ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Prince[ss] Diary บันทึกเรื่องราวฉบับSimCin

    ลำดับตอนที่ #3 : I’m a Superstar

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 56


    คนเรามักมีความฝันที่ยิ่งใหญ่เสมอ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่เหมือนกับคนทั่วไป

     

    ร้องเพลงอีกแล้ว พรุ่งนี้เรามีสอบไม่ใช่เหรอ? ฮีชอล

     

    ร่างบอบบางใบหน้ามีร่องรอยที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงตามอายุขัยและกาลเวลาเอ่ยปากถามลูกชายที่กำลังอินกับเพลงจากอุปกรณ์ไฮเทคเครื่องจิ๋ว ร่างบอบบาง ผมซอยสั้นระต้นคอ หยิบหูฟังออกข้างนึงก่อนจะหันมาหาแม่ของตนหน้าจ๋อย

     

    ผมอ่านมาทั้งวันแล้วอะ ขอพักหน่อยไม่ได้เหรอครับ

     

    แม่เห็นเราพักเกือบทุก2ชั่วโมงมาร้องเพลงตลอดเลยนะ แล้วเราจะสอบได้เหรอ ในเมื่อเราเอาแต่สนเรื่องร้องเพลงไปวันๆ

     

    ร่างบางก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินคำสั่งสอนของแม่ คิม แตฮี ไม่พูดอะไรต่อนอกจากหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนของร่างบางไป แต่ก่อนจะเดินพ้นขอบประตูไปนั้น ใบหน้าสูงวัยก็หันกลับมากำชับลูกชายของตนเป็นครั้งสุดท้ายในเรื่องที่พูดอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเดินจากไป

     

    ล้มเลิกความหวังที่จะเป็นนักร้องเถอะฮีชอล ถือว่าแม่ขอร้องนะ

     

    ฮีชอลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ขาเพรียวค่อยๆก้าวเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือซึ่งมีหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ มือบางเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลงและพุ่งความสนใจไปยังตำราเรียนตรงหน้า แต่หูยังคงใส่หูฟังและฮัมเพลงตามจังหวะเพลง

     

     

    ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงฉันก็ตามฉันจะต้องเป็นนักร้องให้ได้

     

    ร่างบางพึมพำกับตัวเองอย่างหนักแน่นในสิ่งที่ตนเองตั้งใจ แต่ตอนนี้ตนต้องเลิกสนใจเรื่องความฝันของตนชั่วขณะเพื่อเผชิญกับความจริงที่ว่า สอบพรุ่งนี้ จะรอดมั้ย!!

    ...........

    ......

    ...

     

    ดูโอ้?”

     

    ใช่ เป็นโปรเจ็คใหม่สำหรับนายโดยเฉพาะเลย

     

    คนเพิ่งทราบข่าวเลิกคิ้วมอง ผู้จัดการส่วนตัวของตนทันที อี ฮยอกแจ ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องเดี่ยวซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในช่วงนี้ ขยับแว่นของตนเองให้เข้าที่ ใบหน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิงก้มลงดูเอกสารในมือก่อนจะส่งให้ร่างสูงที่กำลังนั่งจิบไวน์ราคาแพงอย่างสบายอารมณ์อ่าน คิ้วเข้มเริ่มขมวดกันเป็นปมเมื่อสายตาคมไล่อ่านข้อความในเอกสารไปได้เกือบครึ่ง

     

    จะให้ฉันไปเลือกเองด้วย ไม่เกินไปหน่อยเหรอไง?”

     

    ร่างบางของผู้จัดการส่วนตัวได้แต่ส่ายหัวอย่างระอากับเรื่องขี้บ่นของนักร้องมาดคุณชาย อย่าง ชเว ซีวอน ซึ่งแค่เจอหุ่นสุดเพอร์เฟ็คกับหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ทำสาวๆลงไปกองกับพื้นเป็นตับแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเสียงที่เพียงแค่ขยับปากร้องแค่ไม่กี่ท่อนก็เรียกเสียงกรี๊ดของสาวๆได้หลายเมกะเฮิร์ทแล้ว

     

    นายก็ยอมๆทำเพื่อบริษัทหน่อยเถอะน่า ซีวอน ถ้าไม่ใช่เพราะเขานายก็คงไม่มีวันนี้หรอก

     

    ซีวอนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้าคมเข้มหันไปสนใจทีวีต่อ โดยมีร่างบางยืนลุ้นว่าคนตรงหน้าจะยอมเข้าร่วมโปรเจ็ตอันนี้หรือไม่

     

    อยากทำอะไรก็เชิญ ยังไงก็ขัดไม่ได้อยู่แล้ว

     

    ฮยอกแจถึงกับยิ่มร่าเมื่อร่างสูงตอบรับงาน มือบางหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วออกมาโทรไปยังค่ายเพลงที่ร่างสูงทำงานอยู่ก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงขั้นตอนต่อไป โดยไม่อยู่ในความสนใจของซีวอน ร่างสูงคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะไม่ยอมให้ความนิยมของตัวเองลดลงเพียงเพราะมีดูโอ้มาช่วยเสริมเพลงของเขา

     

    ปฎิเสธซะให้หมดก็สิ้นเรื่อง ข้ออ้างของเราก็มีเยอะ

     

    ซีวอนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะจิบเครื่องดื่มในมือต่อ แต่ใครจะคาดคิดว่าสิ่งที่ร่างสูงตัดสินใจนั้นกำลังจะเปลี่ยนชีวิตของตนเองและใครบางคนไปอย่างสิ้นเชิง....

     

    ว๊ากกกกกกกกกกกกก!!! สอบเสร็จซักที วันนี้จะไปร้องคาราโอเกะให้สะใจไปเลยยยย

     

    เสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นจากหน้าโรงเรียนจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองอย่างงงๆ ฮีชอลยืดแขนขึ้นฟ้าก่อนจะสูดหายใจอย่างเต็มปอด เมื่อการสอบของตัวเองยุติลง แขนเบ็กโอบรอบคอเพื่อนรักที่ยืนมองเพื่อนของตนขำๆ

     

    นายก็นะ ไม่คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากร้องเกะบ้างเหรอไง?”

     

    ใบหน้าหวานดูคงแก่เรียน ถามเพื่อนอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ตนรู้จักฮีชอลมาไม่เคยมีครั้งไหนที่ร่างบางจะไม่เลิกสนใจเรื่องการร้องเพลง ถ้าจะให้ถูกก็คือ หายใจเข้าออกเป็นเนื้อเพลงเลยทีเดียว

     

    ไม่อะ ฉันชอบร้องเพลง นายก็รู้ว่าฉันอยากเป็นนักร้องมากแค่ไหน

     

    พูดถึงนักร้อง นายรู้จักนักร้องที่กำลังมาแรงตอนนี้รึเปล่า?”

     

    ฮีชอลหันมามองเพื่อนรักของตนอย่างสงสัย เพราะตนไม่ได้ชอบนักร้องคนไหนเป็นพิเศษถ้าเพลงไหนเพราะร่างบางก็จะลองเอามาฝึกร้องเลยไม่ได้สนใจที่ตัวบุคคลมากเท่าที่ควร เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิท ปาร์ค จองซู จึงแถลงไขให้ร่างบางทราบทันที

     

    ก็นักร้องหน้าใหม่ของค่ายSJ ไง รู้สึกว่าจะชื่อ...ชเว ซีวอนมั้ง เป็นนักร้องเดี่ยวด้วย

     

    พอได้ยินชื่อร่างบางก็ถึงบางอ้อทันที คิ้วเรียวขมวดกันแน่นพร้อมกับริมฝีปากที่เบะออกอย่างหมั้นไส้ในชื่อนั้นซะเต็มประดา

     

    หมอนั่นอะนะ? เสียงก็งั้นๆ หุ่นก็อย่างกับคิงคอง บางทีฉันก็สงสัยนะว่าหากหมอนั่นร้องเพลงไปนานๆ กล้ามมันจะเริ่มขยับมารวมกันอยู่ที่ปอดเปล่า

     

    จองซู ยิ้มแหยๆให้เพื่อนรักทันที ไม่เคยคิดว่าร่างบางจะแอนตี้คนๆนี้ซะจนออกนอกหน้า หรือว่าหมั้นไส้ความดังที่เพียงแค่เข้ามาไม่กี่อาทิตย์ก็ดังเป็นพลุแตก

     

    น่าๆ นายใจเย็นๆก่อน ฉันได้ข่าวมาว่า ที่ค่ายของหมอนั่นเปิดให้ออดิชั่นเข้าเป็นเด็กฝึกหัดด้วย เลยคิดว่านายน่าจะลองไปดู

     

    ฮีชอลหันมามองเพื่อนรักตาโต ก่อนจะจับไหล่เล็กของเพื่อนรักเขย่าแรงๆ

               "อะไร! เมื่อไหร่!! ที่ไหน!! ต้องทำยังไงบ้าง!! ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย!!"

