คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : จับ
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาใสไล่มองไปทั่วบริเวณด้วยความงวยงง ภาายในห้องสีหม่นร่างบางถูกปล่อยทิ้งไว้บนเตียงกว้างเพียงลำพัง ยูชอนขยับลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวซ้ายแลขวา
"ชางมิน..." ปากอิ่มเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงเมื่อไม่เห็นว่าคนที่ตัวเองเรียกหาอยู่ในห้อง
"เจ้าหนูเสาไฟฟ้าไม่อยู่หรอก..." เสียงทุ้มคุ้นหูแต่เป็นเสียงที่ร่างบางไม่อยากได้ยินเอ่ยดังอยู่ใกล้ตัว
"ตอนนี้เหลือแต่พี่กับยูชอนสองคนเท่านั้น" คำพูดของชายหนุ่มร่างสูงทำให้คนฟังรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที ร่างบางรีบขยับหนีโดยไม่แม้จะหันไปมองทางต้นเสียง
"อ๊ะ!!?! " แต่เหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว วงแขนหนารอบคว้าเอวของร่างบางไว้และออกแรงกระชาก จนยูชอนลงไปนอนกับเตียงตามเดิม อิรุยกยิ้มมุมปากขณะที่คร่อมอยู่ด้านบนคนที่พยายามดิ้นรนหนี มือแกร่งรวบสองแขนที่ผลักดันตนขึ้นไปไว้เหนือศรีษะด้วยพละกำลังที่ยากจะต่อต้าน
"ปล่อยผมนะ!?! " สายตาที่จ้องมองคนบนร่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อทั้งสองมือถูกตรึงแน่น ร่างบางทำได้แค่ส่งเสียงร้องห้ามออกมาเท่านั้น และแน่นอนว่าชายหนุ่มร่างสูงคงไม่ปล่อยให้คนใตัร่างตนได้พร่ำร้องอะไรอีก ริมฝีปากอิ่มถูกบิดจากริมฝีปากของอิรุ ลิ้นร้อนไล่เลียไปทั่วด้วยอารมณ์ความต้องการ
"อ๊ะ!!...อื๊อ..." ทันทีที่ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบเปิดอ้าออกอย่างลืมตัว ลิ้นชื้นก็รุกเข้าสู่ด้านในโพรงปากอุ่นและหอมหวานอย่างรวดเร็วพลางไล่สำรวจไปจนทั่ว การขัดขืนเริ่มน้อยลงเมื่อลมหายใจถูกช่วงชิงไปจนเกือบหมด กระดุมเสื้อหลุดออกจากกันทีละเม็ดด้วยฝีมือของชายหนุ่มร่างสูง เรี่ยวแรงที่มีอยู่ในตอนแรกค่อยๆ หดหายไปเหมือนกับหถูกคนที่อยู่บนตัวดูดกลืนไป
"ไม่นะ!! อย่า!! " ร่างโปร่งร้องลั่นออกมาสุดเสียงพร้อมกทั้งดิ้นรนให้หลุดพ้น
"พี่ยูชอน! พี่ยูชอน! " ชางมินโอบกอดคนที่นอนดิ้นอยู่ข้างๆ ตนด้วยความเป็นห่วง
"พี่ยูชอน! เป็นอะไรครับ" เสียงเรียกปลุกให้ร่างบางซึ่งจมอยู่ในความฝันของตัวเองตื่นลืมตาขึ้น ยูชอนหอบหายใจรัวเร็วเหมือนเพิ่งวิ่งมาเป็นระยะทางไกลแสนไกล หยาดเหงื่อเกาะพราวอยู่ตามใบหน้า ดวงตาใสไล่มองไปทั่วด้วยความรู้สึกตื่นกลัวที่ยังไม่จางหายไป
"ฝะ..ฝันเหรอ..." มือหนาเข้าลูบผมอย่างปลอบโยนพร้อมกับจุมพิตซับเหงื่อบนหน้าผากมน
"ฝันร้ายเหรอครับ" ชางมินเอ่ยถามเสียงนุ่มระคนอ่อนโบน
