คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : ความคิดถึงช่างโหดร้ายเหลือเกิน
*****หลังจากจิ่งหยูวกลับจีนชีวิตของฉันก็เข้าวงจรปกติ ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
ตั้งแต่วันที่เขาจากไปฉันชีวิตฉันมันก็อ้างว้างเฝ้าแต่คิดถึงเขา
ฉันเพิ่งรู้ว่าความเหงาและความคิดถึงมันช่างทรมานเหลือเกิน
และฉันก็เพิ่งรู้ตัวเองว่ารักเขาก็ตอนที่เราห่างกัน
เราไม่ได้คุยและติดต่อกันอีกเลยฉันได้แต่ดูเรื่องราวของเขาผ่านหน้าจอทีวี
ช่วงนี้งานเขาเยอะมาก ออกงานไม่เว้นแต่ละวัน คงไม่มีเวลามาคิดถึงฉันหรือเขาอาจลืมฉันไปแล้วก็ได้เพราะอยู่ที่นั่นเขาก็มีฟานฟานดูแลเขาอยู่แล้ว
สำหรับฉันมันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงทั่วไปที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาและเขาก็ไม่ได้จริงจังอะไร
วันนี้เป็นวันหยุดฉันไม่ได้ออกไปไหนอยากพักผ่อนอยู่กับบ้าน
เบื่อที่จะออกไปพบเจอผู้คน
บางทีการอยู่คนเดียวได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่างมันก็ทำให้ฉันได้คิดอะไรได้มากขึ้น
ฉันนั่งคิดอะไรสักพักตาก็เหลือบไปเห็นสมุดบันทึกเล่มโปรดของฉันวางอยู่บนชั้นหนังสือ
ฉันลุกขึ้นเดินไปหยิบมันมาดู จะว่าไปฉันไม่ได้จดบันทึกตั้งแต่วันที่ต้องรับหน้าที่ดูแลจิ่งหยูว
ปกติฉันจะหยิบสมุดเล่มนี้ขึ้นมาขีดเขียนความรู้สึกของตัวเองแทบจะทุกครั้งที่มีโอกาส
และครั้งนี้ฉันก็จะบันทึกเรื่องราวของฉันอีกครั้ง แล้วฉันก็หันไปหยิบดินสอสองบีขึ้นมาและลงมือเขียนบันทึกเรื่องราวความรักและความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาคนที่อยู่แสนไกล
และมันก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสเขียนเรื่องราวความรักของตัวเอง
ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เขียนเรื่องความรักของตัวเองลงในสมุดเล่มนี้
“ฤทัย อยู่หรือเปล่า” เสียงของนารีทำให้ฉันวางดินสอพับสมุดบันทึกเก็บเพราะเขียนเสร็จพอดี
ฉันเดินไปหน้าบ้านเพื่อเปิดประตูให้ก็เห็นพี่ชีวินมาด้วย
หน้าตาของพี่ชีวินตอนนี้ดูดีขึ้นเขาคงจะทำใจเรื่องของฉันได้แล้ว
“อ้าวพี่ชีวินก็มาด้วยเหรอค่ะ มาเข้าบ้านกันก่อน”
ฉันทักทายพี่ชีวินก่อนจะพาพวกเขาเดินเข้ามานั่งในบ้าน
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะนี่มากันพร้อมหน้าเชียว”
“พี่กับนารีอยากมาเยี่ยมฤทัย
พักนี้ฤทัยดูเงียบไปนารีเขาเป็นห่วงก็เลยชวนพี่มาเยี่ยม” พี่ชีวินพูดไปมองนารีไปตานี่หวานฉ่ำเลย
ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ว่าที่พี่ชีวินหายจากอาการอกหักเร็วขนาดนี้ก็เพราะมียาขนานดีนี่เอง
แต่ฉันก็ดีใจนะที่เขาทั้งสองคนลงเอยกันได้เพราะฉันรู้ดีว่านารีแอบรักพี่ชีวินมานานแล้วแต่ไม่กล้าบอกก็เพราะเห็นว่าพี่ชีวินมีใจให้กับฉัน
แต่ตอนนี้นารีก็สมหวังและมีความสุขแล้วเหลือก็แต่ฉันนี่แหละที่ยังไม่รู้ความสุขมันจะหวนกลับคืนมาอีกหรือเปล่า
“แหมมองกันซะหวานฉ่ำขนาดนั้นเกรงใจกันบ้างซิคะ”
ฉันแซวพี่ชีวินกับนารีจนสองคนออกอาการเขินๆ
“แล้วจิ่งหยูวได้ติดต่อกลับมาหาฤทัยบ้างหรือป่าว” ฉันไม่ได้ตอบอะไรนารี
แต่นารีก็เหมือนรู้ว่าฉันจะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่พูดหรือได้ยินข่าวเกี่ยวกับจิ่งหยูว
นารีเอามือมากุมมือฉันไว้เพื่อเป็นการปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะฤทัย”
“ไม่เป็นไร ฉันโอเค” ฉันฟืนยิ้มเจือนๆให้นารีกับพี่ชีวินแต่เหมือนกับทั้งสองคนจะรู้ทันฉันว่ารอยยิ้มของฉันมันแฝงไปด้วยความเศร้า
พวกเขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูดทันที เรานั่งคุยกันสักพักพี่ชีวินกับนารีก็ขอตัวกลับเพราะมีนัดไปกินข้าวเย็นกันต่อ
นารีชวนฉันไปด้วยกันแต่ฉันไม่อยากเป็น กขค ก็เลยขอตัวไม่ไปด้วย
วันเวลามันก็ช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินนี่ก็เกือบสองเดือนแล้วที่จิ่งหยูวกลับไป
แต่เวลาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงความรักและความคิดถึงที่ฉันมีเขาได้เลย ฉันเดินเข้ามาที่ทำงานแต่ระหว่างทางที่จะเดินไปห้องทำงานก็สังเกตุว่าคนในออฟฟิศมองฉันด้วยสายตาแปลกบางคนก็ซุบซิบกันเมื่อเห็นฉันเดินผ่านมา
แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขามองฉันกันทำไมจนกระทั่งมาถึงโต๊ะนารีก็วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ
“ฤทัยได้อ่านข่าววันนี้หรือยัง”
“ยังมีอะไรหรือเปล่านารี”
ทันทีที่ฉันพูดจบนารีก็ยื่นหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิงพาดหัวข้อข่าว “จิ่งหยูวดาราดังของจีนยอมรับสารภาพว่ามีคนรู้ใจแล้วแต่ขอยังไม่บอกว่าเป็นใคร”
พอฉันเห็นหัวข้อข่าวน้ำตาของฉันมันก็เริ่มจะไหลรินจนนารีต้องรีบเข้ามากอดฉันไว้ทันที
“ไม่เป็นไรนะฤทัย” ฉันได้แต่ยืนนิ่งความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนอะไรมาทุบที่หัวมันเหมือนกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ
ฉันรวบรวมสติให้กลับมาก่อนจะตอบนารี
“ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” ฉันตอบนารีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฤทัยฉันว่าเธอกลับบ้านไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันบอกพี่คชาให้”
นารีเห็นอาการที่น่าเป็นห่วงของฉัน อีกทั้งคนในอ๊อฟฟิศที่พากันจับกลุ่มซุบซิบกันเลยให้ฉันกลับไปพักที่บ้าน
เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักเธอกลัวว่าฉันจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่จนเป็นที่สนุกปากของทุกคน
ความคิดเห็น