             หัวของจองซูสั่นจนเห็นหน้าของฮีชอลมีมากกว่า3หน้า

     

    เฮ้อๆๆๆ!! ใจเย็นๆหน่อยสิ เดี๋ยวฉันก็ตายหรอก

     

    เมื่อรู้ตัวว่าทำไรลงไป ร่างบางรีบปล่อยมือออกก่อนจะขอโทษขอโพยเพื่อนรักที่ยืนมึนนับดาวบนหัว เมื่อเรียกสติกลับมาได้ จองซูก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและนึกถึงข้อมูลคร่าวๆของตนที่ได้ยินมา

     

    เขาเปิดออดิชั่นวันเสาร์นี้ ตั้งแค่10โมง ที่ค่ายเพลงเลย นายแค่เตรียมการแสดงที่คิดว่าจะทำให้กรรมการเขาปลื้มและเลือกนายเข้าเป็นเด็กฝึกหัดก็พอ แต่เขาบอกว่ากรรมการคราวนี้เป็นคนที่พิเศษมากๆ ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร

     

    ฮีชอลพยักหน้าอย่างเข้าใจ จองซูมองหน้าเพื่อนรักก่อนจะถามนิ่งๆ

     

    นายคิดจะไปแน่นอนสินะ

     

    อื้อ นายไม่ต้องมาถามหน้าตาเคร่งเครียดอย่างงั้นเลย ฉันรู้ว่านายอยากช่วยไม่งั้นนายคงไม่บอกเรื่องไปออดิชั่นที่นี่หรอก

     

    ฉันแค่ลองเชิงว่านายรู้เรื่องนี้รึยังตะหาก

     

    จองซู รีบแก้ตัวทันที เมื่อเสียรู้เพื่อนรักของตนซะแล้ว ฮีชอลยิ้มกว้าง รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจและการสนับสนุนที่ไม่ค่อยแสดงออกของเพื่อนคนนี้ แขนเล็กพาดบ่าเพื่อนหน้าหวานก่อนจะกึงลากกึงดึงให้ตามตนไป โดยที่จองซูได้แต่ตามไปอย่างงงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อร่างบางพูดบางอย่างออกมา

     

    ไปหาไรกินกัน วันนี้ฉันเลี้ยง

     

    และแล้วก็มาถึงวันที่รอคอย ร่างบางเงยหน้ามองอาการทรงสูงสีเทาที่มีคราบดำเกาะตามผนังตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสะกดเป็นชื่อของบริษัทเพลงชื่อดัง ร่างบางก้มลงมองเศษกระดาษที่จดรายละเอียดเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองชื่อบริษัทอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตนเองได้มาถูกที่แล้ว เมื่อเห็นว่าใช่ ร่างบางจึงรีบเข้าไปในบริษัททันที

    ร่างบางตรงดิ่งไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งถึงจุดประสงค์ที่ตนมาวันนี้

    ผมมาออดิชั่นฮะ

    ใช่ ที่เป็นโปรเจ็คของ ชเว ซีวอนเปล่าคะ?”

    พนักงานประชาสัมพันธ์ถามอย่างสงสัย สายตาไล่สำรวจร่างบางจนคนโดยสำรวจอดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้

    ครับผม

    ไปที่ประตูบานนั้นเลยค่ะ

    พนักงานชี้ไปยังประตูขาวหน้าประตูปะป้ายที่เขียนตัวอักษรยึกยือแต่พออ่านออกไว้ หน้าประตูมีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังนั่งรออะไรบางอย่างอยู่ ร่างบางโค้งให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวสุดท้าย

    แอ๊ด!!

    ทำไมเขาถึงไม่เลือกฉัน!!

    เชิญคนต่อไปครับ

    หญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินออกมาพร้อมน้ำตานองหน้า เพื่อนๆที่มากับเธอเข้าไปปลอบอย่างสงสารจับใจเมื่อเพื่อนของตนไม่ได้รับเลือกให้ผ่านการออดิชั่น เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสีน้ำเงินทั้งตัว เรียกให้คนที่นั่งเก้าอี้ตัวแรกสุดเดินเข้าไป แต่ไม่ทันไรก็เดินออกมาพร้อมกับสภาพและอาการที่ไม่ต่างไปจากคนก่อนหน้านี้ และเป็นอย่างงี้อยู่หลายครั้งหลายรอบจนฮีชอลนึกอยากกลับบ้านขึ้นมา

    คนต่อไป

    เมื่อถึงตาตนเองร่างบางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องออดิชั่น
    …………
    …….
    ….

    เมื่อไหร่มันจะหมดวันซักทีเนี่ย!!

    ซีวอนคิดอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่เช้าที่ตนต้องมานั่งอยู่ในห้องทรงสี่เหลี่ยมไม่มีอะไรนอกจากเก้าอี้และโต๊ะของกรรมการ3ที่กับแอร์ที่ติดฝาผนังช่วยคลายร้อน และที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคือคนที่มาออดิชั่นแต่ละคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ซีวอนปฎิเสธทุกคนต่อให้เสียงดีหรือลีลาเด็ดแค่ไหน กรรมการอีก2คนก็ไม่กล้าหือคนๆนี้มากนักเพราะเป็นนักร้องระดับแนวหน้าจึงได้แต่บอกปัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    เหลืออีกกี่คนเนี่ย?”

    ซีวอนหันไปถามพนักงานที่คอยเปิดประตูเรียกให้ผู้สมัครเข้ามา เปิดประตูออกไปดู กลุ่มคนที่มุงและนั่งเป็นแถวยาวบ่งบอกว่าวันนี้คงไม่จบง่ายๆ พนักงานหันมายิ้มแหยๆให้ร่างสูงซึ่งพอจะทราบแล้วว่าวันนี้ตนเองคงต้องอยู่ในห้องนี้ทั้งวันอย่างเซ็งๆ

    คนต่อไปเข้ามาเลย

    ซีวอนกุมขมับโบกมือไปมาอย่างเซ็งๆพร้อมบอกให้พนักงานเรียกตัวคนต่อไปเข้ามา กะว่าเห็นหน้าจะบอกว่าไม่ผ่านเลย

    แอ๊ด

    ขออนุญาตครับ

    “!!!!!”

    ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนทันที เมื่อซีวอนเอามือออกเพื่อสบตาเด็กที่เข้ามาใหม่ ใบหน้าหวานสวยยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เคยพบ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูเปล่งปลัง ผมซอยสั้นสีดำประบ่าตัดกับผิวขาวผ่องไร้รอยตำหนิ ดวงตากลมโตสีนิลน์เหมือนลูกแมวจ้องมอบไปรอบๆห้องอย่างกังวล ทำเอาซีวอนจ้องมองตาไม่กระพริบ ผิดกับร่างบางที่จ้องหน้า1ในกรรมการตาไม่กระพริบ ในใจร้องโหยหวนเมื่อรู้ว่าซีวอนที่ตนเหม็นหน้าไม่อยากเจอมากที่สุด เป็น1ในกรรมการครั้งนี้

    ทำไมหมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้!!?

    ร่างบางบ่นอุบอิบในใจก่อนจะนึกขึ้นได้ในสิ่งที่เพื่อนรักของตนเคยพูดไว้

    กรรมการพิเศษจองซูนะจองซู เสร็จจากนี่ไปจะไปทวงค่าอาหารนายแน่!!

    ร่างบางกัดฟันกรอดๆ แต่ฝ่ายที่กำลังโดนนินทากับมองใบหน้าหวานของร่างบางอย่างเพ้อๆ ไล่สายตามองสำรวจแล้วสำรวจอีก ตั้งแต่เสื้อเชิ๊ตสีขาวดำ กางเกงยีนส์รัดรูปจนไปถึงรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มอมดำ

    สวย

    คุณซีวอนครับ

    ห๊ะ?”

    ซีวอนตื่นจากภวังค์ก่อนจะหันไปมองกรรมการอีก2คนที่หันมามองตนเอง ซีวอนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะรวบรวมสติและหันไปมองร่างบางอีกครั้ง

    บอกชื่อและการแสดงที่จะนำมาโชว์ครับ

    ฮีชอลพยายามปรับสีหน้าให้ปกติที่สุด พยายามคิดว่ามาลองหาประสบการณ์เอา ใบหน้าสวยค่อยๆยิ้มบางๆให้กับคณะกรรมการก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง

    ผมชื่อคิม ฮีชอล ครับ การแสดงวันนี้ผมจะร้องเพลง A Day ครับ

    เมื่อกล่าวแนะนำตัวเสร็จร่างบางเดินตรงไปยืนหน้าไมค์ ร่างบางหลับตาแน่นพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะเริ่มร้องเพลงที่ตนคัดเลือกมาอย่างดี ซีวอนหลับตานิ่งฟังเสียงร้องที่ร่างบางตั้งใจร้องและกลั่นกลองออกมาจากใจ

    น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูธรรมดา แต่มันกลับหวานนิ่มนวล ใสกังวาลในความรู้สึกของซีวอน ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงตั้งใจฟังร่างบางตรงหน้าร้องเพลง ทั้งๆที่เจอคนที่ร้องเก่งกว่านี้ผ่านมาเยอะแล้วแต่ก็ไม่คิดจะสนใจ ร่างสูงลืมตามองร่างบางที่ร้องเพลงจนจบก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครเห็น

    ขอบคุณมากนะครับแต่…”

    ผมเอาคนนี้

    หา!!

