ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO SNSD] “ Your doll ” [Kris x Sica]

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.28K
      0
      17 พ.ค. 55

     ChaPTER 1



     

    ดวงตาสีฟ้าใสจดจ้องใบหน้าของชายผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่วางตา นั่งมองเขาคนนั้นคุยกับโบอาอยู่เงียบๆ มือบางประสานกันไว้บนตักอย่างสงบเสงี่ยม เสื้อแจ็คเก็ตที่โบอาให้ยืมถูกนำมาคลุมไหล่เอาไว้เฉยๆ ชุดผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อหนาที่เธอสวมใส่ดูแปลกตา คล้ายชุดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลหากแต่ดูนุ่มและหนากว่าอยู่สักหน่อย เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยถึงช่วงเอวราวกับเจ้าตัวตั้งใจเลี้ยงมันไว้โดยไม่คิดจะตัด

     

    บนโต๊ะตรงหน้ามีเครื่องดื่มอุ่นๆ ควันลอยกรุ่นตั้งอยู่ รสชาติหอมหวานและกลิ่นก็หอมจนติดปลายจมูก เธอไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าอะไร เพียงแต่ลองชิมแล้วรู้สึกติดใจและเธอชอบมันมาก แต่ต้องค่อยๆ จิบ เพราะยังมันร้อนอยู่... ทว่าพอลองชะเง้อมองเครื่องดื่มอีกสองถ้วยของคริสกับโบอากลับรู้สึกว่ามันต่างออกไป เครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ต่อหน้าคนทั้งคู่แลดูเข้มข้นกว่าทั้งกลิ่นและสี

     

     “นี่เป็นข้อมูลส่วนตัวของเจสสิก้า” โบอาหยิบเกระดาษหนึ่งแผ่นออกจากซองสีน้ำตาลส่งให้คริส ชายหนุ่มเหลือบมองแล้วหยิบมันขึ้นมาอ่านคร่าวๆ

     

    ชื่อจริง : เจสสิก้า  หากแต่นามสกุลกลับไม่ปรากฏ ชายหนุ่มเม้มปากอย่างครุ่นคิด

     

    เกิดวันที่ 18 เมษายน 19xx  คิ้วเข้มขมวดเข้าชนกัน ลองคิดคำนวณอายุอานามของผู้หญิงแปลกหน้าอยู่ในใจ ปีนี้เธออายุได้ 18 ปีพอดิบพอดี งั้นก็เท่ากับว่าเธออ่อนกว่าเขาถึง 8 ปี ซึ่งยังเด็กมากเมื่อเทียบกับเขา คริสลอบถอนหายใจเบาๆ เหลือบตาขึ้นมองเจ้าของประวัติ ดวงตาสีเข้มสบเข้ากับดวงตาสีแปลกของหญิงสาว เธอกำลังมองสำรวจเขาอย่างสงสัยใคร่รู้ จ้องเอาจ้องเอาไม่ยอมหลบ แววตาบริสุทธิ์เต็มไปด้วยคำถามมากมาย  ดูซื่อตรงอย่างคนไม่มีพิษมีภัย

     

    ถ้าเธอใช้สายตาชนิดนี้กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็อย่าหวังเลยว่าจะรอด

     

    คริสละสายตาจากร่างบอบบางแล้วก้มอ่านข้อมูลในกระดาษต่อเงียบๆ

     

    ชื่อบิดามารดา ไม่ปรากฏ  สถานที่เกิดโรงพยาบาลเซจุนเมโมเรียล

     

    ส่วนสูง 162 รอบอก 32 นิ้ว คัพ C อ่านมาถึงตรงนี้ก็แทบสำลักน้ำลาย เหลือบตาขึ้นมองโบอาอย่างอึ้งๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบอกกระทั่งสัดส่วนของเจ้าตัวแบบนี้ด้วย... เห็นสีหน้าตกใจของคริสแล้วให้นึกสงสัย โบอาเลิกคิ้วสูงเอียงคอมองแล้วถามออกไป

     

    “มีอะไรเหรอ ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” คุณหมอสาวละสายตาจากใบหน้าเพื่อนสนิทแล้วก้มมองข้อความบนกระดาษแผ่นนั้น โบอาคลี่ยิ้มกว้างก่อนหลุดหัวเราะคิก เข้าใจแล้วว่าทำไมคริสถึงได้ทำหน้าอย่างกับเห็นตัวประหลาดอย่างนั้น

     

    “มันจำเป็นต้องบอกหนะ เพราะสิก้าเค้าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมาเลยสักชิ้นนอกจากชุดที่ใส่อยู่ และข้อมูลพวกนี้ฉันต้องเอาให้แกอยู่แล้ว เพื่อที่แกจะได้เลือกไซส์เสื้อผ้าให้เค้าได้ถูก ส่วนเงินออกไปก่อนค่อยเรียกเก็บกับฉันทีหลัง” คริสถึงกับอ้าปากค้างหลังจากที่ฟังโบอาพูดจบ ไอ้เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกสำหรับเขา แต่ที่บอกว่าต้องจัดหาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ให้เด็กคนนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อย ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวายขนาดนี้ด้วย เขาไม่ถนัดกับเรื่องจุกจิกพวกนี้นักหรอก

