คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ll ADOLESCENT 3 ll
ADOLESCENT 3
ในที่สุดก็ไม่ได้เข้าเรียนในคาบบ่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ คนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องสมุดก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่แบบนั้นจนหมดเวลาเลิกเรียน พยายามหาหนังสือมาอ่านเพื่อให้ลืมเรื่องที่คริสได้ทำไว้หากแต่มันก็หวนเข้ามาในห้วงความคิดอยู่ตลอดเวลาจนไม่สามารถตัดมันทิ้งไปได้เลยจริงๆ
มือบางรีบเก็บของลงกระเป๋าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนขับรถคงมารอรับแล้ว ไม่รอช้าจึงรีบเร่งเดินออกจากห้องสมุดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบกับอาจารย์ประจำชั้นที่เดินสวนมาจนทำเอาตกอกตกใจไปหมด หากแต่ก็ไม่ทันแล้วที่จะหาที่หลบซ่อน มีทางเดียวคือสู้หน้ายอมรับชะตากรรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“อ้าวเลย์! ทำไมคาบบ่ายคุณไม่เข้าเรียนล่ะ?” อาจารย์ประจำชั้นเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นนักเรียนหน้าหวานอยู่ในห้องเรียนเหมือนอย่างทุกวันก็นึกแปลกใจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เด็กเรียนอย่างเลย์จะโดดเรียนทั้งยังหายไปตลอดคาบบ่ายแบบนี้อีก
“อ...เอ่อ คือว่า....ผมปวดหัวน่ะครับอาจารย์ปาร์คเลยไปนอนที่ห้องพยาบาล” เสียงหวานเอ่ยบอกไปก่อนจะรีบก้มหน้ามองพื้นอย่างจนใจ นึกตำหนิตัวเองที่พูดเรื่องโกหกออกไปแบบนั้น อยากจะขอโทษอาจารย์ตรงหน้าซะเหลือเกินแต่มันจำเป็นจริงๆ
“อย่างนั้นหรอ? แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้เข้าเรียน” ใบหน้าหวานเจือนลงอย่างรู้สึกผิด จนอาจารย์ที่ยืนมองอยู่ต้องยกมือโบกไปมาว่าไม่เป็นอะไรเพื่อให้อีกคนหายกังวลไปเสีย
“ไม่ต้องขอโทษหรอก คนเราก็ป่วยกันได้หนิ...อ้อ! วันนี้ผมให้จับคู่ทำรายงานส่ง เห็นว่าคุณไม่ได้เข้าเรียนก็เลยจับคู่ให้ซะเลย”
“ขอบคุณมากครับ ว่าแต่...ผมคู่ใครหรอครับ?” เสียงหวานเอ่ยถามทันทีด้วยความอย่างรู้ ปากบางยกยิ้มอย่างนึกดีใจที่อาจารย์ก็ยังใส่ใจในเรื่องของเขาทั้งๆที่จริงๆแล้วแอบโดดเรียนเพราะไม่อยากเจอหน้าใครบางคน
“วันนี้คริสก็ไม่เข้าเรียนเหมือนกัน ผมเลยให้คุณคู่กับคริสไปเลย ยังไงก็ช่วยกันทำงานล่ะ ส่งในคาบเรียนอาทิตย์หน้า ...อ่า พอดีผมมีประชุม ผมไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวครับอาจารย์!” เลย์รีบเอ่ยขึ้นขัดอาจารย์ประจำชั้นอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าคู่ในการทำรายงานครั้งนี้เป็นใคร พลันรอยยิ้มในตอนแรกก็หายไปจากใบหน้าในทันที อยากอ้อนวอนสักครั้ง ขออาจาร์ยสุดหล่อสักครั้งว่าเปลี่ยนคู่ได้ไหม หากแต่...
“ขอโทษนะเลย์ผมรีบจริงๆ แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เพราะผมบอกเจ้าคริสไปเรียบร้อยแล้ว” พูดเสร็จท่านอาจารย์สุดหล่อก็เดินหนีหายไปโดยไม่ได้สังเกตุสีหน้าของเลย์เลยสักนิดว่ามันระทมทุกข์แค่ไหน ปล่อยให้ลูกศิษย์หน้าหวานได้แต่มองตามแผ่นหลังไปอย่างรู้สึกหดหู่ใจ
“อ...อา...จารย์” เลย์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง เมื่อในที่สุดก็คงจะช้าไปที่จะขอร้องคนเป็นอาจารย์ คิดว่าจะหนีร่างสูงเจ้าของเลือนผมสีบลอนด์ได้แล้ว ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากสุงสิง หากแต่ก็ไม่พ้นอาจารย์สุดหล่อดันหยิบยื่นมันมาให้ซะหนิ ยอม...
คนหน้าหวานเดินคอตกหลังจากที่อาจารย์ประจำชั้นได้บอกข่าวร้ายที่สุดสำหรับวันนี้ให้ฟัง เหนื่อยใจมากที่ต้องคิดว่าจะทำยังไงเมื่อจะสู้หน้าไอ้คนที่ขโมยหอมแก้มเขาไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มือบางยกขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด เดินก้มหน้าก้มตามองพื้นหาเศษเหรียญอย่างหมดอะไรตายอยาก โดยไม่ได้รู้เลยว่ามีใครบางคนมายืนประจันหน้าอยู่ก่อนแล้ว
“อกหักหรอ? ดูท่านายไม่ค่อยดีเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนที่เดินเหมือนร่างไร้วิญญาณ ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าหวานที่เอาแต่มองพื้นอยู่ในตอนแรก ปากเรียวกระตุกยิ้มบางๆ พลันยกมือกอดอกมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“มีอะไร?” เลย์กลอกตาไปมาอย่างรู้สึกเซ็งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าใครที่เข้ามาก่อกวน เพิ่งจะนึกถึงก็มาให้เห็นซะแล้ว หนีมันไม่พ้นจริงๆสินะ
“รู้แล้วใช่ไหม?”
“เรื่อง?”
