คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : : Prologo ; [100%]
กริ๊ง~!!
เสียงนาฬิกาปลุกเรือนน้อยดังก้องไปทั่วบริเวณที่มันอาศัยดังจะปลุกเจ้านายของมันให้ฟื้นตื่นจากภวังค์ อีกทั้งเสียงของสายลมพัดผ่านแผ่วเบาไปทั่วเรือนร่าง เนื่องจากหน้าต่างที่เปิดไว้ และแสงแดดที่ค่อยๆแทะเล็มหยอกล้อกับเรือนร่างบางอย่างสนุกสนานบนเตียงนอน หากแต่...เด็กสาวตัวน้อยยังคงหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด
เด็กสาวตัวน้อยบนเตียงนอนสีโทนชมพูอ่อนๆแกมสลับกับขาวคนนี้ยังอยู่ในคราบ’เจ้าหญิงนิทรา’(?) ไปอีกนาน...แสนนาน หากไม่มีแม่มดร้ายมารังสรรค์ฝันร้ายให้แก่เธอ...
“สีไม้!”
เพียงแค่ถ้อยคำแรกที่ผ่านมากับลมเบา แม้ยังไร้ซึ่งร่างของคนพูด แต่มันเปรียบดั่งคำสาปเมื่อครั้งวันเกิดอายุ16ของเธอ(?) เด็กสาวถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นมาคล้ายกับการดีดตัวของสปริง ก่อนที่มือบางจะเลื่อนมาขยี้ที่ตาตามประสาของด็กสาวขี้เซาที่เพิ่งตื่นจากฝัน
“อะไร...คะ?”
ขานรับเสียงหวานจากร่างบางที่เว้นระยะไปเป็นช่วงๆ อย่างเอื่อยเฉื่อย อาจเป็นเพราะว่า ในยามนี้ เธอยังไม่พร้อมที่จะทำตัวกระปรี้กระเปร่าก็เป็นได้ เสียงของเจ้าหล่อนถึงยังไม่ต่างจากการละเมอที่เธอมักทำบ่อยๆ เด็กสาวเจ้าของเรือนนาม’สีไม้’ ค่อยๆดันตัวขึ้นมายืนด้านข้างเตียงอย่างช้าๆ หลังจากกล่าวตอบเสียงเรียกชื่อของตน
“อ้าว!ลูกจำไม่ได้หรอกหรอ ว่าวันนี้มีภารกิจอะไรรออยู่?” เสียงหวานของผู้เป็นแม่ดังขึ้นอีกคราเมื่อเธอได้เปิดประตูแล้วก้าวเข้ามาพบกับสภาพของผู้เป็นลูกสาว ที่ยังคงสลึมสลืออยู่
แน่นอนว่า...สิ่งที่เด็กสาวตอบกลับไปก็คือ...
“แล้ว...มีเรื่องอะไรละคะ?”ตอบคำถามด้วยคำถาม...เป็นลางบ่งบอกแก่ผู้เป็นแม่อย่างดีเลยว่า ลูกสาวของเธอ...ยังไม่ตื่นจากภวังค์ และดูท่าว่า จะจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่...นี่เป็นวันสำคัญแท้ๆ!
“ก็...วันนี้เป็นวันที่ลูกต้องไปอิตาลี่ยังไงละจ๊ะ!!”ฟังดูเผินๆ ก็เป็นประโยคธรรมดาๆที่ประกอบด้วยน้ำเสียงที่ดังแกมตวาด แต่กลับเด็กสาวอย่าง’สีไม้’กลับแตกต่างกันออกไป เพราะว่าเครื่องบินจะออกตอน 8 โมงเช้า แต่ตอนนี้...เป็นเวลา 7.45 น. แล้วน่ะสิ!!
“สมองเพิ่งเริ่มทำงานใช่ไหมจ๊ะเนี่ย?” ผู้เป็นแม่ถึงกับกุมขมับกับความขี้หลงขี้ลืมหรือก็คือการไม่ใส่ใจอะไรของลูกสาวตัวดีคนนี้ แน่นอนว่า...ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่สมควรเทศน์มหาเวสสันดรชาดก แต่มันเป็นเวลาที่ต้อง’ทำใจ’สำหรับผู้เป็นแม่อย่างเธอ....
สาวน้อยในชุดนอนเริ่มลุกลี้ลุกลนจนดูแตกต่างออกไปจากสภาพที่เพิ่งตื่นนอนเมื่อครู่ เธอเร่งรีบและร้อนรนที่จะทำภารกิจส่วนตัว และจัดเก็บที่นอน อีกทั้งเจ้าหล่อนยังไม่หลงลืมที่จะเอาตุ๊กตาใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางอีกต่างหาก
ปัง!
เสียงปิดประตูเสียงดังของเจ้าตัวซึ่งกำลังรีบอย่างถึงขีดสุด พร้อมทั้งสับเท้าลงบันไดอย่างรวดเร็วและว่องไว เพราะยามนี้เหลือเวลาอีกแค่ 8 นาทีเท่านั้น! เด็กสาวนั้นเมื่อลงจากบันได ก็ตรงดิ่งมายังห้องครัวอันเป็นห้องที่มีการพร้อมหน้าพร้อมตาของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งในวันนี้ก็ไม่แตกต่างจากวันอื่นเท่าไหร่นัก เพียงแต่...เกิดอาการรีบร้อนของสีไม้มากกว่าปกติเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ...