    กรรมการอีก2คนที่กำลังจะแย้งรวมไปถึงคนที่กำลังจะฟังการวิจารย์จากกรรมการหันมามองหน้าแขกรับเชิญเพียงคนเดียวในที่นั้น ซีวอนยืนขึ้นชี้ตรงไปที่ร่างบางที่ยังอึ้งไม่หาย

    ผมเอาคนนี้ บอกที่เหลือกลับไปได้ละ

    แต่ว่าคุณซีวอนเด็กคนนี้

    มีปัญหาเหรอครับ?”

    ซีวอนหันไปจ้องกรรมการเขม็งจนคนโดนจ้องหนาวๆร้อนๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ส่วนฮีชอลที่ตั้งใจว่าฟังคำวิจารย์เสร็จจะตรงดิ่งกลับบ้านทันทีได้แต่มองอึ้งๆ สมองปิดการรับรู้ไปทันที เมื่อพบว่า หลังจากนี้ต้องมาเป็นนักร้องดูโอ้กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าที่สุด!!!

    อะไรนะ! ลูกออติด!?”

    เสียงแหลมสูงของคนเป็นแม่ ถามลูกชายอย่างตกใจเมื่อทราบความจริงว่าลูกรักของตนแอบไปออดิชั่นเป็นนักร้องแล้วดันออติด ที่สำคัญ ยังได้ไปเป็นดูโอ้ของนักร้องชื่อดังมาแรงในช่วงนี้อย่าง ชเว ซีวอนอีกตะหาก ฮีชอลถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะบอกแม่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้สำหรับวันนี้

    ก็ผมบอกไปแล้ว ว่าผมออติด แล้วก็ต้องไปฝึกเป็นนักร้องดูโอ้กับซีวอนฮะ

    ร่างบางไม่ว่าเปล่า ยื่นเอกสารลงนามสัญญาระหว่างร่างบางกับบริษัท(ที่ถูกซีวอนบังคับให้เซ็น)ไว้ให้คนเป็นแม่อ่าน ทันทีที่อ่านร่างของผู้สูงวัยก็ทรุดนั่งข้างๆลูกชายอย่างหมดแรง ฮีชอลที่เห็นอาการของคนเป็นแม่ค่อยๆเลื่อนมือของตนเองมาจับมือแม่เอาไว้แน่นและบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ ใบหน้าสูงวัยหันมามองลูกช้าๆอย่างเป็นห่วง

    ต้องเริ่มซ้อมเมื่อไหร่?”

    ตั้งแต่พรุ่งนี้ฮะ แต่ว่าช่วงเปิดเทอมผมก็ไปเรียนตามปกติและค่อยไปซ้อมตอนเย็น

    ใบหน้าสูงวัยพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะวางมืออีกข้างลงบนหลังมือขาวเนียนของลูก ดวงตาสีดำเช่นเดียวกับร่างบางสบตาคนที่ตัวเองอุ้มชูดูแลมาตั้งแต่เด็ก

    แม่รู้ว่ายังไงก็ห้ามลูกไม่ได้อยู่แล้ว พยายามทำตามความฝันของตนเองอย่าล้มเลิกกลางคันนะลูก

    ฮีชอลยิ้มกว้าง วงแขนเล็กกอดรัดแม่ของตนเองแน่นอย่างยินดี ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มนิ่มทั้งซ้ายและขวาสลับไปมา รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อแม่ของตนยอมให้โอกาส เมื่ออุปสรรค์หนึ่งผ่านไป ก็เหลืออีกอุปสรรค์ที่ร่างบางต้องเผชิญ นั่นคือ ทำใจกับเรื่องที่ตนเองต้องอยู่กับ ชเว ซีวอน นับจากวันพรุ่งนี้ไป!!

    ...............

    ..........

    .....

     

    ณ ห้องพักสุดหรูราคาหลายร้อยล้าน ร่างสูงใหญ่มาดผู้ดีกำลังนอนเอาแขนพาดบนพนักโซฟาขนาดใหญ่ มืออีกข้างยกเครื่องดื่มสีแดงราคาแพงขึ้นจิบ ในสมองมีเพียงใบหน้าหวานชวนมองของคนๆหนึ่งที่สะดุดตาเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องออดิชั่น

     

    คิม ฮีชอล...

     

    ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้คิดถึงแต่เด็กคนนี้ ทำไมถึงเลือกคนๆนี้ทั้งที่ตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่เลือกใคร ยิ่งนึกถึงใบหน้าเหรอหราและหงิกงอตอนถูกตนบังคับให้ลงนามในสัญญาก็ยิ่งเรียกรอยยิ้มขบกันบนใบหน้าหล่อเหลาได้เป็นอย่างดี

     

    วันนี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอะสิถึงได้ยิ้มอยู่ได้

     

    ซีวอนตื่นจากภวังค์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงติดจะล้อเลียนตนเอง ร่างสูงหันไปมองแขกขาประจำที่เดินเข้ามาในห้องพักอย่างถือวิสาสะ ฮยอกแจกอดอก ส่งสายตาล้อเลียนไปให้ แต่ซีวอนก็ไม่ได้สนใจอะไร

     

    นายมาทำอะไร?”

     

    ใจร้ายจังนะ แค่จะเอาเรื่องของเด็กคนนั้นมาให้อ่าน เพราะจากนี้นายต้องอยู่กับเด็กคนนั้นตลอดจนกว่าจะถึงวันเดบิว ในฐานะวงดูโอ้

     

    ร่างบางอธิบายเสร็จสรรพพร้อมกับยื่นซองเอกสารซึ่งภายในบรรจุข้อมูลของคนที่ร่างสูงคิดถึงตลอด ซีวอนรับเอกสารมาอ่านอย่างรวดเร็ว ภายในมีรูปตอนเด็กของร่างบางและข้อมูลส่วนตัวทุกอย่าง

     

    ขอบใจมากนะฮยอก นายกลับไปพักได้ละ

     

    ตามบัญชาของท่านซีวอน ขอให้ท่านมีความสุขและเพลิดเพลินกับข้อมูลที่กระผมหามาให้นะขอรับ

     

    ร่างบางรีบวิ่งออกไปจากห้องพักทันทีหลังจากที่ตนพูดจาประชดประชัดติดไปทางล้อเลียนซะส่วนใหญ่ ซีวอนส่ายหน้าไปมากับผู้จัดการคนสวยคนนี้ที่พอมีโอกาสล้อเลียนเขาก็จะทำทันที ก่อนจะเริ่มไล่สายตาอ่านข้อมูลในเอกสารอย่างสนอกสนใจ หากเป็นทุกครั้งซีวอนจะโยนทิ้งไปอย่างไม่คิดจะใส่ใจไม่ก็โยนหน้าที่ให้กับผู้จัดการของตนมาอ่านแทน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

     

    คิม ฮีชอล ลูกชายคนเดียวของครอบครัวตระกูลคิม ตั้งแต่ได้เห็นภาพของนักร้องคนหนึ่งในโทรทัศน์ร่างบางก็ได้ตัดสินใจที่จะเป็นนักร้องและเริ่มฝึกร้องเพลงเองตั้งแต่เด็ก ความสนใจเฉพาะในเรื่องดนตรีคือ แนวร็อค แต่ก็ฝึกร้องเพลงทุกแนว เคยชนะรางวัล Song festival junior....

     

    สายตาคมไล่อ่านข้อความในเอกสารพร้อมกับดูรูปประกอบ ภาพของเด็กชายหน้าตาสวยเหมือนผู้หญิงวัย8ขวบที่ยืนถือถ้วยรางวัลชนะเลิศด้วยรวยยิ้มกว้างอย่างยินดี เรียกให้คนมองภาพนั้นกระตุกยิ้มตาม

    เมื่อเปิดเอกสารต่อไป สายตาของซีวอนก็ไปสะดุดเข้ากับแผ่นซีดีที่แนบมาพร้อมกับเอกสาร ร่างสูงหยิบแผ่นซีดีขึ้นมามองอย่างสงสัยก่อนจะใส่มันลงในเครื่องเล่นดีวีดี หน้าจอสีดำปรากฎภาพของคนที่ตนเพิ่งเห็นในรูป คิมฮีชอลอายุ8ปีในชุดสีชมพูลายเจ้าหญิงจากวอลดิสนี่ กางเกงรัดรูปสีแดง กำลังร้องและเต้นเพลง บอลลูน อย่างสนุกสนานเล่นเอาซีวอนหลุดหัวเราะพรืดออกมา กับท่าทางของร่างบางตอนเด็ก

    "ถ้าไม่เจอนายตอนนี้ฉันคงคิดว่านายเป็นผู้หญิงแน่ๆ"

    ซีวอนพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนจะปิดโทรทัศน์ ก่อนจะหลับตาพักผ่อนสมอง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันรุ่นขึ้น

    อยากรู้จริงๆว่านายจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ฉันบ้าง...คิม ฮีชอล

    ..........
    .......
    ....

