คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : เครียด(?) -*-
ในห้องนั่งเล่นที่ดูกว้างขวางแคบลงถนัดตาเมื่อมีอีก 13 ชีวิตเพิ่มเข้ามาอยู่ด้วย ทุกคนท่เคยมีสีหน้าระรื่นชื่นบานอยู่เสมอ ตอนนี้กลับแสดงความเครียดขรึมออกมาให้เห็นอย่งชัดเจน
"พวกนายพอจะมีวิธีอะไรบ้างไหมที่จะตามหาตัวพวกยุนโฮเจอน่ะ" แจจุงเอ่ยถามยอ่างร้อนใจ สีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นกังวลอย่างมาก
"มืดแปดด้านเลยตอนนี้..." ชินดงส่ายหน้าน้อยๆ และถอนหายใจออกมา
"ฉันว่านายใจเย็นๆ ก่อนนะแจจุง รอจนกว่าพวกนั้นจะติดต่อมาว่าจะเอายังไง" ฮันกยองเอ่ยขึ้นบ้าง
"แล้วพวกเราต้องรอจนถึงเมื่อไรกันล่ะ!!" จุนซูกระชากเสียงถามด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
"ใจเย็นๆ ก่อนสิจุนซู" ทึกกี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบห้ามปรามคนที่เปรียบเสมือนน้องรักทันที
"ถ้าขืนนายยังใจร้อนอยู่แบบนี้และจะคิดอะไรออกไหมล่ะจุนซู" ฮีชอลที่สีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ เอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง
"งานนี้พวกเราคงจะทำอะไรกันมากไม่ได้จริงๆ นอกจากรออยู่เฉยๆ อย่างที่อันกยองว่า" เยซองเสนอความคิดเห็นกับเขาบ้าง
"เอาแต่รออย่างเดียวมันก็ยังไงๆ อยู่นะ" คังอินพูดแทรกขึ้นบ้าง
"นายมีแผนการอะไรดีๆ อย่างนั้นเหรอคังอิน" ฮยอคแจกล่าวถามบุรุษร่างหนาพร้อมกับสายตาของอีกหลายชีวิตที่มองไปทางคังอิน
"ก็ทำนองนั้นแหละ..." คังอินเอ่ยออกมาอย่างอวดๆ
"หวังว่าจะเป็นแผนการที่ไม่ไร้ประโยชน์นะครับ" คยูน้อยที่นั่งเงียบมาตลอดตัดสินใจเปิดปากพูดบ้าง
"นั่นสิ...ท่าทางแบบนี้ไม่มีความน่าเชื่อเอาซะหรอกฮยอคแจ" คิบอมหันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน
"เออ...งั้นก็ไม่ต้องมาถามอะไรจากฉันอีกก็แล้วกัน" คังอินทำหน้าตายใส่เหล่าเพื่อนๆ ที่เหลือก่อนจะหันไปซุบซิบบางอย่างกับซีวอน
"โธ่! ตัวก็ใหญ่ทำเป็นขี้ใจน้อยไปได้" คิบอมเอ่ยออกมาอย่างปลงๆ
"แล้วตกลงว่ามีแผนอะไรกันแน่ล่ะ รีบๆ บอกพวกเรามาสักทีดิ" เรียววุครบคะยั้นคะยอให้คังอินพู
"ช่ายๆ ดูสิพวกแจจุงกำลังรอฟังนายอยู่นะ" ชองมินกล่าวเสริม โดยมีดองแฮพยักหน้าเห็นด้วย
"แต่แนว่าไม่ต้องฟังหรอก เพราะฉันฟังแล้วมันไม่ได้เรื่องอย่างที่คยูน้อยบอกจริงๆ น่ะแหละ" ซีวอนพูดตอบแทนคังอินที่หันหลังให้กับเพื่อนร่วมวงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
"สรุปว่า...พวกผมจะพึ่งพาอะไรพวกพี่ๆ ได้บ้างครับ" ชางมินเอ่ยแทรกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมองเหล่าสมาชิกซูจูด้วยความรู้สึกหน่ายใจ ทั้งที่ก็มีปัญหามากพออยู่แล้วยังจะต้องมาเจอบุคคลที่ทำให้ต้องปวดหัวอีก
"ของอย่างนี้มันก็ต้องให้เวลาคิดกันหน่อยสิ" ชินดงบอกพลางเอามือจับคางตัวเองอย่างใช้ความคิด
