คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : Phase 38
Phase 38 สู่วันพรุ่งนี้
“รีบจัดแถวเร็วเข้า พวกมันจวนมาถึงแล้ว”โทกะรีบสั่งให้ทำอย่างรวดเร็ว
“ให้เด็ก คนชราและคนที่บาดเจ็บหลบในโรงเรียนก่อน”มิเกลสั่งทหาร
“พวกมันมาเร็วจริงๆ”อิซ๊าคบอกกับดีอัคก้า
“อิซ๊าคนายกลัวเปล่า”ดัอัคก้าถามออกมา อิซ๊าคหันมองดีอัคก้าเห็นดีอัคก้าสั่นขึ้นมา
“นายไม่ตายแน่ดีอัคก้า”มีลี่ปรากฏตัวออกมาข้างๆ
“มีลี่...”ดีอัคก้าเรียกชื่อของมีลี่ มีลี่ตบหัวของดีอัคก้าที่หนึ่งอย่างเบา
“ฉันบอกว่านายไม่ตายแน่เพราะฉันจะออกไปสู้ด้วย”มีลี่บอก ทำเอาดีอัคก้าช็อกไป
“แต่เธอไปสู้ทำไม ฉันว่าเธออยู่ที่โรงเรียนดีกว่านะ”ดีอัคก้ารีบบอก
“จะให้ฉันมองดูนายและเพื่อนๆต่อสู้โดยที่ฉันไม่สู้ด้วยนี้น่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก”มีลี่ตะโกนใส่อย่างดัง
“มีลี่ถ้าเธอจะออกไปสู้จริงๆ อยู่ข้างๆฉันไว้นะ ฉันจะปกป้องเธอเอง”ดีอัคก้าบอกกับมีลี่
“คำพูดนี้น่ะฉันสมควรที่จะเป็นคนพูดมากกว่าเจ้าบ้า นายน่ะเก่งเรื่องการโจมตีระยะไกลจริงไหม ถ้ามีศัตรูโจมตี
ระยะใกล้น่ะนายเสียเปรียบถ้ามีฉันนะอย่างน้อยก็ป้องกันระยะห่างจากนายกับศัตรูได้ต่างหาก”มีลี่จัดการพูดโต้ตอบใส่ดีอัคก้า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั้นสินะ”ดีอัคก้าหัวเราะออกมา
“ดูท่าเจ้าดีอัคก้าไม่เป็นไรแล้วล่ะ”อิซ๊าคบอกกับชิโฮะ
“อิซ๊าคเองก็ไม่กลัวบ้างหรอ”ชิโฮะถาม
“ฉันไม่กลัวตายหรอกแต่ฉันกลัวเธอตายต่างหากชิโฮะ”อิซ๊าคจับมือของชิโฮะ
“อิซ๊าคบอกฉันสิว่านายต้องรอดกลับมาหาฉัน”ชิโฮะบอกอิซ๊าค
“ฉันจะต้องกลับมาหาเธอได้อย่างแน่นอน”อิซ๊าคบอกและหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าสวมไปที่นิ้วนางข้างขวา
ของชิโฮะและตัวเอง
“ฉันขอสาบานต่อแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางขวาของฉันว่าฉันจะต้องกลับมาหาเธอให้ได้และแต่งงานกับเธออย่าง
แน่นอน”อิซ๊าคให้คำมั่นออกมา
“ฉันเองก็เช่นกัน ฉันขอสาบานต่อแหวนวงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะต้องกลับมาหาอิซ๊าคให้ได้เช่นกัน”ชิโฮะสาบานเช่นกัน
“ไม่ว่าสงครามครั้งนี้จะหนักหนาแค่ไหน พวกเราสาบานจะไม่แยกจากกันเราทั้ง2จะรอดกลับมาอยู่ร่วมกัน”
“ฉันรักเธอชิโฮะ”
“ฉันเองก็รักนายอิซ๊าค”
“ตอนนี้เป็นเวลาของหนุ่มสาวที่จะรักกันจริงๆหรอซีเกล”แพทริกถามขึ้น
“ฉันเองก็ตอบไม่ได้หรอกว่าในสงครามครั้งนี้เป็นเวลาที่ควรรักกันหรือไม่แล้วที่รู้ตอนนี้สิ่งสำคัญคือกำลังใจของ
เหล่าทหาร นักเวทและนักเรียนในตอนนี้มากกว่า”ซีเกลบอก
“ถ้านายบอกอย่างนั้น ฉันก็ว่าตามนั้นละนะ”อุสึงิบอกอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก”มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งพูด ทั้ง 3สหายต่างหันมองดูว่าใครเป็นคนพูดแต่กับไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลยสักคนเดียวทำให้ทั้ง 3คนต่างมองหน้ากัน และกลืนน้ำลายต้องหวาดกลัว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าไม่ใช่ผี พวกท่านไม่ต้องกลัวไปหรอก”เสียงนั้นบอกอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าของ StrikeFreedom ที่มองมาที่ทั้ง 3คน ทั้ง 3 มองดูสายตาของมังกรที่กำลังจ้องมาที่พวกเขา ดวงตาของมังกรตัวนี้ดูแข็งแกร่งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
“แก่เป็นคนพูดอย่างนั้นหรือไง”แพทริกถามและชี้นิ้วอีกด้วย มังกรตรงหน้าพ่นลมหายใจออกมา
“ใช่ข้าเอง ข้าขอแนะนำตัวเองสักหน่อยก่อนจะดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นมารยาทที่ควรจะทำจริงไหมละ”มังกรบอกอย่างมีมารยาทมาก
“นามชื่อข้าส่วนมากเหล่ามังกรเรียกข้าว่า StrikeFreedom”มังกรแนะนำชื่อของตัวเอง ทำให้ทั้ง 3ผิวปากออกมา
“สิ่งที่พวกท่านได้ยินเสียงของเราของกระแสจิตของเราเอง แล้วต้องขออภัยนะที่นี้ด้วยที่ อยู่ดีดีก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยที่บอกกล่าวกันก่อน”มังกรบอกพร้อมกับโค้งหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ
“เสียงยังหนุ่มอยู่เลยนะ”ซีเกลบอกขึ้นเมื่อนึกถึงคำถามที่จะถามได้
“ต้องขออภัยอีกครั้งที่เสียงของข้ายังหนุ่มอยู่แต่ ข้าอยู่นานจนอายุไขของข้ามีถึง 9,000ปีแล้ว”มังกรบอกถึงอายุของตัวเองทำให้คนที่ฟังอ้าปากค้างไปกับตัวเลขที่ได้ยิน มังกรได้พ่นลมหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีของ 3สหาย มังกรหนุ่ม (ไอ้อย่างนี้ควรเรียกว่าหนุ่มจริงๆหรอ??)หันไปมองกับมังกรสีทองตัวใหญ่เท่ากับตัวเองที่ตอนนี้นอนหลับสบายๆ มีสายลมอ่อนพัดมาเป็นบรรยากาศที่ดีมากทีเดียว
“มังกร”เด็กน้อยคนหนึ่งเรียกมังกรสีทองที่นอนหลับอยู่ แต่ตัวของมังกรกับทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเด็กน้อย เด็กคนนั้นเดินก้าวช้าๆสั้นๆเข้าไปใกล้มังกรที่นอนอยู่ มังกรสีทองเปิดตามองเด็กน้อยที่ก้าวมาที่ตัวเองและเร่สายตาไปที่พุ่งที่มีเด็กอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่ เด็กน้อยขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีก มังกรสีทองแกล้งอ้าปากหาวขึ้นมาเป็นการทำให้กลัว ซึ่งได้ผลเด็กน้อยรีบวิ่งกลับไปหาเด็กๆคนอื่นที่แอบแต่เกิดสะดุดล้มเข้าร้องไห้ออกมา มังกรสีทองได้ใช้หางของตัวเองขยับไปหาเด็กน้อยที่ร้องไห้ เด็กน้อยกอดที่หาง มังกรสีทองขดหางมาที่ตัวเองให้เด็กน้อยนั่งของที่หัว เด็กคนอื่นๆทีเห็นต่างรีบวิ่งออกมาจากพุ่งไม้เพื่อมาเล่นกับมังกรสีทอง
