คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Cp2 (นานไปนะ555555555555)
-2-
“นายยังเป็นคิมจงอินคนที่ฉันรู้จักเหมือนเดิมใช่ไหม..หืม เรื่องกับผู้ชายคนนั้นละ”
เสียงหวานออดอ้อนก่อนที่ร่างกายหอมละมุนจะแทรกเข้าหาแผงอกแข็งแรงราวกับลูกแมวตัวเล็กๆ
เรียกรอยยิ้มกริ่มให้กับร่างสูงเป็นอย่างดีเมื่อเขาเห็นคนรักแสดงท่าทีหึงหวงถึงขนาดคนว่าปากแข็งอย่างจองซูจองยังไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นองตนเองได้
คิมจงอินนี่ไม่เบาเหมือนกัน
“เธอเชื่อคำบอกเล่าปากต่อมากมากกว่าเชื่อฉันรึไง แบบนี้ฉันก็เสียใจนะ”
จงอินบ่นพึมพึมพลางเกยคางมนบนกลุ่มผมนิ่มของร่างบางภายในอ้อมอก ใครๆก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดความสำพันธ์อื้อฉาวกับลูกเจ้าของโรงแรมชื่อดังโอเซฮุนนั่นเป็นเพียงละครฉากนึงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าที่จะสร้างกำไรมหาศาลให้กับค่ายเพลงที่เขาทำงานอยู่ก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบต่างๆที่ The Shilla Seoul ใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์รวมไปถึงระบบการให้บริการ ราคาห้องพักที่ถูกลงหลังจากความลับเหล่านั้นพรั่งพรูออกมาจากเจ้าผู้ชายเพศที่สามอย่างโอเซฮุนลูกเจ้าของกิจการโรงแรมใหญ่โตทว่าแสนจะงี่เง่าคนนั้นเป็นคนปลดปล่อยออกมาให้เขาได้รับรู้เองหลังจากเกิดความเชื่อใจเพียงเพราะคำว่า “ชอบ” แค่คำสั้นๆ
ตอนนี้Smได้ดำเนินการสร้างโรงแรมคู่ขนานกับ The Shilla Seoulของตระกูลโออย่างลับๆ
โรงแรมที่ครบครันไปด้วยสื่อบันเทิงและทัวร์ด้านเอนเตอร์เทรนที่รอเปิดโอกาสให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมผู้ซึ่งหลงใหลในมนเสน่ห์เอเชียของประเทศเกาหลีได้เข้ามาสำผัส โครงสร้างต่างๆถูกฉวยมากจากThe Shilla Seoulของตระกูลโอเรียกได้ว่าแทบจะทั้งหมดแม้ว่าปัจจุบันทั้งสองเป็นเพียงบริษัทคู่ค้าที่เกื้อหนุนผลประโยชน์กันและกัน
คิมจงอินหมดหน้าที่ลงพอๆกับช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนที่เขาคบหาด้วยกลับมาถึงที่โซลพอดิบพอดี
หมดประโยชน์ซักทีโอเซฮุน
ขอให้นายครองรักกับเจ้าหนุ่มหน้าหวานไปนานๆนะ
“ซูจอง เธออยากกินข้าวไหม......นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เราออกไปหาอะไรกินกันเถอะ”
...
..
ความรักครั้งแรกของฉันมันเป็นยังไงน่ะหรอ….
อืมม—นานมาแล้วๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหลงลืมหรอกถ้าจะให้พูดถึง..
ความรู้สึกวูบวาบโหวงเหวงอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับแฟนผู้หญิงคนแรก
1เหตุผลที่ฉันยื่นมือเข้ามาร่วมขบวนการหลอกลวงชาวโลกของนายโอเซฮุน..
เพราะส่วนลึกๆแล้วเรามีอะไรที่เหมือนๆกันรึปล่าวนะ..
