คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : การกลับมาของหัวใจ (ต่อ)
*****แล้วก็ถึงวันที่จิ่งหยูวต้องเดินทางมาเมืองไทย
ฉันเตรียมตัวมารอรับเขาที่สนามบินแต่เช้าแต่ครั้งนี้มีเพียงแฟนคลับบางส่วนที่รู้ว่าเขาจะมาเมืองไทยมาให้การต้อนรับ
เพราะครั้งนี้เขามาเมืองไทยเป็นการส่วนตัวเลยไม่มีกำหนดการเดินทางแฟนคลับบางกลุ่มก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะมาทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายเท่าไรนัก
ทันทีที่เขาเดินออกมาพ้นประตูช่องทางผู้โดยสาร ใจฉันมันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอเขาอีกครั้ง
และวินาทีแรกที่เราเจอกันฉันพยายามรวบสติและความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่พยามทำตัวให้ปกติที่สุด
จิ่งหยูวมองหน้าฉันแต่ฉันก็ทำเหมือนว่าฉันกับเขาไม่เคยรู้จักกัน ฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด
ฉันและเจ้าหน้าที่ของบริษัทพาเขามาขึ้นรถตู้ที่บริษัทเตรียมไว้รับเขา
พร้อมการ์ดที่คอยกันเขาไว้ตลอดทาง เขาหันมาโบกมือให้แฟนคลับก่อนจะหันกลับขึ้นรถโดยมีฉันตามหลังมาด้วย
พอขึ้นรถฉันนั่งเบาะเดียวกับเขาแต่ก็ต้องรักษาระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด
ส่วนเจ้าหน้าที่อีกสองคนขับรถไปที่โรงแรมล่วงหน้าแล้ว
เพราะต้องไปดูความเรียบร้อยก่อนเขาจะเดินทางไปถึง
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
เขาถามฉันทันทีที่เราอยู่กันสองคน แต่ไม่มีคำตอบใดๆจากฉัน ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมมองหน้าเขาท่าทางที่เย็นชาของฉันทำให้จิ่งหยูวต้องขยับเข้ามานั่งติดกับฉัน
จนฉันต้องหันไปมองหน้าเขาเพราะฉันขยับถอยหนีเขาไม่ได้ เพราะฉันเองก็นั่งเบียดอีกฝั่งจนชิดแล้ว
“กรุณาถอยออกไปด้วยค่ะ”
ฉันพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแสดงออกถึงความห่างเหินเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกัน
แต่อีกฝ่ายกลับตอกย้ำความสัมพันธ์ด้วยการโอบกอดฉันไว้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว จนทำให้ฉันตกใจออกอาการเลิกลั่กหันรีหันขวางเพราะกลัวคนขับรถจะเห็น
“คุณ” ฉันทำหน้าดุใส่เขา
แต่คนถูกดุกลับไม่สะทกสะท้านแถมยังจะพูดขู่ฉันกลับมาอีก
“เสียงดังเดี๋ยวคนขับรถได้ยินนะ”
รอยยิ้มกวนๆบนใบหน้าเขาทำให้ฉันยิ่งโกรธเขาเข้าไปอีก
นี่เขาเห็นฉันเป็นอะไรเขามีแฟนอยู่แล้วยังจะมาทำแบบนี้กับฉันอีก
แต่คำขู่ของเขาก็ได้ผลเพราะถ้าฉันเสียงดังคนขับรถคงต้องหันมามองจริงๆ ฉันเลยต้องนั่งนิ่งให้เขากอดจนรถมาจอดถึงหน้าโรงแรม
ฉันจึงได้โอกาสผละออกจากเขาและเดินลงจากรถพาเขาขึ้นไปบนห้องพัก
พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ช่วยขนกระเป๋าของเขาขึ้นไปไว้ในห้องส่วนเจ้าหน้าที่ของบริษัทอีกสองคนที่มากับฉันไม่ได้ขึ้นไปทีห้องด้วยพวกเขาขอรออยู่ที่ล็อบบี้
หลังจากขนกระเป๋าไปวางไว้ในห้องเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าก็เดินออกจากห้อง
โดยมีฉันเดินตามหลังเพื่อจะออกไปด้วย
แต่ยังไม่ทันจะเดินออกพ้นประตูก็ถูกเขากอดรวบตัวเอาไว้และดึงฉันเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“ชู้วววว เดี๋ยวมีคนเห็นนะ”
จิ่หยูวห้ามฉันไม่ให้เสียงดังและขู่ฉันอีกครั้ง
และมันก็ได้ผลทุกครั้งเพราะฉันกลัวเจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปจะได้ยินจริงๆ
คนอะไรขู่ได้ขู่เอา
“นี่คุณจะทำอะไร”
ฉันหันหน้ากลับไปถามเขาด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากับฉันอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซ็น