"อ่ะ..อืม..." ร่างบางพยายามผ่อนลมหายใจลง มือเรียวที่สั่นเทาเล็กน้อยเอื้อมจับมือหนาไว้แน่นก่อนจะวางทาบมือนั้นลงบนใบหน้าของตัวเองและซุกหน้าเข้าหาฝ่ามืออุ่น
"ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ข้างๆ นี่แล้ว" ร่างสูงกอดกระชับเพื่อให้ไออุ่นแก่อีกฝ่าย ยูชอนพยักหน้าน้อยๆ อยู่ในอ้อมกอดของชางมิน
"..ชางมิน...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ ฉันขอร้อง" น้ำเสียงออกจะสั่นเครืออยู่บ้างเอ่ยบอก
"ครับ.. ผมจะไม่ทิ้งพี่ไว้คนเดียวเด็ดขาด" ร่างสูงยิ้มบางพร้อมกับสัมผัสพวงแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา
"อ๊ะ!! จริงสิ..ชางมินไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ..." ยูชอนทำตาโตเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ พลางยกมือขึ้นมาวัดอุณหภูมิตรงหน้าผากของชางมินด้วยสีหน้าท่าทางห่วงกังวล
"ผมค่อยยังชั่วแล้วล่ะครับ...เพราะได้พยาบาลดี" ชางมินยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า
"...ไม่หรอก..." ร่างบางหลุบสายตาหนีโดยทันทีใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่ออ่อนๆ
"แค่ได้พี่มาอยู่ข้างๆ ผมก็หายป่วยแล้วล่ะครับ" ร่างสูงพูดอมยิ้ม คนฟังอยู่แอบยิ้มบางอย่างมีความสุขพร้อมกับซบหน้าเข้าหาอกอุ่นกว้าง
"รักชางมินจังเลย..." เสียงบอกนั้นชัดเจนบ่งบอกถึงความรู้สึกของคนพูดว่ามีมากแค่ไหน
"ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์รักผม" ชางมินฝังจมูกลงกับกลุ่มเส้นผมหอมอย่างรักใคร่
"...หิวหรือยังล่ะ...เดี๋ยวฉันไปทำข้าวต้มให้ดีกว่านะ" ยูชอนเอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทีที่สดใส
"ครับ" ตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง ร่างบางแตะริมฝีปากอิ่มลงบนหน้าผากของร่างสูงแล้วลุกเดินออกมาจากห้อง ชางมินเผยยิ้มกว้างอย่างถูกใจพลางมองตามหลังคนที่เดินพ้นประตูห้องไปแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------
-------------------
ภายในตัวห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดให้บริการกับประชาชนจึงไม่ค่อยมีผู้คนสักเท่าไร เนื่องด้วยยังเป็นช่วงเวลาที่เช้าเกินไป แต่เป็นเวลาที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินเลือกดูข้าวของกันไปตามร้านต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในห้าง
"ยูชอน! ดูอันนี้สิน่ารักอ่ะ" ยุนโฮสะกิดแขนคนที่ให้มาเป็นเพื่อนพลางชี้ไปยังตุ๊กตารูปผึ้งตัวใหญ่
"จริงด้วย!!" ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วยมองดูตุ๊กตาแล้วยิ้มบาง
"เหมือนแจเลย..."