    เช้าวันใหม่ที่ต่างไปจากทุกวันเริ่มขึ้น ฮีชอลตรงดิ่งไปยังสตูดิโอและคอนโดส่วนตัวของคนที่ตนต้องจำใจมาทำงานด้วย ร่างบางยืนชั่งใจอยู่ซักพักก่อนจะเคาะประตูให้เจ้าของห้องรู้ว่าตนเองได้มาถึงแล้ว

    ก็อกๆๆ

    "คุณซีวอน ผม คิม ฮีชอลครับ"

    "...."

    เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากเจ้าของห้องร่างบางจึงเคาะอีกครั้ง

    แอ๊ด...

    จู่ๆประตูก็เปิดเองโดยอัตโนมัติ ร่างบางชั่งใจอยู่พักนึงก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพักของร่างสูง สายตากวาดไปทั่วห้องที่ตกแต่งเรียบๆแต่เลิศหรู ห้องสีขาวสะอาดตา ที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาขนาดใหญ่กับทีวีจอขนาด20นิ้ว เครื่องเสียงคุณภาพดีพร้อมกับเครื่องเล่นดีวีดีราคาแพงตั้งอยู่ในจุดเดียวกัน ในห้องมีโซนห้องครัวซึ้งมีปล่องดูดควันเพื่อกำจัดกลิ่น ร่างบางเดินมองไปรอบๆห้องเพื่อหาคนๆหนึ่งที่นัดให้มาวันนี้

    "คุณซีวอน อยู่รึเปล่าครับ"

    "มาแล้วเหรอ"

    "!!!!!!!!!!!...อ๊ากกกกกกกก!!!"

    ร่างบางที่หันไปมองตามเสียงถึงกับตะลึงค้างก่อนจะกรีดร้องเสียงดัง เมื่อภาพที่เห็นทำเอาใบหน้าร้อนผ่าน ร่างสูงใหญ่ดูบึกบึนในสภาพเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดส่วนล่าง ผมเผ้าเปียกชื่นจากการอาบน้ำชำระกาย ซีวอนรีบอุดหูทันทีที่เสียงกรีด18หลอดของร่างบางดังกระหึ่มไปทั้งห้อง

    ร่างบางที่รู้สึกตัวแล้วรีบหลับตาปี๋มือเรียวที่สั่นระริกชี้ไปยังร่างสูงที่มองมาทางร่างบางไม่วางตา

    "ท...ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย!!"

    ร่างบางแหวลั่น ซีวอนเลิกคิ้วมองก่อนจะตอบหน้าตาย

    "นี่มันห้องฉัน ฉันมีสิทธิ์"

    "แต่นี่มันก็ถือเป็นสตูดิโอทำงานด้วยเหมือนกันที่สำคัญเจ้าของห้องต้องให้ความเกรงใจกับแขก"

    "โทษทีนะ พอดีฉันไม่มีแขกมีแต่เด็กฝึกหัดที่จะต้องมาฝึกร้องเพลงกับฉัน"

    ร่างบางลืมตามองจ้องเขม็งไปยังคนที่ไม่มีท่าทางเกรงกลัวใคร ร่างสูงกอดอกจ้องมองร่างบางอย่างท้าทายซึ่งฮีชอลได้แต่กัดปากอย่างเจ็บใจ แต่ก็ไม่วายที่จะเถียงต่อ

    "แล้วทำไมนายไม่ล็อคห้อง!?"

    "ผู้จัดการของฉันเขาเข้าออกที่นี่บ่อย เลยขี้เกียจล็อค"

    "ไม่กลัวโจรเข้ามาจี้เหรอไง"

    "ห่วงฉันเหรอ"

    ซีวอนยักคิ้วให้ร่างบางอย่างกวนประสาท ฮีชอลจ้องเขม็งมาที่ร่างสูงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งท่องพุทโธเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เพราะยังไงก็ต้องพึ่งคนๆนี้ไปอีกนาน

    "ไม่ได้ห่วงแค่สงสัย"

    ร่างบางตอบเสียงเรียบ อาการเขินอายเมื่อเห็นร่างสูงในสภาพเกือบเปลือยหายไปหมด ซีวอนยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างบางถอนหายใจปลงๆก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องครัว เนื่องจากตนเองไม่กล้านั่งโซฟาตัวใหญ่ท่าทางราคาแพง

    ซีวอนเดินออกมาจากห้องนอนในชุดเสื้อเชิ๊ตเปิดกระดุม2เม็ดด้านบนกับกางเกงทรงสูงสีดำ สายตาจ้องมองร่างบางตรงหน้าที่ไปนั่งอยู่ที่ห้องอาหาร ร่างสูงเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะเปิดหาอะไรในตู้เย็นใส่ท้องกิน

    "นายไม่กินข้าวอะ?"

    ซีวอนหันมามองร่างบางพร้อมเครื่องดื่มในมือ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

    "ปกติฮยอกแจจะซื้อมาให้"

    "ฮยอกแจ?"

    "ผู้จัดการของฉันเอง"

    ร่างบางพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่คิดจะกินอะไรจริงๆ ร่างบางจึงเบียดร่างสูงเข้าไปค้นของในตู้เย็นอย่างถือวิสาสะ ร่างสูงปรายตามองร่างบางอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ร่างบางจะหอบเอาวัตถุดิบมากมายออกมาวางที่เคาเตอร์ครัวและเริ่มลงมือจัดการวัตถุดิบนั้นอย่างชำนาญ โดยมีเพียงซีวอนที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ

    "นายจะทำไร?"

    ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบมีอะไรค้างคาใจ ซีวอนจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆพร้อมถามอย่างแปลกใจเมื่อจู่ๆร่างบางก็ลงมือทำอาหารโดยใช้ครัวของตนเอง ฮีชอลหันมามองเพียบแป๊บเดียวก่อนจะหันไปสนใจกับของตรงหน้าต่อ

    "ไม่เห็นต้องถามเลยก็ทำอาหารไง มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดเป็นนักร้องก็หัดดูแลตัวเองหน่อย"

    ร่างบางร่ายยาวเป็นหางว่าวในขณะที่มือยังคงสาละวนกับการทำอาหาร ซีวอนยืนมองเด็กฝึกหัดที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอย่างใช้ความคิด รู้สึกแปลกใจที่ร่างบางนั้นเทคแคร์ตนเองทั้งที่เพิ่งรู้จักกันตั้งแต่เมื่อวาน

    "เสร็จแล้ว~ มากินสิ"

    ซีวอนหลุดจากภวังค์หันไปมองทางต้นเสียง ร่างบางกวักมือเรียกให้ร่างสูงเดินมาที่โต๊ะอาหารบนโต๊ะมีข้าวผัดกิมจิและหมูชาชูส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ซีวอนมองอาหารบนโต๊ะอึ้งๆ

    เพียงแป๊บเดียวกลับทำอาหารได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?

    "มาๆ กินซะเดี๋ยวมันเย็นหมด"

    ร่างบางดึงคนตัวสูงให้มานั่งเก้าอี้ซึ่งร่างสูงก็ยอมแต่โดยดี ซีวอนค่อยๆตักอาหารบนโต๊ะเข้าปากก่อนจะเคี้ยวช้าๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยวของข้าวผัดกิมจิแผ่ซ่านไปทั่วปาก

    อร่อย...

    ปกติที่ต้องกินแต่อาหารกล่องที่รสชาดไม่มีอะไรเลย ตอนนี้ร่างสูงกลับรู้สึกอร่อยและอิ่มเอมไปทั่วหัวใจทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเพียงเพราะความใจดีที่ร่างบางหยิบยื่นให้แค่เล็กน้อย

    "เป็นไง?"

    ร่างบางกอดอกมองอย่างขอความเห็นในฝีมือการทำอาหารของตนเอง

    "อร่อยดี"

    ร่างบางระบายยิ้มเล็กน้อย นั่งมองร่างสูงกินอาหารของตนเองจนหมดอย่างว่องไว

    ...........
    .......
    ....