     

    เจสสิก้าหยิบถ้วยเครื่องดื่มขึ้นมาจิบแล้ววางไว้บนจานรอง ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ด้วยสงสัยว่าคริสกับโบอาคุยอะไรกันถึงได้ทำท่าเหมือนมีความลับกันอย่างนั้น แน่นอนว่าคงจะเกี่ยวเนื่องกับเธออย่างไม่ต้องสงสัย เธออยากได้ยินว่าทั้งคู่พูดอะไรถึงเธอบ้าง หากแต่ต้องรักษามารยาทเอาไว้ ตามที่เคยได้เรียนรู้และถูกอมรมมาเป็นอย่างดี

     

    “แล้วทำไมเค้าถึงไม่เอาเสื้อผ้ามาด้วยล่ะ เธอไปพาเค้ามาจากไหน ทำไมในนี้ไม่มีชื่อพ่อกับแม่เค้า?” คริสกระซิบลดเสียงให้เบาลงไม่ให้เจสสิก้าจับใจความได้ ถลึงตาใส่คุณหมอคนสวยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก หากแต่ฝ่ายนั้นดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับอาการฮึดฮัดขัดใจของเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่ ใบหน้าอิดโรยนั้นยังคงปรากฏรอยยิ้มจางๆ แม้จะเห็นความเหนื่อยล้าแฝงอยู่บ้างก็ตาม

     

    “เรื่องมันยาวน่ะ  รู้แค่ว่าสิก้าเค้าไม่เหมือนคนธรรมดาอย่างเราๆ ก็แล้วกัน ฝากแกดูแลเค้าให้ดีๆ ด้วยล่ะ ฉันอาจจะไม่อยู่นานเลยล่ะ ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ แกเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ฉันมีแล้วนะ ไม่มีใครเหมาะที่จะดูแลสิก้าได้ดีเท่าแกอีกแล้ว บ้านแกก็แยกออกมาอยู่คนเดียว เมียแกก็ยังไม่มี” โบอาว่าพลางส่งซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้กับคริสที่ยังขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ

     

    “ฉันมีเวลาไม่มากต้องรีบไปแล้ว นี่ข้อมูลบางส่วนที่ฉันเขียนไว้ ส่วนที่แกควรรู้เกี่ยวกับสิก้าเท่าที่ฉันบอกได้ ลองเอาไปอ่านดูแล้วกัน” คริสยิ่งฟังยิ่งงงหนัก หัวคิ้วแทบไม่ได้คลายออกจากกันสักนาที

     

    “แกจะรีบไปไหน เกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ?” คริสถามแทรกขึ้น

     

    “ฉันยังบอกแกตอนนี้ไม่ได้หรอก” นิ้วเรียวขยับแว่นเล็กน้อยตามความเคยชิน “เอาเป็นว่าดูแลสิก้าเค้าดีๆ ด้วยล่ะ อย่าใจร้อนมีอะไรก็ค่อยๆ สอน เค้าไม่เหมือนคนอื่น”

     

    “อะไรของแกเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้วนะเว้ย” คริสเริ่มโวยวาย อึดอัดและหงุดหงิดใจเมื่อโบอาไม่ยอมอธิบายเรื่องราวให้กระจ่าง เอาแต่พูดอะไรคลุมเครือชนิดที่ยิ่งฟังยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่

     

    “เอาน่ะ สักวัน เมื่อถึงเวลาฉันจะอธิบายให้แกฟังแล้วกัน ตอนนี้หน้าที่ของแกคือดูแลเจสสิก้าให้ดีๆ ส่วนฉันคงติดต่อไม่ได้สักพัก ถ้าอะไรมันเข้าที่เข้าทางแล้วฉันจะติดต่อมาหาแกโดยเร็วที่สุด ตกลงตามนี้นะ” พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็ขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้นยืน คริสมือไวกว่าคว้าข้อมือของโบอาเอาไว้เสียก่อน

     

    “เดี๋ยว มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ มีอะไรทำไมไม่บอกกันดีๆ วะ จะปิดกันทำไมเราเพื่อนกันนะเว้ย” เจสสิก้ามองตามอย่างตกใจเมื่อคริสเริ่มเสียงเข้มขึ้น มือบางที่วางนิ่งบนตักบีบเข้าหากันอย่างหวั่นใจ เธอรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ฉันยังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้” โบอาถอนหายใจส่งสายตาวิงวอนผ่านเลนส์แว่น คล้ายไม่อยากให้เขาถามอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว คริสสบตากับเพื่อนสนิทอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในที่สุด

     

    “โอเค งั้นฉันจะรอฟังนะ แล้วนี่แกจะไปไหนน่ะ?” คริสยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนแต่โดยดี แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ เห็นท่าทางร้อนรนอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกได้ว่าโบอากำลังเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาใหญ่ที่หนักหนาเอาการ

     

    “ไปอเมริกา แต่ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่ แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด” โบอาให้คำมั่น

     

    “แล้วแกจะไปวันนี้เลยเหรอทำไมรีบร้อนจัง?”

