ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Hanchul] My Mummy? อยากเป็นคุณแม่ใหม่ พิชิตใจเราให้ได้สิ

    ลำดับตอนที่ #3 : My Mummy? Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 56






     

    “เฮียนี่น๊า!” ฮีชอลบ่นไปพลางจิ้มสำลีลงบนแผลบนใบหน้าหล่อเบาๆ เบาซะจนอีกคนร้องโอ๊ย -*-  

     

    หลังจากที่เจ้าตัวแสบของฮันคยองวิ่งหนีไป ร่างหนาก็วิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ กลายเป็นการวิ่งไล่จับกันเสียรอบบ้าน พอโฮซูมุดดงหญ้าฮันคยองก็มุดตาม โฮซูน่ะผ่านไปได้เพราะตัวเล็กนิดเดียว แต่อีกคนนี่สิกว่าจะมุดพ้นออกมา ก็ได้แผลมาเป็นของสัมมนาคุณเสียเต็มตัว เสื้อเชิ้ตราคาแพงก็โดนหนามเกี่ยวขาด กางเกงก็เปรอะดินเหมือนไปนอนคลุกดินมา แต่สุดท้ายร่างหนาก็หอบเอาโฮซูตัวแสบกลับบ้านมาให้แม่บ้านลีพากินข้าวและเอาไปอาบน้ำได้

    สรุปคือ โฮซูรอดจากการโดนว่า เพราะป๊ะป๋าเหนื่อยจนไม่มีแรงจะพูดอะไร แถมยังมีแผลเต็มตัวอีกตะหาก ฮีชอลจึงต้องมาทำหน้าที่พยาบาลจำเป็น ช่วยทำแผลและคอยบ่นไปพร้อมๆกัน

     

    “โอ๊ย ฮีชอลจ๋า เบามือหน่อยสิ..

    “ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะ! เอ่า เสร็จแล้ว!” ฮีชอลโยนสำลีทิ้งพร้อมปิดกล่องปฐมพยาบาลลง ก่อนจะยกไปเก็บที่โต๊ะข้างๆทีวี ขณะที่อีกคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา

     

    O_o?

    ฮันคยองเพิ่งสังเกตว่าฮีชอลเปลี่ยนกางเกง จากกางเกงขายาวสีดำที่ใส่มาเป็นยีนส์ขาสั้นของใครก็ไม่รู้ สายตาของฮันคยองไล่ลงมาถึงเรียวขาขาว และแอบมองอย่างไม่วางตา

     

    ฮีชอล ขาวจุงเบยง่ะ..=.,=

     

    ..เฮีย!

    “จ๋า!” ฮันคยองเบนสายตากลับไปที่ใบหน้าหวานอย่างรวดเร็ว ขืนฮีชอลรู้ว่าโดนเค้าลวนลามทางสายตามีหวังฆ่าเค้าทิ้งแน่

     

    “ฉันถามว่าจะดูทีวีไหม? ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ มัวมองอะไรอยู่?” ฮีชอลพูดพลางเปิดทีวี ขออนุญาตให้มันเป็นพิธีไปอย่างนั้นแหละ วันนี้มีซีรี่ส์เรื่องโปรดจะพลาดได้ยังไง อ่า พูดถึงก็มาพอดีเลย ^^

     

                ฮีชอลวิ่งกลับมาหย่อนก้นลงที่โซฟา ตั้งใจดูซีรี่ส์เรื่องโปรดในทีวี ฮันคยองมองหน้าฮีชอล อยู่ๆก็รู้สึกดีใจและมีความสุขที่ฮีชอลไม่ได้รังเกียจหรือโกรธเคืองเรื่องที่ว่าเค้าเคยมีครอบครัวมาแล้ว จากนี้เขาก็ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความลับนี้อีกแล้ว ความรักของเขาไม่ต้องพังทลายแล้วด้วย

     

