คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Chapter 34
หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาปิดเทมอฤดูร้อนแล้วนั้นก็ทำให้ถึงช่วงเวลาที่จะต้องกลับไปเรียนปีสามที่ฮอกวอตส์แล้ว
แน่นอนหลังจากกลับจากเอลีเซียนแล้วนั้นเด็กชายได้โดนเซฟว่าแบบสุดๆโดยที่มีมิเกลค่อยห้ามแทนโลเกียยังดูจะสนุกกับสงครามน้ำลายอีกด้วย
แต่น่าเสียดายที่เซร่าต้องกลับไปประเทศของเธอ
อย่างลอนดอลเพราะงานที่มามากยนั้นทำให้เธอต้องรีบกลับไป
เด็กชายได้ขึ้นไปรอที่ห้องโดยสารบนรถไฟเซฟที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปมองโลเกียที่มาส่งเด็กชายไปฮอกวอตส์
“เซนจะไม่เป็นไรแน่นะ
ปีนี้มีเรียนเกี่ยวบ็อกการ์ดนะ”
โลเกียกล่าวออกมาหลังจากที่เดินออกมาจากสถานีพร้อมกับเซฟ
ตอนแรกมิเกลจะมาส่งเด็กชายด้วยแต่ก็โดนเซฟตบหัวไปทีนึ่ง เพราะดูเหมือนว่าตัวมิเกลจะลืมว่าตัวเองเป็นอาจายร์สอนวิชาตัวจากศาสตร์มืด
“ไม่รู้สิ
ก็ขอให้ผ่านวิชานั้นไปได้โดยดีเถอะ”
“นั้นสินะ
คุณแบล็กอาจจะเป็นคนที่ทำให้เซนกลับมาแบบเดิมก็ได้นะ
รอยยิ้มที่พวกเราไม่ได้เห็นมานานเธอคนนั้นอาจจะทำให้เราได้เห็นอีกครั้งและนิสัยเมื่อสมัยก่อนด้วย”
“โลเกีย
นายแค่อยากเห็นหมอนั้นอายใช่ไหม”
เซฟกล่าวออกมาพร้อมกับหันไปมองโลเกียที่ตอนนี้มีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์พร้อมกับมองไปบนฟ้าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้ฝนตกลงมาแล้ว
นั้นจึงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจรีบไปทำธุระและกลับบ้าน
“ไง เซน ปิดเทมอเป็นไงบ้าง”
นิโคกล่าวออกมาพร้อมกับเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามโดยที่เด็กชายเงยขึ้นไปมองแปปหนึ่งก่อนที่จะกลับมาอ่านหนังสือต่อแต่ก็มีเสียงเปิดประตูออกมาอีกครั้ง
คนที่เปิดคือ เบลล่า เด็กชายหันไปมองเบลล่าทีนึ่งก่อนที่จะโยนถุงเล็กไปให้เบลล่า
“นี้-มัน”
“คุกกี้รสใหม่ที่เธอเคยขอให้ทำไง”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่มองไปทางหน้าต่างด้วยสีหน้าที่แดงออกมานิดหน่อยนั้นทำให้นิโคได้แต่ตกใจว่าเด็กชายข้างหน้าตนทำอาหารเป็นและไอความสมพันธ์นี้คืออะไร
เพราะหลังจากที่เบลล่ามาบ้านของเด็กชายนั้นก็ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้นแทนยังกลายเป็นว่าเด็กชายไปเป็นแขกขาประจำของตระกูลแบล็ก
เพราะเบลล่าได้ขอให้เด็กชายนั้นช่วยสอนภาษาให้หน่อย
นั้นจึงทำให้เด็กชายและเบลล่าสนิทกันมากขึ้น
“เซนและเธอ
แบล็กไปสนิทกันตอนไหน”
“ทำไมผมต้องบอกนายด้วยมิทราบ”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับปิดหนังสือ
หันหน้าไปดูวิวข้างนอกเพราะตอนนี้รถไฟที่กำลังเดินทางไปสู่ฮอกวอตส์กำลังเคลื่อนที่อยู่
แต่เด็กชายก็หันมามองนิโคแปปนึ่งก่อนที่จะหยิบถุงออกมาพร้อมกับโยนไปให้
“ผมก็ไม่ได้ใจร้ายเหรอนะ”
