คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : อย่าจากไปไหนเลยนะ
“พี่ชีวินไม่เป็นไรนะคะ”
นารีถามพี่ชีวินด้วยความเป็นห่วงขณะขับรถกลับเพราะตั้งแต่ออกจากโรงแรมพี่ชีวินก็ดูเศร้าและไม่ยอมพูดอะไรหน้าตาของพี่ชีวินบ่งบอกได้ถึงความผิดหวังและเสียใจ
แววตาที่ดูเศร้าไม่เหมือนกับตอนที่ขันอาสามาพี่ชิวนดูดีใจจนออกนอกหน้าที่จะได้มาพบฤทัย
แต่ตอนนี้เขาดูสิ้นหวังในชีวิต
“พี่ไม่เป็นไรนารี พี่แค่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะพบกับความผิดหวัง
พี่เหมือนโดนค้อนทุบมาที่หัวตอนนี้มันงงๆ ลอยๆยังไงบอกไม่ถูก”
พี่ชีวินหันหน้ามามองนารีและฝืนยิ้มให้แต่ลอยยิ้มที่ดูเศร้านั้นมันก็ทำให้นารีรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดและฝืนใจแค่ไหนที่จะยิ้มออกมา
“พี่ชีวินไหวนะคะ”
“พี่ไหวนารี พี่ไหว ขอเวลาพี่สักพักนะ” พี่ชีวินเลี้ยงรถจอดเข้าข้างทางและก้มหน้าลงฟุบกับพวงมาลัยรถ
เขาคงไปต่อไม่ไหวแล้ว
นารีไม่ถามอะไรพี่ชีวินอีกเธอทำได้เพียงเอามือกุมมือเขาไว้เพื่อทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวเขายังมีเธอที่รอเขาอยู่
พี่ชีวินเงยหน้าขึ้นมามองนารีเธอทำให้เขารับรู้ได้ว่าเขามีเธออยู่ข้างๆจริงๆ
“ขอบใจนะนารี”
“นารีจะอยู่ข้างๆพี่ชีวินเสมอนะคะ”
คำพูดของนารีทำให้พี่ชีวินรับรู้ได้ว่าเขามีเธออยู่ข้างๆเสมอ
เพียงแต่เขามองข้ามมันไปทุกครั้งที่เขาไม่สบายใจเขาหรือรู้สึกท้อใจเขาก็มีแต่เธอที่อยู่เคียงข้างเขา
ชีวินก็พอรับรู้ได้ว่าตลอดมานารีก็มีใจให้เขาเพียงแต่ในหัวใจของเขามีแต่ฤทัย
เขาจึงมองข้ามคนที่รักและรอคอยเขามาตลอดอย่างนารี
แม้วันนี้เขาอาจจะยังทำใจให้รักเธอไม่ได้แต่ในวันข้างหน้าเขาน่าจะทำใจให้รักเธอได้ไม่ยากเพราะความดีของเธอที่มีต่อเขาตลอดมา
และแล้ววันแถลงข่าวของจิ่งหยูวกับฉันก็มาถึงนักข่าวและแฟนขลับของจิ่งหยูวต่างมารอฟังแถลงข่าวกันมากมาย
เพราะมันเป็นข่าวที่ดังมากไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับจิ่งหยูวก็มักจะมีคนติดตามกันมากมายอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่บทสัมภาษณ์และคำตอบที่ทางบริษัทให้มาถึงแม้นั่นมันจะไม่เป็นความจริงก็เถอะ
แต่ฉันกับจิ่งหยูวก็ต้องตอบไปตามนั้นเพราะเหตุผลมากมายหลายอย่างทำให้เราต้องแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเราเป็นแค่เพื่อร่วมงานกันจริงๆ
แม้ความจริงแล้วเราจะรักกันก็ตาม ความจริงที่จะมีก็แต่ฉัน จิ่งหยูว ฤทัย
และพี่ชีวินเท่านั้นที่รู้
แม้จะมีบางคนที่ยังซุบซิบกันอยู่และไม่เชื่อแต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อตามที่เราแถลงข่าวไป
สำหรับฉันวันนี้ว่าเป็นวันที่เลวร้ายแล้ว