    "วันนี้ฉันจะสอนเทคนิคการหายใจและการควบคุมเสียง"

    ในสตูดิโอขนาดย่อม ห้องทั้งห้องสร้างด้วยกำแพงกันเสียงคุณภาพเยี่ยม ภายในห้องมีกลอง กีตาร์และ อิเล็กโทนวางเรียงรายอยู่ข้างๆห้อง บนผนังมีไวท์บอร์ดเขียนโน๊ตเพลงบางส่วนเอาไว้ ร่างบางนั่งอยู่บนเก้าอีนวมสีเลือดหมูนิ่ง ฟังอีกคนอธิบายหงึกๆ

    "ฉันอ่านประวัติของนายแล้ว ท่าทางนายจะชอบร้องเพลงมากแต่การควบคุมลมหายใจและลูกคอยังไม่ค่อยดี เหมือนพวกแหกปากไปวันๆ"

    ร่างบางจ้องคนตัวสูงกว่าเขม็งเมื่อโดนอีกฝ่ายวิจารย์การร้องเพลงของตนซะเละ แต่ตนจะไปเถียงอะไรเขาได้ ก็เล่นเป็นถึงนักร้องชื่อดังเลยหนิ! ซีวอนทำเป็นไม่สนใจสายตาของร่างบางก่อนจะนั่งลงตรงหน้าร่างบาง

    "นายต้องลองร้องแบบไล่เสียงก่อน จากต่ำไปสูง ไหนนายลองร้องหน่อยซิ"

    ร่างบางพนักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะลองร้องไล่ระดับเสียง โน๊ตโดต่ำถึงโดสูง โดยออกเสียง อา ซีวอนหลับตาฟังการร้องของร่างบาง ถึงแม้จะไล่ระดับเสียงได้บ้างแต่บางช่วงยังสั่นและเหมือนเป็นโทนเดียวกันมากกว่า ซีวอนยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าพอ ร่างบางมองอีกฝ่ายนิ่งเพื่อรอคำวิจารย์ที่เสียดแทงต่อ

    "นายลองหลับตาและไล่ระดับเสียงใหม่ซิ"

    ฮีชอลทำตามที่ร่างสูงบอกอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร

    "ทีนี้นายลองหลับตาฟังฉันร้องนะ"

    ร่างบางยอมทำตามแต่โดย เมื่อเห็นว่าร่างบางหลับตาแล้วร่างสูงก็ลองร้องไล่ระดับเสียงให้ฟัง คิ้วเรียวขมวดกันทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแตกต่างในการร้องเพลงระหว่างตนเองกับร่างสูง ร่างบางลืมตาขึ้นจ้องหน้าซีวอนซึ่งกำลังจ้องร่างบางนิ่ง

    "นายรู้แล้วใช่มั้ยว่ามันแตกต่างกันยังไง"

    ร่างบางกดหน้าลงเล็กน้อย ซีวอนเริ่มอธิบายต่อทันที

    "โทนเสียงของนายยังไม่คงที่ เพราะงั้นเราจะเริ่มแก้กันตรงนี้ก่อน"

    ร่างบางพยักหน้ารับ หลังจากนั้นร่างบางก็หัดร้องและฝึกการควบคุมเสียงกับซีวอนทั้งวัน ซีวอนอดแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าร่างบางตรงหน้านั้นสามารถเรียนรู้ได้ไวกว่าที่ตนคาดการณ์เอาไว้มาก เช่นเดียวกับฮีชอลที่เริ่มลดทิฐิของตนเองลงเมื่อรู้ว่าซีวอนนั้นจริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้และทักษะเรื่องร้องเพลงอย่างที่ตนคิด เมื่อความทิฐิหายไปช้าๆความสัมพันธุ์ใหม่ที่ตนกับซีวอนไม่เคยคิดว่าจะมีก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นช้าๆ

    ..........
            ......
            ...

    "แล้วไง ในที่สุดนายก็ได้เดินตามฝันซักทีนะ ฮีชอล"

    ร่างบางพยักหน้าเงียบๆ หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือนของร่างบางกับซีวอน

    "แล้วนายเลิกตั้งแง่กับหมอนั่นไปรึยังล่ะ"

    "เลิกไปนานแล้วล่ะ หมอนั่นก็...ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ"

    "บอกแล้วว่านักร้องไม่จำเป็นต้องหยิ่งเสมอไปหรอกนะ"

    จองซูยิ้มกว้างเมื่อเพื่อนของตนกำลังจะได้เดบิวต์กับนักร้องชื่อดัง รู้สึกว่าตนเองคิดถูกจริงๆที่ลองชักจูงเพื่อนรักให้ไปทดสอบดู

    "แล้ววันนี้นายไม่ไปฝึกเหรอ?"

    ร่างบางส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ จนเพื่อนรักขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าทำไมเพื่อนรักของตนถึงมีสีหน้าเคร่องเครียดขนาดนี้

    "เป็นอะไรเนี่ย?"

    "เปล่าหรอก"

    "ไม่เอาน่า ฮีชอลพวกเรารู้จักกันมานานนะ คิดว่าฉันจะดูไม่ออกเหรอ?"

    ร่างบางมีท่าทางลังเลใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มอธิบายให้เพื่อนฟังถึงความอัดอั้นของตนเอง

    "ฉันรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ซีวอนเขาเปลี่ยนไปมาก"

    "เปลี่ยน? ยังไงเหรอ?"

    "งืม...ตอนที่เจอกันแรกๆนะ หมอนี่โคตรจะไม่สนใจใยดีในเรื่องส่วนตัวของฉันเลยอะ แต่หลังๆมาเขาเริ่มจะใจดีกับฉันเยอะขึ้นมากอะ"

    "มันเรื่องปกติน่า ตอนแรกๆเขาก็ต้องแอนตี้ใครที่ไหนไม่รู้ที่จะเข้ามาแย่งความเด่นดังของตนเอง แต่พอเรียนรู้นิสัยกันและกันแล้วมันก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้าง"

    "แต่มันก็ใจดีเกินไปมั้ง เล่นไปรับไปส่งฉันเกือบทุกวัน บางทียังพาออกมากินข้าวนอกอพาตเม้นท์ทั้งที่ซีวอนไม่ค่อยชอบออกมาข้างนอกเพราะกลัวแฟนคลับรุม"

    จองซูอ้าปากค้าง รู้สึกอึ้งทึ่งและอดที่จะแปลกใจไม่ได้ จากที่ตนได้ยินมาซีวอนไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอย่างงั้นเลย ออกจะสนใจแต่เรื่องของตนเองมากกว่า

    "ขนาดฮยอกแจที่เป็นผู้จัดการซีวอนยังบอกเลยว่า ซีวอนเปลี่ยนไปจนฮยอกแจแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง"

    จองซูพยักหน้าหงึกๆ ฮีชอลถอนหายใจแรงๆอีกรอบ ตนเองไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้เลยว่าทำไมถึงรู้สึกดีและมีความสำคัญกับซีวอน บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าตอนนี้ซีวอนจะมองตนเองเป็นแค่เด็กฝึกหัดอยู่รึเปล่า รู้สึกอยากเป็นมากกว่านั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    "แปลว่านายคงเป็นคนพิเศษในสายตาหมอนั่นแน่นอน"

    ฮีชอลเบิกตากว้างอย่างตกใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถ้าไม่นับหัวใจของตนที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในอก

    พิเศษงั้นเหรอ?

    ร่างบางเม้มปากแน่น นั่งคิดสารตะมากมายถึงสิ่งที่ร่างสูงทำให้ตนเอง จองซูที่นั่งมองเพื่อนของตนคิดอะไรด้วยสีหน้าเคร่องเครียดจึงเอื้อมมือไปจับไหล่และบีบเบาๆเรียกสติของคนที่จมอยู่กับความคิดของตนเอง

    "น่า นายอย่าคิดมาก ยังไงซะหน้าที่การงานของนายก็ต้องมาก่อน"

    ร่างบางพยักหน้ารับแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของร่างบางก็ดังขึ้น มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ที่ขึ้นบนหน้าจอก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดเป็นปมเมื่อเห็นเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

    ซีวอนโทรมาทำไม

    "มีอะไรเหรอครับ คุณซีวอน?"

    นายอยู่ไหน ทำไมไม่เข้ามาในสตูดิโอฉัน?”

     

    อา...พอดีวันนี้ผมมีนัดทำงานตอนเย็นน่ะครับ สงสัยวันนึ้คงไม่ได้เข้าไป

     

    นายเลิกกี่โมง ฉันจะไปรับ

    ร่างบางตาโตมองโทรศัพท์เครื่องจิ๋วในมือแต่คนปลายสายไม่สามารถมองเห็นได้ มีเพียงจองซูคนเดียวเท่านั้นที่เห็นอากัปกิริยาของร่างบางจนหมด ฮีชอลมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยก่อนจะถามคนปลายสายเสียงเบาหลิว

    "จะดีเหรอครับ รบกวนคุณเปล่าๆ"

    "ไม่รบกวนหรอก ฉันเต็มใจ"

    ร่างบางรู้สึกดีใจแปลกๆเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเต็มใจที่จะมารับตนเอง ร่างบางพยักหน้าเหมือนกับคนปลายสายนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าตนยังไงอย่างงั้น

    "ก็ได้ครับ งั้นประมาณ6โมง รบกวนมารับที่...นะครับ"

    "โอเค ตั้งใจทำงานอย่าหักโหมล่ะ"

    ร่างบางวางสายและจ้องมองที่โทรศัพท์ตนเองยิ้มๆ ผิดกับใครบางคนที่กำลังส่งสายตาล้อเลียมาให้เพื่อนรักเป็นระยะๆ

    "ไม่ต้องมาล้อกันเลยทึกกี้"

    "แกล้งนิดแกล้งหน่อยเองนะ~ ไปทำงานกันเลยดีมั้ย? เดี๋ยวสุดหล่อดูโอ้นายจะรอนาน" ทิ้งระเบิดไว้เรียบร้อง อีทึกหรือจองซูก็คว้ากระเป๋าและโกยแน๊บหนีฝ่ามือพิฆาตของร่างบาง ฮีชอลคว้ากระเป๋าขึ้นและวิ่งไล่ตามเพื่อนของตนไป

    "เลิกล้อเลยนะนาย"

    ...........
    ......
    ...