“รายงาน” พูดเสร็จคริสก็ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนที่เหนือกว่า รู้ดีเป็นไหนๆว่าที่ไม่เห็นคนตัวเล็กเข้าเรียนในวันนี้เพราะตั้งใจจะหลบหน้าเขา และนั่นคริสก็ไม่คิดจะเข้าเรียนด้วยเช่นกัน
“อือ รู้แล้ว…อ๊ะ!” เลย์ตอบกลับอีกคนไปก็ไม่วายต้องร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าของกายสูงถือวิสาสะเอื้อมมือมาแย่งกระเป๋าเป้ไปช่วยถือใว้ทั้งๆที่ไม่ได้ขอให้ช่วยเลยสักนิด
“เอากระเป๋าฉันคืนมาเดี๋ยวนี้!” เสียงหวานเอ่ยสั่งอีกคนก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะจ้องเขม่นคนที่เอากระเป๋าเขาไปอย่างเอาเรื่อง หากแต่สายตาแบบนี้ก็ไม่ทำให้คริสสะทกสะท้านได้เลยสักนิด
“จะเดินไปส่ง”
“ไม่จำเป็น!”
“อย่าดื้อ! อยากเจอแบบเมื่อเที่ยงอีกรึไง?” คริสเอ่ยขู่อีกคนก่อนจะเห็นใบหน้าหวานนั้นเบือนหนีเขาอย่างไม่ชอบใจ ต้องเจอแบบนี้สินะถึงจะยอมกันง่ายๆ
“มองอะไร? เดินไปดิ” เลย์เอ่ยสั่งเมื่อเห็นคริสยังเอาแต่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปมก่อนจะพ่นลมออกมาทางปากอย่างรู้สึกเพลียเมื่อคิดได้ว่าวันนี้มันช่างเป็นวันซวยสำหรับเขาซะเหลือเกิน
“จับมือ”
“ห๊ะ? ตลกมากนักรึไง?” ใบหน้าหวานฉายแววตื่นตะหนกในทันทีเมื่ออีกคนเอ่ยขอกันง่ายๆแบบนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วทำไมต้องจับมือถือแขน หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมทำตามอย่างจนใจเมื่อสายตาที่ส่งมาให้ทำเอาขัดขืนไม่ได้เลยสักนิด นี่มันเป็นใครถึงกล้ามาสั่ง
“ว่าไง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางไหวไหลให้เลย์เบาๆ ลองไม่ยอมดิเจอดีแน่ๆ
“พอใจรึยัง? ถ้าพอใจแล้วก็รีบไปกันสักที คนขับรถฉันรอนานแล้ว” เลย์หันใบหน้าหนีทันทีที่พูดจบ ก่อนจะส่งมือไปให้อีกคนจับอย่างไม่เต็มใจ ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาที่มือก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่ารู้สึกดีแค่ไหน หากแต่ที่เป็นกังวลยิ่งกว่านั้นคือทำไมหัวใจต้องเต้นแรง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“บางทีถ้านายว่าง่ายๆแบบนี้ก็น่ารักดี”
สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็กระตุกมือหนาให้ออกเดินอย่างไม่รีรอ นี่คริสพูดบ้าอะไรคิดถึงใจกันบ้างไหม ไม่คิดอะไรแต่กลับมาให้ความหวังกันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่
ทั้งสองเดินออกจากโรงเรียนไปโดยไม่พูดอะไรกันอีกเลย เลย์ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนอีกคนก็เอาแต่อมยิ้มบางๆอยู่กับตัวเองที่รู้สึกดีแปลกๆกับคนหน้าหวานคนนี้ เจอคนมาก็เยอะแต่ไม่คิดว่าคนที่กำลังจับมือกันอยู่จะทำให้เขาอยากรู้จัก อยากเข้าหาอย่างที่ไม่เคยเป็น
“วันนี้ไปไหนต่อหรือเปล่า?” คริสเอ่ยถามหลังจากเดินมาได้สักพัก ก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่เดินก้มหน้าตั้งแต่เดินมาด้วยกัน
“ไปเรียนพิเศษ” เลย์ตอบอีกคนไปแค่นั้น คำที่ฟังยังไงก็ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นมิตรเลยสักนิด แต่ก็ทำให้ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มได้เสมอ
“ขยันจังเลยนะ”
“ไม่ได้ขยัน แค่ไม่มีอะไรทำ” ใบหน้าหวานเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด จนคริสเองก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ หากแต่ไม่อยากจะถามเพราะกลัวอีกคนจะรำคาญเหมือนครั้งก่อนๆ รู้ว่าเลย์คงมีปมกับอะไรสักอย่างแต่จะดีกว่าถ้าไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
“จริงๆก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายหรอกนะ แต่ถ้าอยากเล่าฉันก็ยินดีจะรับฟัง”
“แล้วทำไมฉันต้องเล่าให้นายฟังไม่ทราบ?” เมื่อเห็นอีกคนทำเหมือนเป็นห่วง เลย์ก็ถึงกับนึกแปลกใจ ดูไม่ใช่คริสเลยสักนิดที่จะใส่ใจเรื่องของคนอื่น เท่าที่แอบมองมานานคริสดูไม่ค่อยสนใจใครเลยด้วยซ้ำ
“นั่นสินะ แล้วทำไมนายต้องเราให้ฉันฟังด้วย” ใบหน้าหล่อเผยยิ้มบางๆไปให้อีกคน ถึงจะรู้ว่าที่เลย์พูดก็แค่นิสัยส่วนตัว หากแต่คริสกลับรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย ทั้งยังไม่รู้ตัวเองว่าที่เอาแต่สนใจเรื่องของคนๆนี้นั่นเป็นเพราะอะไรกันแน่ นึกแล้วก็หงุดหงิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช่จะเป็นคนสอดรู้เรื่องของคนอื่นซะเมื่อไหร่