                มือหนาโอบกอดรอบเอวบาง ทำเอาคนที่ตั้งใจดูซีรี่ส์สะดุ้ง พยายามแกะมืออันเป็นอุปสรรคของกาดูซีรี่ส์ออก แต่ยิ่งแกะก็เหมือนจะยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก

     

                “อะไรเนี่ยเฮีย! ปล่อยนะ!” ฮีชอลร้องพลางดิ้นสุดแรง ก็อีกคนอยู่ๆก็หน้ามืดมากอดเค้าเฉยเลย แล้วเค้าดิ้นอิท่าไหนเนี่ย ทำไมหงายหลังลงโซฟาซะงั้น ให้ตายสิ!!

     

    งี้ก็เข้าทางฮันคยองเลยสิ!!

                ^[++]^ <<หน้าฮันคยอง

                -3- <<หน้าฮีชอล

     

                ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ จนปลายจมูกเฉียดกัน ฮีชอลนอนนิ่งหลับตาปี๋(แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนนะ หุหุ)

               

     

     

    ปั่ก!!

     

    ระหว่างจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่นั้นเอง กระเป๋าเป้สีชมพูขนาดกำลังดีก็ลอยมาปะทะหลังฮันคยองดังปั่ก โดนเข้าที่แผลเก่าที่โดนหนามเกี่ยวตอนฝ่าดงหญ้า เจ็บจนน้ำตาร่างสูงแทบเล็ด

     

     

    “ทำอะไรกันน่ะ!!” ตามมาด้วยเสียงแหลมสูงปรี๊ดของเด็กสาวร่างเล็กในชุดนักเรียนสีน้ำตาลที่ยืนเท้าสะเอวมองมาที่ทั้งคู่ ก่อนที่เธอจะปรี่เข้ามาจับเข็มขัดฮันคยองแล้วลากร่างหนาออกจากตัวฮีชอล โดยมีฮีชอลมองตามอย่างงงๆ

     

    ตัวนิดเดียวแต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ลากฮันคยองออกไปได้!?

     

    “ซอลลี่ปล่อยป๊านะ!!” ฮันคยองประท้วงยกใหญ่ เด็กสาวนามซอลลี่ถึงยอมปล่อยมา แต่พริบตาเดียวเธอก็ปราดเข้ามาหาฮีชอลที่ยังคงงงกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่

     

    “เธอ!! คงจะเป็นเด็กป๊าสินะ หน้าตาก็ออกจะสวย แต่ทำไมทำตัวแบบนี้ มาอยู่ที่บ้านผู้ชายได้ยังไงดึกๆดื่นๆ ทำตัวแบบนี้แม่ไม่ว่าหรอ!

     

    หา??

    งงเต็ก!!

    เด็กคนนี้เป็นใครเนี่ย มาว่าเขาฉอดๆๆ

     

    “เอ่อ คือ”

    “แล้วนั่น!!”ฮีชอลหวังจะอธิบายให้เธอเข้าใจว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่ดูถ้าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น นิ้วเรียวชี้มาที่ส่วนล่างของฮีชอล แล้วเริ่มโวยวายอีกที

     

    “เอากางเกงตัวโปรดฉันไปใส่ได้ยังไงหา!? นี่แสดงว่าคงจะเข้าไปในห้องฉันแล้วด้วยสิ!! เธอนี่มันเสียมารยาทจริงๆเลย ไม่มีใครเคยสอนหรือไงว่าห้องขะ..”

     

    “โว้ยยยย!! พอได้แล้ว!!” ไม่ใช่ฮีชอลผู้ถูกกระทำที่ตะโกนโพล่งขึ้นมา แต่เป็นฮันคยองที่โดนสาวน้อยเหวี่ยงออกไปต่างหาก เด็กสาวหันไปมองแล้วเรียกร่างหนาด้วยความไม่พอใจ

     

    “ป๊า!!