“เจ้าAkatsukiนะ เจ้าAkatsuki”มังกรสีฟ้าส่ายหัวขึ้นมา
“มังกรสีทองนั้นทำไม”ซีเกลถาม
“เห็นในช่วงแรกที่ทำไหมละ เจ้านั้นนะถ้ามองจากภายนอกดูเป็นพวกหยิ่งมาก แต่จริงๆแล้วรักเด็กจะตายไป”Stirke Freedomบอกอย่างเบื่อๆแล้วมองไปรอบๆโรงเรียน
“เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากจริงๆ”Strike Freedomกล่าวออกมา
“เคยอยู่ที่นี้มาก่อนอย่างนั้นหรอ”อุสึมิถาม StrikeFreedomพยักหัวออกมาที่จะบอก
“เมื่อก่อนตอนที่นี้ยังเป็นปราสาททั้งข้าและอะคาสึกิและมังกรจำนวนไม่มากเท่าขนาดนี้ อาศัยอยู่ที่นี้ทุกวันต่างมีคนมาปฏิบัติตามที่พวกเราต้องการ โดยที่พวกเราไม่เคยสงสัยเลยว่าของพวกเขากลัวเราไหม แต่ในช่วงเวลานั้นก็มีเด็กอยู่สองคนมั้งที่ไม่กลัวพวกเราเลย และเมื่อโตขึ้นก็เป็นคนปลุกให้พวกเราร่วมกันต่อสู่กับ เจเนสิต”StrikeFreedomกล่าว
“เจเนสิตนี้คือ”แพรกทริกงงกับชื่อนี้
“มังกรแห่งการทำลายล้างหรืออีกชื่อหนึ่งที่พวกท่านเรียกว่า มังกรแห่งความมืด”StrikeFreedomบอกถึงชื่อของศัตรูที่ต้องสู้ด้วยในศึกครั้งนี้
“นี้พวกนายเห็นลูกสาวฉันไหม”ซีเกลถาม เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่เห็นลูกสาวของตัวเองเลย
“คงอยู่กับคิระคุงหรือไม่ก็คางาริจังนั้นละ”แพรทริกบอก
“พวกนายฉันคิดว่าจะรับ คิระกับคางาริเป็นลูกบุญธรรมจะดีไหม”อุสึงิถามขึ้นมา
“พวกฉันต้องถามต่างหากว่านายจะรับทั้ง2คนทำไม”ซีเกลถามคืน แพรทริกพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
“พวกนายก็รู้นี้ว่าฉันไม่มีลูก เป็นไปได้ฉันอยากรับทั้ง2มาดูแลต่อจากยูเรนและอีวา ฉันว่าสองคนนั้นต้องดีใจแน่ๆ”อุสึงิบอกถึงเหตุผล
“ต้องถามทั้ง 2คนถึงจะถูกมากกว่า พวกเขาโตกันแล้ว”แพรทริกเสริม
“นี้ชิน”สเตล่าเรียกชินขึ้นมาหลังจากมองดูชินฟันดาบมาชักพักแล้ว
“มีอะไร”ชินถาม แต่ตากับไม่มองสเตล่าเลยกลับไปสนแต่ดาบเล่มใหม่
“ทำไมต้องฝึกดาบใหม่ด้วยละ”สเตล่าถาม เนื่องจากที่ชินต้องการฝึกการใช้ดาบใหม่ตั้งแต่หนึ่ง
“ดาบเล่มนี้ต่างจากเล่มอื่นมากเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาด พลังในการทำลาย”ชินบอกเหตุผลให้ฟัง
“ชินจะกลับมาหาสเตล่าใช่ไหม”สเตล่าถามขึ้น ชินหันไปมองส่งที่เห็นคือใบหน้าของสเตล่าที่มีน้ำตาไหลออกมา
“อืม ฉันสัญญา”ชินกอดสเตล่าไว้
“คางาริ คางาริ”เสียงของชายหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาวคนหนึ่งตามตึก ...ยัยนั้นไปอยู่ไหนของเจ้าหล่อนเนี้ย...ชานหนุ่มบ่นในใจและพยายามนึกถึงสถานที่ๆหญิงสาวน่าจะอยู่ แต่ก็นึกไม่ออกจึงเงยหน้ามองไปบนอาคารและเห็นเงาคนพึ่งจะกระโดดข้ามอาคารไปพอดี ชายหนุ่มรีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคาร
ดาดฟ้า
ชายหนุ่มหอบโย่งหลังจากที่วิ่งขึ้นมาบนอาคารถึง 8ชั้นทำเอาชายหนุ่มต้องบอกกับตัวเอง ‘ตูจะไม่ขึ้นอาคารที่สูงเกิน 5ชั้นอีกแล้ว’ชายหนุ่มรีบมองหาคนที่ตัวเองตามหาอยู่
“อัสรันขา”เสียงของสาว 2สาวเรียกายหนุ่มพร้อมกับการกระโดดเข้ากอดจนทำให้ร่างของคนที่โดนกอดเฉไปเลย
“หวา”ชายหนุ่มถลาจนเกือบจะชนกับคนที่มีอยู่บนนี้ก่อนหน้านี้
“อัสรันตามหาอยู่ต้องนาน”มิอาบอกกับชายหนุ่ม
“ลูน่าคิดจึงจัง”ลูน่าอ้อนขึ้น
...ตูซวยแล้วสิ...อัสรันนึกถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นมาพอดี ก็รู้สึกสันหลังวาบทันที แต่พยายามใจดีสู่เสือ “มิอา ลูน่าช่วยปล่อยก่อนจะได้ไหม”อัสรันบอกทั้ง 2สาว
“ไม่เอา ถ้าปล่อยไปเดี๋ยวอัสรันหายไปอีก”2สาวบอกอย่างพร้อมเพียง
“สนุกดีแฮะ”ผู้อยู่ก่อนบอกอย่างสนุกสนาน
“คางาริช่วยฉันทีนะ”อัสรันขอร้องท่านผู้อยู่ก่อน ผู้อยู่ก่อนกลับไม่สนใจและเรียกปีกออกมาแทน
“แก้ปัญหาด้วยตัวเองนี้ไม่ใช้ปัญหาฉัน นายเป็นคนผูกนายก็ต้องแก้เอง”คางาริบอกและกระโดดถอยหลังเล็กน้อยเพื่อออกห่างจากอัสรันเล็กน้อย
“มิอา ลูน่าปล่อยฉันเถอะ”อัสรันบอก
“ไม่เอาพวกเราไม่ให้อัสรันเป็นของยัยนั้นเด็จขาด”2สาวบอกพร้อมกับอีกครั้ง
“ฉันรักคางาริ รักมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้วและฉันจะรักเธอตลอดไป”อัสรันบอกความรู้สึกของตัวเอง มิอาและลูน่าจึงเลิกกอดอัสรัน
“แห้ว เลยพวกเรา”มิอาและลูน่ากอดคอกันเดินจากไปอย่างง่ายๆ อัสรันรีบลุกขึ้นมามองคางาริที่ดูอึ้งไปกับคำพูดเมื่อกี้
“นายพูดจริงแน่นะ”คางาริถามขึ้นมา อัสรันพยักหน้าเป็นการยืนยัน
”แน่พูดออกมาจากหัวใจของฉันจริงๆ ฉันรักเธอคางาริ”อัสรันบอกและดึงตัวของคางาริเข้ามากอด
“ฉันรักเธอ”อัสรันกระซิบข้างหูของคางาริ ทั้ง2มองตากันและจูบกัน
“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องของความเจ็บปวดดังขึ้นมา ...ทนหน่อยเถอะ ทนหน่อย....เสียงของคนร้องบอกกับร่างกายของตัวเองและตอนนี้ถึงขีดจำกัดและร่างกายจะรับได้แล้ว
“คิระเป็นอะไรไปค่ะ”สาวน้อยผมชมพูถามคนที่รักอย่างห่วง
“ไม่เป็นไรนี้ ลักซ์”ชายหนุ่มรีบตอบด้วยท่าทีปกติและคงส่งยิ้มให้
“แน่ใจนะค่ะ คือฉันเห็นช่วงนี้แปลกไปนะค่ะ”ลักซ์บอกสิ่งที่เห็น
“ไม่เป็นไรจริงๆลักซ์”คิระยังคงบอกคำโกหกไป
“แต่ดวงตาของคุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นนี้ค่ะ”ลักซ์บอกและลูกแก้มของคิระ คิระได้แต่ยิ้มและกอดลักซ์ไว้แทนทำให้คนที่โดนกอดตกใจเล็กน้อย
“ขอโทษนะลักซ์ที่อยู่ดีๆก็อยากกอดขึ้นมา ก่อนที่...”คิระหยุดพูดขึ้นมาเช่นๆ
“ก่อนที่อะไรหรอค่ะ”ลักซ์ถามขึ้นเมื่อคิระหยุดพูดไปเฉยๆ
“เปล่าช่างมันเถอะ”คิระบอกเพื่อไม่ให้ลักซ์คิดมาก ...ก่อนที่ฉันจะไม่ได้กอเธออีกแล้ว...