"ฉันไว้ใจนายนะชินดงพยายามเข้าล่ะ" ฮยอคแจพูดพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ
"โธ่โว๊ย!!!" จุนซูลุกพรวดขึ้นอย่างกระทันหันก่อนจะจ้ำเดินหนีเข้าห้องไปพร้อมกับเสียงปิดประตูดังลั่น
"จุนซู..." ฮยอคแจเห็นท่าทีของเพื่อนรัก็ถึงกับหน้าถอดสีขึ้นมาทันที นึกสงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ
"ไม่เอาน่าฮยอค ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงเพื่อน" ฮีชอลเอ่ยบอกับฮยอคแจด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลพลางยหัวปลอบใจ
"ปล่อยเจ้านั่นไปสงบสติอารมณ์สักพักเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองน่ะแหละ" ฮยอคแจพยักหน้ารับพี่รองของวง
"เฮ้อ..." แจจุงมองดูท่าทางของแต่ละคนก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมา คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ปรึกษาเจ้าพวกนี้
"ถ้าหากพวกนายมีแผนดีๆ ที่จะช่วยก็เสนอมา แต่ถ้าไม่ก็อย่ามาเพิ่มความเครียดให้กับพวกฉันอีก" เอ่ยบอกหน้าเคร่งน้ำเสียงจริงจัง
"อย่างน้อยก็วางใจได้หน่อยล่ะว่าทั้งสามน่าจะยังปลอดภัยอยู่..." ทึกกี้พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยในขณะที่พูด
"แน่ใจได้ไง...บางทีตอนนี้ 3 คนนั้นอาจจะโดนทำร้ายก็ได้นะ" คังอินกลับมาพร้อมด้วยคำพูดสร้างความตึงเครียด เมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้าหมียักษ์แจจุงกับชางมินถึงกับหน้าถอดสีไปตามๆ กัน จากที่เคร่งเครียดกันอยู่แล้วกลับยิ่งดูมีสีหน้าวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก
"คังอิน...ถ้านายจะกรุณาอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรนายหรอกนะ" ฮันกยองเหล่ตามองเจ้าคนปากเสียอย่างตักเตือน
"เห็นด้วยกับคำพูดของป๋าทุกประการเลยครับ" คยูน้อยกล่าวเสริมร่วมด้วย
"+555 ^ ^ ตอบได้ดีนี่คยูน้อย" คิบอมกุมท้องหัวเราะอย่างชอบใจ แล้วเสียงข้าวของตกกระทบพื้นห้องก็ดังแว่วมาจากห้องของโลมา(คลั่ง)
"เฮ้ย! เกิดไรขึ้นน่ะ" คิบอมที่กำลังหัวเราะอยู่ดีๆ ก็ต้องเบรคชะงักในทันที
"ท่าทางจุนซูจะเริ่มอาละวาดซะแล้วล่ะสิ" ฮยอคแจเอ่ยขึ้นพลางเหลือบตามองไปยังบานประตูห้องของโลมา แต่ก็เจอกับร่างของอีกสามคน นำทีมโดยชองมินที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของจุนซูเป็นที่เรียบร้อยแล้วถูกขนาบข้างด้วยเรียววุคกับดองแฮ
"เร็วชะมัดเลย ไปกันตอนไหนเนี่ย" เยซองบ่นเปรยขึ้น
"นี่...พวกนายว่าจุนซูจะคลั่งไปอีกนานแค่ไหนกัน" ชองมินเปิดประเด็นกับสองคนข้างๆ โดยที่หูกับลำตัวยังคงแนบติดอยู่กับบานประตู
"อืม...อันนี้ฉันก็เดาไม่ถูกเหมือนกันแฮะ เพิ่งจะเคยเห็นโลมาอาละวาดก็งานนี้แหละ" เรียววุคกล่าวบอกทำท่าคิดตาม โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับชองมิน
"ฉันว่าพวกเราเข้าไปดูกันเลยดีไหม" ดองแฮเสนอความคิดขึ้นมาบ้าง
"นี่พวกนายไม่ได้กลัวว่าจะโดนอะไรจากไอ้โลมาสติเพี้ยนกันบ้างเลยหรือไง" เสียงฮชอลดังขึ้นจากทางด้านหลังของหนุ่มๆ ทั้งสาม
"ก็คนมันอยากรู้ เอ๊ย! เป็นห่วงนี่นา" ชองมินแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
"รู้สึกว่าเสียงจะเงียบไปแล้วนะ" ซีวอนเอ่ยพูดขึ้นขณะที่หูยังคงแนบกับประตูห้องโลมา
"ใครก็ได้ช่วยลากตัวไอ้เจ้าพวกนี้ไปที" ฮีชอลเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ พลางตีหน้าผากตัวเองเบาๆ ด้วยความระอาใจกับเหล่าสมาชิกของวง
"ทึกกี้นายเป็นหัวหน้าวงนะช่วยจัดการอะไรสักอย่างทีสิ" คนถูกเรียกนั้นกลับยื่นหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสอย่างสนใจ
"ข้างนอกมันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอเฮียทึก" เรียววุคเอ่ยถามกับบุคคลที่ได้ขึ้นชื่ว่าเป็นหัวหน้าวง
"อ๋อ! เปล่าหรอก...เพียงแต่เห็นคนเหมือนจุนซูอยู่ข้างนอกน่ะ" ทึกกี้หันมาตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
"เห! จะว่าไปในห้องก็ไม่มีเสียงอะไรตั้งนานแล้วนี่นา" ชองมินพูดขึ้นด้วยท่าทางสงสัย เมื่อได้ยินดังนั้นชางมินกับแจจุงก็รีบลุกขึ้นวิ่งออำไปนอกล้านอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกลัวว่าโลมาที่กำลังคลั่งอยู่ในตอนนี้อาจจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาได้
"ปล่อยไปสักพักเหอะ เดี๋ยวมันก็อาการดขึ้นมาเองนั่นแหละ" คังอินพูดเลียนคำบอกของฮีชอลขึ้นมาทันที แล้วกะโหละกับศรีษะหนาๆ ของคนตัวหนาก็ถูกมือเรียวของอีกคนตะปบเข้าให้ฉาดใหญ่
"ถ้าไม่เป็นห่วงก็อยู่เงียบๆ ไปเลยไอ้หมียักษ์!" ฮีชอลตะหวาดเข้าให้ก่อนจะรีบตามชายหนุ่มทั้งสองอกไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"หาเรื่องเก่งจริงๆ" คิบอมยักไหล่พลางส่ายหัวอย่างปลงๆ
"ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเพิ่มภาระสิครับ" คยูน้อยเอ่ยบอกสมทบด้วยอีกคน
ด้านนอกตัวบ้านโลมาในสภาพขาดสติกำลังวิ่งออกสู่ทางถนนใหญ๋โดยไม่หวั่นเกรงอันตรายจากยานพาหนะที่ขับเคลื่อนสวนกันไปมาเลยแม้แต่น้อย
"จุนซู!!" แจจุงกับชางมินวิ่งเข้าไปรั้งตัวโลมาเอาไว้ก่อนที่จะวิ่งออกไปใจกล้างท้องถนน
"ทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้างสิ" แจจุงกล่าวว่าคนที่กำลังขาดสติอยู่ในทันที
"ปล่อยสิ!! ฉันจะไปช่วยโบอา..ปล่อย!!" จุนซูโวยวายลั่นพร้อมทั้งพยายามดิ้นให้หลุดเป็นอิสระ หมัดหนักๆ ของใครอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าของโลมาในทันทีอย่างไม่รอท่าทีใดๆ
"นายจะโวยวายให้มันได้อะไรกันฮะจุนซู!!" ฮีชอลกรแทกเสียงใส่อยางเหลืออดในท่าทีของจุนซู แจจุงและชางมินมองคนอายุมากกว่าด้วยสีหน้าอึ้งๆ ส่วนคนโดนหมัดในตอนนี้ได้นิ่งเงียบสงบลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอย่างหมดเรี่ยวแรง