"ฮะ ฮะ ฮะ ^ 0 ^ ใช่ไหมล่า!" ยุนโฮยกมือขึ้นป้องปากพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"แต่ว่า...มันไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ..." ยูชอนเหลือบดูขนาดของตุ๊กตาผึ้งแล้วทำหน้าคิดหนัก
"อืม...นั่นสินะ แล้วจะซื้ออะไรให้แจดีล่ะ" หมีน้ยอทำท่าคิดตาม
"ทำไมยุนโฮไม่ถักพวกไหมพรมให้แจล่ะ" ร่างบางลองเสนอความคิดของตัวเองออกมา
"อือ...เอางั้นเหรอ แล้วแจจะชอบไหมล่ะ" ยุนโฮดูมีสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย
"ต้องชอบอยู่แล้วล่ะ...อีกอย่างของขวัญที่ทำด้วยตัวเองน่ะ มันดูมีค่ามากกว่าซื้อนะ" ยูชอนแนะนำด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
"ถ้างั้นก็ไปซื้อไหมพรมกันเถอะยูชอน" หมีน้อยเอ่ยบอกเสียงใส พลางจูงมืออีกคนเดินไปด้วยกันอย่างอารมณ์ดี
ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังช่วยกันเลือกไหมพรมหลากสีกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงมุมมืดของแผนกขายของมีเงาร่างของใครคนหนึ่งซุ่มแอบและมองมาทางยุนโฮกับยูชอนที่ไม่ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคืบคลานมาใกล้ตัวอย่างเงียบๆ
"สีนี้เหมาะกับแจไหมอ่ะ ยูชอน" หมีน้ยอหยิบไหมพรมสีเหลืองขึ้นมาส่องดูพลางถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน
"ไม่เหมาะนะ..." ร่างบางทำหน้าคิดหนัก คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
"แล้วจะเอาสีไหนดีล่ะ" หมีน้อยขมวดคิ้วตามพร้อมกับยืนกอดอกเอียงคอมองดูเหล่าไหมพรมตรงหน้า
"สีนี้เป็นไง ^ ^ " ไหมพรมสีแดงสดใสถูกยื่นส่งมาตรงหน้าหมีน้อยพร้อมกับรอยยิ้มบางของยูชอน
"สีนี้เหมาะกับแจเหรอ" เอ่ยถามตาแป๋ว ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วยเร็วๆ
"โอเค! งั้นเอาสีนี้แหละ" ยุนโฮเลือกหยิบไหมพรมสีแดงอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ของร้าน
"ยูชอน...แล้วฉันจะถักอะไรให้แจดีล่ะ" ยุนโฮเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่กำลังเดินออกมาจากร้าน
"อืม...อะไรดีน้า" ร่างบางทำหน้าคิดตาม นิ้วชี้ยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากอย่างลืมตัวเพราะใช้ความคิด
"เป็นหมวกหรือเสื้อดีล่ะยูชอน" หมีน้อยยกถุงที่ใส่ไหมพรมเอาไว้ขึ้นมาทาบกับหน้าอกตัวเองอย่างตัดสินใจไม่ถูก
"..เสื้อมันต้องใช้ถักเวลานานพอดูเลยนะ" ยูชอนเอ่ยบอกพลางมองหน้าหมีน้อย
"ถ้างั้นก็หมวกแล้วกัน" หมีน้อยกอดกระชับถงแน่นราวกับของรักของหวง พลางยิ้มหวานออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มอีกคนในยามที่รับของขวัญชิ้นนี้ ร่างโปร่งเห็นสีหน้าเพื่อนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ตลอดทางที่ยุนโฮและยูชอนเดินอยู่นั้นมีใครบางคนแอบเดินตามมาติดๆ โดยไม่ให้ทั้งสองรู้ตัวคล้ายกับว่ากำลังรอโอกาสบางอย่างอยู่
"ลูกเพ่! เอาไงต่อเด จับเลยป่ะ" เสียงทุ้มน่ากลัวเอ่ยขึ้นจากมุมอับสายตา