นิโคที่เห็นก็ยิ้มออกมาพร้อมเปิดถุงที่เด็กชายให้
ข้างในมีคุกกี้หน้าตาน่ากินและสวยเป็นอย่างมาก พอนิโคกินไปก็ทำหน้าอย่างมีความสุข
“อร่อยจัง
เซนนายทำอาหารเป็นเหรอ”
“เบลล่า
อร่อยไหม”
เด็กชายไม่สนใจนิโคและหันไปมองเบลล่าที่กำลังจะกินด้วยสายตาที่ปอบหวังหน่อยๆเพราะเด็กชายไม่ได้ทำรสเดียวที่ให้กับนิโคไปเมื่อกี้
พอเห็นสีหน้าของมีความสุขของเบลล่าออกมานั้นทำให้เด็กชายเผลอยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุขนั้นทำให้นิโคและเบลล่าที่เห็นหน้าแดง
ถึงเบลล่าจะเคยเห็นมันมาก่อนแล้วแต่รอยยิ้มที่ดูเหมือนจริงใจนี้เป็นเสน่ห์ของเด็กชาย
“ก็-อร่อ-ยดี”
จนรถไฟได้มาถึงฮอกวอตส์
ห้องโถงนั้นมีดูจะสนุกสนานโดยเฉพาะบ้านกรินฟินดอร์ที่ดูจะตื่นเต้นเหมือนปีที่แล้วเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียนแทนจะคัดเลือกเด็กทุกคนว่าเหมาะสมที่จะอยู่บ้านไหม
แต่สำหรับเด็กชายนั้นดูไม่น่าสนใจเป็นที่สุด
แต่สายตาที่ได้มาจากคนๆหนึ่งนั้นทำให้เด็กชายหันไปมองที่โต๊ะของอาจารย์นั้นทำให้เด็กชายเห็นว่าคนที่มองมานั้นคือ
มิเซล
ดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเรื่องอะไรซักอย่างนั้นทำให้เด็กชายมองกลับไปแต่ก็แค่แปปเดียวเท่านั้น
เพราะเสียงตบมือแสดงความยินดีของแต่ละบ้านนั้นดังจนเด็กชายนั้นอยากหลับตาและไม่อยากฟังมัน
จนนั้นทำให้เบลล่าที่นั่งข้างๆหันมา
“เป็นอะไรหรือป่าว
เซน”
“ป่าว..เธอกินหน่อยลงหรือป่าว”
“หึ
ก็มันไม่ค่อยหิวนิ”
เด็กชายไม่ได้ตอบเบลล่าและหันไปสนใจหนังสือที่ตนนั้นอ่านตอยอยู่บนรถไฟต่อ
นั้นทำให้นิโคที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเด็กชายถอนหายใจออกมานิดหน่อย
เพราะปีที่แล้วเด็กชายเข้าห้องพยาบาลไป เลยไม่ได้อยู่งานเลี้ยงตอนรับเด็กปีหนึ่ง
“เบื่อเหรอ
เซน”
“ถ้าใช่ละ”
เด็กชายกล่าวออกมาแบบตรงไปตรงมา
แต่สายตานั้นหันไปสนใจเด็กสาวคนหนึ่งที่บนหัวมีหมวกคัดสรรอยู่ เด็กผู้มีเรือนผมสีขาว
ดวงตาสีเขียว นั้นทำให้เด็กชายหันมาถามนิโค
“เธอคนนั้นชื่ออะไรเหรอ”
“อา.รู้สึกจะชื่อว่า
มาเรีย เลวี่ ลูซิเฟอร์นะ”
ทันทีที่เด็กชายได้ยินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับส่งสายตาไปหามิเกลที่อยู่ข้างบนด้วยสายยิ้มที่สนุก
รอยยิ้มที่ทำให้มิเซลตัวสั่นไปด้วยความกลัว
‘หึหึหึ
ไม่เห็นรู้เลยนว่ายัยเซร่ามีลูกด้วยนะ มิเซล’
เด็กชายสื่อสารทางจิตไปให้กับมิเซลนั้นทำให้มิเซลยิ่งหวาดกลัวจากจนทำให้คนที่นั่งข้างๆเป็นห่วงและอยากจะออกไปจากตรงนี้เป็นอย่างมาก
เบลล่าที่เห็นว่าเด็กชายหันไปมองเด็กหญิงผู้ที่ได้ไปอยู่บ้านเรเวคลอด้วยสายตาแปลกประหลาดนั้นทำให้เบลล่ารู้สึกที่ไม่พอใจยังไงไม่รู้
เช้าวันต่อมาเป็นสันเริ่มต้นเรียนในวันแรกของเด็กชาย
แน่นอนในวันแรกนี้เป็นคาบเรียนที่เกี่ยวกับพยากรณ์ศาสตร์เป็นวิชาที่เด็กชายเบื่อเป็นอย่างมาก