    “หยุดบ้าได้แล้วซอลลี่...ฮีชอลเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเรานะ ให้ความเคารพเขาซะบ้างสิ!

    “แต่..”

    “ไม่มีแต่!! แล้วฮีชอลก็ไม่ใช่อีหนูของป๊าด้วย เขาเป็นแฟนป๊า!! เป็นคนที่ป๊ารัก เข้าใจไหม!

    “หมายความว่ายังไง!!

    “ก็หมายความว่าเขาเป็นแม่ใหม่ของหนูไงล่ะ!!

     

    ทั้งฮันคยองและซอลลี่ยังคงเถียงกันอย่างต่อเนื่อง

    ...โดยมีฮีชอลนั่งปิดหูทำหน้าเบะเป็นผู้รับฟัง

    สองพ่อลูกนี่ไม่เจ็บคอบ้างหรือไงกันนะ ว้ากใส่กันประหนึ่งเป็นร็อคเกอร์มืออาชีพเชียว =_=

     

     

    “แม่ใหม่!? ใครบอกว่าหนูอยากมีแม่ใหม่ไม่ทราบ!! ไม่อยากมี ไม่อยากได้ จบมั้ย!!!”ซอลลี่หมุนตัวจะเดินหนี แต่ฮันคยอง คว้าแขนร่างเล็กไว้ก่อน ซอลลี่เบะหน้าด้วยความเจ็บพลางสะบัดแขนออกจากมือของผู้เป็นพ่อที่ในสายตาเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับยักษ์เลยสักนิด ฮันคยองไล่สายตามองอีกฝ่ายลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

    “มันไม่จบง่ายๆแน่! ไปทำอะไรกับผมมาห๊า!? เหลืองอ๋อยเหมือนไปตกส้วมมาแน่ะ! มันผิดกฎโรงเรียนแล้วทำทำไม!? แล้วที่เล็บนั่นอีก ทำไมมันแวววาวขนาดนั้น! ป๊าส่งหนูให้ไปเรียนนะ ไม่ได้ส่งเข้าประกวดธิดาเหมืองเพชร!

    “โอ้ยยยย!! ป๊าจะอะไรหนักหนาเนี่ย! ใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ จะให้หนู! ลีซอลลี่ ไม่แต่งหน้า ไว้ผมดำแล้วคาดผมโชว์หน้าผากเหม่งๆ(เหมือนป๊า)เดินเข้าโรงเรียนหรอ อี๋! เชยจะตาย”

     

     

     

    “พี่ซอลลี่กลับมาแล้ววว! พี่ซอลลี่อ่านนิทานให้ฟังหน่อยสิ นะๆๆน๊าาาาา” ไม่ทันทีฮันคยองจะพูดอะไรต่อ โฮซูน้อยในชุดนอนก็วิ่งเข้ามาหาซอลลี่แล้วเขย่ากระโปรงพี่สาวออดอ้อนให้ไปเล่านิทานให้ฟัง

    “ไม่เอา!! ดูหน้าซิเนี่ย อารมณ์เสียอยู่!” ซอลลี่ว้ากใส่น้อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้โฮซูรู้สึกอะไร ซอลลี่เดินไปหยิบกระเป๋าที่ปาใส่ฮันคยองเมื่อครู่สะพายบ่ายข้างหนึ่ง อยากจะอาบน้ำเหลือเกิน วันนี้ก็เหนื่อยมาพออยู่แล้วนะ ยังต้องมาเสียเวลาทะเลาะกับป๊าอีก ซอลลี่ยังมีรายงานอีกสามวิชาที่ต้องทำนะ จะบ้าตาย!!

     

    แต่คือตอนนี้ทำไม่ได้ไง...

    เพราะ..ไอ่โฮซูน้องนรกมันกอดข้อเท้าอยู่แน่นไม่ยอมปล่อยเลยอ้ะ!!