“ทานเยอะๆนะจ้ะหลิวอี้ ....แหมเด็กหนุ่มจีนนี่น่าตาน่ารักจังเลย โฮ้ะ โฮ้ะ “
โฮ้ะ โฮ้ะ โฮ้ะ
เสียงหัวเราะเหมือนอั้นอุจจาระนั่นกำลังจำทำให้ฉันอ้วกเอาข้าวแล้วก็อาหารราคาแพงย้ายออกมาอยู่นอกกระเพาะละนะ -_-
มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่ต้องทานข้าวบนโต้ะขนาดใหญ่พร้อมกับป้ากับคุณยายในชุดเสื้อผ้าราคาแพงพร้อมทั้งเสียงหัวเราะโฮ้ะๆๆๆดังออกมาอยู่ตลอดเพราะกริยาท่าทางของฉัน
อดสงสัยไม่ได้ว่า เรื่องประเภทนั้นมันน่าขำตรงไหนกันแน่
โอเซฮุนสมัยจมน้ำที่สระว่ายน้ำตอนมัธยมหนึ่ง
หรือไม่ก็รากผักชีที่ฉันสามารถกินสดๆได้อะไรเทือกนั้น
-_-
โอเคมันทำให้ปากเหม็นไปหน่อยแต่ก็เจริญอาหารดีออกน่ะ =_=
พวกเราสองคนเดินทางด้วยแทกซี่ออกมาจากคอนโดโดยที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจนักว่าบ้านหลังนี้อยู่ในทิศทางไหนของโซล รู้เพียงว่าภายในบ้านใหญ่โตโออ่ามากกว่าคนเกาหลีปรกติทั่วไป สะอ้าดสะอ้าน ทั้งที่มีคนสูงอายุอาศัยอยู่เพียงสองคนเท่านั้น
คนนึงแม่ของเจ้าตุ้ดเด็ก
กับอีกคน ซึ่งน่าจะเป็นคุณย่าของเขามากกว่า
รอยยับย่นบนใบหน้าของผู้สูงวัยที่สุดดูแล้วสำผัสได้ถึงความอ่อนโยนและใจดีมากกว่าคนเป็นแม่มากกว่าเป็นไหนๆ หญิงสาววัยกลางคนที่ยังคงความสาวและสวยกลับนั่งนิ่งพลางตักนู่นนี่ให้เจ้าเด็กหนุ่มงี่เง่าข้างๆฉันอย่างเชื่องช้า โอเซฮุนเองก็ไม่แม้แต่จะพูดทักทายหล่อนแม้แต่คำเดียวนับตั้งแต่ฉันจรดปลายนิ้วเท้าลงสู่ผืนบ้านมันวับของที่นี่
“นี่ ขอบคุณผู้ใหญ่ซะมั่งซี่ เป็นใบ้รึไงหา!?”
ฉันได้แต่เบี่ยงตัวกระซิบคำพูดสั้นๆลอดผ่านไรฟันเมื่อยังคงรับรู้ได้ว่าตัวเองเป็นเป็นสายตาหลักของผู้เป็นเจ้าของบ้าน แม้ว่าสิ้นเสียงคำพูดของฉันไปแล้วดูท่าว่าเจ้าตุ้ดเด็กนั่นก็ไม่ได้สนอกสนใจหรือสะทกสะท้านสักเท่าไหร่ จนกระทั่งประโยคแรกของแม่เขาได้เริ่มต้นขึ้น
บ้าหน่า....=_= หล่อนพูดเริ่มกับฉัน
“นี่รู้จักเซฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่ละ”
ประโยคคำถามใช่ไหม??
…
ความจริงแล้วฉันก็เคยนึกสงสัยว่ากับสิ่งที่โอเซฮุนเป็นอยู่ เพื่อนรอบตัว หรือครอบครัวมั่งคั่งของเขาเคยรับรู้มันบ้างรึปล่าวว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้มีรสนิยมปรกติเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้ตามหลีหญิง หรือเป็นประเภทวันไนท์แสตนเหมือนคาสโนว่าไฮโซตามย่านกังนัม รูปร่างสูงโปร่งรวมไปถึงผิวพรรณขาวสะอาดนั่นถูกประทินเพื่อนบุคคลประเภทเดียวกัน
=_=พระเจ้า.....