เพราะศาสตร์ดาจารย์คนนี้สอนได้น่าเบื่อที่สุด
นั้นทำให้เด็กชายไม่ได้สนใจกับวิชาเลยเพราะตอนนี้เด็กชายสนใจที่จะเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่มิเซลกำลังจะสอนมากกว่า
จนวิชานี้หมดลงนักเรียนเลยที่จะออกมาจากห้องเรียนทันทีและเด็กชายก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รีบออกมา
“ดูนายจะเบื่อที่ศาสตร์ดาจารย์เขาสอนนะ”
นิโคกล่าวออกมาพร้อมกับมองเด็กชายที่กำลังกินอาหารอยู่โต๊ะเพราะหลังจากที่กินข้าวเสร็จก็จะต้องไปที่ห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดทันที
“ใช่
เบื่อมาก สอนอะไรได้น่าเบื่อขนาดนี้คิดว่าจะสอนสนุกมากกว่านี้อีก”
“เป็นไงบ้าง
เรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์”
เบลล่าที่เดินเข้ามาร่วมโต๊ะกล่าวออกมาเพราะตอนนี้เธอนั้นไม่ได้ไปอยู่กับเพื่อนๆของตนแล้วและตัดสินใจที่จะมาร่วมกลุ่มกับนิโคและเด็กชาย
“น่าเบื่อ”
เด็กชายตอบไปให้เบลล่าที่ตอนนนี้กำลังกินขนมปังอยู่เด็กชายที่กินเสร็จแล้วได้แต่นั่งอ่านหนังสือต่อเพราะตัวของเด็กชายนั้นเป้นคนที่กินน้อยมาก
ร่างกายเลยไม่ใหญ่เท่ากับเด็กชายทั่วไปและส่วนสูงของเด็กชายนั้นสูงเท่ากับเบลล่าอีกด้วย
“เหรอ
แต่วิชาป้องกันจากศาสตร์มืดคงจะสนุกเป็นแน่ๆ จริงสิเซน
เธอก็ยกเลิกเรียนพยากรณ์ศาสตร์ไปเลยสิย่ะ”
“หึ
แน่นอนอยู่แล้วเบลล่า”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปที่เบลล่าที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกินอิ่มแล้วแต่ก็นั่งพักเพื่อรอเวลาที่จะไปเรียนวิชาต่อไป
“ไปกันเถอะ
เซน แบล็ก ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว”
นิโคกล่าวออกมานั้นทำให้เด็กชายและเบลล่าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงไปที่ห้องเรียนของวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดผู้คนที่อยู่ในห้องนี้ดูแล้วท่าทางจะตื่นเต้น
เสียงที่ดังนั้นยิ่งทำให้รู้ว่าผู้ที่มาเรียนคาบนี้เป็นต้อวผู้ผู้ที่สนใจในวิชานี้อย่างแน่นอนแทนกลางห้องเป็นยังมีตู้เสื้อผ้าอยู่ด้วย
จนมิเซลเดินเข้ามาในห้องทำให้ทั้งห้องเงียบมีเพียงเสียงที่มาจากตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
“สวัสดีทุกคนสู่วิชาป้องกันตัวจากสาสตร์มืด
มีใครรู้ไหมเจ้านี้คืออะไร”
“บ็อกการ์ด”
เด็กชายกล่าวออกมาแต่สีหน้าดูไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักนั้นทำให้เบลล่ามองเด็กชายด้วยสายตาที่เป็นห่วงและมิเซลที่รู้อยู่แล้วว่าทำไมเด็กชายถึงทำหน้าอย่างนั้น
ก่อนที่จะมองไปรอบๆห้องที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับมัน
“ถูกต้องสธิรีลิน
10 คะแนน บ็อกการ์ดนั้นไม่มีใครรูปว่ารูปร่างมันเป็นยังไงแต่มันจะเป็นสิ่งที่พวกเรากลัวเป็นที่สุดไม่ว่าอะไรก็ตาม”
มิเซลกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือนและบรรยากาศที่ดูน่ากลัวเด็กชายที่อยู่ในห้องนี้ก็รับรู้และไม่อย่างที่จะเห็นความตัวของตนเองเป็นที่สุด
ตัวของเด็กชายสั่นนิดหน่อยแต่อยู่ดีๆก็มีมือมาจับนั้นทำให้เด็กชายเห็นว่าเบลล่าจับมือของตนไว้
“แต่มันก็มีคาถาที่จะช่วยเราได้คือ
ริคดีคูลัส แต่ถ้าร่ายอย่างเดียวมันจะไม่มีผลพวกเธอทุกคนต้องทำให้คือเสียงหัวเราะ ถ้าพูดไปตอนนี้ก็ไม่เห็นภาพงั้นมาทดลองทำจริงกันดีกว่า”
มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับตบมือไปทีนึ่งเพื่อให้นักเรียนทุกคนนั้นมาต่อแถวและเด็กชายเลือกที่จะไปอยู่สุดท้ายเพราะไม่อยากที่จะเจอกับบ็อกการ์ดและขอให้คาบนี้จบเร็วๆ
ทุกคนได้ไปทดลองกนไปหลายคนแล้วจนเด็กชายที่ยืนดูถูกผลัดไปข้างหน้าเด็กชายหันหลังไปเพราะเบลล่าและนิโคที่อยู่ด้วยก็ตกใจและเด็กชายหันไปก็รู้เลยว่าใครเป็นคนผลัดรอยยิ้มที่ส่งมาจากบ้านกริฟฟินดอร์นั้นทำให้เด็กชายต้องมาเผชิญหน้ากับบ็อกการ์ด
มิเซลที่เห็นแบบนั้นพยายามจะเข้าไปห้ามเด็กชายดูเหมือนจะไม่ทัน
เพราะมีคนเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้า
ผู้หญิงผู้มีเรือนผมสีขาว ดวงตาสีฟ้าเข้ม
เสื้อฟ้ามีรอยเลือดเต็มไปหมดไม่พอยริเวณรอบๆยังมีเปลวเพลิงอีกด้วย
ทันทีที่เด็กชายเห็นตัวของเด็กชายก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัวและพยายามจะเดินเข้าไปหา
เข้าไปหาเธอคนนั้น
“ไง
ไนทท์..คนทรยศ ไอเด็กต้องสาป!!”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นบรรยากาศที่เยือนเย็นถึงแม้มันจะมีเพลิงอยู่รอบๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรไว้เลยแทนหญิงสาวยังเดินมาหาเด็กชายอีก
สายตาที่เกลียดแค้น โกธร รังเกลียด เต็มไปหมด มิเซลที่เห็นก็ตกใจเพราะตัวของมิเซลไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าจะกลัวที่สุดคือเรื่องนี้และไม่คิดว่าจะทำให้เด็กชายผู้เป็นรุ่นน้องนั้นหวาดกลัว
เพราะมิเซลรู้ว่าถึงแม้เด็กชายตรงหน้าจะร่ายคาถายังไงเด็กชายก็ไม่มีทางที่จะทำให้มันตลกได้
ไม่มีทางที่จะให้พี่สาวที่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตายเป็นเรื่องตลกได้ การที่เสียอีกครึ่งชีวิตไปนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันตลกเลย
“ลิ.นน่า
ขอโทษ”
เด็กชายกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัวเพราะมันเหมือนกับความฝันที่ไม่ว่ายังไงก็อยากให้มันหายไปแต่มันไม่มีทางที่จะหาย
ชีวิตของลินน่าต้องมาตายเพราะตนเอง
เพราะตนเองจึงทำให้หญิงสาวตรงหน้าผู้เป็นพี่สาวฝาแฝดต้องเสียชีวิต
ลินน่าเดินเข้าใกล้ๆพร้อมกับรอยยิ้มที่เด็กชายปรารถนามาทั้งชีวิต รอยยิ้มที่เธอคนนี้จะมอบมาให้ถึงแม้จะต้องตายเด็กชายก็ยอมรับมัน
“ขอโทษเหรอ
อย่ามาทำเป็นเล่นนะ!!! เพราะแกคนเดียวไม่ใช่เหรอ
ที่ได้ทุกสิ่งที่อย่างไปนะ!! ทั้งตระกูลทั้งชื่อเสียง!!”