     

    “เล่าให้ฟังหน่อยยยยยยย...” มันยังจะพูดคำนี้อีกนะ!! พี่เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่เห็นเป็นน้องนะ แม่จะถีบกระเด็นไปแปะข้างฝาแทนวอลเปเปอร์เลยคอยดู

    “ม่ายยยย” ในที่สุดซอลลี่ก็แกะมือโฮซูออกได้ เดชะบุญที่โฮซูไม่ตามมาเกาะต่อบนบันได ก่อนจะถึงชั้นสองซอลลี่ก็ส่งเสียงมาให้ฮีชอลได้สะดุ้งอีก

    “ใส่แล้วคืนด้วยล่ะ!! อย่าอิ๊บนะอย่าอิ๊บ!

     

    ปัง!!

     

    “เฮ้อออ...นี่ล่ะฮีชอล ลูกคนโตของเฮีย สาเหตุที่เฮียไม่อยู่ที่นี่ก็เพราะงี้แหละ ไม่งั้นได้ฆ่ากันตายกันไปข้างหนึ่ง” ฮันคยองถอนหายใจและนั่งลงข้างๆคนรัก

    “ซอลลี่ดูท่าจะไม่ชอบฉันนะ” ฮีชอลพูด

    “ไม่ใช่เฉพาะฮีชอลหรอก เขาเอ่อ เขาเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นน่ะ”

    บางที ถ้าเฮียอยู่ที่นี่กับเค้า ซอลลี่อาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะ” ฮีชอลพูดตรงๆตามความคิด

    “ถึงเฮียจะอยู่ที่นี่ ก็คงไม่ช่วยอะไรหรอก นิสัยมันเป็นของติดมากับตัวตั้งแต่เกิดนี่นา ฮันคยองพูดอย่างปลงๆ

    “แต่ว่า..” ฮีชอลอ้าปากจะแย้งว่ามันไม่ใช่แบบนั้นแต่โฮซูปีนมาแทรกกลางระหว่างเขาและฮันคยองเสียก่อน เจ้าตัวแสบมองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มพลางยิ้มหวานปานน้ำเชื่อม

                “แฟนป๊ะป๋าแฟนป๊ะป๋าเล่านิทานให้โฮซูฟังหน่อยน๊า”

                “แหม -///- เรียกว่าฮีชอลก็ได้จ้ะ”

    “ฮีชอลเล่าให้ฟังหน่อยน๊า”

     

    “อย่ารบกวนฮีชอลน่า โฮซู” ฮันคยองพูดนิ่งๆเขารู้ดีว่าเด็กคือสิ่งมีชีวิตที่ฮีชอลขอหลีกเลี่ยงไม่ว่าสถาการณ์ใดๆไม่ใช่ว่าเกลียดหรือไม่ชอบ ฮีชอลเป็นพวกเอ็นดูเด็กๆด้วยซ้ำ แต่เพราะฮีชอลเป็นลูกคนเดียว ไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาเด็กๆยังไง ร่างบางเคยบอกกับเขาบ่อยๆว่า

     

    ถึงจะชอบเด็กยังไงก็ขอแค่มองดีกว่า ถ้าต้องมาเลี้ยงเองจริงๆคงตายแน่ๆ

     

    โฮซูก้มหน้าทำปากยื่นๆเหมือนเป็ดเมื่อได้ยินป๊ะป๋าดุ เขาก็แค่อยากฟังนิทานบ้างเท่านั้นเอง นิ้วเล็กจิ้มกันตรงหน้าอก แลดูน่าสงสารจนฮีชอลใจอ่อน จริงๆตั้งแต่เกิดมาฮีชอลไม่เคยเล่านิทานให้ใครฟังหรอก แต่จะลองดู คงเหมือนๆกับการอ่านสุนทรพจน์เปิดงานอะไรแบบนี้มั้ง

    “หืมม จะนอนแล้วหรอ นี่เพิ่งจะทุ่มกว่าๆเองนะ”