“ฉันขอโทษ ก็ไม่ได้จะพูดให้นายคิดมากแต่เรื่องของฉันมันไม่มีอะไรสักนิด อย่าใส่ใจเลย” เหมือนรู้สึกผิดเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าแบบนั้น เลย์จึงเอ่ยทำลายความคุกรุ่นให้หมดไป ถึงจะเป็นน้ำเสียงที่แข็งกระด้างแต่คริสก็รู้ดีว่าเลย์นั้นจริงใจแค่ไหน ตรงไปตรงมาแต่ก็ยังซ่อนความอ่อนโยนที่มีส่งผ่านมาทางนัยน์ตาคู่สวย
“ฉันก็ไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย”
“แต่สีหน้านายมันฟ้อง... ขอกระเป๋าด้วย” เอ่ยบอกอีกคนเสร็จ มือบางก็ยื่นไปตรงหน้าคริสเพื่อขอกระเป๋าคืนในทันทีหลังจากเดินมาถึงรถของตระกูลแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายเอาซะเลยเมื่ออีกคนยังทำตัวก้ำกึ่งอยู่แบบนี้
“พรุ่งนี้ไม่ต้องให้คนขับรถมารับนะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งนายด้วย” คิ้วสวยขมวดมุ่นเมื่อคนตัวสูงยังเอาแต่โยกโย้ นี่คริสไม่สบายหรือเปล่า อยู่ๆก็เข้าหาเขาทั้งยังบอกว่าจะไปส่งกันอีก
“จะเอาหรือเปล่ากระเป๋าน่ะ? ตอบตกลงฉันมาก่อนสิ ฉันถึงจะให้คืน”
“เออ! เอามา...นี่เป็นพ่อรึเปล่า? สั่งอยู่นั่นแหละ” เมื่อหมดหนทางเลย์จึงตอบตกลงอีกคนไปอย่างไม่มีข้อแม้ ยื่นมือบางไปคว้ากระเป๋ามากอดไว้แนบกายอย่างรวดเร็ว ไม่วายต้องจ้องเขม่นอีกคนอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะบ่นงุ้งงิ้งเหมือนอย่างที่ชอบทำจนคริสเองก็อดจะนึกเอ็นดูไม่ได้ แต่ตอบไปแบบนั้นใช่ว่าจะทำอย่างที่พูดจริงๆสักหน่อย
“ดีมาก ไปเรียนพิเศษดีๆนะ”
“มันจะดีถ้าไม่มีนายมาคอยก่อกวนฉันแบบนี้” พูดเสร็จคนตัวเล็กก็เดินตึงตังไปขึ้นรถในทันที ใบหน้าหวานงองุ้มอย่างน่ารักก่อนจะเบ่ะปากไปให้อีกคนที่เอาแต่ยืนยิ้มหล่อท่ามกลางสายตาผู้คนที่ป้ายรถเมย์ คิดว่าหล่อก็ให้ยืนอยู่แบบนั้นแหละ
“คริส!”
เสียงแหลมที่ดังมาจากด้านหลังทำให้คริสต้องหันกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้น ไม่วายก็รู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อเจอหน้าหญิงสาวที่เอาแต่ตามติดเขาอยู่บ่อยๆ คิดว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด
“เธอมีอะไรเจสสิก้า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลันใบหน้าหล่อที่เปื้อนรอยยิ้มในตอนแรกก็ไม่เผยให้เห็นอีกเลย
“นายยิ้มเป็นด้วยหรอ? ฉันเพิ่งจะรู้” หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคริส ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างน่าสมเพชที่อีกคนดูจะติดผู้ชายหน้าหวานคนเมื่อครู่แจ นั่นทำให้เจสสิก้าหัวเสียเป็นที่สุด
“ฉันก็คนหนิ ยิ้มแล้วมันผิดมากเลยรึไง?”
“นายเปลี่ยนไปนะ” เมื่อเห็นอีกคนคงจะหมดเยื่อใยกันแล้วจริงๆ เจสสิก้าก็ถึงกับใจหายเมื่อคริสที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่กับเขาเลยสักนิด
“เปล่า ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“นายไม่เคยเป็นแบบนี้กับฉันเลยสักครั้ง ที่นายไปจากฉันก็เพราะผู้ชายคนเมื่อกี้ใช่ไหม?” หญิงสาวเอ่ยถาม ดวงตาคู่สวยแดงกล่ำเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของหยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลอหน่วง รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคนที่เขามอบให้ไปทั้งหัวใจแต่กลับไม่เคยได้หัวใจจากอีกคนกลับมาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ฉันไม่เคยเข้าหาเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะบอกว่าฉันไปจากเธอได้ยังไง” ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับสะอื้นไห้ไปแล้วเพราะเริ่มอดกลั้นมันไม่ไหว
“ผู้ชายคนนั้นคงเอาตัวเข้าแลกสินะ นายถึงดูสนใจเขาซะเหลือเกิน” เสียงแหลมเอ่ยก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะจ้องขวางอย่างนึกโกรธแค้น คริสช่างใจร้ายกับเขาเสมอ แต่ทำไมถึงต้องยอมตลอด ทำไมต้องรักคนตรงหน้ามากขนาดนี้
“เธอก็เอาตัวเข้าแลกหนิ อยากได้ฉันก็สนองแล้วมันต่างกันตรงไหน? ..แล้วฉันจะบอกเธอแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายว่าอย่าดูถูกคนของฉันอีก เพราะเขาไม่เหมือนเธอเลยสักนิด ถ้าไม่ทำตามอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
พูดเสร็จขายาวก็พาตัวเองเดินหนีไปในทันที ปล่อยไว้แค่หญิงสาวร่างเล็กที่สะอื้นไห้เงียบๆอยู่คนเดียว เจสสิก้าไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด แค่รักอีกคนมากก็ยอมได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ทำไปกลับได้ผลที่มันเลวร้ายยิ่งกว่าอะไรดี แล้วควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ผู้ชายที่ชื่อคริสกลับมาครอบครองอีกครั้ง
... ADOLESCENT…