     

    “เปล่าหรอก น่าจะเป็นพรุ่งนี้ ไม่ก็มะรืนน่ะ แต่ต้องกลับไปเตรียมการอะไรอีกหลายอย่าง ถ้ามีปัญหาอะไรระหว่างนี้ก็โทรหาฉันได้นะ ถ้าว่างรับสาย ถ้าไม่ว่างเดี๋ยวหาเวลาโทรกลับ ฝากน้องด้วย ดูแลเค้าดีๆ อย่าสอนอะไรเค้าผิดๆ ล่ะ” ยังไม่วายกำกับหนักแน่นราวกับจะย้ำให้เธอสบายใจ โบอาขยับเข้าไปหาเจสสิก้าแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะเบาๆ

     

    “เชื่อฟังพี่เค้านะ พี่หมอรู้ว่าเราน่ะไม่ดื้อหรอก อย่าไว้ใจคนอื่นนอกจากพี่คริสนะ ตกลงมั้ย?” เจสสิก้ากรอกตาขึ้นมองพี่หมอควอนของเธออย่างอาลัยอาวรณ์ มือบางยกขึ้นสัมผัสกับมือที่วางบนศีรษะ แววหม่นเศร้าปรากฏในดวงตาสีฟ้าใส ริมฝีปากแดงอมส้มค่อยเอื้อนเอ่ย

    “พี่หมอควอน กลับมาเร็วๆ นะคะ” กระชับมือบนศีรษะแน่นขึ้น เธอเข้าใจว่าโบอาจำเป็นต้องไป เพื่อสะสางเรื่องยุ่งยากให้จบสิ้นเสียที แต่กระนั้นเธอก็ไม่รู้ถึงความซับซ้อนของมันนักหรอก

     

    “อื้อ พี่หมอจะกลับมาให้เร็วที่สุด” รับปากแล้วลุกขึ้นขึ้นเตรียมเดินออกไปจากห้องรับแขก เจ้าของบ้านลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าออกไปก่อน  เจสสิก้าก็ทำท่าจะเดินตามไปส่งโบอาอีกคน

     

    “สิก้า เราไม่ต้องไปส่งพี่หรอก เดี๋ยวไม่สบายนะ” โบอากดไหล่บางให้นั่งลงบนโซฟาตามเดิม ถึงคำสั่งนั้นจะขัดใจอยู่บ้างแต่เจสสิก้าก็ไม่อยากขัดคำสั่งของพี่หมอควอน หญิงสาวจึงโอนยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย โบอาคลี่ยิ้มบางๆ ให้แล้วบอกลา

     

    “พี่หมอไปก่อนนะ รอพี่หมออยู่ที่นี่ อยู่กับพี่คริสไปก่อน แล้วเจอกันใหม่นะ”  เจสสิก้าค้อมศีรษะให้คนอายุมากกว่า น้ำตาคลอหน่วยตาสีแปลกอย่างห้ามไม่อยู่ โบอามองแล้วก็อดสงสารไม่ได้แต่ก็ต้องตัดใจเบือนหน้าหนีแล้วเดินจากไป

     

     

     

     

     

     

    “โบอา แกมีปัญหากับที่ทำงานใช่มั้ย?” คริสยื่นมือไปแตะแขนของโบอาเพื่อให้อีกฝ่ายหันกลับมาสนใจเมื่อเดินไปถึง BMW  ที่จอดอยู่

     

    “ใช่ ปัญหาใหญ่เลยล่ะ ฉันไปรู้อะไรที่มันไม่เหมาะไม่ควรในองกรเข้า ฉันรับมันไม่ได้จริงๆ ว่ะ” โบอาสีหน้าเครียดขึ้นริมฝีปากเม้มแน่น แล้วส่ายศีรษะช้าๆ ในระหว่างที่พูดประโยคสุดท้าย

     

    “มันเสี่ยงมากใช่มั้ยแกถึงได้ร้อนรนแบบนี้ ทำไมชอบเอาตัวข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ อยู่เรื่อยเลยวะ ตั้งแต่แกตัดสินใจไปลงเรียนหมอแล้ว เป็นคุณหนูทำงานกับที่บ้านก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติแล้วแท้ๆ แกกลับไม่ชอบซะงั้น” คริสเท้าสะเอวพลางถอนหายใจแรงๆ เอือมระอากับคนที่แทบจะทานอุดมการณ์แทนข้าวสามมื้ออย่างโบอา หลายอย่างที่โบอาเคยทำออกจะดูเกินตัวไปสักหน่อย ดีหน่อยที่ก่อนหน้านี้สักสามสี่ปีจะมีเเขาคอยปรามอยู่เรื่อยๆ แต่หลังจากเขาเรียนจบโบอาต้องเรียนต่อแพทย์ปีห้าปีหกเพียงลำพังเป็นเหตุให้ทั้งคู่ให้ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันบ่อยหนัก คราวนี้เขาคงพลาดที่ไม่ได้ใส่ใจติดตามเรื่องราวของโบอาเท่ากับเมื่อก่อน