    “บู่ -3- ..ฮีชอลไม่รู้อะไร ถ้าเรานอนเร็วๆนะ เราก็จะได้อยู่กับความฝันนานๆไง”

                อ๋อหรอ

                เพิ่งรู้ว่าเด็กยุคเสพติดเทคโนโลยีก็คิดแบบนี้ได้เหมือนกัน

     

                “อ่า งั้นเดี๋ยว..ฮีชอลไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ^^” ฮีชอลไม่รู้ว่าจะแทนตัวเองว่าอะไรดีให้ดูกันเองที่สุดกับโฮซู กับเด็กชายตรงหน้าฮีชอลไม่อยากให้เป็นพิธีรีตองอะไรนัก

               

    “เย้!!! ฮีชอลดีจังเลยย ห้องน้ำเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวานะ ส่วนห้องของโฮซูขึ้นบันไดไป อยู่ห้องแรกเลย รีบๆตามมานะฮีชอล ^0^” พูดจบก็วิ่งขึ้นชั้นบนไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงเท้าเล็กๆกระทบกับบันไดฮีชอลกังจะลุกตามไปแต่ฮันคยองคว้าแขนไว้ก่อน

     

    “ฮีชอล ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ อยากกลับบ้านเลยไหมเดี๋ยวเฮียไปส่ง”

    “เฮีย..อยู่ให้นานอีกนิดเถอะนะ ฉันสัญญากับโฮซูไว้แล้ว อีกอย่างฉันเต็มใจทำนะ”

    “แต่ว่า..

     

                ครืด~ครืด~

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะฮันคยองเสียก่อน พอดูหน้าจอก็เห็นว่าเลขาโจวคนสนิทของฮันคยองโทรมา งานคงจะมีปัญหาอะไรแน่ๆ ฮันคยองส่งสายตาขอโทษให้ฮีชอล ฮีชอลยิ้มบางๆให้ มือบางจับเอามือของฮันคยองออกจากแขน ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำตามทางที่โฮซูบอก

     

    ~~~My mummy??~~~


     

                ในห้องน้ำ

                ซ่า ซ่า

                มือสวยๆของฮีชอลผลัดกันถูไปมาอยู่กลางสายน้ำก๊อกที่ไหลออกมา ร่างบางเงยหน้ามองกระจกสำรวจหน้าตัวเองตามความเคยชิน

                แต่คราวนี้สายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างโผล่มาที่มุมประตู พอฮีชอลหันไปมองสิ่งนั้นก็หายไป ฮีชอลเอียงคอด้วยความสงสัย ร่างบางหันกลับมารู้สึกได้ถึงความผิดปกติแต่ก็ยังล้างมือต่อสายตาจับจ้องไปที่จุดที่ตนเจอสิ่งแปลกประหลาดในกระจก ไม่ช้าฮีชอลก็กระจ่าง คราวนี้มาแบบเต็มๆตัว ร่างนั้นตัวเล็กเหมือนภูติ อยู่ในชุดสีขาว มีผมสีน้ำตาลยาวปรกหน้า ที่สยองที่สุดคือร่างนั้นค่อยๆยื่นมือเปื้อนสิ่งที่คาดว่าจะเป็นเลือดสีแดงสดออกมาหาเขา!!

     

                “อ๊ากกกกกกกกกกก ผี!!!

     

    ~~~My mummy??~~~

     

    :)  Shalunla

    Talkative :3
    ในที่สุดก็ได้มาต่อ *ล้มแปะ!*
    โอ๊ะโอ๋! ลูกสาวคนโตของเฮียโผล่มาแล้วววว
    เอาใจช่วยฮีชอลกันด้วยนะทุกคน
    ดูท่าฮีชอลของเราจะเจองานหนักซะแล้วว
    บอกแล้วว่าเด็กแต่ละคนน่ะไม่ธรรมดา ^0^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×