาคุณยายในย่านชานเมืองตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่ไม่อยากให้ผมอยู่ในภาวะเร่งรีบและหัดช่วยตัวเองเป็น ส่วนท่านกับคุณพ่ออยู่ที่ตัวเมืองเปิดโรงเรียนสอนดนตรี และนั่นทำให้ผมซึมซับในการทำบุญไปโดยปริยาย เพราะปกติแล้วในตอนเช้านั้นคุณยายจะลุกแต่เช้ามาทำอาหารเช้าใส่บาตรเสมอ หากวันพระไหนที่ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ท่านก็มักจะพาไปที่วัด จนเพื่อนของผมชอบแซวผมว่า มหาจงแด

     

                    คุณยายของผม ท่านออกที่จะหวงผมมากๆ เวลาไปวัด คุณยายจะพาผมไปตอนช่วงที่พระใกล้จะเข้าโบสถ์ คือไปถึงก็เตรียมจัดสำรับใส่บาตร พอรับพรเสร็จแล้ว ท่านก็จะรีบพาผมกลับบ้านทันที ผมเองก็ไม่เข้าใจทั้งที่ผมก็เป็นผู้ชายไม่ใช่สาวรุ่นสักหน่อยแต่ท่านกลับหวงเอามากๆ โดยเฉพาะ กับคนที่อยู่บ้านตรงข้ามกับเรา

                   

    ผมไม่รู้ว่าท่านมีความบาดหมางใจอะไรกับบ้านตรงข้ามนัก ท่านไม่เคยจะเดินข้ามไปที่ถนนฝั่งนั้นในบริเวณที่เป็นของบ้านหลังนั้น ถ้าเจอคนของบ้านนั้น คุณยายก็จะหันหน้าหนีหรือทำเป็นว่าไม่เห็น ผมเคยถาม ท่านก็ตอบมาว่ามันไม่ใช่เรื่องของเด็ก ผมเองก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมาก จึงไม่ได้คาดคั้นถามเอาจากท่าน เพราะคิดว่ามันคงจะไม่มาเกี่ยวกับผมเป็นแน่ แต่แล้วในเวลาต่อมา มันกลับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมได้พบกับคนๆหนึ่ง

                   

    วันนั้นที่ผมได้พบกับเขา ผู้ชายร่างสูงโปร่ง หน้าตาที่ดูออกก็รู้ว่าเป็นลูกครึ่ง พอดีวันนั้นคุณยายท่านนัดกับเพื่อนว่าจะคุยกัน จึงพาผมไปวัดตั้งแต่เช้า แล้วสั่งให้คอยจัดสำรับกับข้าว พวกบรรดาเด็กวัดที่ผมคุ้นเคยและพวกผู้ชายบางคนที่ เอ่อ ต้องขอโทษนะ พวกที่มาจีบผมนะ ต่างก็เข้ามาช่วยจัดเช็ดถ้วยชามให้บ้าง ช่วยหาแก้วน้ำพระมาให้บ้าง

                   

    ในระหว่างที่ผมกำลังยกถาดข้าวพระ เขาก็เข้ามายกถาดออกจากมือผมไป

                   

    “ให้ผมช่วยนะครับ” แม้ว่าจะมีพวกผู้ชายบางคนโห่หรือพูดจากระทบกระเทียบเขาบ้าง เขาก็ไม่ได้สนใจ

     

                    “วันนี้เราทำบุญร่วมกันนะครับ”  ผมหน้าแดงด้วยความเขิน เขาสุภาพมาก ไม่เหมือนพวกนั้นที่น่าเกลียด คอยแต่พูดจาแทะโลม หาทางแต๊ะอั๋งผม จึงทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวเขามาก

     

                    ระหว่างที่ผมกำลังต่อแถวตักข้าวใส่บาตรนั้น เขาก็เข้ามาพลางบอกว่า

     

                    “ขอตักข้าวพระด้วยคนได้ไหมครับ”

     

                    “ครับ” เขาขันอาสาเป็นคนตักเอง

     

                    “วันนี้เราตักบาตรร่วมกันนะ คุณจับด้ามทัพพีเหนือมือผมนะครับ”ผมจึงได้แต่ก้มหน้าเอามือแตะทัพพีไว้ ปล่อยให้เขาเป็นคนตักข้าวใส่บาตรจนครบ

     

    พอตักเสร็จ ก็รีบคลานกลับไปนั่งฟังพระสวด ระหว่างนั้นเขาก็ขอมานั่งข้างๆด้วย ตอนกรวดน้ำเขาก็ขอให้ผมจับแขนเขา ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะรู้พิธีกรรมทุกอย่าง พอเสร็จ เขาก็พาผมนำน้ำที่กรวดมารดโคนต้นไม้ พร้อมกับซื้อน้ำส้มมากินคนละแก้ว