     

    “ถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะกล้าทำล่ะ คนอื่นเค้าก็ต้องห่วงปากท้องกันทั้งนั้น พวกเค้ามีครอบตัวต้องรับผิดชอบนะ แต่ฉันน่ะไม่ต้องลำบากอย่างที่แกบอก ถ้าออกจากตรงนั้นก็พอจะมีทุนทรัพย์ของที่บ้านช่วยหนุนอยู่... มันต้องมีสักคนนั่นล่ะที่กล้าทำ...  ฉันอุตส่าห์ตามเรื่องนี้เกือบสามปีเชียวนะตั้งแต่เป็นสมัยเป็นแพทย์เอ็กซ์เทิร์นน่ะ อยู่ๆ จะให้มาทิ้งไปฉันทำม่ได้หรอก แล้วตอนนี้มันก็ใกล้สำเร็จแล้วด้วย” โบอาขยับไปทิ้งตัวพิงรถ ยกมือขึ้นกอดอก คริสยืนกอดอกนิ่ง สองเท้าแยกออกจากกันเล็กน้อย ก้มมองคนเป็นเพื่อนและฟังอย่างตั้งใจ

     “เอาล่ะสายมากแล้ว ฉันคงต้องไปจริงๆ ซักที ยังไงก็ฝากเจสสิก้าด้วยล่ะ ดูแลเค้าดีๆ ...เด็กคนนั้นน่าสงสารนะ เค้าตกเป็นเหยื่อโดยที่ไม่รู้ตัว ...ชะตากรรมของเค้าอยู่ในกำมือของพวกเราแล้วล่ะตอนนี้ ฉันไปนะ ไม่อยากให้ใครระแคะระคาย แล้วเจอกันใหม่นะ” โบอากำชับอีกครั้งก่อนบอกลาเพื่อนสนิท ดึงประตูให้เปิดออกแล้วเข้าไปนั่งที่นั่งประจำฝั่งคนขับ

    “โชคดีนะ รีบติดต่อกลับมาล่ะ ถ้ามันอันตรายนักก็รีบถอนตัวออกมาซะ” คริสก้มลงคุยกับโบอาผ่านกระจกรถที่เลื่อนเปิด ส่งความห่วงใยผ่านสายตา โบอายิ้มให้แล้วพยักหน้ารับก่อนเลื่อนกระจกให้ปิดสนิท หันมาโบกมือให้คริสเล็กน้อยก่อนที่ BMW คันเก่งจะเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปอย่างช้าๆ  คริสยกมือโบกลาอีกฝ่ายไปจนสุดสายตา นึกเป็นห่วงโบอาขึ้นมาจับใจ เขาก็คงช่วยเพื่อนได้แค่รับดูแลเจสสิก้าให้ดีที่สุดเท่านั้น อย่างอื่นคงยื่นมือเข้าไปสอดไม่ได้ ปัญหามันคงซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ รอแค่วันที่โบอากลับมาแล้วให้ความกระจ่างกับทุกเรื่องที่เขาสงสัย

     

    “เฮ่อ.... ยัยคุณหนูควอนเอ๊ย” สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตื้นๆ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า เหม่อมองไปบนถนนที่รถของโบอาเพิ่งลับหายไปอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหันมงกลับเข้าไปภายในตัวบ้านด้วยความกลัดกลุ้ม หากแต่เป็นคนละเรื่องกับเมื่อครู่ ริมฝีปากสีเข้มเม้มแน่น สีหน้าปรากฏร่องรอยของความหนักใจ

     

    ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเลยที่จะต้องมาอยู่ร่วมชายคากับผู้หญิงที่ไม่ใช่มารดาและคู่นอน เพราะเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีแต่พี่น้องที่เป็นผู้ชายและเขาเป็นบุตรชายคนเล็กเสียด้วย เลยไม่เคยรู้ว่าการมีน้องสาวเป็นยังไง

     

    เอาเถอะ ถือว่ามีน้องสาวมาให้เลี้ยงสักคนก็แล้วกัน คงดูแลไม่ยากดูจากสีหน้าท่าทางแล้วคงว่าง่ายอยู่หรอก

     

     

     

     

     

     

    “เจสสิก้า” กลับเข้ามาในห้องรับแขกก็พบว่าร่างเล็กนั่นยังนั่งตัวลีบอยู่บนโซฟาอย่างเคย หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเพียงแค่เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ เท่านั้น ขี้ตกใจเกินไปกระมัง

     