“ช่วยร้องเพลงให้ฟังสักเพลงได้ไหมลักซ์”คิระขอลักซ์
“เอาเพลงที่ร้องตอนไป L4ไหมค่ะ”ลักซ์ถาม
“เพลงอะไรก็ได้”คิระบอก ลักซ์จึงร้องเพลง Fields of Hopeให้ฟัง เสียงเพลงได้พัดพาไปพร้อมกับสายลมไปพัดมาให้เหล่าผู้คนและมังกรในโรงเรียนได้ยิน ดั่งว่าสายลมได้พัดพาความหวาดกลัวไปส่วนเสียงเพลงได้เข้าไปแทนที่ เปรียบดั่งเพลงของเทพธิดาได้ร้องเพื่อเป็นกำลังให้แก่พวกเขา ชายหนุ่มผู้กอดหญิงสาวที่ร้องเพลงให้ฟังรับรู้ถึงความอบอุ่นของหญิงสาว ชายหนุ่มอยากที่จะให้เวลาหยุดอยู่ ณ เวลานี้และที่แหล่งนี้ตลอดไปจนได้หลับไปทั้งที่ยังกอดหญิงสาวไว้ หญิงสาวยังคงร้องเพลงต่อไปจนจบเห็นชายคนที่รักหลับไปแล้วทั้งที่ยังกอดอยู่จึงหาที่นั่งให้ตัวเองและคิระนอนที่ตัก ลักซ์มองดูใบหน้าของคิระในยามหลับจนตัวเองก็เผลอหลับไปเช่นกัน
“อืม”คิระค่อยๆลืมตาของตัวเอง สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของลักซ์ที่หลับอยู่ คิระหันมองรอบๆตัวทำให้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ตักของลักซ์
“ลักซ์ ลักซ์”คิระเรียกขึ้น ลักซ์? ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองดูคิระที่มองตัวเองเช่นกัน
“ข ขอโทษค่ะ”ลักซ์รีบกล่าวออกมา คิระค่อยๆลุกมานั่งข้างๆ
“น่ารักนะ ตอนหลับ”คิระบอก เมื่อลักซ์ได้ยินก็เกิดหน้าแดงขึ้นมาพร้อมกับการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นมา
“ตอนเขินก็หน้ารัก”คิระยังกล่าวต่ออีก ค่อยนี้ลักซ์ยิ่งอายมากขึ้นจนถึงหู
“เราไปหาทุกคนกันเถอะ”คิระบอก
“คิระ”ลักซ์เรียกขึ้นมาหลังจากทีเงียบไป คิระหันกลับมาซึ่งพอดีกับที่ลักซ์ดึงตัวเองขึ้นมา ริมฝีปากของทั้ง2ประกบกัน ลักซ์นำของบางอย่างวางบนมือของคิระ เจ้าตัวรีบถอยริมฝีปากออกเพื่อที่จะมองดูสิ่งที่คนรักให้มา
“นี้มัน”คิระมองไปที่แหวนและกลับมามองลักซ์
“กลับมาหาฉันให้ได้นะค่ะ”ลักซ์บอกอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ...ทำไมกัน ทำไมเรารู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกับเขาอีกแล้วละ...ลักซ์รู้สึกถึงลางสังหรบางอย่างเกี่ยวกับศึกครั้งนี้
“อืม”คิระตอบสั้นๆ และจับมือของลักซ์เดินไปหาคนอื่นๆที่รออยู่
ในตอนนี้เหล่าทหารมากมายตั้งแถวกันแล้ว แต่ก็ยังหวาดกลัวกับสิ่งที่ต้องต่อสู่
“ทุกคนเตรียมพร้อม”คำสั่งจากนายพลกล่าวขึ้น ทหารต่างเรียกอาวุธขึ้นมาพร้อมกับมือที่สั่นอย่างไม่หยุดรวมทั้งเหล่านักเวทด้วย
“ก๊าซ”เสียงของมังกรทั้งหมดในโรงเรียนร้องขึ้นมา ทำให้เหล้าทหารและนักเวทหันหลังไปมอง
“พวกเราจะยอมแพ้ เหล้ามังกรหรือไง”คิระตะโกนถามขึ้นและเสียงของมังกรต่างเงียบ
“ดูพวกมังกรสิ พวกเขายังมีใจสู่มากกว่าพวกเราอีก แล้วทำไมเราไม่ใจสู่อย่างพวกเขาบางละ”คิระถามต่อ พวกอัสรันต่างก็ยังงงกับสิ่งที่คิระทำให้ แล้วเริ่มจะเข้าใจว่าคิระต้องการทำอะไร
“จริงด้วย แล้วทำไมพวกเราถึงไม่แสดงความกล้าออกมา”อัสรันช่วยคิระเสริม
“ใช่”อิซ๊าค ดีอัคก้าและชินต่างตอบ
“พวกเราแสดงกำลัง ความกล้าของพวกเราออกมาให้เห็นสิ”คิระบอกต่อ
“โอ้ว”คางาริ ลักซ์ มิลิอันเรีย ชิโฮะและสเตล่าตะโกนขึ้น
“ก๊าซ”มังกรร้องออกมาดังมากขึ้นกว่าเดิม
“ทำไมเสียงถึงได้เบาอย่างนี้ละ”คิระถามขึ้นมา
“โอ้ว”พวกอัสรันร้องขึ้นอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้มีทหารเล็กน้อยร้องขึ้น
“ขอเสียงดังกว่านี้หน่อย ตะโกนออกมา เพื่อวันพรุ่งนี้สิ”คิระตะโกนออกมา
“โอ้ว”ทหารทั้งหมดต่างตะโกนร้องออกมาดังไปทั่วทั้งโรงเรียน พวกแพรกทริกมองดูในสิ่งที่คิระทำออกมา...เด็กคนนี้มีความกล้ามากขนาดนี้และยังแสดงถึงความเชื่อมั่นออกมาให้เห็นอีก....