นัยน์ตากลมโตดั่งกวางน้อยที่ใครๆก็บอกอย่างนั้นเหลือบมองนาฬิกาข้างฝาพนังห้องในเช้าวันใหม่ เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นสายมากแล้ว ไม่รอช้ากายบ้างก็รีบรุดวิ่งไปคว้ากระเป๋าเป้แบนด์โปรดขึ้นมาสะพายใส่หลังก่อนจะหยิบแซนด์วิชพร้อมกับนมกล่องรสจืดพุ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หากแต่อะไรๆก็ดูจะไม่เป็นใจเอาซะเลย เมื่อไอ้คนหน้าห้องที่ยืนพิงพนังรออยู่ก่อนแล้ว ทำเอาอารมณ์เสียทั้งยังรู้ได้ล่วงหน้าว่าตัวเองต้องซวยมากอย่างแน่นอน
“มายืนทำหน้าติ๋มอะไรตรงนี้?” ลู่หานเอ่ยถามอีกคนก่อนจะรีบใส่รองเท้าอีกข้างที่ยังใส่ไม่เสร็จดี พลางมืออีกข้างที่ยังว่างก็ถือของกินไว้อยู่ ร้อนรน เลิกลั่กเมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะโดนเช็คชื่อขาดเรียนอย่างแน่นอน
“อะแฮ่ม! อันตัวเรามีนามว่าโอเซฮุน...เฝ้าคิดถึงเสี่ยวลู่หานเป็นนักหนา...ทั้งเมื่อคืนก็ฝันถึงเป็นอีกครา...จำอุราต้องมาหาโดยเร็วพลัน”
ไม่ทันได้ตอบคำถามคนน่ารัก เซฮุนก็ท่องกลอนที่เพิ่งคิดสดๆร้อนๆเมื่อได้เห็นใบหน้าน่ารักของคนๆนี้ พลางทำท่าประกอบตามบทกลอนที่ได้เอ่ยไปจนทำให้ลู่หานถึงกับนึกรำคาญที่ไอ้ติ๋มกิมจิมากวนประสาทเขาผิดเวล่ำเวลาได้อยู่ทุกวัน
“ฉันไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับนายหรอกนะไอ้ติ๋ม ติดไว้ก่อนเดี๋ยวตอนเย็นฉันมาเถียงด้วย” เมื่อเห็นว่ามันคงไม่ดีแน่ถ้าจะมีปากเสียงกันแต่เช้า ลู่หานจึงกลอกตาไปมาก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วพูดดีๆกับอีกคนออกไป
“เดินผ่านร้านดอกไม้ในแห่งหนึ่ง...ห้วงคำนึงก็คิดถึงใบหน้าหวาน...ภาพของเธอลอยเข้ามาในเมื่อวาน...พาลหอบมาให้กับเธอลู่หานเอย”
เอ่ยจบเซฮุนก็ถึงกับทำหน้าแหม่งๆกับกลอนวรรคสุดท้ายที่มันดูจะขัดๆอยู่นิดหน่อย หากแต่ไม่คิดอะไรมากร่างกายสูงโปรงก็นั่งคุกเข้ากับพื้นพร้อมกับยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวไปตรงหน้าลู่หานในทันที ไม่วายก็ยิ้มแฉ่งให้อีกคนอย่างไม่มีแววของความทะเล้นเลยแม้แต่น้อย
“ไหวปะเนี่ย? กลอนบ้าบออะไรของนาย”
ถึงจะบ่นค่อนขอดเซฮุนไปหากแต่ใบหน้าน่ารักกลับก้มงุดในทันทีเมื่อได้เห็นว่าอีกคนเซอร์ไพส์อะไร ดอกกุหลาบสีขาวที่ลู่หานก็ชอบมันมากอยู่แล้ว ทั้งยังสวยจนไม่อาจปฏิเสธที่จะรับไว้ได้เลย ว่าแต่ไอ้ติ๋มมันเต็มป่าววะมาทำแบบนี้กับเขาทำไม
“กลอนหรอ? ฉันเพิ่งแต่งเมื่อกี้เอง...เพราะใช่ไหมล่ะ? มันออกมาจากใจฉันเลยนะ”
พูดเสร็จก็ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองไปมา จีบหญิงมาก็เยอะแต่กลับทำอะไรไม่ถูกกับคนตรงหน้าเอาเสียง่ายๆ เสียสมดุลไปแล้วโอเซฮุน
“เห้ย! ฉันจะไปโรงเรียนสายแล้ว ขอบใจมากนะสำหรับดอกกุหลาบแต่ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับนายจริงๆ” มัวแต่เพ้อไปกับสิ่งที่อีกคนมอบให้ ลู่หานก็ถึงกับลืมเรื่องไปเรียนสายเอาซะดื้อๆ ก่อนมือบางจะรีบรับช่อกุหลาบของเซฮุนมาไว้ในอ้อมกอดแล้วรีบเดินลงลิฟล์ไปที่ลานจอดรถในทันที
มือบางควานหากุญแจรถในประเป๋ากางเกงหากแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า เมื่อคิดได้ว่าคงเอาไว้ที่ไหนสักแห่งลู่หานจึงรีบถอดกระเป๋าเป้ออกจากหลังแล้วค้นหามันอีกที มือบางเริ่มสั่นเทาเมื่อเวลามันช่างกดดันเขาเรื่อยๆ เหมือนยิ่งร้อนลนก็ยิ่งทำอะไรช้าไปซะหมด ไม่ทันแล้วเมื่อเวลามันเริ่มเดินใกล้จุดหมาย ครั้งสุดท้ายสำหรับการไปเรียนสายของลู่หาน เพราะนั่นมันหมายถึงเขาจะไม่มีสิทธิ์สอบในวิชาภาษาเกาหลีของอาจารย์คิม
“หาอะไร?” เซฮุนที่เดินตามคนตัวเล็กมาไม่ห่างก็เอ่ยถามในทันทีเมื่อเห็นอีกคนร้อนลนจนมือไม้สั่นไปหมด
“ฉันเอากุญแจรถไว้ไหนจำไม่ได้อ่ะ สงสัยคงลืมไว้ที่ห้อง งื้อ...ไม่ทันแล้ว”
เมื่อรู้ว่าชะตากรรมชีวิตจะเป็นอย่างไร ลู่หานก็ถึงกับอยากจะร้องไห้ นัยน์ตาคู่กลมเริ่มคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำสีใสพร้อมจะปล่อยมันออกมาได้ทุกเมื่อ นึกได้แค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะออกวิ่งในทันที
“ลู่หาน! นายจะไปไหน?” เซฮุนเอ่ยถามอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ
“วิ่งไปโรงเรียนอะดิ ฉันไปสายไม่ได้แล้ว” หันมาบอกอีกคนแค่นั้นก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลู่ลงข้างแก้มอมชมพู คนกำลังจะรีบไอ้ติ๋มก็ยังจะถ่วงเวลาอยู่ได้
“จะวิ่งไปทำไม มาขึ้นรถฉันเร็วๆเดี๋ยวไปส่ง” เมื่ออีกคนเอ่ยชวน ลู่หานก็ชั่งใจอยู่นาน หากแต่ไม่ต้องคิดแล้วขอแค่ไปโรงเรียนทันก็เป็นพอ ไม่รอช้าก็รีบวิ่งกลับมาขึ้นรถสปอร์ตสีขาวไข่มุกของเซฮุนอย่างรวดเร็ว
.