    “คะ?” เสียงหวานขานรับ เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินเสียงเธอนับตั้งแต่ตอนที่โบอาแนะนำให้รู้จักกัน คริสหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลเข้มตรงข้ามกันกับอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าใสมองตามเขาอย่างระแวดระวัง อาจเพราะยังไม่คุ้นเคยกับเขาซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในสถานะของคนแปลกหน้า

     

     ชายหนุ่มคือโอกาสนี้สำรวจร่างบอบบางอย่างถี่ถ้วนเป็นครั้งที่สอง... ชุดที่หญิงสาวสวมใส่ก็ประหลาดอยู่สักหน่อย มันเหมือนชุดของคนป่วยในโรงพยาบาลแต่ไม่ใช่เสียทีเดียว และที่แปลกไปกว่านั้นคือเขาสังเกตเห็นป้ายที่ปักไว้บนอกเสื้อข้างซ้ายซึ่งข้อความบางอย่างอยู่บนนั้น เขาเพ่งมองอย่างตั้งใจจนอ่านมันได้สำเร็จ “ID180419xxดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย รู้สึกเคลือบแคลงกับชุดตัวเลขนั้นอยู่มาก ก่อนจะนึกขึ้นได้ในเวลาต่อมาว่ามันตรงกับวันเดือนปีเกิดของเจสสิก้าเข้าพอดี แต่ก็ไม่เข้าใจถึงเหตุผลอยู่ดี ว่าจะต้องปักมันไว้เพื่ออะไร?

     

    เจสสิก้าขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดอย่างประหลาดกับสายตาคมที่จ้องเธอราวกับจะมองให้ทะลุ มือบางบีบเข้าหากันแน่นขึ้น ห่อไหล่บางเพื่อทำตัวให้ลีบเล็กลงยิ่งกว่าเดิม คริสถอนสายตาออกจากร่างนั้นในทันที เมื่อรู้สึกถึงความหวาดระแวงที่ส่งมาจากดวงตาใส เขากระแอมเรียกเสียงตนเองเบาๆ ก่อนพูด

     

    “ไปซื้อเสื้อผ้ากัน เธอไม่มีชุดเปลี่ยนนี่ เดี๋ยวพี่พาไป”พยายามอธิบายด้วยเสียงนุ่มนวลอย่างใจเย็นเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้า

     

    “ซื้อเสื้อผ้า?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงแล้วขมวดเข้าหากันยุ่งเหมือนไม่เข้าใจ จนคริสต้องอธิบายซ้ำอีกครั้ง

     

    “เสื้อผ้านี่ไง ที่เราใส่อยู่เนี่ย” คริสเขย่าทีเชิร์ตที่ใส่อยู่ให้เจสสิก้าดู แต่หญิงสาวกลับเอาแต่คิ้วขมวดเอียงคอมอง ดวงตาสีแปลกกระพริบปริบๆ เต็มไปด้วยคำถาม

     

    “การซื้อนี่หมายถึงเอาสิ่งที่เรียกว่าเงินไปแลกกับสิ่งของที่เราต้องการน่ะเหรอคะ? แล้วทำไมต้องซื้อล่ะคะ ที่ใส่อยู่มันก็พอแล้วนี่” คริสแทบไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง ดวงตาคมเขม้นมองคนตรงหน้าเขาราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ ผู้หญิงคนนี้ทำเหมือนไม่เคยใช้เงิน คำพูดก็เหมือนกับท่องมาจากตำรายังไงอย่างงั้น เขาเริ่มจะเข้าใจคำที่โบอาบอก ว่าเจสสิก้าไม่เหมือนใครก็ตอนนี้ 

     

    “เดี๋ยวก่อนนะ เธอไม่เคยซื้อเสื้อผ้า ไม่เคยใช้เงินเลยเหรอ?” คริสถามช้าๆ ชัดๆ ยังหวังอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายอาจไม่เข้าใจคำถามของเขา... เจสสิก้าส่ายหน้ารัวเร็วแทนคำตอบ ชายหนุ่มพยายามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีแปลกนั่นเพื่อค้นหาความจริง ก็พบเพียงความใสซื่อ ไร้สิ่งเคลือบแฝง เจสสิก้าไม่ได้ล้อเขาเล่นและไม่ได้เล่นมุข หากแต่เธอไม่เข้าใจมันจริงๆ

     

    ผู้หญิงคนนี้คงไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตพื้นฐานของมนุษย์สินะ

     

    คริสพ่นลมหายใจพรืดใหญ่อย่างอ่อนใจ ทิ้งน้ำหนักลงพิงกับพนักโซฟาทั้งตัว ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด เขากำลังหาคำตอบเหมาะๆ ที่พอจะอธิบายให้เจสสิก้าฟังแล้วเข้าใจมันง่ายๆ

     

    “คืออย่างนี้นะ เสื้อผ้าที่เราใส่เนี่ยต้องเปลี่ยนหลังอาบน้ำทุกครั้งเข้าใจมั้ย?” พูดแล้วหยุดถาม เหลือบมองตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เจสสิก้าพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ คริสเห็นแล้วอธิบายต่อ

     

    “แล้วการที่เราต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็เพื่อจะเอามาเปลี่ยน จะได้ไม่ต้องใส่ชุดเก่าซ้ำยังไงล่ะ” แววตาของเจสสิก้ามีความสงสัยอยู่ในนั้น เขาจึงเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายถามกลับ “มีอะไรไม่เข้าใจเหรอ?”