     

    “ถูกใจไหมครับ”ผมไม่ตอบอะไรไป เพียงแค่ยิ้มส่งให้ก็เท่านั้น

     

    “ผมแอบมองคุณทุกครั้งที่มาใส่บาตรกับคุณยายของคุณ เห็นว่ากินน้ำส้มทุกครั้ง ก็เลยซื้อมาให้” ดูแล้วเขาน่าจะแอบสังเกตผมนานเหมือนกัน

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    “รับผมเป็นเพื่อนไว้สักคนได้ไหมครับ” ผมไม่ตอบ เขาก็เลยพูดตัดบทว่า

     

    “แค่เพียงคุณตักบาตรกับผม ยอมจับแขนผม กรวดน้ำกับผม ทั้งๆที่ผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคุณ เพียงเท่านี้ก็หมายความว่า คุณให้เกียรติผม เสมือนว่าได้ยอมรับผมไว้เป็นเพื่อนแล้ว”

     

    ก่อนที่จะแยกกันไปผมพึ่งนึกได้ว่ายังไม่ถามชื่อเขาเลย

     

                    “ขอโทษนะครับ คุณชื่ออะไรครับ”

     

                    “ผมชื่อคริสครับ”

     

                    “ผมจงแดครับ คิมจงแด”

     

                    “ครับ ผมทราบแล้วครับ”

     

                    “เออ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหน”

     

                    “เราได้ตักบาตรร่วมกันแล้ว ยังไงซะเราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน ไม่แน่นะ วันพระหน้าเราอาจจะเจอกันอีก”เขาไม่ตอบ แต่กลับบ่ายเบี่ยงไปซะงั้น

     

     

                    วันนั้นผมกลับบ้านด้วยใจเป็นสุข ยิ้มเล็กยิ้มน้อยไปทั้งวัน ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ หลับตาเมื่อไหร่ก็เห็นแต่หน้าเขา คนที่พึ่งรู้จักกันทำให้ผมเป็นอย่างนี้ได้เลยหรอ

     

     

     

     

     

                    วันต่อมาคุณยายท่านหกล้ม เจ็บขา ทำให้ทั้งสัปดาห์นั้น ท่านต้องอยู่นิ่งๆ จึงให้ผมมาที่วัดคนเดียว แต่ก็ยังไม่วาย กำชับให้คุณตาดูแลผมเป็นอย่างดี คราวนี้พวกผู้ชายที่เข้ามาจีบผมต่างถอยห่างไม่มาช่วยเหมือนเดิม ทั้งยังพูดไม่ดีแซวว่า วันนี้แฟนไม่มาด้วยหรือไง

     

                    แน่นอนว่ามันทำให้ผมอารมณ์เสีย แต่ว่า จริงสินะ วันพระวันนี้ผมยังไม่เห็นเขาเลย เอ๊ะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า หรือว่าจะป่วย ในขณะที่ผมคิดว่า วันนี้เขาคงจะไม่มาแล้วมั้ง อยู่ดีๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆหู

     

                    “วันนี้ผมมาสาย คุณช่วยผมจัดกับข้าวและตักบาตรกับผมหน่อยนะ”

     

                    พอตักบาตรกรวดน้ำเสร็จเราก็มานั่งคุยกันอยู่ข้างนอก

                   

                    “จงแดเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยXXX วิทยาลัยเขต YYY ใช่ไหมครับ”

     

                    “ครับ”

     

                    “เรียนอยู่คณะสัตวแพทย์ใช่ไหมครับ”

     

                    “เอ๊ะ คุณคริสรู้ได้อย่างไงครับ”

     

                    “คุณชอบกินส้ม แล้วคุณก็มีชื่อเล่นว่าเฉินด้วย”

     

                    “คุณรู้ได้อย่างไงกัน”ทำไมเขาถึงได้รู้ทุกอย่างจัง

     

                    “ไม่สำคัญหรอกครับ ว่าผมรู้ได้อย่างไง พรุ่งนี้ผมไปรับนะ”

     

                    “แต่ว่า”

     

                    “นะครับ ให้ผมไปรับ”

     

                    “ขอบคุณครับ”

     

     

                   

                    ตั้งแต่วันนั้นคุณคริสก็มารับมาส่งผมไปที่มหาวิทยาลัยทุกวัน แหละนั้นทำให้ผมรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาคือคนที่อยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านของผม เขาไม่ได้มารับส่งผมที่หน้าบ้านแต่จะรออยู่ที่หน้าปากซอย เขาไม่เคยนั่งใกล้หรือทำตัวใกล้ชิดจนเกินไป หากจำเป็นต้องแตะเนื้อตัว เขาก็มักจะขออนุญาตและขอโทษอยู่เสมอ