.
.
เซฮุนรีบออกรถทันทีเมื่อลู่หานหย่อนกายเข้ามานั่งข้างๆ ตลอดทางก็เหลือบมองคนน่ารักอยู่เป็นพักๆ พลางก็นึกขำที่ลู่หานเอาแต่นั่งกระดิกขาอย่างร้อนลน ทั้งใบหน้าหวานก็ดูจะเป็นกังวลมากซะเหลือเกิน ถึงจะอยากแกล้งแค่ไหนแต่ก็แกล้งไม่ลงจริงๆ
“นายขับรถแพงไปป๊ะไอ้ติ๋ม?” เป็นเวลาพักใหญ่ก่อนลู่หานจะเอ่ยถามอีกคนออกไป เพิ่งสังเกตุเห็นว่ารถที่เซฮุนขับนั้นเป็นรถยุโรปที่ทั้งแพงและหายาก หากแต่ไอ้เด็กมัธยมปลายอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะกลับได้มันมาขับซะเฉยๆ
“อย่ามาถามฉันน่า พูดเหมือนรถนายไม่แพงเลยหนิ” ก็จริง เมื่อรถที่ลู่หานขับก็แพงมากจนคนน่ารักที่เพิ่งนึกขึ้นได้ก็ต้องพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย เพิ่งรู้ตัวรึไงนะ
“พ่อแม่ทำงานอะไร?” อยู่ๆลู่หานก็เอ่ยถามเซฮุนขึ้นมาซะเฉยๆ ไม่ได้อยากรู้ ไม่อยากรู้เลยจริงๆ แต่ขอถามหน่อยแล้วกัน
“เป็นเจ้าของสายการบิน” เพียงเท่านั้นม่านตากลมก็เบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ คงรวยมากน่าดู
“โห้ เจ๋งมากอ่ะ!”
“ไม่เลยสักนิด นั่นมันของพ่อแม่ฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับฉันเลย” เอ่ยจบใบหน้าหล่อก็เจือนลงสนิท รวยแล้วไง เจ๋งแล้วไง มีความสุขหรอ โอเซฮุนบอกได้คำเดียวว่าไม่เลยสักนิด
“สักวันนายก็ต้องสานต่อกิจการของครอบครัวนายนะ”
“ถึงแล้ว นายไม่รีบแล้วหรอ? เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก” เซฮุนเอ่ยตัดบทไปเพื่อเบี่ยงเบนการตอบคำถามของอีกคน และนั่นก็ทำให้ลู่หานถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย หากแต่คิดอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะอีกแค่ไม่ถึงสามนาทีเขาก็จะกลายเป็นคนหมดสิทธิ์สอบไปโดยปริยาย
“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอย่างเร่งรีบ เกือบไม่รอดแล้วชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เซฮุนลู่หานก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
“ลู่หาน”
“หื้ม?”
เพียงแค่หันกลับไปหาเจ้าของเสียง ริมฝีปากได้รูปของคนขับรถก็กดลงจุมพิตกับกลีบปากอิ่มสีสวยอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อีกแล้วที่โอเซฮุนทำแบบนี้ ลู่หานอยากจะหนี อยากจะหายไปจากตรงนี้ซะจริงๆ เหมือนโดนหยุดเวลาเมื่ออีกคนช่างอ่อนโยนมากเหลือเกิน อยากจะวิ่งไปขึ้นห้องเรียนหากแต่ขามันกลับก้าวไม่ออก ทั้งอีกคนก็เอาแต่จับจ้องจนใบหน้าน่ารักร้อนผ่าวไปซะหมด
“ไม่เข้าห้องเรียนหรอ?” เซฮุนเอ่ยถามเพื่อเรียกสติคนตัวเล็กที่ดูจะช็อคกับการกระทำของเขา พลางยิ้มกรุ่มกริ้มเมื่อนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ได้สัมผัสริมฝีปากเคลือบใสที่ดึงดูดนั่น กำลังใจมาเต็มเปี่ยมเลยโอเซฮุนเอ้ย
“ย๊า! ไอ้ติ๋ม”
เสียงหวานแวดใส่เซฮุนเมื่อโดนล่วงเกิน แต่ไม่วายก็ต้องหันหลังเดิน ทำท่าจะไปขึ้นห้องเรียนอย่างจำใจ อยู่ต่อไม่ไหวแล้วหัวใจมันวูบโหวงไปหมด
“ตอนเย็นเดี๋ยวฉันมารับนะ”
“หึ! มันต้องแน่อยู่แล้ว เพราะฉันต้องสะสางกับนายอีกเยอะ ฝากไว้ก่อนเถอะ” หันกลับมาบอกเซฮุนแค่นั้นเท้าเล็กก็รีบวิ่งขึ้นห้องเรียนไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย จนเซฮุนที่มองลอดกระจกรถออกไปก็ถึงกับยกยิ้มอย่างมีความสุขที่เขานั้นเหมือนจะเข้าใกล้คนน่ารักได้อีกก้าวนึงแล้ว ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
“นายทำให้ฉันจริงจังเองนะลู่หาน”
… ADOLESCENT…
“มาหาฉันเร็วแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าลู่หาน?” เลย์นึกสงสัยเมื่อเห็นว่าวันนี้เพื่อนตัวเล็กมาหาเขาก่อนเวลาพักเที่ยงเสียอีก ทั้งยังดูสีหน้าไม่ค่อยดีเอามากๆจนเลย์ก็อดจะเป็นห่วงเสียไม่ได้
“นายจำที่ฉันโทรไปหานายวันนั้นได้รึเปล่า? เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ”
“อื้ม แล้วมีอะไรล่ะ?” เลย์พยายามนึกถึงเรื่องที่ลู่หานโทรมาหาเมื่อวาน แล้วที่ไม่ได้คุยกันก็เป็นเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เจ้าของเลือนผมสีบลอนด์ที่ตามก่อกวนเขาตลอดเวลา หากแต่ที่คิดได้นั้นกลับไม่ใช่เรื่องของลู่หานแต่เป็นเรื่องของคริสเสียมากกว่า
“คือว่าพี่ซูโฮเขาขอนัดเจอนายน่ะ”
“ที่ไหน?”