     

    “ก็... ทำไมต้องซื้อด้วยล่ะคะ ที่ house ไม่เห็นต้องซื้อก็มีใช้” เจสสิก้าอธิบายอย่างซื่อๆ จนคริสถึงกับกุมขมับ มือใหญ่ยกขึ้นแปะหน้าผาก เงยหน้ากรอกตาขึ้นมองเพดานพิงศีรษะกับพนักโซฟา อีกใจหนึ่งก็นึกแปลกใจกับคำว่า house ที่เจสสิก้าใช้ ทำไมไม่เรียกที่ที่เคยอยู่ว่าบ้านเหมือนคนอื่นๆ หากแต่ความรู้สึกอยากเอาศีรษะโขกกำแพงมันมีมากกว่าหน่อยเท่านั้น...

     

     เจสสิก้ามองท่าทางไม่ชินตาของผู้ชายแปลกหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้ ผู้ชายคนนี้เขาเป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่านะ หรือว่าปวดศีรษะ?

     

    “คริสเป็นอะไรไปคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

     

    “เปล่าๆ ช่างเถอะ เอาเป็นว่า บ้านที่เธอเคยอยู่น่ะก็ซื้อมาเหมือนกัน ไม่มีใครเค้าให้กันฟรีๆ หรอกนะ ของทุกชิ้นต้องซื้อเองแทบทั้งนั้น” คริสตั้งต้นอธิบายให้หญิงสาวฟังอีกครั้ง ซึ่งเธอก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ แต่คิ้วที่เลิกขึ้นเหมือนอยากจะแย้งทำให้คริสต้องหยุดถาม

     

    “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”

     

    “สิก้าอยู่ที่ house ค่ะไม่ใช่ที่บ้าน” พูดด้วยสีหน้าขึงขังกว่าทุกประโยคจนคริสนึกขำ ทำอย่างกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทั้งๆ ที่มันไม่สลักสำคัญอะไรเลย สำหรับเขา ...จะเรียกบ้านหรือ house มันก็ไม่ต่างกัน

     

    “เอาเถอะๆ” คริสโบกไม้โบกมืออย่างย้อมแพ้ “โอเคๆ house ก็  house ครับผม ...อ้อ แล้วอีกอย่างนะ พี่น่ะอายุมากกว่าเธอ ต้องเรียกว่าพี่ไม่ก็พี่คริสไม่ใช่เรียกชื่อเฉยๆ นะ” คริสเสนอแนะแกมออกคำสั่ง

     

    “ก็คุณชื่อคริส ก็ต้องเรียกว่าคริสสิคะ” เจสสิก้าแย้งหน้าซื่อตาใส ชายหนุ่มต้องพ่นลามหายใจออกมาแรงๆ อีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย

     

    “แล้วทำไมทีโบอาเธอเรียกเค้าว่าพี่หมอควอนล่ะ อย่างพี่ก็ควรจะเรียกพี่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

     

    “ก็พี่หมอควอนไม่ได้บอกให้เรียกคริสว่าพี่นี่คะ” น่ากลัวว่าชีวิตนี้เธอจะเชื่อฟังแต่พี่หมอควอนของเธอสินะเจสสิก้า

     

    “เอ้าๆ จะเรียกผมว่าอะไรก็เรียกเลยครับคุณเจสสิก้า ผมไม่เถียงแล้ว” ส่ายหน้าช้าๆ  อย่างอ่อนอกอ่อนใจพร้อมประชดแกมเหน็บคนตรงหน้าเล็กๆ ยกถ้วยกาแฟที่เกือบเย็นชืดขึ้นมาจิบ รู้สึกว่าวันนี้เขาพูดมากกว่าปกติ ขนาดที่ว่าน้ำลายเริ่มเหนียวลำคอเริ่มแห้งผาก นี่แค่วันแรกยังขนาดนี้อยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ เขามิแย่หรอกเหรอ?