“ลูกไม่อยากไปอิตาลีหรือไง?ทำไมถึงได้ตื่นสายจัง?”ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากถามขึ้นก่อนที่ในห้องจะเหลือเพียงแต่เสียงตะเกียบ ช้อน ส้อม และ ชามข้าวกระทบกัน
“เปล่านะคะ!หนูแค่นอนเพลินเฉยๆ”รอยยิ้มแห้งๆปรากฏบนเรียวหน้าสวยของสีไม้ ก่อนที่จะเลือนหายไปพร้อมกับการที่เจ้าตัวก้มหน้าลงเพื่อทานข้าวต่ออย่างรวดเร็ว จนผู้เป็นพ่อถึงกับมองอย่างอึ้งๆ
“ก็หนูน่ะ...อยากไปทั่วโลกนะคะ!”
ผู้เป็นพ่อและแม่ก็ค่อยๆคลายรอยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ เมื่อได้ยินเหตุผลของสาวน้อยตรงหน้า ซึ่งท่านทั้งสองก็ทราบดีว่า...ในประโยคนั้นมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่อีก แววตาของคนทั้งคู่ได้มองไปยังสีไม้อย่างไม่วางตา ในแววาเต็มไปด้วยความปลื้มปิติยินดี ความเหงา ความเศร้า ความรัก ความเอ็นดู ความเป็นห่วง และ...สายสัมพันธ์
ถึงตอนนี้...ทั้งคู่ไม่พูดอะไร เลือกที่จะจ้องมองลูกสาว’คนเล็ก’ที่กำลังขมักเขม้นทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ เพราะวันนี้ อาจเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะมาอยู่พร้อมหน้ากันและได้นั่งสนทนาถึงความจอมซนของสีไม้แบบนี้... ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ไปตามประสาของพ่อแม่ แต่เพราะว่า ความหวังดีนั้นมีมากกว่า...ทั้งสองจึงเลือกที่จะให้สีไม้ได้องไปเผชิญโลกภายนอกเอง บางที...อาเป็นโอกาสอันดีของเธอก็ได้
“ไปที่นู่นแล้ว...ก็อย่าอู้ซ้อมออร์แกนนะจ๊ะ ลูกรัก” แต่อย่างไรเสีย...ท่านทั้งสองก็ยังเป็นห่วงไม่ขาด ถึงกับเอ่ยประโยคแทงใจดำสีไม้และแอบกลั้วขำ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่อยากให้จากไปเลย... แต่เธอก็ไม่อยากให้สีไม้เครียด หรือรู้สึกเป็นกังวล จึงเลือกที่จะหยอกล้อลูกสาวเพื่อลดความตึงเครียดลงไป
“แม่ก็!”เด็กสาวก็ยังคงค้อนตอบกลับผู้เป็นแม่ตามประสา ถึงจะแอบกลัว...แต่เธอมีบางสิ่งที่ต้องทำอยู่...เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ควรถอย!
“งั้นหนูไปแล้วนะคะ! คงคิดถึงอาหารฝีมือคุณแม่กับมุกแป้กของคุณพ่อแย่เลยนะคะ”
เด็กสาวเก็บจานไปวางที่อ่างน้ำ แล้วค่อยๆย่างเท้าออกจากห้องไป... เพราะตอนนี้ มีรถมาจอดรอเธออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว อาจเป็นเพราะเขารุ้ว่าเธออาจไปสายก็ได้กระมัง
ปัง!
เมื่อสิ้นเสียงและรอยยิ้มของลูกสาว...แทบเปรียบดั่ง เส้นด้ายเส้นสุดท้ายของแม่ต้องตัดขาด หยดน้ำตาจึงลงมรินไหลอาบแก้มแต่ยังคงมีรอยยิ้มประดับไม่ขาดสาย แต่แล้วสักพัก...เธอก็ค่อยๆเอามือปาดน้ำตาออกไป แล้วเดินออกไปมองท้องฟ้ากับสามีในสวนแทน
“ขอให้สนุกนะจ๊ะ เจ้าหญิงนิทราตัวน้อยของแม่...”
“ลูกสาวเขาจะลืมซื้อของฝากมาให้เรารึเปล่านะ”น้ำเสียงหยอกล้อปนหัวเราะของผู้เป็นพ่อดังขึ้นใกล้ๆ เมื่อจบประโยคของผู้เป็นภรรยาของตน ถึงแม้รอยยิ้มจะดูอิ่มเอม แต่ในใจ...เขาขอแค่ให้สีไม้มีความสุขและปลอดภัยก็พอ..
“หลังจากฝึกซ้อม ก็ต้องไปชิงแชมป์โลกอีกสินะ ทำไมไปนานจัง”
“คุณเนี่ยละก็! ไม่ต่างจากเด็กๆเลย ถามอย่างเดียวเลยนะคะ ฉันละกลัวว่า...ลูกสาวเขาจะเอาลูกเขยมาเป็นของฝากให้เราน่ะสิ”
เมื่อจบประโยคนี้ ผู้เป็นบุพการีทั้งคู่ต่างมองหน้ากันและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเล็กๆ อย่างน้อย...ก็เป็นการส่งลูกสาวสู่โลกกว้างด้วยรอยยิ้มแห่งความอบอุ่นนั่นละนะ... สิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้คือ เฝ้ารออย่างมีความหวัง และคอยส่งกำลังใจไปให้ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังจะต้องเผชิญโลกใบใหม่ในเร็วๆนี้...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฮูเร่!จบกันสักทีกับบทนำ! เป็นไงมั่งคะ?สนุกกันหรือเปล่า? สั้น-ยาวยังไงก็ติ-ชมได้นะคะ :D
รอดูตอนต่อไปนะคะ ว่านางเอกสาน้อยของเราจะเจอออะไรบ้าง หุหุ เฟอร์เตรียมกลั่นแกล้งนางเอกเสมอค่ะ!
ความคิดเห็น