"เดี๋ยวก่อน... รออีกสักพัก" คนในมุมมืดอีกหนึ่งเอ่ยพูดออกมาเสียงเบา ดวงตาวาวมองจ้องสองหนุ่มไม่วางตา
"ได้เลยครับเพ่! จะให้ผมจัดการเมื่อไรบอกได้เสมอ..." เสียงทุ้มน่ากลัวตอบรับอย่างมาดมั่น
"หึ...อีกไม่นานหรอกนายจะได้แสดงฝีมือแน่" ริมฝีปากสีแดงแสยะยิ้มเย็น
"เคี๊ยก..เคี๊ยก..." เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายแฝงไปกับสายลม
"ฉันล่ะเกลียดเสียงหัวเราะของนายจริงๆ เลย" ร่างที่ยืนอยู่ในมุมลับสายตาเอ่ยพูดออกมาในตอนท้าย
"โทษครับลูกเพ่ มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว" เจ้าของเสียงหัวเราะพูดบอกเสียงกร่อย
"ยูชอนแวะซื้อเค๊กก่อนนะ" ยุนโฮเอ่ยขึ้นเมื่ออีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงร้านเบเกอรี่เจ้าประจำ แต่แล้วเหล่ากล่องใส่ของใหญ่น้อยก็กรูกันหล่นกระแทกช่วงขาของชายหนุ่มก่อนจะจามมาด้วยเสียงดังเมื่อกล่องทั้งหมดถึงพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน แถมด้วยร่างเล็กที่ลงตามกล่องใส่ของไปติดๆ
"อ๊ะ! ขอโทษครับคุณเนอะไรหรือเปล่า" ยุนดฮรบเข้าไปดูอาการเจ้าของกล่องมากมาย
"ไม่เป็นไรค่ะ... แต่แว่นตาฉันมัน..." บอกพลางคลำหาของที่หล่นหายยอ่างเร่งรีบ
"..นี่ครับ" ร่างบางส่งยื่นแว่นตาเลนส์หนาให้กับหญิงสาว เธอรับมันมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษทั้งสองหนุ่มยกใหญ่
"ขออภัยจริงๆ นะคะ.. ดิฉันไม่ทันระวังเองแหละค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ว่าแต่คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ยุนโฮเอ่ยถามพลางมองดูหญิงสาวตรงหน้า
สาวแว่นส่ายหน้าปฏิเสธเร้ซๆ ก่อนจะกุลีกุจอพยายามเก็บเหล่ากล่องใบน้อยใหญ่ขึ้นซ้อนกันอย่างทุลักทุเลและยากลำบาก
"ยุนโฮช่วยเค้าหนอ่ยเถอะนะ" ร่างบอกเสร็จก็เข้าไปช่วยเก็บกล่องด้วยอีกคน หมีน้อยพยักนห้ารับพร้อมกับก้มลงหยิบกล่องที่กลาดเกลื่อนอยู่
"เดี๋ยวผมกับเพื่อนช่วยขนกล่องไปส่งให้ดีไหมครับ" ยูชอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นจำนวนกล่องที่กองสุมทับกันสูงเมื่อหญิงสาวยกมันขึ้นมาแนบตัว และดูเหล่วกล่องจะคลอนแคลนไปมาพร้อมที่จะร่วงลงมาได้เสมอ
"อย่าเลยค่ะ...ดิฉันเกรงใจ" เสียงหญิงสาวเอ่ยตอบกลับจากด้านหลังกล่องสูง
"อย่าเกรงใจไปเลยให้พวกเราช่วยดีกว่า" หมีน้อยบอกพร้อมกับหยิบกล่องแบ่งออกมาถือเสยเอง ร่างบางก็รีบเข้าไปหยิบแบ่งมาบ้าง
"ขอบคุณนะคะ..." สาวแว่นยิ้มกว้างแล้วเดินนำทางไปยังที่จอดรถใต้ดิน เธอเดินลึกเรื่อยเข้ามาจนกระทั่งถึงรถตู้ที่จอดอยู่ห่างไกลผู้คนเอามากๆ
"ทำไมมาจอดซะไกลแบบนี้เลยล่ะครับ" ยุนโฮเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ
"เวลาขับออกจากห้างแล้วสะดวกดีน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบกลับพลางใช้มือเคาะเรียกคนที่อยู่ในรถ