     

    “ก่อนออกไปซื้อของ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย ทั้งพี่ทั้งเธอยังไม่ได้อาบน้ำกันทั้งคู่หนิ” คริสลุกขึ้นจากโซฟายื่นมือไปรอให้อีกฝ่ายสัมผัส เจสสิก้ามองมือนั้นอย่างไม่เข้าใจจนเขาต้องย้ำอีกครั้ง

     

    “จับมือพี่แล้วลุกขึ้นสิ เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำ” คริสพยักหน้าให้จนอีกฝ่ายตัดสินใจวางมือนุ่มลงบนฝ่ามือใหญ่กว่า... ชายหนุ่มกระชับมันมือบางไว้หลวมๆ ราวกับให้คำมั่นว่าจากนี้ไปเขาจะทำหน้าที่ปกป้องดูแลเธอเอง ใบหน้าคมคลี่ยิ้มอบอุ่นมอบให้เจ้าของดวงตาสุกใสก่อนจะฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นตาม

     

     

     

     

     

     

    “คงต้องใช้ห้องน้ำที่ห้องนอนพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวสายๆ แม่บ้านคงมา ค่อยบอกเค้าจัดห้องใหม่ให้” คริสอธิบายให้เจสสิก้าฟัง มือค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดของผู้หญิงที่พอจะมีติดตู้อยู่บ้าง... ก็ของบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยพามาที่นี่นั่นล่ะ ให้เจสสิก้าใส่แก้ขัดไปก่อนคงไม่เป็นไร จะให้ใส่ชุดของเขาก็ไม่ได้เพราะขนาดตัวแตกต่างกันเกินไป

     

    คริสเลือกหยิบชุดที่พอใส่ได้แล้วดูไม่โป๊จนเกินไปออกมาจากตู้ หยิบชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดที่พับไว้ในตู้อย่างเป็นระเบียบออกมาด้วย พร้อมกับผ้าขนหนูสีฟ้าอ่อนอีกหนึ่งผืน

     

     “อ่ะ เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำนะ” พยักพเยิดปลายคางไปทางห้องน้ำที่เปิดประตูทิ้งไว้ ส่งผ้าขนหนูพร้อมชุดคลุมอาบน้ำให้ถึงมือ เจสสิก้ารับมันไว้อย่างว่าง่าย

     

    “ขอบคุณค่ะ” คริสคลี่ยิ้มอย่างพอใจที่อย่างน้อยเรื่องมารยาทของหญิงสาวก็ไม่มีที่ติ เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องเสียเวลาอมรมกันอีก

     

    “เอ้อ สิก้าเดี๋ยวก่อน ใช้เป็นมั้ยชุดคลุมอาบน้ำนั่นน่ะ” คริสเรียกไว้ก่อนที่ร่างเล็กบางจะก้าวเข้าไปในห้อง หญิงสาวหมุนตัวกลับมาเอียงคอมองเขา สีหน้าและแววตาบอกชัดว่าไม่เข้าใจที่เขาพูด บางทีเธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันไหนเรียกว่าชุดคลุมอาบน้ำ

     

    “ไม่เป็นค่ะ” ส่ายศีรษะเร็วๆ จนผมยาวสลวยกระจายระใบหน้า คริสถอนหายใจก่อนก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วแบมือ

     

    “ส่งของในมือมาให้พี่ จะสอนให้ว่ามันใช้ยังไง” หญิงสาววางผ้าทั้งสองชิ้นลงบนมือใหญ่ที่ยื่นมารอตรงหน้า คริสหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่คลี่ออกแล้วยกขึ้น

     

    “นี่เรียกว่าผ้าขนหนู รู้จักหรือเปล่า แล้วรู้มั้ยว่ามันใช้ยังไง?” ถามพลางสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย

     

    “ทราบค่ะ ไว้เช็ดตัว” โล่งใจไปหนึ่งเปราะที่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นต้องสอนให้เช็ดตัว... ไม่อย่างนั้นคงกระอักกระอ่วนพิลึก

     

    คริสพาดผ้าขนหนูผืนนั้นไว้บนไหล่บางโดยไม่บอกกล่าว หญิงสาวชะงักด้วยความไม่คุ้นเคย เหลือบมองผ้าขนหนูบนบ่าแล้วจับยึดผ้าผืนนุ่มไว้หลวมๆ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มสะกิดให้หันไปมองอีกครั้ง

     

    “ส่วนนี่” เขาคลี่ชุดคลุมอาบน้ำสีสะอาดขึ้นต่อหน้า “เค้าเรียกว่าชุดคลุมอาบน้ำ ใช้คลุมตัวกันโป๊เวลาอาบน้ำเสร็จ ก่อนออกจากห้องน้ำมาแต่งตัว หรือใส่เสื้อผ้า” ตาคู่ใสจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ “เอาล่ะ ยืดแขนออกมาเดี๋ยวจะสาธิตให้ดูว่าเค้าใช้กันยังไง” หญิงสาวกางแขนออกอย่างว่าง่าย คริสสะบัดชุดคลุมอาบน้ำแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของอีกฝ่าย ค่อยๆ บอกค่อยๆ สอนอย่างใจเย็น

     

    “นี่เห็นช่องนี้มั้ย สอดแขนเข้ามาในนื้ทีละข้างนะ” คนว่านอนสอนง่ายสอดแขนเข้าไปในช่องแขนเสื้อคลุมจนสำเร็จทั้งสองข้าง คริสค้อมตัวลงเล็กน้อยตลบสาบเสื้อคลุมเข้าหากัน เลยกลายเป็นว่าเขากำลังโอบร่างเล็กบางตรงหน้ากลายๆ เขาอาจไม่คิดอะไร หากแต่คนถูกโอบกลับรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเอาดื้อๆ กระไออุ่นจากร่างกายสูงใหญ่แผ่มาถึงคนตัวเล็กโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวเกร็งเกิดอาการเกร็งทำตัวไม่ถูก