นี่ฉันทำบ้าอะไรอยู่
O_O
ใช่แล้ว...=_=นั่นคือประโยคคำถามที่บินว่อนโรยตัวลงสนามซีรีบลัมของฉันอย่างมึนงงด้วยรันเวย์ขนาดยาวภายใน ---- ทุกสิ่งทุกอย่างตื้อตันไปหมดเพียงเพราะแววตาหฤโหดที่จ้องมองมา
โธ่ ฉันไม่คิดว่าเธอจะให้ความสนใจกะอีแค่เพื่อนผู้ชายของลูกตัวเองนี่หว่า=_=
ระหว่างการจมปลักสร้างภวังค์ขึ้นเป็นเกราะคุ้มกัน เสียงแว่วแปร่งของคนด้านข้างที่ไม่เอาไหนกลับโชติช่วงประดุจดังมิตรชัยบัญชาที่ร่อนตัวลงมาจากฮีลิคอปเตอร์
“เพื่อนสมัยเรียนไฮสคูล”
เสียงของเขาตอบออกมาอย่างห้วนๆ ก่อนที่ลมหายใจของฉันจะพ่นออกพรืดยาวด้วยความโล่งอก ...ไม่มีใครสังเกตเห็นริมฝีปากของฉันที่ถูกขบเม้มจนก้อเลือดสีแดงก่ำ ...---ตื่นเต้นแทบหัวใจจะเต้นออกมาจากอก แน่นอนเขาบอกฉันก่อนหน้านี้แล้วว่าให้บอกทุกคนถึงที่มาที่ไปของตัวเองว่าเป็นเพื่อนของเขาสมัยเรียนมัธยม!!
ก็แค่นั้นแต่ฉันคิดไม่ออกพูดไม่ได้นี่หว่า!---T-T ถึงเวลาจริงลืมหมดเลยหลิวอี้เอ้ยยย
“มีแฟนรึยังเราน่ะ”
อะไรอีกเนี่ยะ-*-
!?
“-_-นี่เพื่อนผมแม่จะยุ่งอะไรกับเค้านักหนา...ถ้าบอกเค้าแฟนผมแม่จะเชื่อมั่ยล่ะ”
“เซฮุน!!”
“เอาน่ะ ๆ จะยังไงก็ช่างเถอะ ย่าอยากกินข้าวสงบๆ เธอก็อายหลิวอี้บ้าง เราถือเป็นตัวแทนครอบครัวเกาหลีนะ ... เซฮุน พรุ่งแม่ของแกนัดดูตัวกับลูกสาวคุณพัคเอาไว้...ที่เรียกกลับมาก็จะให้ไปตามนัดก็เท่านั้น ย่าเห็นเราสองบ้านรู้จักกัน จะปฎิเสธไปก็จะดูไม่ดี”
คุณย่าพูดเสียยืดยาวสามวาสองศอกทำเอาสงครามกันน่ากลัวนั่นจบลงอย่างรวดเร็ว ..มีบางอย่างที่ฉันกำลังรับรู้เพิ่มมาอีกข้อคือเจ้าเด็กตุ้ดดูท่าจะไม่ค่อยถูกคอกับแม่ของตัวเองนัก อาจจะเป็นเพราะเรื่องรสมนิยมบ้าๆของเขาอย่างไม่ต้องหาข้อสงสัย..
เซฮุนเริ่มใช้ตะเกียบเขี่ยนู่นนั้นนี่ไปมาในจาน เขาเลียริมฝีปากซ้ำๆเมื่อไม่สามารถคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้านอย่างย่าแท้ๆของตัวเอง
ถ้าหากฉันไม่พูดอะไรบ้างคงดูแข็งขืนพิลึก
“คุณย่ารู้มั้ยฮะว่าที่จีนไม่ค่อยกินสาหร่ายหรอกฮะ แต่ก่อนแทบจะไม่มีความนิยมแบบที่เกาหลีด้วยซ้ำ” -_- โอเคๆชีวิตของฉันมีถนัดไม่กี่อย่าง ..