"เอาของมาแล้วเปิดประตูทีสิ" ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากหน้ารถพร้อมกับบิดขี้เกียจ
"ฮ้าว...มาแล้วเหรอเจ๊" ปากอ้ากว้างไม่ใช้มือปิดแต่อย่างใด ก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่ข้างตัวรถ
"เอ่อ...ช่วยยกกล่องไปเก็บไว้ข้างในให้หน่อยนะคะ" หันมาขอร้องเสียงสุภาพพร้อมกับหลีกทางให้สองหนุ่มเดินเขน้าไปเก็บของได้ง่ายขึ้น แล้วยุนโฮก็ปีนขึ้นบนรถเพื่อเอาของไปเก็บอย่างว่าง่าย ยูชอนขยับเข้าไปยื่นส่งกล่องให้กับหมีน้อย จังหวะนั้นหญิงสาวก็หันไปขยิบตากับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ จากนั้นชายหนุ่มจึงรีบจัดการดันตัวร่างบางให้เข้าไปอยู่ในรถพร้อมกับตัวเองที่ตามเข้าไปด้วยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดประตูตามเสียงดัง หญิงสาวที่รอท่าอยู่บนเบาะหลังพวงมาลัยรีบเหยียบคันเร่งออกสู่ถนนใหญ่
ริมฝีปากบางที่ถูกแต้มสชมพูอ่อนๆ ขยับเป็นจังหวะตามตัวหนังสือที่สายตาไล่อ่อน สีหน้าท่าทางเป็นไปตามบทพูดที่ตนกำลังฝึกซ้อม ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกของใครอีกคน
"เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณโบอา" หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ แขวนป้ายห้อยคอที่ถูกเขียนกำกับเอาไว้ว่า STAFF เอ่ยเรียกหญิงสาวที่กำลังซ้อมบทละครอยู่
"มีอะไรเหรอคะ" โบอาหันมาถามตาแป๋ว
"คือว่ามีของขวัญจากแฟนคลับฝากมาให้คุณน่ะค่ะ แต่ว่ามันเยอะมากเลยจะให้เอาไว้ตรงไหนดีคะ" คนบอกทำสีหน้าลำบากใจน้อยๆ
"งั้นก็เอาไว้ที่รถโบอาเลยก็ได้" พูดจบก็วางบทละครลง ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือของตัวเองขึ้นมาพลางเดินนำสตาฟสาวไป
"อ๊ะ! ว่าแต่ของขวัญอยู่ไหนเหรอคะ" หญิงสาวเบรคเท้ากระทันหันก่อนจะหันไปถามสตาฟสาว
"อ๋อ! ทางนี้ค่ะ" ว่าแล้วก็เดินนำทางโบอาห่างออกไปจากกองถ่ายละคร
"ยังไม่ถึงอีกเหรอคะ" โบอาขมวดคิ้วถามรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยเพราะว่าเดินมาไกลอยู่พอสมควรแล้ว จากนั้นคนที่เดินนำหน้าจึงหยุดเท้าลงพร้อมกับหันมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มแบบมีเลศนัย
"ถึงพอดีเลยค่ะ" โบอาชะโงกหน้ามองหาของขวัญที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ
"ไหนล่ะคะของขวัญ" แล้วสตาฟสาวทำท่าเหมือนกับหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"อยู่นี่ไงล่ะคะ" ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับไว้พอดีมือได้ทางไปที่จมูกของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว โบอาขืนตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลงโดยที่สาวสตาฟประคองตัวเอาไว้
"หลอกง่ายจังเลยนะคุณโบอาเนี่ย" หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นสตาฟเอ่ยขึ้นเสียงเย็นพร้อมกับยิ้มกริ่ม
ดวงตะวันคล้อยลงต่ำพร้อมกับท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีส้มอมแดง แสงสีทองทอลงมาส่องให้เห็นร่างชายหนุ่มที่เดินไปมายอ่างกระวนกระวายใจ