“ห้องสมุด ตอนเที่ยงนี้เลย”
“อื้ม ขอบคุณมากนะ” เลย์รีบเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกจากห้องเรียนไปยังสถานที่นัดหมายและเป็นสถานที่เดียวที่เขามักจะไปอยู่เสมอในเวลาพักเที่ยงแบบนี้
.
.
.
เดินแยกทางกับลู่หานได้สักพักกลับมีใครอีกคนมายืนขว้างไว้เอาดื้อๆ ผู้หญิงที่มีใบหน้าเรียกได้ว่าเพอร์เฟคกำลังยืนประจันหน้ากับเลย์อยู่อย่างหยิงยะโส คุ้นๆว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่คิดยังไงเลย์ก็คิดไม่ออกเสียที
“เธอมีอะไรหรือเปล่า?” เลย์เอ่ยถามออกไปเมื่ออีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่พูดอะไรเลย เอาแต่ยืนจ้องทั้งยังเดินหลบไปทางไหนอีกคนก็ขวางไว้ทางนั้นอยู่แบบนั้น
“เลิกยุ่งกับคริสซะ!” หญิงสาวไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้หากแต่กลับออกคำสั่งให้เลย์อย่างถือดี เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้เลย์รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นเป็นใคร
“ไปบอกกับคริสเองดีกว่าไหม ใครกันแน่ที่ยุ่งกับใครพูดให้มันดีๆ” ถึงภายนอกจะดูอ่อนแอและไม่สู้คน แต่คนอย่างเลย์ก็ไม่ยอมให้กับใครง่ายๆอย่างแน่นอน ถูกเข้าใจผิดไม่พออีกคนก็ดูจะอยากมีเรื่องเอาซะเหลือเกิน
“ปากดีหนิ ก็เห็นอยู่ว่าช่วงนี้นายอยู่กับคริสเกือบทุกวัน”
“แล้วเธอเห็นด้วยหรือเปล่าว่าคริสน่ะเอาแต่ตามติดฉัน คนที่เธอควรจะบอกให้เลิกยุ่งน่ะเป็นคริสไม่ใช่ฉัน”
“แก!”
เจสสิก้าเริ่มเหลืออดเมื่อเธอไม่คิดว่าเลย์จะเป็นคนหัวแข็งขนาดนี้ บอกว่าคริสตามติดเองน่ะหรอ จะเป็นไปได้ยังไง
“มีเรื่องจะคุยกับฉันแค่นี้ใช่ไหม ฉันขอตัว” พูดเสร็จคนตัวเล็กก็เดินกระแทกไหล่บางของหญิงสาวจากไปโดยไม่หันกลับมองอีกเลย อยู่เฉยๆก็ดันมีเรื่องซะหนิ ดูท่าว่าจะไม่จบแค่นี้แน่
.
.
ขาเล็กเดินเข้ามาในห้องสมุดอย่างกล้าๆกลัวๆ รู้สึกหนักใจเมื่อรู้ว่าที่รุ่นพี่ตัวขาวนัดมาวันนี้ต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ทั้งๆที่ก็มาที่แห่งนี้อยู่ทุกวันหากแต่วันนี้มันกลับรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนเลย์จะเดินเข้าไปยังโต๊ะอ่านหนังสือที่นั่งอยู่เป็นประจำ
“มาแล้วหรอเลย์?” ใบหน้าหวานหันไปตามเสียงเรียกทันทีด้วยความตกใจ ตื่นตระหนกเมื่อไม่ทันได้เตรียมใจอีกคนก็โผล่มาเร็วกว่าที่คิด
“ค...ครับ ว่าแต่พี่ซูโฮมีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ?” ตัดบทดูเหมือนรีบร้อนจนซูโฮเองก็ถึงกับรู้สึกเศร้า นี่เขาคงทำให้เลย์หนักใจมากเลยสินะ
“ตามพี่มาหน่อยสิ” พูดแค่นั้นคนตัวขาวก็เดินนำรุ่นน้องเข้าไปหาที่เงียบๆคุยกันอย่างไม่รีรอ เข้าใจดีว่าอีกคนคงอึดอัดและหนักใจ หากแต่ต้องการความกระจ่างสักทีถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเขาเองที่ต้องเจ็บปวด
“พี่ซูโฮมีอะไรก็พูดมาเถอะครับ” เมื่อคิดว่าเดินตามอีกคนมาไกลพอแล้ว เลย์จึงรีบเอ่ยถามอีกครั้ง
“คำตอบล่ะ ให้พี่ได้รึยัง?”
“เอ่อ...”