"โบอา..." ชื่อของคนรักเป็นเพียงคำพูดเดียวที่หลุดลอดออกมาให้ได้ยิน
"ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงโบอา แต่ขืนถ้านายยังทำตัวแบบนี้ต่อไปคนที่จะเป็นอะไรไปซะก่อนจะกลายเป็นนายเองนะรู้ไหม" ฮีชอลพูดบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวโลมาอย่างเป็นห่วง
"จริงอย่างที่ฮีชอลบอก ทุกคนก็ร้อนใจไม่แพ้ไปกว่านายหรอกนะจุนซู" ฮันกยองที่ตามมาสมทบทีหลังเอ่ยขึ้น
"ร้อนใจงั้นเหรอ!! ฉันเห็นแต่นั่งกันอยู่เฉยๆ มากกว่า!" โลมายังไม่หมดอาการฉุนเฉียวง่ายๆ
"ทุกคนเขาพยายามทำให้พวกเราไม่เครียดกันต่างหากล่ะ!!" แจจุงตะโกนใส่หน้าโลมาเสียงแข็ง ทนไม่ไหวกับท่าทีของอีกคนพลางกระชากคอเสื้อจุนซูอย่างเอาเรื่อง
"แค่หมัดเดียวของพี่ฮีชอลคงจะไม่พอสินะ!" บอกพร้อมกับง้างมือขึ้นหมายจะปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้า
"พี่แจจุง!" ชางมินพยายามรั้งตัวพี่ใหญ่ของวงดงบังฯ ที่ตอนนี้ได้ขาดสติไปพร้อมๆ กับจุนซูบ้างแล้ว
"ถ้ายุนโฮกับโบอามาเห็นพวกนายในสภาพนี้จะทำหน้ายังไงกันนะ" ชินดงตั้งใจพูดออกมาเสียงดังฟังชัดพลางมองหน้าแจจุงและจุนซู
"นั่นน่ะสิ..โตๆ กันแล้วก็หัดทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่กันหน่อยสิพวกนาย" ฮีชอลพูดบอกสีหน้าเคร่ง
"เอาเถอะ...ฉันว่าตอนนี้พวกนายเข้าไปสงบสติกันบ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวคนแถวนี้จะสงสัยเอาหรอก" ฮันกยองเอ่ยบอกขึ้นเมื่อคนรอบข้างเริ่มหันมาให้ความสนใจกันบ้างแล้ว
"ยกพลกลับมากันแล้วล่ะ" ซีวอนวิ่งลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านหลังจากไปสังเกตการณ์ตรงระเบียงมา
"เรียววุค! ดองแฮ! เก็บของให้เรียบร้อยพี่ฮีชอลมาแล้ว" เมื่อได้ยินเสียงจากซีวอนชองมินถึงกับเกิดอาการลนลานขึ้นมาทันที มือไม้ควานเก็บถุงขนมที่อยู่ตรงกลางวงนั่งของตัวเองกับเพื่อนอีกสองคน
"อ๋า! ฉันยังไม่อิ่มเลยนะชองมิน" ดองแฮยังคงเคี้ยวขนมตุ้ยไม่ยอมช่วย
"เลิกกินได้แล้วดองแฮ! เดี๋ยวก็โดนพี่ฮีชอลเล่นเอาหรอก" ชองมินคว้าถุงขนมออกมาจากมือของดองแฮทันที
"เรียววุคเร็วๆ เข้าสิ!" จากนั้นก็หันไปเร่งเพื่อนอีกคน
"อ๊า! อย่ามาเร่งกันสิชองมิน" แล้วทั้งสามก็ง่วนอยู่กับการทำลายหลักฐานอย่างรวดเร็ว
"มา..ช่วย" สิ้นคำบอกคุณหัวหน้าวงเอสเจก็หยิบถุงขนมาจากมือของเรียววุคจากนั้นก็เทเข้าปากตัวเองรวดเดียวหมด
"เฮียทึกกี้!" สามพระหน่อฟิวชั่นพร้อมใจกันประสานเสียงไม่พอใจคุณหัวหน้าวง พอดีกันนั้นถุงขนมก็ลอยออกจากมือของชองมินอย่างกระทันหัน เจ้าฟังทองมองตามถุงขนมก็พบกับร่างโลมาหน้าตาไม่รับบุญก็ถึงกับอึ้งขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้งกับเพื่อนฟิวชั่น
"จุนซู..."