คำนวณ กิน นอน จะให้ฉันดึงสถาณการณ์ตึงเครียดแบบนี้ไปทิศทางไหนถ้าไม่ใช่เรื่องกับข้าวกับปลาละ=_=…
มันคงไม่เลวนักเพราะดูท่าว่าคนสูงวัยสองคนเริ่มจะหันเหจุดสนใจมาทางฉันจนหมดพลางแย่งกันถามคำถามถึงอาหารหลักของคนในประเทศตัวเองด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด
“ที่บ้านเธอเค้าไม่ชอบหรอ หรือของพวกนี้มันอันตราย ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เลยล่ะพ่อหนู”
คุณย่าเลิกคิ้วบางๆจนสูง
“อ๋า~ ฮ่าๆคุณย่าอย่าทำสีหน้าแบบนั้นซี่ “ เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นฉันเลยเริ่มร่ายต่อออกมาอย่างช้าๆ
“แต่ก่อนภูมิทัศน์ประเทศเราจะมีป่าไผ่เยอะฮะ...แล้วคนสูงอายุก็เรียนรู้จะบำรุงตัวเองจากธรรมชาติรอบๆตัว –อีกอย่างเจ้าเยื่อไผ่จะให้ถูกต้องมันไม่ใด้มาจากต้นไผ่นะฮะ..หลายๆคนไม่ค่อยรู้มาก่อน ความจริงมันคือเห็ดที่มักจะขึ้นใต้ต้นไผ่ต่างหาก---หากินง่ายสมัยก่อน คนแก่ที่เป็นความดันก็จะเอามาทำซุปบ้าง ต้มกินรักษาโรคบ้าง ...อร่อยมากๆถึงแม้พอมายุคผมแล้วมันจะราคาสูงมากก็เหอะผมเลยไม่เคยได้ชิมมันสักครั้ง...ทั้งหมด...ก็แค่นี้ละฮะ ^^ สาหร่ายของคุณย่าไม่ได้มีพิษอะไรหรอก แต่แค่มันมีหาทานยากกว่าในยุคพระเจ้าเหาของพวกผมเองเท่านั้นละ^^”
“อา...เยื่อไผ่ที่สีขาวๆ---
“นั่นสิ...ที่พวกเราพาเซฮุนไปกินที่งานแต่งลูกชายประธานเหยาปีที่แล้วก็มีนี่นา มันอร่อยจริงๆ แม่เองก็คิดอยู่ว่ามันคือส่วนนึงของต้นไผ่ -----เธอเองบอกได้ว่าคนประเทศตัวเองนิยมทานแต่แปลกที่เธอเองที่เป็นคนจีนแท้ๆเหมือนกันกลับไม่เคยลองเลย...... ไว้ไปกับฉันสิ ฉันจะลองพาเธอไปทานดู"
คำพูดชวนฝันของสตรีวัยบั้นปลายทำลายสมาธิของฉันให้ฟุ้งกระจายจนไกล..
พร้อมกับต้องการคำยืนยันด้วยการเอ่ยร้องออกมาเพื่อความแน่ใจ..
“จะพาไปจริงๆหรอครับ!!!
อะ..
O_O
>O<
โอ้ยยยยย~!!!!!!”
T_T
22.51น.
จนถึงตอนนั้นยันตอนนี้เล็บนิ้วก้อยของฉันก็ยังเขียวอื๋อจนน่าเกลียดเหมือนเดิม..
บ้าจริงถ้าใต้รองเท้าของเจ้าแห้งนั้นมียี้ห้อละก็มันคงจะฝังลงไปบนฝ่าเท่าของฉันไปด้วยแล้วแน่ๆ
ก็แค่ฉันหลุดแสดงธาตุแท้ออกไปเล็กๆน้อยๆแคนั้น-3-
ไอ้เด็กเลวเอ้ยT-T
“อกจะแตกตาย อกจะแตกตาย อยากจะบ้าตาย!!!!!”
แตกเติกอะไรกัน..
ไม่มีหน้าอกแต่ก็แหกปากไร้สาระอยู่ได้..-_-
เสียงของเขายังคงดังที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ดังกว่าสิ่งครวญครางจากความทรมานของฉันหลายเดซิเบลด้วยซ้ำ..