    "จะออกไปรับเด็กนั่นเหรอ ซีวอน"

    เจ้าของชื่อที่กำลังแต่งตัวหันไปมองผู้มาใหม่ที่ตนเองคุ้นหน้าดี ก่อนจะหันกลับมาแต่งตัวต่อ มือหนาคว้าเข้าที่กุญแจรถซึ่งวางอยู่บนเคาเตอร์

    "นายก็รู้นี่นาว่ามันอันตรายออกไปมืดค่ำอย่างงี้"

    "ฉันสัญญากับฮีชอลไว้ว่าจะไปรับ"

    ฮยอกแจเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ปกติคนอย่างซีวอนไม่ค่อยสนใจคนอื่นมากนัก ยิ่งเรื่องที่สัญญากับใครไว้ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานอย่างหวังว่าซีวอนจะยอมทำ ฮยอกแจที่อยู่กับซีวอนมานานสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของซีวอนตั้งแต่เด็กที่ชื่อฮีชอลเข้ามาเป็นดูโอ้ของซีวอนและเด็กฝึกหัดของค่ายเพลง ที่สำคัญ...สายตาของซีวอนเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่างอยู่

    "นายชอบเด็กนั่นงั้นเหรอ?"

    กึก...

    ซีวอนหยุดการกระทำทุกอย่าง ร่างสูงค่อยๆหันมามองผู้จัดการหน้าหวานที่กอดอกมองตนเองด้วยสีหน้าจริงจัง

    "อย่าคิดว่าฉันดูไม่ออกนะซีวอน นายเปลี่ยนไปมากหลังจากเด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิตนาย"

    ร่างสูงไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้าคิดอะไรเงียบๆ ฮยอกแจถอนหายใจกับคนที่ปากหนักแต่ท่าทางมันฟ้องอย่างซีวอน มือบางหยิบเอกสารที่เอามาวันนี้ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป

    "รีบไปรับซะล่ะ ใกล้จะได้เวลาละ"

    ร่างบางร้องเตือนซีวอนที่ยกนาฬากาข้อมือราคาแพงขึ้นมาดูและเห็นว่าใกล้เวลาที่ตนจะไปรับฮีชอลแล้ว ซีวอนก็ไม่รอช้าวิ่งออกจากห้องไปทันที โดยมีฮยอกแจปิดประตูห้องและล็อคห้องให้

    ตลอดทางไปรับร่างบาง ร่างสูงเอาแต่นั่งคิดถึงสิ่งที่ฮยอกแจพูดขึ้นมาในวันนี้ ยอมรับว่าตอนแรกตนเองสนใจในตัวเด็กคนนี้ แต่พออยู่ไปนานๆจนรู้นิสัยซึ่งกันและกันตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้คิดถึงและเป็นห่วงเด็กของตนขนาดนี้ ยิ่งนึกถึงใบหน้าเวลายิ้มแย้ม มันก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกสุขอย่างไม่สามารถอธิบายได้ พอห่างกันไปหน่อยก็ห่วงและคิดถึงจนแทบบ้า...

    "มาช้าไปนิดนึงนะครับ"

    ซีวอนหลุดจากภวังค์เมื่อเห็นร่างเล็กที่ตนคุ้นเคยส่งยิ้มหวานมาให้และนั่งลงยังที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเห็นใบหน้าหวานของร่างบางที่ส่งยิ้มมาให้มันทำให้ร่างสูงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

    "คุณซีวอนฮะ"

    "หิวมั้ย? ไปหาอะไรกินกัน ฉันเลี้ยง"

    "อ๋า...คือ..."

    "หรือนายไม่อยากไปกับฉัน"

    "เปล่าฮะๆ แต่คือ...ผมเกรงใจคุณน่ะ แค่นี้ก็รบกวนมาเยอะแล้ว"

    "ฉันเคยบอกแล้วไงว่า ฉันเต็มใจ"

    ร่างบางก้มหน้างุดๆไม่กล้าสบตาร่างสูงซึ่งจ้องมาที่ตนด้วยสายตาจริงจังโดยที่ร่างบางไม่รู้สึกเลยว่าในสายตานั้นมันซ่อนอะไรบางอย่างไว้

    "งั้นตามใจคุณซีวอนเลย ขอบคุณนะครับ"

    ..........
    .....
    ..

    เมื่อได้ยินในสิ่งที่ตนต้องการร่างสูงก็ยิ้มออกมือหน้ากดโทรไปจองโต๊ะอาหารสำหรับตนเองและร่างบางใกล้ๆคอนโดของตนเพราะรู้ดีว่าร่างบางอยากกินร้านไหน ก่อนที่รถคันหรูจะแล่นออกจากบ้านของอีทึกไป

    จองซูที่เดินกลับขึ้นบ้านมาและมองดูอากับกิริยาของคนทั้ง2 อีทึกก็เข้าใจขึ้นมาทันที มือบางค่อยๆเลื่อนม่านปิดเพื่อหลบภาพที่ดูจะเป็นออร่าสีชมพูแปลกๆ

    "เกลียดอะไรมักได้อย่างงั้นจริงๆเลยนะฮีชอล"

    ร่างบางยิ้มขำๆกับเพื่อนรักของตนเองก่อนจะเดินลงมายังชั้น1 เพื่อต้อนรับใครบางคนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ

    "กลับมาแล้วเหรอครับ? เหนื่อยมั้ยพี่"

    "ไม่เท่าไหร่หรอก ช่วงนี้หมอนั่นไม่ค่อยทำตัวน่าปวดหัวเท่าไหร่"

    "ผมก็ไม่คิดว่ามันจะช่วยได้ขนาดนี้นะ"

    "เพื่อนของนายนี่ไม่เลวเลยนะ ทำให้ซีวอนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ นายดูคนเก่งจริงๆ"

    "ชมผมเกินไปแล้วครับ พี่ฮยอกแจ ผมแค่อยากให้เพื่อนได้ทำตามความฝันของตนเองก็เท่านั้น"

    อีทึกยิ้มหวานให้ญาติห่างๆของตนที่เดินหอบเอาซองเอกสารเข้ามาในห้อง มือบางยีหัวน้องรักของตนเองอย่างเอ็นดูและนึกขอบใจอยู่นิดๆที่สามารถหาคนมาปราบพยศ ชเว ซีวอนได้ อย่างคาดไม่ถึง

    "แต่ว่านะ มันไม่ใช่แค่ได้ตามฝันตัวเองด้วยหรอก เพราะเดี๋ยวคงได้เป็นมากกว่าแค่ดูโอ้แน่นอน"

    อีทึกพยักหน้าเห็นด้วยกับฮยอกแจ ก่อนที่2พี่น้องจะหัวเราะออกมาเสียงดังกับความคิดตนเองว่า ถ้า2คนนี้คบกันจะเป็นยังไงนะ

    ทันทีที่ถึงร้านอาหารที่ฮีชอลกับซีวอนมักจะมากินเป็นประจำ ร่างบางมองไปรอบๆเพื่อหาที่นั่ง แต่ก็โดนมือใหญ่ของคนที่มาด้วยคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กและออกแรงดึง ซีวอนพาร่างบางไปยังมุมหนึ่งที่ไม่มีคนนั่งอยู่เลยนอกจากโต๊ะที่ถูกจัดเอาไว้อย่างดี1อาหารมากหน้าหลายตาถูกวางไว้อย่างหรูหราทำเอาร่างบางตาโต เพราะปกติตนเองไม่เคยกินอาหารหรูหราขนาดนี้

    "วันนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงกินซะหรูหราขนาดนี้น่ะ"

    ถึงจะตื่นเต้นและดีใจที่ร่างสูงเลี้ยงมื้อใหญ่ ฮีชอลก็ยังคงวางฟอร์มเอาไว้เพราะกลัวคนพามาจะได้ใจ

    "อยากเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อย"

    ไม่ว่าเปล่ามือหนาออกแรงดึงให้ร่างเล็กเดินตามตนเองไปที่โต๊ะก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้ร่างบางนั่ง ฮีชอลหันมายิ้มหวานให้แทนการขอบคุณ เมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งประจำที่เรียบร้อยซีวอนก็เดินมานั่งลงยังฝั่งตรงข้ามของตนทันที

    "กินกัน"

    ทั้ง2คนกินอาหารกันไปพลางพูดคุยเรื่องต่างๆนาๆ ซีวอนรู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้มองดูร่างเล็กตรงหน้าสรรหาเรื่องต่างๆมาเล่าให้ตนฟังจนอาหารทั้งหมดบนโต๊ะนั้นไม่มีเหลือ

    "โอย~ อิ่มแปล้เลย"

    ร่างบางนอนไหล่ไปกับเก้าอี้มือบางลูบที่ท้องของตนเองที่ยังคงแบนราบแม้จะสวาปามไปเกินครึ่ง ซีวอนยิ้มขำๆก่อนจะจ่ายเงินและพาร่างบางไปที่รถ

    "วันนี้ดึกมากแล้ว นายนอนค้างคอนโดฉันละกัน พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งที่โรงเรียนให้"

    "ขอบคุณนะครับคุณซีวอน คุณใจดีกับผมมากเลย แค่นี้ผมก็เกรงใจคุณจะแย่อยู่แล้ว"

    "ไม่เป็นไรหรอก ไปกัน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนายด้วย"

    "เรื่องสำคัญ?"