จนทำให้ความรู้สึกเดิมๆมันก็หวนกลับมาอีกครั้งทั้งๆที่ฉันก็พยายามห้ามใจตัวเองไว้แล้วแต่ทำไมพออยู่ใกล้ๆเขากลับใจอ่อนปวกเปียกแบบนี้
จิ่งหยูวค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ทุกทีเขาใช้ดวงตาคู่นั้นสะกดฉันให้ยืนแน่นิ่งเหมือนต้องมนต์ก่อนจะมอบรสจูบที่แสนเย้ายวนให้กับฉัน
ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝันรสจูบที่เขามอบให้มั่นช่างหอมหวานเหมือนลูกอมแม้จะปนความขมอยู่บ้างแต่มันก็สามารถทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับมันได้
จิ่งหยูวค่อยๆถอนจูบจากฉันก่อนที่เขาจะกระซิบข้างๆหูฉันแผ่วเบา
“ผมคิดถึงคุณจัง”
ทันทีที่ฉันได้สติหลังจากที่ตกอยู่ในมนต์สะกดเขาอยู่นาน
ฉันพยามผลักดันเขาให้หลุดจากวงแขนที่โอบกอดฉันไว้เหมือนคีมล๊อค
“คุณไม่มีสิทธิจะมาทำกับฉันแบบนี้
เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว” ฉันมองหน้าเขานิ่ง
“คุณแน่ใจว่าเราไม่ได้.....เป็นอะไร.....กัน”
จิ่งหยูวทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ตอกย้ำความรู้สึกของฉันเหลือเกินจนฉันต้องพูดโต้กลับไปบ้าง
“ถ้าแฟนคุณรู้คงไม่พอใจที่คนรักของตัวเองมานัวเนียกับผู้หญิงอื่นแบบนี้”
จิ่งหยูวเบิกตากว้างก่อนจะตอบกลับมาอีกครั้ง
“ก็นี่ไงแฟนผม”
คำพูดเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ฉันต้องพูดให้เขาเข้าใจอีกครั้ง
“คุณฉันไม่ได้หูตาบอดนะ
คุณให้สัมภาษณ์เป็นข่าวใหญ่ซะขนาดนั้นว่าคุณมีแฟนแล้ว”
คำพูดของฉันทำให้เขาหัวเราะออกมาเสียงดังจนฉันมองเขาตาเขียวด้วยความโรธ
“แล้วผมบอกหรือเปล่าว่าใครเป็นแฟนผม”
“แต่คำพูดแบบนั้นมันก็ชัดอยู่แล้วว่าคุณยอมรับว่าคุณมีแฟนแล้ว”
“ใช่ผมยอมรับว่าผมมีแฟนแล้ว
และแฟนผมก็คือคุณ”
“คุณอย่ามาโกหกฉัน
ฉันไม่ใช่เด็กๆที่จะมาให้คุณหลอกได้”
ฉันเริ่มดิ้นขลุกขลักทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
แต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรจิ่งหยูวยิ่งกอดฉันแน่นเข้าไปอีก
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าผมมาเมืองไทยอีกทำไม”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ปล่อยฉันฉันจะกลับแล้ว” ฉันดิ้นจนเหนื่อยแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยฉันอยู่ดี
“ผมกลับมาหาคุณนะ
ผมกลับมาหาคุณตามสัญญาแล้วนะ” ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเงยมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าเขายังจำสัญญาของเขาได้
“ฉันไม่เชื่อคุณ
ฉันจะไม่เชื่อคนโกหกอย่างคุณ ปล่อยฉัน” ฉันดื้อดึงไม่ยอมที่จะหยุดดิ้นจนจิ่งหยูวต้องปรามฉันด้วยการบดจูบลงที่ปากฉันอีกครั้งเพื่อให้ฉันสงบลง
แต่ครั้งนี้มันไม่หยุดอยู่แค่นั้นมือของเขาเริ่มลอดผ่านเข้ามาในเสื้อสัมผัสเนื้อบางจนทำให้ตัวฉันสั่นสะท้านนิ้วเรียวค่อยๆแตะปลายตะขอชุดชั้นในเพื่อปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เขามอบให้โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองมาอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาทับทาบร่างกายอันแข็งแกร่งเขาขึ้นมาอยู่บนตัวฉันทุกอย่างถูกถามโถมเข้ามา เรากำลังพังกำแพงของความคิดถึงให้มันพังทลายลง
สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้ให้กับเขาปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของจิตใจของเราทั้งสองคน
“ผมรักคุณฤทัย”
เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมแรงถาโถมที่โหมซัดเข้ามาทำให้ใจฉันแทบละลาย เหมือนเขากำลังจะบอกกับฉันว่าไม่มีอะไรที่จะมาพรากเราไปจากกันได้อีกต่อไป
จนฉันเผลอบอกเขาออกมาเช่นกัน
“ฉันก็รักคุณ.......”
ความคิดเห็น