=_=หลังจากที่เรากลับมาจากคฤหาสน์หลังโตของตระกูลโอได้สักพักไม่มีทีท่าอะไรที่จะแสดงให้รับรู้ได้ว่าโอเซฮุนจะสงบปากสงบคำลงไปเลยแม้แต่นิด เจ้าตุ้ดเด็กเอะอะสบถถ้อยคำหยาบคายบ้าง คำพร่ำบ่นบ้าง
ขายาวๆของเขากำลังก้าวย่ำไปทั่วห้องนอของตัวเองโดยที่ฉันทำได้เพียงมองมันผ่านประตูที่แง้มเปิดเอาไว้
หมอนี่กำลังกังวลใจที่จะต้องออกดูตัวกับคนที่เขารู้จักอีกครั้งเป็นรอบที่ล้าน ..อะไรบางอย่างทำให้เซฮุนกำลังรู้สึกว่ามันไม่สนุกเอาซะเลยถ้าเทียบกับการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดีเพื่อคิมจงอินแล้วละก็
ฉันได้แต่ภาวนาว่าวันพรุ่งนี้จะมีแต่เรื่องดี
“อยู่นิ่งๆไม่เป็นหรอเซฮุน รีบนอนได้ปะ นายกระทืบเท้าฉันฉันยังไม่โวยวายเท่านี้เลยนะเว้ย ”
“เธอไม่มาเป็นฉันนิ เธอมันก็พวกเดียวกับยัยสาวตระกูลพัคอะไรพรุ่งนี้นั่นละ พวกผู้หญิงเสแสร้ง -*- ฉันไม่อยากจะนึกว่าตัวเองต้องเอาชีวิตไปจมกับพวกเพศแม่แบบนี้ไปตลอด เมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะเป็นยังไง ฉันจะต้องบ้าตาย ฉันไม่ต้องการ!!”
“ปากนายนี่มันไม่ได้ดูดีเหมือนหน้าตาเลยจริงๆ...ฉันจะต่อยนายสักทีจะได้ตื่นดีมั้ยห้ะ !จะได้ตื่น-*-”
ฉันลากขาไม่สมประกอบของตัวเองเข้ามายังภายในห้องนอนกว้างๆของเจ้านายเด็กของตัวเองอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ไม่สดใสเท่าไหร่
สืบเนื่องมากจากคำพูดพวกนั้นนั่นละ
“เธอต่อยฉัน ..ฉันก็จะลากเธอออกจากระเบียงคอนโดตอนนี้นี่ละเอาสิ คนกำลังอารมณ์เสียนะ”
“ฉันเข้าใจละทำไมคิมจงอินอะไรนั่นถึงทิ้งนายไป”
“หมายความว่ายังไง!?”
ดูเหมือนว่าชื่อสามพยางค์นั่นจะมีผลกระทบต่อเจ้าคนตัวขาวอยู่ไม่น้อย เขาเริ่มหยุดเดินวนไปมาแล้วจดจ้องใบหน้าซีดๆของฉันอยู่กับด้วยพร้อมน้ำเสียงแข็งกร้าว “เธอพูดมาอีกรอบสิ แบบนั้นมันหมายความว่ายังไง!”
ฉันปริปากอย่างที่สมองเรียบเรียงเอาไว้อยู่แล้วออกไป
“ยิ่งทำตัวงี่เง่าแบบนี้มันไร้ค่าไงล่ะ รู้บ้างไหม!”
“ยิ่งทำตัวงี่เง่าแบบนี้มันไร้ค่าไงล่ะ รู้บ้างไหม!”
“ยิ่งทำตัวงี่เง่าแบบนี้มันไร้ค่าไงล่ะ รู้บ้างไหม!”
“ยิ่งทำตัวงี่เง่าแบบนี้มันไร้ค่าไงล่ะ รู้บ้างไหม!”
“ยิ่งทำตัวงี่เง่าแบบนี้มันไร้ค่าไงล่ะ รู้บ้างไหม!”
………….
“............”
บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น..
ฉันเพียงแค่พูดมันออกไปตามความรู้สึกของตัวเองที่มองเห็นโดยเริ่มต้น
เจ้าเด็กตุ้ดนี่มักจะเอาอารมณ์ตัวเองเหนือทุกอย่างเสมอๆ มันไม่สำคัญด้วยซ้ำว่าจะเป็นจงอินหรือใครๆ
ไม่มีมนุษย์คนไหนอดทนอยู่กับความไร้เหตุผลไปได้ตลอดชีวิตหรอก-- แม้แต่ตัวของฉันเองที่ว่าถึกทึนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ตาม
นั่นล่ะ— คำพูดพวกนั้นคงจะแทงใจดำ เซฮุนถึงไม่ปริปากอะไรออกมาหลังจากปิดประตูห้องของตัวเองพลางไล่ตะเพิดคนแปลกหน้าอย่างหลิวอี้คนดีของสังคมออกไปจากเขตของตัวเอง—
ไม่มีเสียงโวยวายเล็ดรอดเข้ามายังห้องเก็บของที่ซุกหัวนอนขนาดเท่ารังหนูของฉันเมื่อทุกอย่างเงียบสงบลง
ฉันสมควรจะดีใจให้สุดขีดกับเวลาแบบนี้ไงล่ะ=_=
....