ลินน่ากล่าวออกมาพร้อมกับบีบคอเด็กชายอย่างแรงและนั้นทำให้คนที่อยู่ในนั้นสั่นกลัวถึงแม้เด็กชายจะไม่มีน้ำตาแต่ก็มีความหวาดกลัวที่คนตรงหน้าทำ
เด็กชายไม่มีทางทำให้หญิงสาวตรงหน้าหายไปได้
เด็กชายพยายามเอามือมาจับที่ใบหน้าของหญิงสาวด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและนั้นทำให้เบลล่าที่เห็นนั้นรู้สึกเจ็บที่อก
“ขอ..โทษ..ถ้าผมตายไปตอนนั้น..พี่คงดีใจมากกว่านี้สินะ”
เด็กชายกล่าวออกมาซ้ำๆเปลวเพลิงที่เริ่มจะอยู่รอบตัวของเด็กชายนั้นทำให้มิเซลที่เห็นท่าไม่ดีนั้นเดินไปปิดประตูที่บ็อกการ์ดอยู่แล้วรีบไปรับตัวของเด็กชายที่หมดสติไปแล้วด้วยความเร่งรีบ
“คาบนี้เลิกแล้ว
กลับไปซะวันนี้ไม่มีการบ้านส่วนเธอ คุณแบล็กช่วยมาด้วยกันหน่อยได้ไหม”
“ค่ะ”
เบลล่ากล่าวออกมาแล้วรีบวิ่งตามมิเซลไป
มิเซลที่วิ่งมาถึงห้องพยาบาลนั้นก็ให้มาดามดูอากาศและผลออกมาเป็นเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น
นั้นทำให้มิเซลและเบลล่าดีใจก่อนที่มิเซลจะขอให้เบลล่าจับมือเด็กชายไว้เพราะก่อนที่เบลล่าจะจับมือเด็กชายนั้นแสดงสีหน้าทรมาณเป็นอย่างมากและให้ห่องนี้มีแค่เบลล่าและมิเซลเท่านั้น
“ขอบคุณคุณแบล็กที่ตามมา”
“ขอเสียมารยาทนะค่ะ
เมื่อกี้คืออะไร”
เบลล่ากล่าวออกมาพร้อมกับมองไปที่เด็กชายด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงอยู่นั้นทำให้มิเซลที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมา
“อดีตของหมอนี้ไงละ”
“อดีตเหรอ
แล้วทำไหมผู้หญิงคนนั้นถึงเรียกเซนว่าไนทท์ละ แทนเธอยังมีรูปร่างคล้ายกับลินน่า
โยฮาร่า โรวว์ด้วย”
“สมกับเป็นเธอดีนะคุณแบล็ก
คุณสงสัยในเรื่องนี้อยู่แล้วสินะ ฉลาดจริงๆ งั้นจะบอกให้แต่มันเป็นความลับเพราะดูแล้วเธอน่าจะเก็บความลับได้”
มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับนั่งลงข้างๆของเบลล่าก่อนที่จะมองไปที่เด็กชายที่ตอนนี้นอนหลับอยู่แล้วหันไปมองท้องฟ้าที่หน้าต่าง
“คุณรู้จักเบลสซิ่งหรือป่าว”
“รู้สิ
มันเป็นตำนานไม่ใช่เหรอศาสตร์ดาจารย์”
“ใช่และคนตรงหน้านั้นก็เป็นเบลสซิ่ง
เพราะจริงๆคนที่ที่อยู่ข้างๆเธอนั้นคือ ไนทท์ โยฮาร่า โรวว์ ผู้นำตระกูลโรวว์ที่หายตัวไป”
สิ้นเสียงของมิเซลนั้นทำให้เบลล่าเงียบเพราะถ้าดูจากการที่เด็กชายที่หลับอยู่มีรูปของลินน่าผู้เป็นคนจากตระกูลโรวว์แทนยังเป็นรูปของคนที่หายไปแทนยังอยู่ในคฤหาสน์โรวว์อีกมันเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะคนที่รู้มันมีเพียงแค่คนในตระกูล