"............" ไม่มีคำพูดใดๆ ตอบกลับเสียงเรียก จุนซูทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วก็หยิบชิ้นขนมขึ้นกินไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าจะไม่หยุดง่ายๆ อีกต่างหาก เจ้าสามฟิวชั่นจึงได้แต่มองตามตาละห้อย จากนั้นทั้งแจจุงและชางมินก็ได้ไปร่วมวงกินขนมกับจุนซูบ้างโดยมีสามสหายทีนั่งมองตาปริบ
"ท่าจะเป็นเอามากเลยนะเจ้าพวกนี้" ฮีชอลเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้หวังจะได้รับคำตอบจากใคร
"นั่นสิ...พี่เองก็เป็นเอามากเหมือนกันเลย เล่นซะเมื่อกี้โลมานอนตายหงายท้องกันเลยทีเดียว" เยซองบอกหน้าตาย
"แถมยังทำซะหมียักษ์หยุดคึกอีกด้วยนะ" ซีวอนบอกเสริมประสานกับเยซองอีกเสียง
"แล้วพวกนายอยากจะตายตามไอ้สองตัวนั่นด้วยไหมล่ะ" ฮชอลถามกลับน้ำเสียงเรียบ เยซองแล้งทเป็นหันไปสนใจอย่างอื่นแทนฮีชอลจึงเบนสายตาไปที่ซีวอน ซึ่งแน่นอนว่าซิมบ้าจึงรีบเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นชีตร้าทันที แวบเดียวก็ชิ่งไปนั่งข้างทึกกี้เรียบร้อยแล้ว
"เฮอะ! ไอ้พวกบ้าเอ๊ย..." ฮีชิอลสบถขึ้นเบาๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปที่สมาชิก TVXQ ทั้งสามคนอย่างเป็นห่วง
"ชินดง...นายไม่มีวิธีไหนจะช่วยพวกนั้นเลยเหรอ" ฮยอคแจเกาะแขนชินดงอ้อนๆ
"กำลังคิดอยู่นี่ไงเล่า..." หนุ่มร่างใหญ่บอกกลับมาเสียงเข้มพร้อมทำหน้าเครีบดจัดพยายามสืบค้นหาวิธีต่างๆ จากรอยหยักในสมองของตัวเอง
"แค่นี้ก็ต้องดุด้วย..." ฮยอคแจก้มหน้าลงพลางเอ่ยเสียงเบาอย่างน้อยใจ
"เอาน่า นายก็น่าจะรู้นี่เวลาชินดงกำลังใช้ความคิดอยู่น่ะจะเป็นยังไง" คิบอมรีบเข้าไปปลอบอยางรวดเร็วพลางลูบหัวเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ
"เนียน!!" คยูน้อยพูดสั้นๆ ง่ายๆ ได้ความหมายตรงตัวทุกประการ
"ฉันเปล่าเนียนนะคยูน้อย!" คิบอมรีบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
"ฉันก็พูดขึ้นมาลอยๆ เอง ยังไม่ทันระบุว่าเป็นนายเลยอย่าร้อนตัวสิ...บอม" คยูน้อยยักคิ้วเล็กน้อยใส่เพื่อนคู่หู
"อ่ะ..ไอ้เจ้านี่หนิ..." คิบอมพยายามจะเถียงกลับ
"อย่าเถียงเลยก็เห็นอยู่ตำตาว่านายน่ะเนียนกับฮยอคน้อย" ป๋าว่าเสริมเข้าให้อีกคนเล่นเอาคิบอมหน้าเสียเถียงอะไรกลับไปไม่ถูก
"รู้สึกจะเกิดศึกชิงนายขึ้นแล้วนะ..ฮยอค..." คังอินโผล่มาจากมุมมืดหลังโซฟาเอ่ยกระซิบบอกเสียงยานลากยาว ฮยอคแจเงยหน้าขึ้นมองหมียักษ์ตรงหน้าด้วยแววตาฉงน
"นายว่าอะไรนะคังอิน" เอ่ยถามกลับไปตาใส เพราะมัวแต่เป็นห่วงเพื่อนจนคิดกังวลอยู่เลยไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์รอบข้าง