"ทำไมยังไม่กลับกันมาอีกนะ นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย" แจจุงเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ
"พี่แจใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ บางทีพวกพีๆ เขาอาจจะเที่ยเพลินกันก็ได้" ชางมินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น แต่จริงๆ แล้วตัวเองน่ะแหละที่อยากจะออกไปตามหาร่างบางให้ได้เสียเดี๋ยวนี้
"...หรือไม่ก็อาจจะหลงทางกลับบ้านไม่ถูกก็ได้นะครับ" โลมาแหย่ขึ้นเพื่อจะทำให้บรรยาศตคงเครียดคลายลง
"โตจนป่านนี้แล้วเนี่ยนะ พูดไม่คิดเลย" แจจุงปรายตาดุไปยังโลมาตัวป่วน
"งั้นก็โดนคุณอิรุตกไปแล้วมั้ง..." คราวน้พูดออกมาอย่างเกิดอาการหมั่นไส้เล็กน้ยอ
"เงียบไปเลยจุนซู" ชางมินเองก็ส่งสายตาเคืองๆ ให้เช่นเดียวกัน โลมาทำนห้าขัดใจนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามเพราะไม่อยากโดนรุมสกัม
แจจุงยังคงเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้น พลางมองชะโงกหน้าเพื่อมองหาคนทั้งสอง แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่าสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มก้มมองดูเบื้องหน้าปลายเท้าเป็นกล่องขนาดเล็กที่ถูกหุ้มด้วยกระดาษลายการ์ตูนหลากสีนั้นพร้อมกับประดับด้วยริบบิ้นสีเลืองที่จัดผูกเป็นโบว์อย่างดีดูน่ารักไม่หยอก แจจุงก้มลงไปหยิบเจ้ากล่องของขวัญนั้นขึ้นมาพลางส่องมองดูอย่างพิจารณา
"เฮ้! ใครก็ไม่รู้เอาไอ้นี่มาวางไว้" ตะโกนเรียกทุกคนพร้อมกับชูกล่องของขวัญให้ทุกคนดู แล้วกระดาษแผ่นเล็กที่แนบมากับกล่องก็หล่นร่วงลง โดยมีข้อความกำกับไว้ว่า To TVXQ
"จุนซูหยิบเจ้าแผ่นกระดาษใบน้อยขึ้นมาอ่านสลับกับมองกล่องของขวัญปริศนาอย่างสนอกสนใจเอามากๆ โลมาเขยิบตัวเข้าไปใกล้คนถือกล่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"...ส่งถึงพวกเราล่ะ...ลองแกะดูไหม.." ไม่รอช้าแจจุงรีบจัดแจงดึงริบบิ้นออกอยางรวดเร็ว พร้อมกับแกะกระดาษห่อของขวัญออกอย่างลวกๆ เผยให้เห็ฯตัวกล่องสี่เหลี่ยมที่มีคราบเลือดแห้งๆ ติดอยู่ตามจุดต่างๆ คนที่ถือกล่องเอาไว้มือสั่นขึ้นมาเล็กน้อย เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีเลย
แจจุงกลั้นใจเปิดฝากล่องออกดูก็ถึงกับผงะในทันทีเพราะเห็นถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างใน มือเรียวค่อยๆ หยิบบางอย่างขึ้นมาจากกล่องก่อนจะยกให้ทุกคนดู พิงค์ทูร์มาลีนรูปหัวใจที่ถูกร้อยสลับกับแซมไพร์รูปดาวเป็นสร้อยข้อมือถูกบดบังความแววาวด้วยคราบเลือดที่ติดอยู่จนเกือบจะทั่วทั้งเส้น เรียกเอาสีหน้าตกใจจากทุกคนได้ไม่น้อย โดยเฉพาะชายหนุ่มฉายาโลมาเมื่อได้เห็นสร้อยข้อมือที่ทำขึ้นเพียงชิ้นเดียว เพื่อคนๆ เดียวซึ่งเป็นเหมือนหัวใจดวงสำคัญ สีขาวซีดแผ่กระจายไปตามใบหน้าที่เคยขี้เล่น รู้สึกเหมือนกับโดนแรงอันมหาศาลกระตุกดึงเข้าเต็มที่จนวูบชาไปทั้งตัว