‘คอยก่อนเถอะ ครูเซ่ครั้งนี้ละทุกอย่างต้องจบแล้ว’คิระมองไปที่นอกโรงเรียน ที่ข้างนอกเหล่าสัตว์แห่งความมืดเริ่มที่จะเข้ามาใกล้แล้ว ประตูของโรงเรียนได้เปิดออกพร้อมกับเหล่าทหารและนักเวทมากมายเดินออกมาด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นและหวาดกลัวอีกครั้งแล้ว
“พวกเราเองก็กันเถอะ”Strike Freedomกล่าวกับคิระ
“ไปช่วยพวกพ้องของพวกเรา” Akatsukiกล่าวกับคิระเช่นกัน คิระพยักหน้ารับและกระโดดขึ้นไปขี่ที่หัวของStrike Freedomที่กางปีกบินออกจากโรงเรียนและตามด้วยมังกรมากมายที่บินตามไป
สนามรบ
การปะทะกันมากมายของมนุษย์กับสัตว์แห่งความมืดได้เริ่มขึ้น แต่ความแตกต่างก็ได้เกิดขึ้นเมื่ออาวุธไม่สามารถใช่กำจัดสัตว์แห่งความมืดได้เลย ส่วนด้านเวทมนก็ทำได้เพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้นไม่สามารถทำลายลงได้ ผิดกลับด้านมังกรแห่งความมืดที่ฆ่ามนุษย์เป็นว่าเล่น
“ห่า”ชินตวัดDestinyจนเกิดคลื่นอากาศทำลายสัตว์แห่งความมืดได้หลายตัว สัตว์แห่งความมืดตัวหนึ่งได้กระโจนเข้าหาชินมันที แต่มีลำแสงยิงใส่สัตว์ตัวนั้นก่อนที่จะเข้าทำร้ายชิน ชินกันมองไปที่คนที่ช่วยไว้และยิ้ม
“ขอบใจนะ”ชินบอกกับสเตล่า สเตล่าได้แต่ยิ้มรับไว้ แล้วทั้ง 2คนต่างแยกกันไปกำจัดสัตว์แห่งความมืดต่อ
“เฟ็ดชิพ”มีลี่กางกำแพงออกมาป้องกันไว้
“เอานี้ไปกินซะ”ดีอัคก้ายิงBusterในระยะเผาขน แต่ก็ไม่สามารถทำลายได้
“ชิ”ดีอัคก้าเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“ทำไงดีละเนี้ย”ดีอัคก้าถามขึ้นมา
“เรื่องนี้ฉันเอง”เสียงของคิระดังขึ้นมา ผ่ามือของคิระได้มีละอองออกมาทั่วทั้งสนามรบ จนเกิดสิ่งเหลือเชื่อขึ้นมา อาวุธและพลังเวทของทุกคนได้เพิ่มมากขึ้นมา ซึ่งครั้งนี้สามารถกำจัดสัตว์แห่งความมืดได้แล้ว
“อย่างนี้ค่อยมัน”อิซ๊าคบอกอย่างสะใจพร้อมกับตวัดDuelใส่สัตว์ประหลาด
“Fire Wall”กำแพงไฟได้ถูกสร้างขึ้นมาป้องกันอิซ๊าคไว้ทันที อิซ๊าคหันไปขอบใจลักซ์ที่ช่วย
“อัสรันต้านให้ที”ชิโฮะบอกกับอัสรัน ขณะที่ทั้ง 2คนกำลังสู่ของความมืดที่คล้ายๆคนอยู่ อัสรันพยักหน้า อัสรันฟันไปที่ช่วงล่างของความมืด ชิโฮะไม่รอช้าฟันผ่าครึ่ง
“พลังแห่งการเผาไหม้แห่งไฟเลย จงเผาไหม้ศัตรูของข้านะที่นี้”คางาริร่ายเวทออกมาและตวัดมือ เกิดไฟพุ่งออกมามือทำลายความืด
“เจ๋งนี้”ชิโฮะบอกกับคางาริที่เล่นจัดการศัตรูหลายสิบตัวในการโจมตีครั้งเดียว และแตกไปจัดการต่อ
“Strikeของคิระนี้”อัสรันบอกเมื่อคางาริเรียกดาบออกมา
“หมอนั้นบอกว่าให้ใช้ร่วมกับStrike Rougeจะทำให้มีพลังมากกว่า”คางาริบอก อัสรันพยักหน้ารับรู้
ที่ท้องฟ้า
“หึ”รอยยิ้มปรากฏออกมาจากเจ้าแห่งความมืดที่มองดูการต่อสู่อย่างสนุกสนาน
“ยิ้มอะไรของแก”เสียงของคิระถามขึ้น พร้อมกับร่างของคิระปรากฏมาพร้อมStrike Freedom
“มองดูการดิ้นรนของมนุษย์อันโสโครก”ครูเซ่ตอบให้ฟัง
“อย่างแกจะไปเข้าใจอะไร”คิระบอกอย่างโกรธแค้น พร้อมกับภาพอดีตที่แม่นอนตายไปโดยที่ตัวเองไม่สามารถช่วยได้ทัน
“เจเนซิสทำลายพวกมันให้หมดซะ”ครูเซ่สั่งมังกรแห่งความมืด มังกรแห่งความมืดอ้าปากยิงลำแสงใส่ด้านล่าง
“พลังอันก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง จงกลายเป็นพลังคุ้มครอง”คิระร่ายเวทป้องกันอย่างเร็ว กำแพงใสได้ถูกสร้างขึ้นมาต้านลำแสงที่ยิงออกมาอย่างสุดกำลังแต่ก็ได้เริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมา ก่อนที่กำแพงแสงจะถูกทำลายได้มีลำแสงอีกลำแสงปะทะกับลำแสงของมังกรแห่งความมืด ทำให้ลำแสงของมังกรแห่งความมืดถูกทำลายแทน พร้อมกับการปรากฏตัวของมังกรสีทองAkatsuki ตอนนี้ทั้งStrikeFreedomและAkatsukiได้ล้อมมังกรแห่งความมืดไว้ทั้งหน้าและหลัง ส่วนมังกรตัวอื่นๆได้กินสัตว์แห่งความมืด และร่วมกับมนุษย์ต่อสู่
“เก่งขึ้นอีกแล้ว”ครูเซ่ชมออกมาเมื่อคิระที่พัฒนาการทุกครั้งที่ได้สู่
“พอมองอย่างนี้แล้ว นึกถึงเมื่อ 1,000ปีก่อนจริงๆ ที่มนุษย์และมังกรดิ้นรนเอาชีวิตรอด”
“วันนี้จะเป็นวันที่แกจะหายไป เมื่อกับในตอนนั้น”คิระบอก StrikeFreedomและAkatsukiยิงลำแสงจากปากไปยังมังกรแห่งความมืด มังกรแห่งความมืดได้บินขึ้นไปข้างบนที่ไม่มีอะไรมาขว้าง
“ไม่ให้หนีได้หรอก”คิระบอก พร้อมกับวงแหวนเวทได้ปรากฏออกมาคั้นกลางระหว่างลำแสงทั้ง 2ที่กำลังจะปะทะกัน ลำแสงทั้ง 2ได้หักเลี้ยวขึ้นไปด้านบนตามมังกรแห่งความมืดขึ้นไป
ตูม เสียงการระเบิดดังขึ้นมาได้เรียกความสนใจของสิ่งที่อยู่บนพื้นดินให้เงยหน้าขึ้นมามองดู เมื่อกลุ่มควันได้จางจางหายไปก็ได้ปรากฏร่างของมังกรสีดำที่มีเพียงรอยทลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘..เ..’เสียงเรียกบางอย่างดังก้องขึ้นมาในหัวของมังกรแห่งความมืด StrikeFreedomและAkatsukiไม่รอช้าที่จะให้มังกรแห่งความมืดได้โจมตี StrikeFreedomฟาดหางไปยังมังกรแห่งความมืด
‘..ร...’เสียงเรียกดังขึ้นมาอีกครั้ง มังกรแห่งความมืดยิงลำแสงออกจากปากโดยที่ไม่สนใจอะไรแล้ว มังกรทั้งหลายได้ใช้ร่างกายของตัวเองป้องกันมนุษย์
‘..ย์...’ ...ใคร... เสียงถามเบาบางเสียงหนึ่งเอ่ยรับเสียงเรียก
“จงตื่นได้แล้วพี่น้องของเรา”เสียงของStrikeFreedomดังก้องไปทั่วสนามรบ
“ตื่นขึ้นมาจากความมืดที่ได้ดูดกลืนตัวตนที่แท้จริงของเจ้า นามที่แท้จริงของเจ้า”เสียงของAkatsukiก็ได้ก้องไปทั่วทั้งสนามรบเช่นกัน พร้อมกับเสียงร้องของมังกรมากมายที่ร้องและมองไปที่มังกรแห่งความมืด