    ร่างสูงพยักหน้าช้าๆก่อนจะเปิดประตูรถให้ร่างบางขึ้นไปนั่ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยซีวอนก็ขับพาไปยังคอนโดของตนทันที ตลอดทางทั้ง2ฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบ สมองคิดอะไรต่างๆมากมาย

    ซีวอนจะคุยกับเราเรื่องการร้องเพลงของเราเปล่าน่ะ...

    ร่างบางนั่งนึกไปเรื่อย คิ้วเรียวเริ่มขมวดกันเป็นปมซีวอนที่เห็นอย่างงั้นก็เริ่มใจไม่ดีว่าตนไปทำไรให้ฮีชอลเขาเครียดกันแน่ แต่ก็ไม่อยากทำให้แผนที่ตนเองวางเอาไว้จะแตกซะก่อนจึงได้แต่พยายามปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้ร่างบางยิ่งรู้สึกเครียดหนักกว่าเก่า

    ทันทีที่รถจอดหน้าคอนโด ร่างสูงก็อ้อมมาเดินเปิดประตูให้ร่างบางก่อนจะจับมือเล็กและดึงให้เดินตามตนเอง ซึ่งร่างบางก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมานอกจากก้มหน้าเดินดุ่มๆตามแรงดึงของอีกคนขึ้นห้องพักของร่างสูงไปเหมือนอย่างทุกครั้ง

    ทันทีที่ถึงหน้าห้องจู่ๆร่างสูงก็หยุดเดินก่อนจะหันมามองร่างบางที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ

    “นายรอนี่แป๊บนะ ขอเข้าไปเก็บของก่อน”

    “อื้อ”

    เมื่อร่างบางรับคำ ร่างสูงก็เดินหายเข้าไปในห้องของตนเอง ร่างบางยืนกอดอกเหม่อมองท้องฟ้า นึกกลัวจับใจว่า ร่างสูงนั้นต้องการจะตำหนิตนเองเรื่องเพลง ไม่ต้องการตนเองเป็นดูโอ้แล้ว พอคิดว่าจะไม่ได้เจอคนๆนี้อีก ความรู้สึกเจ็บและชาไปทั้งร่างก็เริ่มถ่าโถมร่างบาง น้ำตาที่กักเก็บไว้นานเริ่มเอ่อล้นขอบตา

    “ฮีชอล เข้ามาได้แล้วล่ะ”

    ร่างสูงตะโกนออกมาจากห้องนอน ร่างบางเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วก่อนที่ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆจะเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง

    แสงสีส้มอ่อนสว่างไสวไปรอบๆห้องจากเทียนที่จุดไว้ตามมุมต่างๆของบ้าน ตรงกลางห้องมีคีย์บอร์ดติดไมค์ไว้ที่ตัวคีย์บอร์ด ข้างๆกันนั้นคือร่างสูงที่ยืนฉีกยิ้มบาดใจมาให้คนที่ตนตัดสินในว่าจะบอกความจริงบางอย่างให้วันนี้

    “น...นี่มันอะไรเนี่ย”

    ร่างบางที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกมองไปรอบๆอย่างงงๆ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรนอกจากระบายยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือร่างบางและดึงให้ไปนั่งที่โซฟาตัวโปรดที่ตนมักจะไว้ใช้นั่งดูทีวีเป็นประจำ แต่คราวนี้เป็นร่างบางที่นั่งมองร่างสูงที่เดินไปนั่งประจำที่คีย์บอร์ดของตนเอง

    “ซีวะ....”

    “ฉันเพิ่งแต่งเพลงเสร็จ เลยอยากให้นายลองฟังดู เพลงนี้ฉันตั้งใจแต่งให้คนสำคัญของฉันคนนึง เนื่องในวันนี้ครบรอบ6เดือนที่เราได้เจอกัน”

    “.......”

    ร่างสูงละสายตาจากร่างบางก่อนจะเริ่มลงมือบรรเลงเพลงที่ตนกลั่นออกมาจากความรู้สึก

    Haru – super junior


    이런 기분 처음이야 Baby 
    อี รอน คิ บุน ชอ อือ มี ยา Baby
    อารมณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก Baby


    이런 사랑 처음이야 Baby
    อี รอน ซา รัง ชอ อือ มี ยา Baby
    ความรักแบบนี้เป็นครั้งแรก Baby 


    나를 설레게 하는 사람 말야 
    นา รึล ซอล เร เก ฮา นึน ซา รัม มัล ยา
    พูดถึงคนที่ทำให้ผมตื่นเต้นได้


    나랑 닮은 사랑 말야
    นา รัง ดัล มึน ซา รัง นอ มัล ยา
    คุณ คนที่เหมือนจะเป็นความรักกับผม


    보고 봐도 보고 싶어 
    โพ โก บวา โด โต โพ โก ชิ พอ
    มองแล้วก็ยิ่งคิดถึง


    옆에만 있어줄 사람
    แน ยอ เพ มัน อิ ซอ จุล ซา รัม
    คนที่จะอยู่ข้างๆผมเท่านั้น


    누가 봐도 이쁜 여자친구
    นู กา บวา โด แน อี ปึน ยอ จา ชิน กู
    ไม่ว่าใครจะมองยังไง นี่แหละ แฟนของผม


    나랑 닮은 사랑 말야
    นา รัง ดัล มึน ซา รัง นอ มัล ยา
    คุณคนที่เหมือนจะเป็นความรักกับผม


    감아도 찾을 있어 
    นุน คา มา โด ชา จึล ซู อิ ซอ
    ถึงจะหลับตาก็ยังมองเห็น 


    세상 하나뿐인  
    เซ ซัง ทัน ฮา นา ปู นิน นอล 
    ในโลกนี้ มีเพียงคุณคนเดียว


    내가 지켜줄게 Baby
    แน กา นอล จี คยอ จุล เก Baby
    ที่ผมจะดูแล Baby

    น้ำใสๆเริ่มไหลอาบแก้มร่างบางพยายามป้ายน้ำดาออกแต่ยังไงก็ไม่หยุดไหลซักที ร่างสูงลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ตนมีใจให้ แม้จะอยากเข้าไปเช็ดน้ำตาให้แต่เพราะอยากให้คนที่ตนรักได้ฟังจนจบจึงได้ร้องต่อไป เพื่อให้ร่างบางได้รับรู้ทุกความรู้สึกที่ตนนั้นเก็บงำและมีมาตลอด

    너의 하루에 나의 하루에 
    *นอเอ ฮา รุ เอ นา เอ ฮา รุ เอ
    วันนึงของคุณวันนึงของผม ก็จะมีกัน


    서로가 있기에 모든 것이 아름다워
    ซอ โร กา อิด กี เอ นัน โม ดึน คอ ชี อา รึม ดา วอ
    ก็จะมีกัน สำหรับผมทุกอย่างดูสวยงาม


    헤어지자는 아픈 하지 말기 
    เฮ ออ จี จา นึน อา พึน มัล ฮา จี มัล กิ 
    จะไม่มีทางพูดคำที่เจ็บปวดอย่างคำว่าจะเลิกกัน


    그렇게 옆에만 있어줘요
    คือ รอด เก แน ออ เพ มัน อิ ซอ จวอ โย
    อยู่ข้างๆผมแบบนี้เถอะนะ

    ร่างบางปิดหน้าตนเองและสะอื้นหัก ร่างสูงเดินเข้ามากอดร่างบางที่ยังคงร้องไห้ไม่เลิก มือหน้าค่อยๆลูบเส้นผมสีดำอย่างปลอบประโลม

    “ร้องไห้ทำไมเหรอ?”

    “ฉ...ฉันด...ดีใจและ...ล...โล่งใจด้วย ตอนแรก...ฮึก...ฉันนึกว่านายจะพูดเรื่องการร้องเพลงของฉัน ฉันคิดว่านายเริ่มรำคาญฉัน ฮึก...และๆ...ฉันคิดว่านายไม่อยากอยู่กับฉันอีก”

    “.....”