เมื่อรู้ว่าอีกคนคงจะเร่งรัดเอาคำตอบที่ได้สัญญาไว้ เลย์ก็ถึงกับอึกอักไม่กล้าตอบไป สิ่งเดียวที่เลย์ทำไม่ได้คือทำให้คนอื่นเจ็บปวด ถึงจะรู้ว่าซูโฮรู้สึกดีๆให้เขาแต่นั่นเลย์กลับคิดว่าเขาเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น
“เลย์ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ ตอบออกมาตรงๆ ยิ่งเลย์เป็นแบบนี้พี่ยิ่งไม่อยากจะยอมแพ้”
ซูโฮเอ่ยก่อนจะมองใบหน้าหวานของรุ่นน้องในชมรมเดียวกัน เพียงแค่เห็นเลย์ในครั้งแรกเขาก็ตกหลุมรักในทันที พอได้รุ่นน้องคนนี้มาช่วยทำงาน ได้รู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไงซูโฮก็ทะหลำลึกเข้าไปใหญ่
“พี่ซูโฮรู้คำตอบมันดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ? ผมขอโทษนะครับ” เลย์เอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา นี่เขาเป็นคนเลวหรือเปล่าที่ปฏิเสธซูโฮ รู้ว่าอีกคนอยากดูแล แต่เขาไม่เคยคิดกับซูโฮเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากพี่ที่น่ารักคนหนึ่ง
“มีคนที่ชอบอยู่แล้วหรอ?” ใบหน้าขาวเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ทำใจมาแล้วบ้างว่าอีกคนคงจะไม่รับรักอย่างที่ใจแอบหวัง
“ผมยังไม่มั่นใจครับว่าชอบเขาหรือเปล่า?” เลย์ตอบกลับไปอย่างที่ใจคิด ในเมื่อตอนนี้กำลังมีใครที่เข้ามาทำให้เขาสับสน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกมันคืออะไร
“พี่เข้าใจแล้ว ขอบคุณเลย์มากนะ อย่างน้อยครั้งนึงพี่ก็ยังได้รู้จักรุ่นน้องที่น่ารักอย่างเลย์”
“พี่ซูโฮพูดเหมือนเราเป็นคนไม่รู้จักกันอย่างนั้นแหละครับ เราสองคนก็ยังเป็นเหมือนเดิม เป็นพี่น้องที่สนิทกันเหมือนเดิมนะครับ” ใบหน้าหวานเผยยิ้มกว้างที่แต้มไปด้วยลักยิ้มบุ๋มส่งไปให้อีกคนและนั่นก็ทำให้คนที่ได้รับมันถึงกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ถึงแม้ว่าเลย์จะรู้ว่าซูโฮรู้สึกยังไงแต่ก็ยังไม่ทำตัวออกห่างและยังบอกว่าจะสนิทกันเหมือนเดิมอีก เท่านี้ซูโฮก็มีความสุขมากแล้ว
“ขอบคุณอีกครั้งนะเลย์ ต่อไปก็มาชมรมเหมือนเดิมได้แล้วนะ งั้นพี่ไปก่อนล่ะ” ซูโฮฉีกยิ้มให้รุ่นน้องหน้าหวานก่อนจะปลีกตัวออกไปในทันที ต่อหน้าก็ยิ้มมีความสุขหากแต่เพียงแค่หันหลัง น้ำตามันกลับไหลเป็นทางไม่หยุดเอาเสียเลย เจ็บปวดที่คาดหวังไว้สูงเลยตกลงมาเจ็บมากแบบนี้
“สเน่ห์แรงดีหนิ?” รุ่นพี่ตัวขาวเดินจากไปได้ไม่นานอีกคนก็เข้ามาจ่อคิวต่อในทันที สงสัยต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่แล้ว มาห้องสมุดเมื่อไรก็เจอมารมาพจญทุกทีไป
“มาตอนไหน?”
“สักพักแล้ว แต่ฉันไม่ได้แอบฟังนะแค่บังเอิญผ่านมา” คริสลอยหน้าลอยตาหลังเอ่ยจบ หากแต่นั่นกลับไม่ได้รับคำด่าทอเหมือนอย่างที่ผ่านมา เมื่อเลย์ก็เอาแต่เดินหนีเขาโดยไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงเลยสักคำ
“คิดซะว่าเจ๊ากันกับที่ฉันเดินไปเห็นนายเมื่อหลายวันก่อน” เลย์ไม่อยากจะมีปากเสียงกับคริสอีกแล้ว แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ ยังต้องมาเสียพลังงานไปเปล่าประโยชน์กับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
“แล้วเรื่องรายงานล่ะจะให้ฉันทำอะไร?” ครั้งแรกเลยสินะที่คริสเอ่ยถึงเรื่องงานแบบนี้ จริงๆไม่ได้จะสนใจมันเลยต่างหาก แต่เป็นเพราะคนหน้าหวานที่เข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจเขานี่เองที่ทำให้ต้องหาเรื่องพูดคุยอยู่ตลอด
“ตามมาสิจะแบ่งงานให้” เดินไปก็หันกลับมาบอกอีกคนไป นั่นทำให้คริสรู้สึกว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกแล้ว ทำไมดูยอมกันง่ายจัง
.
.
.
เมื่อหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว เลย์ก็เอื้อมมือไปหยิบชีสงานในกระเป๋าออกมาวางไว้ตรงหน้าก่อนจะยื่นมันไปให้คริสอีกที คนตัวสูงไม่พูดอะไรอีกเลย สายตาคมก็เอาแต่จับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่ต้องการในตอนนี้แค่ให้เลย์สนใจเขาบ้างก็เท่านั้น
“มันไม่มีอะไรยากเลย ฉันหาข้อมูลมาหมดแล้ว นายก็แค่เอาไปพิม เรื่องแค่นี้ทำได้ใช่ไหม?” พูดเสร็จก็เงยใบหน้าหวานขึ้น เหลือบมองคนที่เอาแต่จ้องมองมาอยู่ก็หลุบตาลงอีกครั้ง อึดอัดและสับสน
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” คริสเอ่ยถาม เป็นอีกครั้งที่ความต้องการรู้เรื่องของคนตรงหน้าทำให้คริสหงุดหงิดตัวเองมากซะเหลือเกิน
“ไม่หนิ”
“โกหก!”
“ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรไง!”