“ถึงเวลาที่ต้องหลุดจากความมืดได้แล้ว”คิระตะโกนบอกขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนไปเป็นดั่งคนตาย
“กลับมาเป็นมังกรที่พวกเรารู้จักเถอะ”คางาริตะโกนจากบนพื้นดิน
“กลับมาเป็นมังกรที่ใจดีและเป็นเพื่อนของพวกเราทั้ง 2คนเหมือนเมื่อ 1,000ปีก่อนซิ เรย์”พี่น้องฝาแฝดตะโกนออกมาพร้อมเพรียงกัน และจิตเมื่อ 1,000ปีก่อนก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากพี่น้องฝาแฝดพร้อมกับได้เปลี่ยนเป็นแสงสีขาว 2สายพุ่งไปยังมังกรแห่งความมืดแล้วก็ไม่มีการระเบิดขึ้น
‘พวกเรามารับนายแล้ว เรย์’เสียงของเด็กอายุประมาณ 10ขวบดังขึ้นภายในหัวมังกรแห่งความมืด ...อืม...เสียงที่เบาบางตอบรับเด็กน้อยทั้ง 2คน
“ก๊าซ”มังกรแห่งความมืดร้องออกมา สีร่างกายของมังกรปรากฏสีเหลืองอ่อนสลับกับสีดำ ทั้ง 2สีต่อสู่กัน พร้อมกับไอสีดำได้ระเหยออกมาเป็นลูกบอกสีดำพุ่งกลับไปที่ครูเซ่ มังกรแห่งความมืดได้เปลี่ยนเป็นมังกรที่มีสีเหลืองอ่อนและจากมังกรสีเหลืองอ่อนและเปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์คนหนึ่งทีมีผมสีเหลืองอ่อนยาวระดับไหล่ ลอยอยู่เหนือพื้นพื้นดินเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น
“เรย์”คางาริรีบวิ่งเข้าไปกอดร่างที่ลอยอยู่บนพื้นดินเล็กน้อย ก่อนที่ร่างนั้นจะหล่นลงมา สร้างความไม่พอใจให้อัสรันอย่างมากที่คางาริกอดผู้ชาย
“กลับมาแล้วล่ะ คางาริ”ชายหนุ่มคนเหลืองอ่อนลืมตาขึ้นมาบอกกับคางาริอย่างอ่อนโยน คางาริได้เพียงพยักหน้าอย่างดีใจเท่านั้น
“คางาริ”อัสรันเรียกคางาริพร้อมกับสายตาหึงหวงดูแฟนสาวตัวเอง(โทษทีนะ คางาริบอกตอนไหนฟ่ะ)กอดชายอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
“อะไร”คางาริหันไปถามอัสรันและดูเมื่อว่าจะไม่เข้าใจสายตาที่อัสรันมองอยู่
“หมอนี้มันเป็นใคร”อัสรันถามขึ้นมา ขณะที่การต่อสู่กับวัตว์แห่งความมืดเริ่มอีกครั้ง
“เพื่อนเมื่อก่อนนี้”คางาริบอกสั้นๆ
“อัสรันอย่าพึ่งมาหึงกันตอนนี้จะได้ไหม”อิซ๊าคบอกเพื่อนที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจแล้วว่า ต้องทำอะไร
อัสรันจึงยอมเลิกก็ได้
“หึ หึ หึ”เสียงหัวเราะได้ออกมาจากเจ้าแห่งความมืด
“น่าเสียดายจริงๆที่เรย์หลุดออกมาได้ แต่ก็ได้พลังมากขึ้นกว่าเก่า”ครูเซ่บอกกับคิระ พร้อมกับปล่อยพลังแห่งความมืดออกมาอย่างมหาศาลมากกว่าครั้งตอนที่อยู่โรงเรียน และได้มีปีกสีดำงอกจากหลังถึง 4ปีก สร้างความตกตะลึงให้แก่คิระ StrikeFreedomและAkatsuki
“แกมีปีกไงกัน”คิระถามขึ้นมา ครูเซ่ยิ้มออกมาอย่างสนุก
“มาจากเพื่อนของเธอทั้ง 2ตัวไงละคิระคุง”ครูเซ่ตอบและยังแฝงคำถามที่คิระยังไม่เข้าใจอีก
“เพื่อนทั้ง 2ตัว”คิระเอ่ยขึ้นมาและดวงตาก็ไม่เปิดกว้างขึ้นมา
“ละ ลี เจนด์”คิระเอ่ยชื่อของมังกรอีกตัว จู่ๆมังกรทั้งหมดก็ได้หายไปรวมทั้งStrikeFreedomและAkatsuki
“ใช่ลีเจนด์ แต่ก็กว่าจะได้ปีกของเพื่อนเธอคนนี้มาได้ต้องเสียเวลาต่อหลายปี”ครูเซ่บอกอย่างสนุก ดาบสีขาวได้ฟันลงไปยังหน้าของครูเซ่อย่างรวดเร็วแต่ครุเซ่ก็สามารถหลบได้
“แก”คิระตะโกนออกมาด้วยความโกรธและฟันดาบไปที่ครูเซ่ไม่หยุด
“อะไรกัน เพียงแค่นี้ก็โกรธแล้ว”ครูเซ่ยุมากขึ้น ความเร็วของดาบยิ่งเร็วขึ้นอีกแต่ครูเซ่ก็ยังหลบได้พร้อมกับสวนกลับไปที่ท้องของคิระ
“อ๊ากกกกก”ร่างของคิระร่วงลงไปยังพื้นแต่ปีกสีขาวคู่หนึ่งงอกออกมาจากหลังของคิระ ทำให้คิระยังสามารถลอยอยู่บนอากาศได้
“แกกกกกก”คิระพุ่งเข้าไปหาครูเซ่อย่างรวดเร็ว
“ตกใจมากขนาดที่ไม่สามารถให้มังกรออกมาได้อีกแล้วหรือไง คิระคุง”ครูเซ่บอกกับคิระที่พุ่งมา
“อย่างนั้น ก็ตายไปซะ”ครูเซ่เอ่ยออกมาพลังแห่งความมืดพุ่งเข้าปะทะกับคิระตรงๆ จนเกิดการระเบิดและร่างของคิระพุ่งลงพื้นอย่างจังๆ
“เธอคงไม่ตายง่ายๆจริงไหม”ครูเซ่บอกพร้อมกับลอยลงมาที่พื้น ปีกสีขาวได้ป้องกับร่างของคิระเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างจะชนกับพื้น ร่างของคิระผิงกับหินก้อนใหญ่ ครูเซ่รีบดาบสีดำออกมาจ่อที่กลางอกของคิระ
“ความรู้สึกตอนที่กำลังจะตายเป็นอย่างไรบ้างละ”ครูเซ่บอกกับคิระ และสังเกตดวงตาของคิระที่ยังคงมุ่งมั่นอยู่
“ลาก่อน”ดาบสีดำได้ฝังลงไปในร่างที่มีชีวิตอยู่แต่ตอนี้ไม่มีชีวิตอีกแล้วและหายไป
ตึก
...ทำไมรู้สึกไม่ดีเลย...พวกคางาริต่างใจคอไม่ดีขึ้นมาเหมือนกับว่าเพื่อนคนใดคนหนึ่งได้รับอันตราย
‘คิระตอบฉันที คิระ’คางาริพยายามเรียกแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
‘ทุกคนได้ยินฉันไหม’คางาริรีบเรียกคนอื่นแทน ซึ่งพวกอัสรันต่างก็ได้ยินเสียงที่คางาริเรียก
‘ทุกคนช่วยตามหาคิระที ฉันเรียกหมอนั้นไม่ได้’คางาริรีบบอก ทุกคนวิ่งตามหาแต่ก็ไม่เจอจนชินเจอคิระนั่งผิงหินอยู่จึงรีบใช้พลังเรียกทุกคนให้มา พอทุกคนมาถึง
“คิระ”คางาริและลักซ์รีบวิ่งเข้าไปหาคิระทันนที
“!!”ทั้งคางาริและลักซืตกตะลึงกับภาพที่เห็น พวกอัสรันรีบวิ่งมาดูก็ได้ตกตะลึงกับภาพที่เห็นเช่นกัน
“ม ไม่จริง”คางาริทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที
“ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง”คางาริกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา มือของลักซ์ค่อยๆขยับไปหาร่างของคิระเพื่อที่จะได้กอดร่างที่ไร้วิญญาณเป็นสิ่งที่ทำใจไม่ได้