    “ฉันกลัว...กลัวว่าหากไม่ได้อยู่กับนายเหมือนเมื่อก่อน ฮึก...ฉันจะเป็นยังไง ฉัน...ฮึก...ไม่อยากจากนายไป...”

    วงแขนแกร่งโอบกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากได้รูปพึมพำบางอย่างให้ได้ยินกันเพียง2คน

    “นายไม่ได้เป็นแค่ดูโอ้...แต่นายคือ หัวใจของฉัน ฉันรักนายนะ ฮีชอล รักตั้งแต่วันแรกที่นายเข้ามาในห้องออดิชั่นวันนั้น”

    ร่างบางเงยหน้าสบตากับร่างสูงก่อนที่จะพึมพำคำพูดที่คนตัวสูงกว่าอยากได้ยินมานาน

    “ฉันก็รักนาย พ่อคุณชายจอมเอาแต่ใจ”

    แค่ไม่กี่คำที่ทำให้หัวใจของร่างสูงพองโตอย่างแปลกประหลาด ซีวอนค่อยๆโน้มตัวลงมาและกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ

    ---------------------------------------------------CUT---------------------------------------------------------

    ร่างบางยิ้มหวาน ร่างสูงหัวเราะน้อยก่อนจะดึงผ้าห่มที่อยู่ที่พื้นมาห่มให้ตนกับร่างบาง ริมฝีปากหนานาบลงบนหน้าผากมนและกระชับอ้อมกอดให้ร่างเล็กเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น

    “นอนซะ...นายต้องนอนเอาแรง”

    “อื้อ...ฝันดีนะ ซีวอน”

    ร่างบางเงยหน้าจุ๊บปากคนรักเบาๆก่อนจะรีบซุกอกของคนรักทันทีอย่างเขินอาย ร่างสูงหัวเราะเบาๆก่อนจะนอนกอดคนรักและเข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนหวานของตนกับคนรัก

    ..........
    .....
    ..

    และแล้ววันสำคัญของร่างบางก็มาถึง วันนี้ตนและซีวอนต้องขึ้นเวที เดบิวท์ในฐานะวงดูโอ้ ร่างบางรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อยว่าจะมีใครแอนตี้จนหรือไม่ มือเล็กกระชับไมค์ในมือแน่น ในขณะที่คนรักที่ยืนข้างๆนั้นกุมมืออีกข้างนึงไว้และบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ

    “ทำอย่างที่เราเคยทำด้วยกัน มั่นใจเข้าไว้ นายไม่ได้อยู่คนเดียว”

    ร่างบางยิ้มหวาน สำรวจเสื้อผ้าของตนอีกรอบ เมื่อถึงเวลาร่างบางก็ผละจากคนรักไปประจำที่ทันที เมื่อม่านเปิดออก เสียงกรีดร้องดังไปทั่วทั้งเวทีจัดแสดง ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆในขณะที่ พื้นยกของเวทีค่อยๆส่งร่างบางขึ้นไป

    “นักร้องดูโอ้ ของขวัญใจประชาชน ชเว ซีวอน คิม ฮีชอล จะมาในเพลง  Sonata of Temptation

    เสียงซาวน์แนะนำตัวจบลงพร้อมกับทำนองเพลงร็อคที่ดังขึ้นช้าๆ ร่างบางในชุดทักษิโด้สีขาวประดับลูกไม้ที่แขนเสื้อ ทับเสื้อกล้ามประดับลูกไม้สีชมพูสด ผมถูกรวบไว้ด้วยริบบิ้นสีขาว ทำเอาบรรดาคนดูถึงกับอึ้งว่า ดูโอ้ของซีวอนนั้นเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ

    ร่างบางเริ่มต้นร้องเพลงแนวที่ตนถนัด ก่อนที่เสียงกรี๊ดจะดังกระหึ่ม ชื่อของตนถูกบรรดาคนดูกู่ร้องอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เสียงฮือฮาจะดังขึ้นเมื่อร่างของคู่ดูโอ้คนที่2ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังร่างบาง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวผ่าช่วงไหล่เป็นช่องจนเห็นเนื้อด้านในกำลังตีกลองอย่างเมามันส์ให้เข้ากับจังหวะเพลง ร่างบางระบายยิ้มน้อยๆ เมื่อสบตากับคนรักที่ลอบยิ้มกลับมาให้ก่อนจะหันมาสนใจกับการบรรเลงดนตรีต่อ

    ร่างบางชั่งใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่ร่างสูงกำชับนักหนาก่อนจะขึ้นแสดงในครั้งนี้

    นายเอาจริงเหรอ?

    อือ..ฉันตัดสินใจแล้ว

    แต่มันอาจทำลายอาชีพของนายได้เลยนะ

    ฉันไม่กลัว ขอแค่มีนายฉันยอมเสี่ยงทุกอย่าง

    .....

    ถือว่าฉันขอร้อง ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าเรา2คนไม่ใช่แค่ดูโอ้ ถ้าพวกเขารับไม่ได้ ก็ปล่อยไป ฉันไม่สน

    ช่วงทำนองเพลง ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเริ่มต้นเดินตรงไปที่ๆร่างสูงกำลังตีกลองอยู่ ริมฝีปากยังคงขยับร้องเพลงอย่างตั้งใจ เมื่อเดินไปถึงจุดที่คนรักกำลังตีกลอง มือบางค่อยๆจับใบหน้าคมให้หันมาผสานสายตาก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากได้รูปของร่างสูง เรียกเสียงกรี๊ดและโห่ร้องออกมาลั่นฮอลจัดแสดง ร่างบางหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะรีบผละออกและร้องเพลงต่อ ขาเรียวรีบก้าวตรงไปที่ จุดที่เวทียกตนขึ้นมาเมื่อถึงจุดนั้นก็พอดีกับที่เพลงจบ เวทีก็ยุบตัวลงพาร่างบางกลับลงไปยังด้านล่างเวที

    ซีวอนที่ลงมาพร้อมๆกับร่างบางเดินตรงเข้ามาหาคนรักและกอดแน่น ร่างบางเงยหน้าสบตาร่างสูง แววตาฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ซีวอนเพียงแค่ยิ้มนิดๆและจูบหน้าผากเบาๆเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะจูงมือร่างบางให้ออกไปพบหน้าแฟนคลับที่รอพบคู่ดูโอ้พ่วงตำแหน่งคู่รักประจำวงการเพลงอย่างลุ้นๆ

    ทันทีที่เดินออกไป เสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วฮอล ร่างบางเงยหน้ามองไปรอบๆอย่างแปลกใจระคนดีใจ ที่ทุกๆคนยอมรับกับเรื่องอย่างงี้ได้ ซีวอนยิ้มกว้างก่อนจะใช้มือข้างนึง โอบเอวบางเอาไว้ อีกข้างนึงโบกมือให้กับบรรดาแฟนคลับ

    “นายเองก็ทำด้วยสิ”

    ร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะโบกมือให้แฟนคลับที่ร้องเรียกชื่อของตนเอง ร่างบางยิ้มกว้างและโบกมือไปรอบๆอย่างตื่นเต้น รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุดที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    หลังจากวันเดบิว ฮีชอลก็เซ็นสัญญากับทางต้นสังกัดอย่างถาวรและเข้ามาอยู่กับซีวอนในฐานะดูโอ้และคนรัก กระแสตอบรับนั้นมีทั้งดีและไม่ดีแต่ทั้ง2ก็ไม่ยอมแพ้ ร่างสูงยังคงมีความสุขกับงานที่ทำและที่สำคัญคือการได้อยู่กับคนรักของตน

    “ฮีชอล สายแล้วนะ”

    “อือ...อีก5นาทีนะ”

    ร่างบางงึมงำในลำคอก่อนจะมุดเข้าผ้าห่ม ซีวอนส่ายหัวเล็กน้อยกับความขี้เซาของคนรัก มือหนากระชากผ้าห่มออกและช้อนตัวร่างบางที่โวยวายให้ปล่อยเข้าห้องน้ำไปทันที

    “วันนี้มีอัดรายการ เขาไม่อยากให้สาย”

    “ใจร้าย~

    ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็อยู่นิ่งๆให้คนรักอาบน้ำให้ ร่างสูงระบายยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะจูบเบาๆที่ริมฝีปาก เช่นเดียวกับร่างบางที่โอบรอบคนที่ตนรักสุดหัวใจ ร่างสูงผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้คนรักของตน

    “ไปกันเถอะ”

    มือหนายื่นออกมาให้ร่างบางที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจับ ร่างบางยิ้มหวานก่อนจะกุมมือร่างสูงและเดินตามคนรักของตนออกจากคอนโดที่ถูกตกแต่งใหม่จากเดิมที่เป็นสีขาวปนดำชวนหดหู่ ตอนนี้กลับแซมด้วยสีแดงและชมพูสดใจ เช่นเดียวกับสีของหัวใจที่นับวันยิ่งเข้มข้นขึ้นจากความรักของคน2คน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×