     

                    เขาไม่เคยพาผมไปในที่ที่ไม่ควรจะไป ส่วนมากเรามักจะไปทำบุญด้วยกัน วันเกิดของเขาเมื่อปีสองปีก่อน เราไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้า ที่นั่นผมได้เจอกับพ่อแม่และญาติของเขา ซึ่งพอพวกท่านรู้ว่าผมเป็นหลานคุณยาย ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับพูดจาทักทายเป็นอย่างดี ผมไม่เข้าใจจริงๆทำไมคุณยายถึงได้เกลียดคนบ้านนั้นนัก

     

                    เราคบกันภายใต้สายตาของคนในครอบครัวของเราทั้งสอง พ่อแม่รวมทั้งคุณตาของผม ต่างรู้ดีว่าเราคบกัน แน่นอนไม่มีใครบอกคุณยายเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณยายรู้

     

                    จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ผมเรียนจบรับปริญญา เขาเข้ามาแสดงยินดี และบอกคุณยายว่า

     

                    “คุณยายครับ ผมรักจงแด ขอผมคบกับจงแดได้ไหมครับ ผมคริสครับ เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลEXO ผมอยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านคุณยาย”

     

                    “จงแด หลานชอบเขาหรือเปล่า”

     

                    “ผม รักคุณคริสครับ คุณยาย”

     

                    “ได้ยินแล้วยังว่าหลานฉันไม่ได้ชอบแก ไปได้แล้ว อย่ามายุ่งกับหลานฉันอีก จงแด กลับไปบ้านคงรู้ดีว่าจะโดนอะไร”

     

                    นี่แหละครับคือเหตุผลว่าทำไมวันนี้ผมถึงถูกขังไว้ในห้อง ผมจะทำอย่างไง คุณคริสจะทำอย่างไรให้คุณยายเข้าใจความรักของเรา ทั้งๆที่พวกเราไม่เคยทำอะไรผิดสักนิด ความบาดหมางอะไรในรุ่นคุณยายที่ทำให้ท่านต้องกันเราออกจากบ้านหลังนั้น

     

                    “พี่คริส ผมรักพี่ ฮึก ผมรักพี่”

     

                    “จงแด พี่ก็รักจงแด”

     

                    “พี่คริส!! พี่เข้ามาได้อย่างไง รีบ ออกไปเถอะนะครับ ก่อนที่คุณยายจะเข้ามาเห็น มันไม่งาม”

     

                    “คุณยายเป็นคนให้พี่เข้ามาหาจงแด ให้พาจงแดลงไปข้างล่าง”

     

                    “เอ๊ะ มันเกิดเรื่องอะไรครับ”

     

                    “ลงไปข้างล่างก่อนเถอะนะ แล้วจงแดจะรู้เอง”

     

                    พอผมลงไปข้างล่าง ผมก็เห็นทั้งครอบครัวของผมและครอบครัวของเขาอยู่ที่ห้องรับแขก เห็นพานหมากพลู พานบายศรีและพานใส่เงินใส่ทอง

     

                    “นั่งลงสิ ไม่ใช่ มานั่งตรงนี้ มานั่งข้างพานเงินนี่”ผมทำตามคำสั่งของคุณยายในใจนึกตื่นเต้นคงไม่ใช่งานนั้นหรอกนะ

     

                    “หลานรู้ใช่ไหมว่าทำอะไรลงไป คิดใช่ไหมว่ายายจะไม่รู้ ทำอะไร อย่าคิดว่าผู้ใหญ่เขาไม่รู้สิ กราบพี่เขาซะ”

     

                    “คุณยาย!!

     

                    “บอกให้กราบก็กราบซิ ไม่อยากจะหมั้นหรืออย่างไร เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยพูด”

     

                    ผมกราบพี่คริสทีหนึ่งซึ่งเอามือมารองมือผมไว้

     

                    “คริส เอาสร้อยนี่สวมให้น้องสิลูก”

     

                    พี่คริสรับสร้อยมาจากคุณป้าเอามาใส่ให้ผม เป็นสร้อยทองเส้นเล็กๆลงยามีตระกรุดทอง แล้วผมก็กราบพี่คริสไปอีกที             

     

                    “เรื่องแต่ง คงต้องขอฤกษ์ก่อน วันนี้ที่มาขอหมั้นก็กะทันหันไป อาจไม่ถูกต้องตามประเพณีมากนัก ต้องขอโทษคุณนายคิมด้วยนะ เรื่องที่ผ่านมาก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถอะ

     

                    ของหมั้นที่ให้หนูจงแดสวมไว้นั้นเป็นตระกรุดทองที่ลงดวงชะตาแม่กับพ่อของตาคริส เป็นของรับขวัญ ขอให้หนูอายุหมั่นขวัญยืน พร้อมด้วยศักดิ์ อายุ วรรณะ สุขะ พละ รักษาเกียรติวงศ์ของตระกูลไว้ให้ดีเพราะเท่ากับว่าเป็นเชื้อสายเดียวกันแล้ว ครอบครัวอู๋ยินดีรับหนูเป็นครอบครัวนะลูก”

     

                    “ขอบคุณครับ คุณปู่”

     

                    “เอาเถอะ เราให้เวลาสองคนนี้คุยกันก็แล้วกัน ตาคริสเล่าให้จงแดฟังด้วยนะ ส่วนพวกเราคนแก่ทั้งหลายก็ไปหาหลวงพ่อได้แล้ว จะได้หาฤกษ์หายามเตรียมของงานแต่ง จะได้ด้วยกันไหม ตาแก่อู๋”

     

                    “ไปซี งานแต่งหลานคนโปรดซะอย่าง”

     

     

     

     

     

                    “พี่คริส ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมอยู่ดีๆคุณยายถึงยอมให้เราหมั้นกันครับ”

     

                    “พี่เป็นคนให้คุณปู่มาสู่ขอจงแด พี่อยากให้เรื่องของเรามันถูกต้อง อันที่จริงคุณยายท่านรู้มานานแล้วว่าเราคบกัน แต่ท่านอยากให้เรามาบอกกับท่านเอง ท่านก็อยากลองใจพี่ด้วยว่าพี่จะทำอย่างไงถ้าท่านไม่ยอมให้จงแดคบกับพี่

     

                    ท่านอยากรู้ว่าพี่จะแอบพาจงแดหนีหรือเปล่า อย่างที่คุณปู่พี่พาคุณย่าพี่หนีมาเพื่อที่จะหลบการแต่งงานระหว่างท่านกับคุณยาย ตั้งแต่ตอนนั้นคุณยายก็เลยโกรธคุณปู่ของพี่ เพราะแทนที่จะบอกกันดีๆกลับหนีมาซะงั้น มันเลยทำให้ท่านต้องอายคนที่ถูกคนที่เป็นทั้งคู่หมั้นแล้วก็เพื่อนหักหน้า

     

                    แต่พี่จริงจังกับจงแด พี่ไม่กลัวคุณยายหรอก พี่กล้าที่จะบอกกับท่าน กล้าที่จะขอจงแดจากท่าน ท่านเองก็คงเห็นความพยายามของพี่ รวมทั้งเวลาที่ผ่านมาก็พิสูจน์อยู่แล้วว่าพี่ให้เกียรติ จริงใจ และจริงจังกับจงแดแค่ไหน

     

                    พี่รักจงแดนะครับ แต่งงานกับพี่นะ”

     

                    “ขอบคุณครับที่รักผม ถ้าไม่แต่งจะรับหมั้นทำไมล่ะครับ”

     

                    “พี่จะรักและดูแลจงแดตลอดไป พี่สัญญา”

     

                    ริมฝีปากบางแตะกลับริมฝีปากหนาเบาๆเป็นสัญญาว่าจะรักและอยู่ด้วยกันตลอดไป

     

                    เมื่อคุณทำสิ่งที่ดีคุณก็จะรับสิ่งที่ดีตอบแทน อยากได้แฟนอย่างไร ก็ต้องทำตัวอย่างนั้น จึงจะเป็นคู่สร้างคู่สมที่ดี

     

    - จบ –

     

     

    คุยกับตูน

                    หายไปนานเลย เราติดเรียนอยู่ค่ะ ต้องเร่งอ่านหนังสือเรียน เลยทำให้ไม่ได้เขียนฟิคเลย ความจริงฟิคนี้ตูนเขียนตั้งแต่กันยาปีก่อนได้แล้วมั้ง ตูนได้แรงบันดาลใจจากบทความในนิตรสารคู่สร้างคู่สม คอลัมน์หนุ่มจีบสาวอะไรนี่แหละจำไม่ได้ แล้วมันโดนใจตูนมาก ก็เลยเอาพล็อตมาเขียนเลย 5555 แล้ววาเลนไทร์ปีนี้ก็ตรงกับวันมาฆะด้วย พอดีเลย เป๊ะ เราเลยเอามันมาปัดฝุ่นเขียนต่อ หวังว่าตอนนี้จะถูกใจแฟนคริสเฉินนะค่ะ บาอิ้ง

     

     

     

     

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×