“ไหนคุณสัญญาว่าจะกลับมาหาฉันให้ได้ไง คุณสัญญาไว้แล้วนี้คนผิดสัญญา”ลักซ์บอกสัญญาที่ให้ไว้กับร่างที่ไร้วิญญาณด้วยน้ำตาที่ไม่อาจห้ามไว้ได้
“ช่างเป็นความรักที่น่าเสียใจจริงๆนะ”เสียงของครูเซ่บอกกับพวกอัสรันพร้อมกับการปรากฏร่าง อิซ๊าคและชินไม่รออะไรแล้วและวิ่งเข้าไปโจมตีครูเซ่เพื่อที่จะแก้แค้นให้คิระ
“ใจร้อนเกินไป”ครูเซ่บอกพร้อมกับก้อนน้ำแข็งมากมายในอากาศพุ่งเข้าหาอิซ๊าคและชิน
เปรี๊ยะ ร่างของอิซ๊าคและชินกระเด็นออกไป ดีอัคก้าและสเตล่ารีบเข้าโจมตีด้วย BusterและDestoryทันทีแต่กลับถูกสะท้อนกลับมา มีลี่รีบกางบาเรียขึ้นมาป้องกันแต่ด้วยพลังทำลายของDestoryทำให้บาเรียไม่สามารถทนได้ ร่างของทั้ง3คนกระเด็นไปเช่นกัน
“ชิโฮะ ด้านหลัง”อัสรันเตือนขึ้น เมื่อครูเซ่ไปปรากฏตัวด้านหลังของชิโฮะ ชิโฮะรีบหันกลับทั้งที่แต่ด้วยความเร็วที่ครูเซ่มีมากกว่าจึงฟันดาบลงที่หลังชิโฮะ
“เอาละ ตอนนี้เหลือพวกเธอ 3คนแล้ว”ครูเซ่บอกและหันไปมองอัสรัน คางาริและลักซ์ เรย์ได้กอดครูเซ่ไว้พร้อมกับร่างกายที่เปล่งแสงสีขาวออกมา
“แกอย่าทำบ้าๆนะ”ครูเซ่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับยกดาบฟันลงไปที่เรย์ ก่อนที่ดาบจะฟันลงไปเรย์ได้ยิ้มออกมา
ตูม เรย์ยอมสละตัวเองเพื่อที่จะกำจัดครูเซ่ แล้วครูเซ่กลับเดินออกมาจากกลุ่มควัน
“ไอ้บัดซบ”(ต้องขออภัยด้วยที่ใช้คำแบบนี้)ครูเซ่ด่าออกมาพร้อมกับการบาดเจ็บที่ซีกซ้ายเกือบทั้งหมด
“ทั้ง 2คนตั้งสติไว้สิ ตอนนี้ไม่ใช้เวลาจะเสียใจนะ”อัสรันรีบเตือนสติของคางาริและลักซ์
ฉึก
“อ๊าก”อัสรันร้องออกมาเมื่อดาบสีดำของครูเซ่แทงลงที่ท้องของตัวเอง พร้อมกับร่างกายที่ลงไปนอนกับพื้นดิน ครูเซ่ปล่อยลูกไฟใส่คางาริแต่กลับสลายไป ในมือคางาริทั้ง 2ข้างถือ StrikeและStrikeRougeไว้
“แกตาย”คางาริบอกด้วยเสียงที่เบาแต่ครูเซ่เหมือนจะได้ยิน
“ฉันขอดูฝีมือเธอหน่อยละกัน”ครูเซ่บอกขึ้น ร่างของคางาริและครูเซ่หายไปพร้อมกันการต่อสู่ด้วยความเร็วเริ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเลือดที่กระเด็นไปแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าของใคร ร่างของคนบางคนกระเด็นไปชนกับต้นไม้ที่หักลงไปหลายต้นตามแรงของร่างที่กระเด็นอย่างแรง จนหยุดลงได้แล้วร่างที่กระเด็นมีบาดแผลมากมายไปทั่วร่าง
“ฉันขอชมจริงๆว่าเธอเก่งมาก แต่ก็ยังไม่เท่าพี่ชายของเธอได้อยู่ดี”ครูเซ่บอกกับคางาริที่มีบาดแผลทั่วร่าง และหันไปยังลักซ์ที่กอดร่างของคิระอยู่
“ฉันเองก็ชอบเพลงของเธออยู่นะ แต่ในสงครามเพลง มันไม่สามารถช่วยให้รอดจากความตายไปได้”ครูเซ่บอก มังกรไฟสีดำพุ่งเข้าโจมตีลักซ์
“มังกรวารี”ลักซ์ร่ายเวทสู้ด้วยเวทที่ได้เปรียบเรื่องธาตุ แต่ก็ไม่สามารถสู่มังกรไฟสีดำได้
“มังกรน้ำแข็ง”ลักซ์ร่ายเวทอีกเวท ช่วยมังกรน้ำก่อนที่จะหายไปเมื่อมังกรทั้ง 2เวทร่วมกันทำลายมังกรไฟสีดำลงได้ ก็พุ่งเข้าโจมตีครูเซ่ทันที
“หึ”ครูเซ่รับมังกรทั้ง 2เวทด้วยมือข้างเดียวจน มังกรเวททั้ง 2สลายไป มือข้างที่ครูเซ่รับไว้นั้นได้มีเลือดไหลออกมาสร้างของแปลกใจให้
“ขอชมเลยนะที่เธอสามารถสร้างบาดแผลให้กับฉันได้”ครูเซ่ชมออกมาพร้อมกับซัดพลังใส่ลักซ์อย่างรวดเร็วจนลักซ์ไม่สามารถที่จะร่ายเวทขึ้นมาป้องกันได้ ลักซ์พยายามที่จะลุกแต่ก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้
“ลาก่อนตลอดการ”ครูเซ่กล่าวคำอำลา ลูกไฟสีดำขนาดใหญ่พุ่งไปที่ลักซ์ ครูเซ่มองดูร่างของลักซ์ที่กำลังลุกไหม้อย่างสนุกสนาม แต่กลับแปลกที่ยังไม่เห็นร่างของลักซ์ลุกไหม้ เมื่อลุกไฟได้มอดลงสิ่งที่ครูเซ่เห็นคือ ปีกสีขาวที่ปกป้องลักซ์จากลูกไฟ
“นี้ขนาดทั้งร่างและเจ้านายได้ตายแล้ว ยังจะขยับได้อีกนะ”ครูเซ่เริ่มโจมตีลงไปยังปีกสีขาว
ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีเพียงทะเลและหาดทรายสีขาว มีคนๆหนึ่งนั่งมองดูทะเลที่สงบแห่งนี้
“เรามาที่นี้ได้ไงกัน”ชายหนุ่มถามตัวเองเมื่อจำไม่ได้เลยว่าตัวเองมาที่นี้ได้อย่างไร ภาพของหญิงสาวปรากฏขึ้นที่หัว หญิงสาวผมสีเหลืองที่พูดจาสุภาพ
“ใครกันนะเด็กคนนี้”ชายหนุ่มพยายามนึกถึงชื่อของเด็กน้อยซึ่งชายหนุ่ม รู้ว่ามันติดอยู่ที่ปากของตัวเองแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยขึ้นมาได้ ภาพของชายคนขาวที่ชอบหงุดหงิดง่ายปรากฏขึ้นมาอีกคน
“สวัสดีจ้ะ”หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวไปจนถึงกลางหลังพร้อมกับผิวสีเนื้อทักทายชายหนุ่มด้วยท่าที่เป็นมิตร
“ไง พ่อหนุ่ม”ชายหนุ่มผมสีเหลืองทักทายเป็นกันเอง
“สวัสดีครับ”ชายหนุ่มที่นั่งมานานทักทายทั้ง 2คนอย่างสุภาพ หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มปรากฏขึ้นมา
“มาทำอะไรที่นี้กันจ้ะ”หญิงสาวถามชายหนุ่มและยังลูบหัวชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ผมจำไม่ได้”ชายหนุ่มได้เพียงตอบอย่างสั้นๆ หญิงสาวที่สดใสตลอดเวลาและมักมีกล้องติดตัวไปไหนมาไหนเสมอปรากฏตัวขึ้นเหมือน คนก่อนหน้านี้ทุกคน
“แล้วเธอรู้ไหมว่าที่นี้ที่ไหน”ชายหนุ่มผมสีเหลืองถาม
“ผมไม่รู้”ชายหนุ่มยังคงตอบคำถามไม่ได้ ชายผิวเข้มท่าทางขี้หลีปรากฏขึ้นมาอีกคน
“แล้วในเมื่อเธอยังไม่รู้ว่าที่นี้ที่ไหน แล้วเธอกำลังรอใครอยู่ละจ้ะ”หญิงสาวถามต่อ ชายหนุ่มงงมากว่าทำไมทั้ง2คนถึงตั้งคำถามกับตนเอง ภาพของชายผมดำที่ตัดกับดวงตาสีทับทิมแดงที่ร้อนแรงอยู่ภายในปรากฏขึ้น