ความเหนื่อยและอาหารมื้อหนักจากครอบครัวใหญ่กำลังเร่งเผาผลาญภายในกระเพาะและลำไส้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษพาลให้ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
นาฬิกาชีวิตของฉันมักจะเดินเร็วแบบนี้เสมอ
จนกระทั่งเช้าวันใหม่ที่เราต้องร่วมปฎิบัติภารกิจด้วยกันอีกครั้งแล่นเข้ามาบรรจบไวปานจรวดอย่างไม่คิดฝัน แถมยังเป็นงานชิ้นใหญ่สำหรับฉันซะด้วยกับการที่ต้องแอบสังเกตการณ์เซฮุนและคู่เดทที่จะมาถึงภายใน11โมงของเช้านี้ในร้านอาหารชื่อดังราคาอาหารชวนขนหน้าแข้งร่วง ---
มีบทละครเล็กน้อยที่ฉันต้องแสดง’
เช้านี้การแต่งตัวของเจ้าตุ้ดอยู่ในระดับ2ผ่าน ชุดสูทรลำลองเข้ารูปสบายๆ รูปร่างสูงโปร่งและผิวขาวกินขาดเรื่องความดูมีสง่าราศี ถึงว่าอย่างนั้นเจ้าหมอนั่นแต่งตัวมาพบปะผู้หญิงใช้เวลาน้อยกว่าไปเจอหน้าจงอินอะไรนั้นราวๆ1ชม.ได้--=_= ฉันเองก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงแสล็คสีทึมให้บรรยากาศพวกหนุ่มพนักงานเงินเดือนพิลึก
โอเซฮุนไม่พูดคุยกับฉันมาตั้งแต่เมื่อคืน...เขาพูดเพียงสั้นๆบนรถ ก่อนที่เหตุการณ์ตอนนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่ว่า
“เปิดมือถือเธอเอาไว้”
เรื่องเมื่อวาน....
ก็แค่เตือนสติ
ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาเฟลจริงๆนี่=_=โธ่
เป็นเวลาเกือบครึ่งชม.แล้วที่มือถือของฉันยังคงว่างปล่าว—หน้าจอดำสนิทนั่นทำให้กังวลอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่กดเปิดปิดเช็คเศษนาทีที่ยังคงเดินต่อไปแบบนั้นเหมือนเด็กสมาธิสั้น
ไม่รู้เหตุการณ์จะดำเนินในทิศทางไหน..
สายตาสองข้างเฝ้ามองคนสองคนที่ผิวเผินเหมือนจะไปได้สวยเลยทีเดียว แน่นอนว่าลูกสาวแซ่พัคอะไรนั่นดูท่าว่าจะรวยอยู่ไม่น้อย ด้วยการแต่งตัวที่ดูสดใสและข้าวของเครื่องแต่งตัวมีราคา ยิ่งเรียวนิ้วสวยกำลังยกแก้วน้ำขึ้นจิบกลับชวนให้หลงใหลยามจ้องมองดุจหงส์ขาวบริสุทธิ์...
...