"ช่างมันเถอะ..." ร่างหนาบอกก่อนจะกลับไปอยู่ในซอกมืดตามเดิม
"ให้ตายสิมีแต่พวกไม่เต็มกันทั้งนั้นเลย" ทึกกี้บ่นพลางวางมือโอบรอบไหล่ของฮยอคแจหน้าตาเฉย แล้วมือเรียวของใครอีกคนก็เข้าตะปบทีมือของผู้ที่ถูกเรียกว่าลีดเดอร์
"นายน่ะแหละตัวดีอีทึก" ฮีชอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"หวงก้างแฮะ..." ซีวอนบ่นอุบอิบคนเดียวเมื่อเห็นอากัปกริยาของฮีชอล แล้วของที่อยู่ใกล้มือพี่รองก็ลอยละลิ่วระทบเข้ารับศรีษะของร่างสูงเต็มๆ
"พูดมาก" พูดจบก็ลากตัวฮยอคแจที่ยังคงไม่เข้าเข้าใจสถานการณ์เช่นเดิมไปนั่งให้ห่างจากพวกมือไว
เสียงฟ้าคะนองสาดดังไปทั่วโรงงานร้าง แสงสว่างจากสายฟ้าเป็นเพียงความสว่งเยวที่มีเพราะตายในตัวโรงานนั้นมืดสลัวไร้แสงไฟใดๆ รูปปากเรียวที่แดงด้วยลิปสติกเหยียดยิ้มแสยะ ดวงตาใต้แพรขนตาดัดและทามาสคาร่าหนาเตอะจ้องมองดู 3 ร่างเพรียวบางซึ่งถูกจับใส่กุญแจมือขังไว้ในห้องเล็กๆ ซึ่งคล้ายกับกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมด้วยสายตาพออกพอใจ
"เราจะเริ่มทรมานอะไรกันก่อนดีล่ะ" เสียงหวานใสแต่แฝงไว้ซึ่งความร้ายกาจเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัวและมีเพียงเสียงสายฝนพรำเท่านั้นที่ดังประกอบรับกับเสียงของหญิงสาว
"ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกน่า" สีของของลิปสติกถูกเติมแต่งเพิ่มให้ดูสดแดงขึ้นกว่าเดิม เล็บบนเรียวมือที่ขยับจับกระจกเงานั้นมีสีไม่ต่างไปจากสีลิปสติกเลย
"แล้วจะเอายังไงล่ะ" เสียงหญิงสาวในตอนแรกดังขึ้นอีกครั้ง
"...ฉันอยากจะเริ่มจากของเล็กๆ ก่อนน่ะ" ตอบกลับพลางหยิบขวดยาทาเล็บสีแดงเข้มมามองอย่างพินิจพิจารณา
"งั้นก็เริ่มจัดการสักทีสิ" สายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับแย้มรอยยิ้มร้ายส่งตรงไปหาสามเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
"แต่ว่า...จะใช้มีดคัตเตอร์หรือว่าใบมีดโกนดีนะ...ถึงจะเหมาะ..." ทำท่าลังเลใจเล็กน้อยขณะวางขวดยาทาเล็บลงบนโต๊ะข้างตัว
"มีคัตเตอร์สิ...ถนัดมือกว่าเยอะ..คิก..." เสียงหัวเราะใสดังขึ้นอย่างชอบใจ
"ก็ดี" แล้วขวดยาทาเล็บก็พลันตกจากโต๊ะมากลิ้งอยู่บนพื้นด้านล่างก่อนที่จะถูกเหยียบอย่างจงใจจนขวดแก้วแตกกระจาย น้ำยาภายในก็กระเด็นสาดนองพื้นคล้ายกับสีเลอดสดๆ
"เฮ้อ...เอาแล้วไงล่ะ เหนื่อยแน่งานนี้ฉัน" ชายหนุ่มรูปร่างสูงทัดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอากัปกริยาของหญิงสาว
"คิก...เอาน่า นายไม่เหนื่อยเท่าไรหรอก" มือเรียวแตะบ่าของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะละเดินจากไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ความคิดเห็น