“มีใครที่รอให้เธอกลับไปบางหรือเปล่าละ”ชายหนุ่มผมสีเหลืองถาม
“ผมไม่แน่ใจ”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่แน่ใจแต่รู้สึกว่าเคยสัญญากับใครซักคน ชายผมน้ำเงินเหมือนน้ำทะเลปรากฏขึ้นมา ภาพของคนที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้เริ่มประติดประต่อกันเหมือนรูปถ่ายรูปหนึ่งแต่ตรงกลางของรูปถ่ายกลับไม่มีคนอยู่ตรงนั้น
“ผมเคยสัญญากับใครคนหนึ่งไว้”ชายหนุ่มตอบต่อเหมือนว่ากำลังจะนึกออกมาเป็นใคร ...พี่ค่ะ...ภาพของเด็กน้อยผมสีเหลืองที่เรียกตัวเองว่าพี่ปรากฏขึ้นมาที่หัว แล้วเด็กน้อยก็โตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่สวยแต่ยังคงมีบางสิ่งที่ดูเป็นผู้ใหญ่และเด็กในเวลาเดียวกัน ภาพนั้นได้ถูกต้องเติมเข้าไปยังรูปถ่าย แต่ก็ยังคงขาดภาพใครบางคนไป
“คนที่สำคัญมากกับผม”ชายหนุ่มเริ่มที่จะนึกออก ภาพครั้งนี้ที่ปรากฏขึ้นมาเลือนรางมากจนไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง
“คนที่ผมไม่อยากที่จะผิดสัญญามากที่สุด”ชายหนุ่มตอบตามความรู้สึกของตัวเอง แต่ภาพที่ปรากฏยังคงเลือนราง
“แต่ผมนึกไม่ออกมาเป็นใคร”ชายหนุ่มตอบอย่างสิ้นหวังเมื่อยังนึกถึงคนที่สัญญาไม่ได้ หญิงสาวกุมมือทั้ง 2ข้างไว้
“หลับตาดูแล้วมองเข้าไปที่แหวน ที่มาพร้อมกับเธอสิ”หญิงสาวบอกอย่างอ่อนโยนและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มมองดูที่แหวนที่คล้องคอของตัวเอง ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมามองดูแหวนมองเข้าไปในแหวน ภาพต่างๆที่ชายหนุ่มได้ลืมไปได้กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มนึกถึงคนที่ให้แหวนวงนี้กับตัวเองได้ หญิงสาวผมสีชมพูดั่งดอกซากุระ หญิงสาวที่ร้องไห้ให้กับตัวเองและยังร้องไห้พร้อมกับตัวเอง ...กลับมาหาฉันให้ได้นะค่ะ...คำพูดที่เขาสัญญาไว้แล้วแต่เขากลับทำตามที่สัญญาไว้ไม่ได้
“ตอนนี้ยังกลับไปช่วยทันจ้ะ ลูกรักของแม่”หญิงสาวบอก ดาบสีขาวเปล่งกระกายขึ้นมาที่มือของชายหนุ่ม
“แกยังคงอยู่ข้างๆฉันมาตลอดเลยนะ Freedom”ชายหนุ่มบอกกับดาบของตัวเอง ดาบได้เปลี่ยนเป็นไอเวทสีขาวก่อตัวเป็นมังกรที่มีสายตาที่อ่อนโยนถึงแม้ว่าจะไม่มีร่างกายแล้ว
“กลับไปช่วยน้องสาวของลูกและเพื่อนๆซะ”ชายหนุ่มผมเหลืองบอกในสิ่งที่ชายหนุ่มที่กลับไปต้องทำ
“ขอบคุณมากครับ พ่อ แม่”คิระบอกทั้ง 2คนและยิ้มให้เป็นการสัญญา มังกรได้คลุมร่างของคิระไว้พร้อมกับทะยานหายได้ เหลือเพียงสามีภรรยาฮิบิกิเท่านั้น
“อยู่ต่อไปให้ได้นะ”สามีภรรยาฮิบิกิส่งกำลังใจให้กับลูกชายที่ออกไปสู่อีกครั้ง เพื่อปกป้องสิ่งสำหรับที่สุดของตัวเอง แล้วร่างจิตของทั้ง 2คนได้แตกสลายไปเป็นผีเสื้อมากมายบินไปยังท้องฟ้าที่สวยงาม
ที่สนามรบการต่อสู่เริ่มที่จะรู้ผลแล้ว ทางด้านครูเซ่ที่ยังคงโจมตีปีกสีขาวที่ปกป้องลักซ์อย่างสนุกสนามดูว่าปีกสีขาวจะทนไปได้สักเท่าไร ปีกสีขาวได้หายไปพร้อมกับหมัดของคนๆหนึ่งชกใบหน้าครูเซ่ ถอยหลังออกมา
“อั่ก”ครูเซ่สำลักเลือดสีแดงออกมา ครูเซ่เงยหน้ามองดูคนที่เข้ามาโจมตี
“บ้าน่าแก”ครูเซ่ตกตะลึงคนที่ปรากฏตัวออกมาช่วยลักซ์ไว้ สายลมได้พัดล้อมคนที่ช่วยลักซ์ไว้
“ฉันกลับมาตามสัญญาแล้วนะลักซ์”ชายคนหนุ่มบอกและยิ้มให้กับคนรัก
“ค่ะ”ลักซ์ดีใจมากที่คิระกลับมาจากความตาย กลับมาหาเธออีกครั้ง น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาแทนน้ำตาแห่งความเสียใจ
“ตายไปซะให้หมดเถอะพวกแก”ครูเซ่ระเบิดหลังแห่งความมืดออกมาเป็นรัศมีกว่า 1กิโลเมตร ทุกสิ่งสลายเป็นพื้นดินที่ปราศจากต้นหญ้าสักต้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ......”ครูเซ่หัวเราะให้กับผมงานที่ตัวเองทำ
“หัวเราะอะไรครูเซ่”เสียงถามของคิระถามขึ้นมา ดาบสีขาวฟันหาหน้าของครูเซ่อย่างรวดเร็วจน ครูเซ่ต้องใช้ดาบสีดำของตัวเองมาตั้งป้องกันไว้
“อะไรกันคิระคุง เธอรอดมาได้คนเดียวอย่างนั้นหรือ สุดท้ายเธอก็ยังไม่สามารถปกป้องคนที่เธอรัก คนที่รักเธอได้เหมือนเมื่อก่อนนะ”ครูเซ่เยอะเย้ย
“ไม่ใช้แล้วครูเซ่ ฉันปกป้องคนที่ฉันรักได้ทุกคนต่างหาก”คิระบอกกับครูเซ่ พร้อมกับคนอื่นๆที่ได้ถูกปกป้องด้วยลูกแก้วสีขาวใสที่สามารถเห็นคนอยู่ข้างในได้
“อูย”ทุกคนค่อยๆฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บจากการต่อสู่ ซึ่งลูกแก้วสีขาวใสที่ปกป้องทำหน้าที่รักษาให้
“เก่งขึ้นมาอีกแล้ว”ครูเซ่บอก เมื่อความสามารถคิระสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
“คิระ คิระ”คางาริทุบลูกแก้วที่ตัวเองอยู่ข้างในเพื่อเรียกและเรียกชื่อด้วย แต่ดูเหมือนว่าลูกแก้วอันนี้สามารถปิดเสียงจากข้างใน ...นายจะทำอะไรนะ...คางาริจึงลองใช้กระแสจิตเพื่อที่จะดูว่าคิระจะทำอะไร แต่กระแสก็ยังไม่สามารถส่งไปได้
“..........”คิระบอกบางอย่างกับทุกคนแต่เสียงไม่สามารถที่จะได้ยิน ทุกคนที่กลับมาที่โรงเรียนSeed
“คิระ”ทุกคนคิดว่าต้องกลับไปช่วยคิระแต่ไม่สามารถออกไปจากโรงเรียนเหมือนว่ามีบาเรียที่แข็งแรงมากมาป้องกันโรงเรียนทั้งโรงเรียนไว้ รวมถึงผู้คนที่อยู่ในสนามรบก็ได้กลับมาที่โรงเรียนเช่นกัน สิ่งที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้จากบนท้องฟ้าคือ แสงสีขาวและแสงสีดำที่ปะทะกัน
“นี้คิระคุง เธอไม่สนใจที่จะมาอยู่กับฉันหรือไง”ครูเซ่ถามขึ้นมา คิระเงียบไม่พูดอะไร
“เธอก็มีมันใช่ไหมละ ความมืดในจิตใจของเธอนะ”ครูเซ่บอกต่ออีก