     

    “แล้วก็มัดไว้อย่างนี้นะจะได้ไม่โป๊เวลาเดินออกมาจากห้องน้ำ” กระซิบเสียงทุ้มนุ่มข้างหู มุมปากกระตุกยิ้มเล็กๆ เมื่อเห็นอาการเกร็งของคนตรงหน้า หากแต่เขาไม่คิดที่จะหยุดแค่นั้นขอแกล้งเด็กต่ออีกสักหน่อย ว่าแล้วมือใหญ่ก็จับสายเสื้อคลุมขึ้นมารัดเอวบางแล้วมัดเป็นปมไว้ด้านหน้า มือจำต้องป้วนเปี้ยนบริเวณเอวและท้องน้อยของอีกฝ่ายพอดี

     

     ยิ่งทำอย่างนั้นร่างในวงแขนก็ยิ่งมีอาการเกร็งหนัก ยังความพึงพอใจให้กับคนขี้แกล้ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น...โดยไม่ทันรู้ตัวเขาก็เผลอสูดเอากลิ่นหอมสะอาดสะอ้านที่ลอยอบอวลอยู่รอบๆ ตัวของเจสสิก้าเข้ามาจนเต็มปอด กลิ่นหอมเย็นชวนให้เคลิบเคลิ้มและไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยสัมผัส

     

    เผลอตัววางมือลงบนเอวเล็กคอดหลวมๆ จนเจ้าของร่างสะดุ้งเฮือก ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอ่อนอย่างนึกเอ็นดู คาดว่าเธอคงไม่คุ้นเคยกับผู้ชายนัดถึงได้มีอาการตกใจกลัวทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ คริสละมือจากเอวบางแล้วถอยออกมา เดินอ้อมมาข้างหน้าหญิงสาว

     

    “เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่ยากเลยใช่มั้ย?” ชายหนุ่มกอดอกมองผลงานตนเองราวกับภูมิใจนักหนา

     

    เจสสิก้าพยักหน้ารับหงึกหงัก สีหน้าตื่นตระหนกเหมือนยังตกค้างจากเมื่อครู่ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมบนปลายจมูก คริสเห็นแล้วก็ทั้งขำทั้งเอ็นดู มือใหญ่ยื่นไปปาดเหงื่อบนปลายจมูกโด่งเล็กออกให้อย่างอ่อนโยน ทำเอาคนถูกสัมผัสแบบไม่ทันตั้งตัวแทบผงะ ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้าง มองเขาหน้าตาตื่น คริสวางมือลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมนุ่มเบาๆ

     

    “ไม่ต้องกลัวหรอกน่าเด็กน้อย พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก ไปอาบน้ำซะเดี๋ยวพี่จะได้อาบบ้าง ส่วน...เอ่อ.. ชุดชั้นในก็ใส่ตัวเดิมไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวต่อยไปซื้อ เสื้อผ้าเตรียมไว้ให้ข้างนอกนะ วางไว้บนเตียง” บอกแล้วจับไหล่บางพลิกร่างเล็กให้หันหลังกลับก่อนออกรุนหลังให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ

     

    ประตูห้องน้ำปิดลงเบาๆ

     

    คริสหลุดขำอยู่คนเดียวเมื่อคล้อยหลังเจสสิก้าไป ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ใสและซื่อขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี้ก็เถอะ คงไม่มีใครใสซื่อได้ขนาดเจสสิก้าแล้วล่ะ หากปล่อยออกไปเผชิญโลกภายนอกเพียงลำพังจะไม่โดนเอาเปรียบแย่หรือ?

     

    “บ้าเอ๊ย ลืมจนได้” คริสหยุดขำแล้วเปลี่ยนมาสบถเบาๆ เขาลืมนึกถึงเรื่องสำคัญไป ไม่รู้ว่าเจสสิก้าจะใส่เสื้อผ้าพวกนี้เป็นหรือเปล่า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องช่วยเธอใส่มันอีกก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า...

     

    เขาก็เป็นผู้ชาย มีเลือดมีเนื้อ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เจอสิ่งยั่วยุมากๆ เข้าเดี๋ยวตบะก็แตกกันพอดี..

     

    _________________________________


    **แพทย์เอ็กซ์เทิร์น หมายถึงนักศึกษาแพทย์ปีหกที่ฝึกงานภาคปฏิบัติไปด้วยและเรียนไปด้วยค่ะ


    ตอนแรกมาแล้วค่ะ มึนๆ หน่อย
    เจอคำผิดตรงไหนก็ทักท้วงกันได้นะคะ
    เมามากตอนนี้(เมาขี้ตา)

    © Tenpoints !



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×