"...มีแค่นี้เหรอครับ" ชางมินถามขึ้นบ้าง แจจุงจึงจัดการเทของที่มีอยู่ทั้งหมดให้ร่างสูงดู
เศษผ้าสองชิ้นที่เป็นรอยจงใจตัดขาดปลิวไปตามแรงลมทันที แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะไล่ตามเพราะทั้งเน้อผ้าและสีเป็นแบบเดียวกันกับที่ยุนโฮกับยูชอนสวมใส่ออกกันไปข้างนอกบ้านในวันนี้ แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากชายหนุ่มทั้งสามได้มากที่สุดกลับเป็นรูปถ่ายของคนสามคนที่นอนสลบอยู่อย่างไม่ได้สติ อีกทั้งภาพถ่ายยังเกรอะกรังเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับใบมีดโกนกรีดฝังทับไว้กลางรูป มือเรียวหยิบแผ่นกระดาษที่พูกพับไว้อย่างดีพลางคลี่มันออกด้วยมืออันสั่นเทา
'นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เกมต้องมีผู้เล่น...' ตัวหนังสือขนาดใหญ่ถูกเขียนด้วยเลือด ทำเอาคนที่มองดู่อยู่ถึงกับขยำกระดาษทิ้งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
"ต้องเป็นพวกแอนตี้แฟนแน่ๆ" ชางมินเปรยขึ้นอย่างใช้ความคิด แต่มือหนากลับกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
"เฮอะ! พวกแอนตี้แฟนอย่างนั้นเหรอ อยู่ไหน! ฉันจะไปจัดการมันเอง" แจจุงเอ่ยขึ้นอย่างขาดสติพร้อมกับจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้น
"แล้วพี่รู้เหรอว่าจะหาตัวพวกนั้นได้ที่ไหน" ชางมินพูดขึ้นเรียกเอาสติของอีกคนกลับคืนมา แจจุงได้แต่ก้มหน้านิ่งทำอะไรไม่ถูกแล้ว
"แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ปล่อยไปเฉยๆ แบบนี้อย่างนั้นเหรอ..."
ท้ องฟ้าในตอนใกล้ค่ำดูแดงกว่าปกติมาก สายลมพัดกรรโชกกลุ่มเมฆสีเข้มที่ลอยต่ำเริ่มเข้ารวมตัวกัน ความกดดันของอากาศส่งผลให้เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น แสงแวบวับของกระแสไฟฟ้าแรงสูงซึ่งทอดเชื่อมระหว่างผืนดินและแผ่นฟ้าปรากฏอยู่ทั่วก่อนที่เมฆสีดำครึ้มจะกลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำมากมายที่ร่วงติดต่อกันเป็นสายคล้ายกับผืนผ้าม่าน
"ฉันว่าเราโทรไปปรึกษาเฮียซูมานกันดีกว่าไหม" แจจุงลองเอ่ยเสนอกับสองหนุ่มที่มีอาการเซื่องซึมไม่ต่างกัน จุนซูมองสร้อยข้อมือที่ยังคงเปรอะเปื้อนเลือดในมือเหมือนกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ปากก็พร่ำพูดแต่ประโยคเดิมๆ ซ้กไปซ้ำมา
"...ทำไม...ทำไมต้องเป็นโบอาด้วย...ทำไมกัน..."
"ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่าครับไม่งั้นอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้" ชางมินเอ่ยบอกพลางมองจุนซูอย่างเห็นใจ ทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกปวดร้าวไม่แพ้กัน
"ถ้างั้นลองปรึกษากับพวกทึกกี้ดูก่อนละกัน" ชางมินพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นแจจุงจึงกดโทรศัพท์หาบุคคลดังกล่าว
ความคิดเห็น