“ต้องการที่จะบอกอะไร”คิระถาม ครูเซ่ยิ้มออกมา
“ความปรารถนาที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ ความต้องการที่ไม่อาจยับยั้งได้ ความต้องการที่จะต้องเก่งกว่าเหนือกว่าคนอื่น ความอิจฉา ความริษยาและอีกมากมายในตัวมนุษย์ เธอเคยคิดบางไหมว่าฉันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร”
“จะบอกว่า ตัวของแกเกิดขึ้นมาจากสิ่งพวกนี้ใช่ไหม”คิระถามคำตอบของตัวเอง ครูเซ่พยักหน้า
“ใช่แล้วคิระคุง มันก็เหมือนกับด้านแสงสว่างที่ต้องมีด้านความมืด เธอเกิดจากแสงสว่างส่วนฉันเกิดจากความมืด เปรียบเหมือนด้านตรงข้ามกันของกันและกัน แต่สุดท้ายไม่ว่าที่ไหนจะมีแสงสว่างย่อมมีความมืดอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่มีอะไรที่สามารถแยก2สิ่งนี้ ทำไมเรา 2คนไม่มาร่วมมือกันละ เมื่อเราร่วมมือกันโลกนี้จะมาอยู่ในกำมือของพวกเรา”ครูเซ่ชักชวนคิระ
“ครูเซ่แกนะโดดเดี่ยว”คระบอก ปีก8ปีกปรากฏออกมาจากหลัง
“โกหก”ครูเซ่ปฏิเสธและยิงพลังเวทใส่ คิระใช้มือรับไว้
“มันเป็นความจริง ฉันยอมรับสิ่งที่แกบอกว่ามนุษย์มีแต่จิตใจที่ต้องการไม่สิ้นสุด แต่ก็ยังมีมนุษย์อีกมากมายที่มีจิตใจดีงาม ฉันในอดีตและเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในยุคนี้ก็ผ่านผู้คนมามากมายหลากหลาย ทำให้ได้เรียนรู้จากพวกเขาเหล่านั้นที่มีทั้งผ่านความขมขื่น ความยินดี มันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้ไม่ดีเสมอไป มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเลือกเองว่าจะทำอย่างในชีวิตของตัวเอง”คิระพูดถึงสิ่งที่ตัวเองผ่านมาและเห็นมากับตาและมือของตัวเอง
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ มือข้างซ้ายได้เกิดรอยเร้าขึ้นมา
“คิระคุง ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีขีดกำจัดด้วย ขีดกำจัดของชีวิตของพวกมังกรที่เรียกว่า อายุขัย เธอมีมันจนได้นะ”ครูเซ่บอกถึงอาการของคิระ
“ใช่ อายุขัยของฉันกำลังจะหมด และมันจะหมดไปก็ต่อเมื่อกำจัดแกได้”คิระบอกพลังทั้งหมดได้ไปรวมกับที่ดาบสีขาว
“การโจมตีครั้งสุดท้าย”ครูเซ่เองก็รวกพลังเวททั้งหมดไปยังดาบของตัวเอง
“สู่วันพรุ่งนี้”คิระบอก ทั้ง 2คนพุ่งเข้าหากัน
ฉึก
“มันจบแล้วครูเซ่”คิระบอกกับครูเซ่พร้อมกับปล่อยมือออกจากดาบของตังเองที่แทงทะลุกลางอกของครูเซ่
“ถึงแม้จะตายไป แต่ความมืดก็ไม่มีวันหายไปได้”ครูเซ่บอกเป็นประโยคสุดท้าย แล้วร่ายการได้กลายเป็นฝุ่นควัน
“จบแล้ว”คิระบอกกับตัวเอง การต่อสู่จบแล้วไม่ต้องมาต่อสู่อีกแล้ว สัตว์แห่งความมืดค่อยๆสลายไปรวมถึงตัวของเขาเองด้วย รอยเร้าได้ลามไปยังหน้าซีกซ้ายแล้ว
“คิระ”เสียงเรียกที่แสนจะรู้จักเรียกให้คิระต้องหันกลับไปมองยังที่มีของเสียงเรียก หญิงสาวผู้มีปีกสีชมพูบินมาที่เขา
“เธอมาที่นี้ได้ไง”คิระถาม ในเมื่อบาเรียของตัวเองกางไว้ป้องกันโรงเรียนไม่น่าที่จะมีใครสามารถออกมาได้
”ช่างมันเถอะค่ะ ทำไมกันละค่ะ ทำไมไม่บอกฉันเลยว่าคุณ
“มันไม่บอกจะดีกว่า”คิระบอก เพราะตัวเขาเองก็รู้ดีว่าถ้าบอกไป ลักซ์ก็ไม่สามารถทำใจได้กับการที่เขาต้องจากไป ดังนั้นเขาไม่ควรที่จะบอก
“เป็นไปไม่ได้”คิระยังคงรู้สึกถึงพลังแห่งความมืดตรงที่ครูเซ่สลายไป จึงหันไปมองดูอากาศได้เริ่มที่จะบิดเบี้ยว มือบางของลักซ์กุมมือของคิระไว้พร้อมกับบอกคิระ
“พวกเรามาหยุดมันด้วยกันเถอะค่ะ”คำบอกที่คิระไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เมื่อลักซ์เป็นคนบอกเอง
คิระและลักซ์ได้เร่งพลังเวททั้งหมดที่ตัวเองมีกลายเป็นแสงสว่าง 2ดวง พุ่งเข้าไปในอากาศที่บิดเบี้ยว ได้เกิดการระเบิดขึ้น สิ่งที่ตกลงมายังพื้นดินคือ ขนนกสีขาวและมีลมพัดขนนกที่ยังที่อื่นๆ เมื่อขนนกตกลงมายังพื้นดิน พืชต่างๆได้งอกออกมาจากพื้นดินและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงพืชเท่านั้น เมื่อขนนกได้สัมผัสกับผู้คนที่บาดเจ็บและเป็นตาย คนเหล่านั้นก็กลับมาเป็นปกติ
“มีคนเคยพูดว่า ยามใดที่ขนนกสีขาวพัดผ่านจะได้ยินเสียงเพลงร้องขับขาน”หญิงสาวเล่าให้เด็กน้อยทั้ง 3คนที่ฟังอย่างตั้งใจ
“แต่เป็นไงต่อค่ะ”เด็กสาวที่มีผมแดงเพลิงถามอย่างตื่นเต้น เช่นเดียวกับเพื่อนอีก 2คน
“หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติที่มันควรจะเป็น ขนนกที่ตกลงมามากมายนั้นก็ได้หายไป”หญิงสาวบอก
“แล้ว แล้ว คนทั้ง 2คนเป็นไงบ้างละค่ะ”เด็กหญิงผมสีเหลืองอ่อนจนออกขาวถามทันที หญิงสาวหลับตาลงสักพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา
“ไม่มีใครได้พบ ทั้ง 2คนอีกเลย”คำตอบที่ทำให้เด็กทั้ง 3คนอยากจะร้องไห้ออกมา
“แต่พวกเขายังเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2คนต้องมีชีวิตอยู่และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่ใดสักแห่งหนึ่ง”คำตอบอีกคำตอบ ทำให้เด็กทั้ง 3คนกลับมายิ้ม หญิงสาวที่เล่าเองก็ยิ้มให้กับรอยยิ้มของพวกเด็กๆ
“ยอดไปเลยครับ ความรักที่ไม่มีอะไรมาพัดพราก”เด็กชายผมสีน้ำผึ่งคนเดียวในเด็กทั้ง 3คนบอก
“เอาละทุกอย่างก็หมดแล้ว ไปเล่นกันเถอะจ้ะ”หญิงสาวบอก เด็กทั้ง 3คนรีบไปเล่นกัน หญิงสาวมองเด็กทั้ง 3คนก่อนที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่สดใสและยิ้มให้กับมัน
+++++++++++++++++++++++++The End++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น