พูดเสร็จเลย์ก็ลุกขึ้นยืนก่อนขาเล็กก็พาตัวเองออกไปจากที่ตรงนั้นทันที เดินหาหนังสืออ่านน่าจะทำให้อารมณ์คุกรุ่นในตอนนี้มันดีขึ้นบ้าง ทำไมคริสต้องทำเหมือนใส่ใจ ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกัน ทั้งเลย์เองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเอาซะเลย
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม?” เมื่อเห็นอีกคนดูแปลกไปจริงๆ คริสก็ถึงกับนึกโมโห รั้งขอมือบางให้เข้าหากายก่อนจะดันร่างเล็กนั้นให้หลังแนบชิดไปกับชั้นวางหนังสือในทันที
“ฉันเจ็บนะคริส ปล่อย!”เลย์ยังทำเสียงแข็งอยู่เหมือนเดิม ทั้งคริสในตอนนี้ก็น่ากลัวไม่น้อย
นัยน์ตาคู่สวยจองมองสบกันอยู่เนิ่นนานโดยไม่มีใครคิดจะละออกเลยสักนิด สบสายตาเพื่อให้รู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรและรู้สึกยังไงในตอนนี้ เพียงไม่นานคริสก็รู้ตัวว่าตัวเองนั้นหลงใหลในใบหน้าหวานนี้เสียแล้ว นัยนต์ตาคมเหลือบมองริมฝีปากเคลือบใสอมชมพูของอีกคนก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาแล้วประกบจูบทาบทับกลีบปากอิ่มอย่างที่ใจต้องการ
“อื้อ....”
รู้ตัวอีกทีก็ถึงกับตาเบิกโพลง เลย์ส่งเสียงขัดอีกคนหากแต่ก็ทำอะไรไปได้ไม่มากกว่านี้ เมื่อปากที่เป็นต้นกำเนินเสียงนั้นโดนอีกคนครอบครองไปอย่างถือดี ยกมือขึ้นทุบหน้าอกของอีกคนก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกถึงลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาผ่านซี่ฟันสวยก็จูบตอบกลับไปอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
อยู่ดีๆ ภาพของหญิงสาวเจ้าของหัวใจคนตัวสูงที่เอาแต่ต่อว่าเขาอย่างเข้าใจผิดเมื่อก่อนหน้าจะมาถึงห้องสมุดก็ผุดขึ้นมาให้ห้วงความคิด ทำให้เลย์นึกโมโหในทันทีและที่ทำให้โกรธมากขึ้นไปอีกนั้นก็คือการกระทำที่อีกคนกำลังมอบให้เขาอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกดีๆให้กันแล้วทำไปทำไม
“ฮึก!”
เลย์รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะผลักหน้าอกแกร่งของคนตรงหน้าออกไปจนสุดกำลัง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ในตอนแรกกลับไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียใจเมื่ออีกคนชอบทำอะไรไม่คิดถึงใจกัน ทั้งยังทำเหมือนเขาเป็นของเล่นที่ต้องการเมื่อไหร่ก็เอามันไปอย่างหน้าด้านๆ นั่งทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง สะอื้นไห้เบาๆเพื่อระบายสิ่งที่แบกรับมาเป็นเวลาหลายวันออกมาผ่านหยาดน้ำสีใส ไม่มีความสุขเลย
“ต่างคนต่างอยู่เถอะ ฮึก... แยกกันตรงนี้เลย” เสียงหวานสั่นเครือน้อยๆ พยายามควบคุมแล้วหากแต่ก็ทำมันไม่ได้ ช่างน่าอายและน่าสมเพชที่เสียน้ำตาต่อหน้าอีกคน คนที่ไม่เคยเห็นเขามีค่าในสายตาเลยสักนิด
“ฉันขอโทษ”
คริสนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าคนตัวเล็ก รู้สึกผิดมากเมื่อรู้ว่าตัวเองทำให้อีกคนร้องไห้ได้ขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่คิดจะสนใจ ไม่เคยใส่ใจเลย แต่ทำไมกับเลย์แล้วคริสอยากจะเข้าไปปลอบ เข้าไปกอดเพื่อให้อีกคนหายเศร้าไป
“ไม่ต้องขอโทษ นายเลิกยุ่งกับฉันสักที ฉันเกลียดนาย!”
หยาดน้ำสีใสไหลลู่ลงข้างแก้มดั่งสายธารที่ไม่มีวันหยุด ก้มหน้าก้มตาอย่างรู้สึกเหนื่อยทั้งยังเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเอง เกลียดงั้นหรอ ไม่จริงเลยสักนิด ไม่เคยคิดจะเกลียดเลยด้วยซ้ำ
คนตัวสูงไม่คิดอยากจะฟังคำพูดของเลย์เลยสักนิด คำที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด คำที่ไม่อยากได้ยินจากปากของคนตัวเล็กตรงหน้า คริสสวมกอดคนหน้าหวานอย่างที่ใจต้องการ ถ่ายทอดความอ่อนโยนไปให้อีกคนเพื่อให้ได้รับรู้ ถึงคนในอ้อมกอดจะยังรั้นและผลักไสเขาอยู่แต่คริสก็ยังกระชับอ้อมกอดไว้แน่นอยู่เหมือนเดิม
“เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยหรอ? นายจะให้ฉันเลิกยุ่งกับนายได้ยังไง ในเมื่อนายยังเข้ามาอยู่ในสายตาของฉันอยู่ตลอดเวลาแบบนี้”
สิ้นเสียงทุ้ม ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดก็ถึงกับอ่อนยวบอย่างง่ายดาย เพียงแค่จะออกแรงผลักอีกคนออกไปก็ยังไม่มี ได้แต่ฟุบหน้ากับไหล่กว้างอย่างจำใจ คริสพูดอะไรกันแน่ สับสนไปหมดแล้ว
“………………………”
“แต่ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจ ฉันก็จะเลิกยุ่งกับนาย ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน” เหมือนหัวใจวันหล่นวูบทั้งยังรู้สึกว่ามันแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่มีชิ้นดี คริสพูดออกไปแล้ว ก็ในเมื่ออีกคนบอกว่าเกลียดแล้วยังจะฟื้นให้เขาเกลียดมากขึ้นไปอีกทำไม ไม่ได้ถอดใจที่จะอยากรู้จักอีกคนให้มากขึ้นอีก แต่นั่นมันก็เป็นการแสดงออกอย่างนึงว่าเขายังแคร์เลย์อยู่เสมอ
... ADOLESCENT…
*** ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ ไม่ว่างจริงๆ T^T
เจอกันคอนซุปเปอร์จอยน้า ^^
ความคิดเห็น