“ดูเหมือนจะรู้นะคุณแบล็ก
ไนทท์ไม่สิเซนนั้นได้กลับมาเกิดใหม่โดยเทพเจ้าที่เป็นคนให้พร ถึงจะมีความทรงจำแต่ก็ใช่ว่าเกิดมาจะได้มันเลย
ถึงตอนนี้จมีความทรงจำอยู่ประมาณ 70 %
แล้วก็ตามที”
“งั้นที่หมอนั้นสอนได้ก็เพราะจำข้อสอนได้สินะ”
“ฮ่าๆๆถ้าแค่นั้นก็ดี
แต่จริงๆแล้วหมอนี้นั้นไม่อยากที่จะมาโลกแห่งนี้อีก
เพราะหวาดกลัวและแค้นกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียงลินน่าพี่สาวไป
คงโทษว่าเป็นเพราะตัวเองอีกแน่ๆ ถึงนิสัยจะไม่เคยแสดงออกมาเลยก็ตามถึงแม้จะเป็นเด็กต้องสาปก็ตาม
ฉันก็แค่อยากปรารถนาให้เซนมีความสุข”
มิเซลกล่าวออกมาพร้อมกับมือที่กำด้วยความเจ็บปวดถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ตามแต่ตัวของมิเซลนั้นเห็นเด็กชายเป็นน้องชายของตัวเองแค่สภาพตอนเจอกันครั้งแรกของเด็กชายและมิเซลนั้นก็ทำให้ตัวของมิเซลนั้นเจ็บปวด
“ปรารถนาที่จะให้หมอนี้ไม่ต้องมาแก้แค้นและจะปกป้องแทนลินน่าที่ทำไม่ได้
แค่ไม่อยากให้เซนถูกทรยศจากทุกคนเหมือนสมัยก่อน แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้
ตลกดีไหมคุณแบล็กจากคนที่เป็นคนที่ขี้อายกลายเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ ไม่สนใจอะไร
ถึงแม้ตัวเองจะเจ็บปวดเพราะไม่สามารถแสดงนิสัยจริงๆออกมาได้
แต่มีเพียงเธอคุณแบล็กที่ทำให้เซนยิ้มแบจริงๆได้อีกครั้ง”
มิเซลกล่าวออกมาด้วยน้ำตาเบลล่าที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกจุกกับความเป็นจริง
เด็กชายที่นอนหลับอยู่มีอดีตแบบนี้และไม่คิดว่านิสัยที่ตัวเองคิดว่าเป็นนิสัยจริงๆของเด็กชายนั้นจะไม่ใช่
แค่การที่เธอได้ยินก็อยากที่จะช่วยเด็กชายตรงหน้า อยากจะปกป้องเด็กชายตรงหน้า
อยากจะดูแลเด็กชายข้างๆ อยากที่เป็นคนที่แบกภาระและอยู่เคียงข้างเด็กชาย
นั้นทำให้เบลล่าที่จับมือเด็กชายนั้นจับมือแน่นและมองหน้าเด็กชายด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณแบล็ก
ฉันขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ถึงตอนนี้ฉันจะเล่าเรื่องของเซนไม่จบแต่..ขอร้องเถอะเพราะเธอเป็นที่จะทำให้เซนกลับมาเป็นคนเดิมได้
เธอทำให้เซนยิ้มได้แล้วขอร้องละ”
“แน่นอนอยู่แล้ว
ศาสตร์ดาจารย์ฉันจะไม่ทำให้เซนต้องทุกข์อีก มีรู้เพราะอะไรก็แค่อยาก..ให้หมอนนี้มีความสุขบ้าง”
เบลล่าดล่าวออกมาพร้อมกับลูบหัวของเด็กชายด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนนั้นทำให้มิเซลขอตัวออกมาไปแบอกว่าไม่ต้องไปเรียนเพราะมิเซลอยากให้ตัวของเบลล่าอยู่ใกล้ๆกับเด็กชายไว้และจะไปบอกศาสตร์ดาจารย์คนอื่นให้