ฉันเลือกที่นั่งที่เยื้องจากโต้ะของเจ้าเด็กโง่นี่ไปสองโต้ะเท่านั้นและจากระดับสายตาเหมือนสวรรค์เข้าข้างให้จุดชมวิวตรงนี้มองเห็นเพียงแค่ใบหน้าของหญิงสาว ทว่าสีหน้าและอารมณ์ของโอเซฮุนโผล่มาเเพียงศีรษะยุ่งที่กำลังก้มๆเงยๆยากเกินการคาดคะเน
นั่นละ
โอเซฮุนไม่ปล่อยให้ฉันมีความสุขนานนักหรอกถ้าหากเข้ามีญาณทิพย์
สาวน้อยตระกูลพัคชักสีหน้าบึ้งตึงหลังจากวินาทีที่ฉันกำลังชื่นชมเธออยู่หมาดๆ—ในขณะที่เซฮุนทอดตัวลงพนักพิงอีกครั้งและไม่สนใจผู้หญิงตรงหน้าที่ค่อยๆลากเก้าอี้ถอยออกเพื่อจ้ำอ้าวจากจุดนั้นไป
เสียงรองเท้าส้นสูงที่ย่ำลงพื้นหินอ่อนอย่างมีน้ำโหนั่นผ่านหูทั้งสองข้างของฉันไปเมื่อร่างกายบอบบางเร่งฝีเท้าราวกับกำลังต้องการหลีกหนีอะไรบางอย่างที่แสนน่ากลัว...และดูเหมือนว่าช่วงเวลาสั้นๆนั้นเธอพยายามควบคุมตนเองให้หลุดพ้นจากสายตาหลายสิบคู่ภายในร้านอาหารที่จ้องมองเราอยู่แล้วราวกับเหยื่อ
ไม่รอช้าทันทีที่กลิ่นน้ำหอมอ่อนลาลับไป สองขาของฉันไม่ลังเลที่จะลุกจ้ำอ้าวไปหาไอ้ทึ่มที่นั่งอิงกายนิ่งเงียบเป็นหุ่นยนต์บอบบี้บีราวกับไร้ชีวิต เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่นอกเหนือจากการยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเมื่อสังเกตเห็นฉันเองที่ทุ่มตัวลงฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีกระวนกระวาย
คนตัวสูงเวลานี้ต่างกับเมื่อคืนที่อย่างสิ้นเชิง ..
หมาพุดเดิ้ลร้องอิ๋งๆโดนน้ำร้อนลวก..กลับกลายเป็นไซบีเรียนแสนเย็นชาภายเพียงข้ามวัน..
“นายไม่มีอะไรชี้แจงใช่ไหม”
พูดแบบนั้นจะว่าฉันหาเรื่องก็ว่าเถอะ!
ช่วยดูสีหน้าเหมือนผีดิบของเขาสิ!
“......”
“เห้ยนี่พูดด้วยนะเว้ย-*-“
“กลับบ้านเหอะ---เหนื่อย”
“ทำไมเมื่อกี้ไม่ให้ฉันเข้าไปช่วยอย่างที่นายเคยพูด ....นายบอกจ้างฉันเพื่อเป็นไม้กันหมา แล้วเมื่อกี้ที่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกไปมันหมายความว่าไงทั้งหมดไม่ได้อยู่ในแผนของเรานี่ หา!?ไม่งั้นฉันนอนอยู่บ้านซะยังจะดีกว่า”
“หยุดพูดมากได้ปะ— ฉันไม่มีค่าอะไรหรอก พวกคนอย่างฉันน่ะ...
ก็แค่บอกกับยัยนั่นไปตรงๆ..ไม่มีประโยชน์จะต้องโกหก...ฉันเกลียดผู้หญิง
ฉันชอบเพศเดียวกัน...ง่ายดี “
เซฮุนกระซิบในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องที่แก้วสีขาวบนโต้ะ
มันทำให้อารมณ์ของฉันวิ่งพล่านๆเหมือนเชื้อเพลิงที่คุกกรุ่น— หมอนี่มันสอนยากยิ่งกว่า5ขวบซะอีก
“นี่ยังคิดเล็กคิดน้อยกับสิ่งที่ฉันพูดอีกรึไง ฉันไม่ได้ความแบบที่นายคิดโอเครึยัง
จ้างฉันมาช่วย ก็ต้องให้ฉันช่วย
ฉันไม่รับเงินคนฟรีๆหรอกนะ รู้ไว้!”
“งั้นช่วยให้ฉันรักผู้หญิง..
เธอทำได้รึปล่าวละ.....”
++++++++++++++++++++เพราแอมจะบอกเสปคว่าสามีในอนาคตเหมือนเซฮุนทำไม ติ่งเลยเอาตอนที่แต่งค้างมาลงแบบภาษาห้วนๆ
น้องแป้งพี่มาลงแล้วนะ อิอิอิ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณคอมเม้นท์ที่มีด้วยนะ T^T ขอบคุณมากๆคะ
ความคิดเห็น