แต่ที่เลวร้ายไปมากกว่านั้นก็คือเขาต้องเดินทางกลับจีนวันศุกร์นี้แล้ว
หลังจากการแถลงข่าวเรียบร้อยบริษัทก็ให้ฉันย้ายออกจากโรงแรมกลับมาอยู่ที่บ้านและกลับมาทำงานหน้าที่เดิมไม่ต้องไปดูแลเขาและห้ามฉันกับเขาพบกันอีก
เพราะกันพวกนักข่าวที่ยังจ้องคอยขุดคุ้ยข่าวฉันกับเขาอีก สำหรับฉันแม้จะทำใจยอมรับไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเวลาแห่งความสุขมันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
การอยู่ห่างจากเขามันทำให้รู้ถึงใจตัวเองมากขึ้น การไม่มีเขาอยู่ข้างๆมันช่างเหงา เหมือนชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่มีความหมายอะไร
ฉันกับเขาคงจบกันแล้วจริงๆ ฉันเฝ้าบอกตัวเองอย่างนั้น
และแล้ววันที่จิ่งหยูวต้องเดินทางกลับก็มาถึง
หลังจากวันแถลงข่าวเราก็ไม่เจอและติดต่อกันอีกเลย บริษัทส่งฉันให้มาดูแลความเรียบร้อยและส่งเขาขึ้นเครื่องและมันก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับฉันที่จะต้องมองดูเขาจากไปแต่ฉันก็ต้องเข้มแข็งและต้องทำให้ได้
ฉันและทีมงานมารับจิ่งหยูวที่โรงแรมเพื่อเดินทางไปที่สนามบิน ทันทีที่เราเจอหน้ากันจิ่งหยูวมองหน้าฉันแต่ฉันต้องทำเป็นไม่สนใจต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจไม่สามารถแสดงออกมาให้ใครเห็นได้เลยแม้ในใจอยากจะเข้าไปกอดเขามากแค่ไหนก็ตาม
รถตู้จอดหน้าอาคารผู้โดยสาร ทันทีที่จิ่งหยูวก้าวลงจากรถการ์ดที่คอยรอรับอยู่รีบเข้ามากั้นแฟนคลับที่มาส่งเขาจำนวนมากพอๆกับวันที่เขาเดินทางมาทำให้วันนี้สนามบินดูแคบลงไปถนัดตา
ฉันเดินตามหลังเขาไปไม่ห่างแม้ตอนนี้เราจะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือแต่มันก็เหมือนอยู่ไกลกันเหลือเกิน
เราเข้าไปพักในห้องพักที่ทางสนามบินจัดไว้ให้เพื่อรอขึ้นเครื่องตามเวลาในห้องมีฉันและเจ้าหน้าที่ของบริษัทสองคนอยู่กับเขา
หลายครั้งที่เราสบตากันแต่ก็ทำได้แค่นั้น
ระหว่างนั่งรออยู่ในห้องเจ้าหน้าที่ของบริษัทสองคนก็ขอตัวออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอกฉันกับจิ่งหยูวจึงมีโอกาสที่ได้อยู่กันตามลำพัง
“คุณไม่เป็นไรนะ” และนั่นก็เป็นคำถามแรกที่เขาเอ่ยถามฉันและมันก็ทำให้ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
ฉันทำได้เพียงนั่งก้มอหน้าแลพยามยามเช็ดน้ำตาที่มันไหลรินออกมา
จิ่งหยูวลุกขึ้นมานั่งข้างๆฉัน พร้อมโอบกอดฉันไว้
“ผมจะกลับมาหาคุณนะ ผมสัญญา”
คำพูดของจิ่งหยูวทำให้ร้องไห้ไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฉันจะรอคุณ ฉันจะรอคุณ” และนี่ก็เป็นคำพูดสุดท้ายที่ฉันได้พูดกับเขา
ก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่อง
ความคิดเห็น