เบลล่าได้มองไปหน้าของเด็กชายแปปนึ่งก่อนที่จะเอามือมาจิ้มแก้มของเด็กชาย
แต่เพราะเป็นเวลานานมากที่เบลล่าและทิเซลคุยกันนั้นทำให้เด็กชายตื่นขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอย่ะ”
“อืม”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆแต่ดูเหมือนว่าเบลล่าจะทำอะไรแบบไม่ตั้งตัวเพราะเบลล่ากอดเด็กชายพร้อมกับลูบผมของเด็กชายนั้นทำให้เด็กชายหน้าแดงและคำพูดของเบลล่านั้นยิ่งทำให้เด็กชายกอดเบลล่ากลับ
“นายไม่ได้อยู่คนเดียว
ให้ฉันได้อยู่ดูแลนายเถอะนะเซน นายไม่ต้องทำตัวเป็นคนที่เข้มแข็งให้ฉันได้ปกป้องนายเถอะนะเซน
ถ้านายอยากจะแสดงนิสัยเดิมของนายออกมาฉันจะเป็นคนที่ดูแลเอง จะไม่ให้นายเป็นทุกข์อีกแล้ว”
“เธอจะไม่หายไปแบบลินน่าใช่ไหม”
เด็กชายกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นและลำตัวที่สั่นนั้นทำให้เบลล่าเลิกกอดเด็กชายแล้วเอาแขนทั้งสองข้างนั้นมาจับไว้ที่แก้มทั้งสองของเด็กชายใบหน้าที่ใกล้กันนั้นทำให้เด็กชายใจเต้นแรงขึ้น
“ฉันสัญญา”
เบลล่ากล่าวออกมานั้นถึงแม้ตัวของเด็กชายจะไม่รู้ตัวของเด็กชายจะต้องการเบลล่ามากขึ้นถึงแม้จะกลัว
ถึงแม้ว่าคำพูดของเบลล่าจะโกหกหรือป่าวแต่เด็กชายขอแค่ยังเห็นเบลล่าอยู่ข้างๆก็ยังดี
ขออยู่แบบนี้ก็ยังดี ขอแสเงความอ่อนแอบ้างก็ยังดี ไม่อยากโดดเดียวไม่อยากโดนทรยศอีกแล้ว
“จ—จริง—นะ”
เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงมากกว่าเดิม
มือทั้งสองของเด็กชายมาปิดไว้ที่ปากด้วยความกลัวและนั้นทำให้เบลล่ารู้ว่าตัวตนที่แทนจริงของเด็กชายตรงหน้านั้นเป็นคนที่ขี้กลัวและขี้อายขนาดไหน
และเธอสัญญาว่าจะปกป้องรอยยิ้มที่เด็กชายแสดงออกมาอย่างแน่นอน
“จริงสิ
เซน ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง จะไม่ทรยศนาย เซน”
-------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะชินะค่ะ ตอนนี้เป็นการที่เฉลยให้เบลล่ารู้อดีตของเซนและได้รู้ว่าจริงๆแล้วเซนนั้นเป็นคนที่ขี้กลัวเป็นอย่างมาก อดีตและปัจจุบันทำให้ตัวของเซนมีนิสัยแบบนี้และนี้คงเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสอง เซนที่เริ่มจะเปิดใจให้กับเบลล่าและเบลล่าที่สัญญาว่าจะปกป้องเซน เรื่องราวต่อไปนี้ของทั้งสองจะเป็นยังไงนะ กลายเป็นว่าตอนแรกตัวเซนจะต้องปกป้องเบลล่ากลายเป็นว่าตอนนี้เบลล่ามาปกป้องเซนซะงั้น
ความคิดเห็น