ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [D18] The Wanderer

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 54


    Chapter 2

    หมอที่ได้รับสัญญาณรีบรุดเข้ามาในห้องแทบทันที เขาไม่อยากให้คนไข้รายนี้เป็นอะไรไปโดยที่เขายังไม่ได้รักษาให้เต็มที่ เพราะไม่ยังงั้นคาบัคโรเน่แฟมิลี่คงจะไม่คิดเก็บเขาเอาไว้แน่ๆ

    หลังจากถามอาการจากดีโน่ หมอก็รีบพาร่างที่ยังสลบอยู่ไปตรวจร่างกายตามรายการต่างๆตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็งตามคำสั่งของบอสคาบัคโรเน่

     

    เมื่อพาฮิบาริไปตะเวนตรวจนู่นี่นั่นจนครบทุกรายการและได้ผลการตรวจออกมา หมอก็พาคนไข้กลับมาพักผ่อนที่ห้องพัก ก่อนจะโดนดีโน่ลากตัวออกมาคุยนอกห้องเพราะไม่อยากรบกวนเคียวยะที่กำลังพักผ่อนอยู่

    “เป็นไงบ้าง” บอสหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน สีหน้าของเขาก็ร้อนรนไม่แพ้กัน

    “จากที่ตรวจดู...” หมออ่ำอึ้งแต่ในที่สุดบอกพร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทาง “ร่างกายก็ปกติดี”

    “แล้วทำไมเคียวยะถึงจำชั้นไม่ได้ล่ะ!” ดีโน่ถามเสียงดังจนหมอสะดุ้ง

    “เรื่องนี้เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่จากที่ตรวจดูสมองเขาก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินะ”

    “...” ดีโน่นิ่งไป “งั้นชั้นคงปล่อยเคียวยะไว้อย่างนี้ไม่ได้” ดีโน่ก้มหน้าคิดทบทวนกับตัวเองอย่างละเอียด ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า “ชั้นจะให้เคียวยะไปพักอยู่ที่บ้านชั้นก่อน เคียวยะห่วงศักดิ์ศรีตัวเองขนาดนั้นคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้หรอก”

     

    ดีโน่สั่งให้ลูกน้องไปจัดเตรียมห้องพักของฮิบาริอย่างเร่งด่วนทันทีที่ออกจากห้องผู้ป่วย ด้วยคำสั่งที่ย้ำว่าเร่งด่วนของบอสทำให้เหล่าสมาชิกในแฟมิลี่ต้องรีบจัดเตรียมบ้านพักของคาบัคโรเน่ในญี่ปุ่นกันจ้าละวั่น

    เมื่อได้ที่พักแล้วดีโน่ก็พาฮิบาริออกจากโรงพยาบาลแทบจะในทันที

    ดีโน่อุ้มร่างของฮิบาริที่ยังคงหลับอยู่ไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนพาขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ข้างๆห้องตัวเอง

    ร่างสูงบรรจงวางร่างเล็กในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างทะนุทะนอม จัดท่าให้ร่างเล็กนอนสบายที่สุด มือหนาเอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้และจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาแทนคำราตรีสวัสดิ์

    “นายต้องจำชั้นให้ได้นะ เคียวยะ”

     

    ร่างเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นดวงตาปรับให้ชินกับแสงสว่างที่อยู่ตรงหน้า เขาพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ในห้องกว้างที่มีการตกแต่งแบบเรียบๆแต่กลับดูหรูหราอย่างน่าประหลาด เขาทบทวนความจำของตัวเองอยู่สักพัก ล่าสุดเขาจำได้ว่าตื่นมาที่โรงพยาบาลสักที่ แล้วก็มีชายหนุ่มผมสีทองอีกคนอยู่ที่นั่นด้วย นอกนั้นก็มีแค่ชื่อของตัวเองเท่านั้น

    “เคียวยะ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาร้องถาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะดูหมองหม่นก็ตาม

    “คุณเป็นใครน่ะ” เด็กหนุ่มถามกลับ “ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลย แล้วที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

    “เฮ้อออ” ดีโน่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง เด็กหนุ่มขยับตัวหนีเล็กน้อยตามสัณชาตญาณ ชายหนุ่มไม่ได้เคืองในการตอบสนองของคนตรงหน้าเพราะเขาพอคาดเดาได้อยู่แล้ว เขายิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะเริ่มอธิบาย “ชื่อของนายคือฮิบาริ เคียวยะ...”

    “เรื่องนั้นผมจำได้” เด็กหนุ่มพูดแทรก

    ดีโน่ทำหน้าแปลกในเล็กน้อยแต่ก็ยังอธิบายต่อ

    “ชื่อของชั้นคือ ดีโน่ คาบัคโรเน่ เป็น...” ดีโน่หยุดนึกว่าควรแนะนำตัวว่าอะไรดี “อาจารย์ของนาย”

    “อาจารย์? ” เด็กหนุ่มทวน

    “ชั้นสอนการต่อสู้ให้นายน่ะ” ดีโน่ตอบพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    “...” เด็กหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องเก่งมากเลยสิ”

    “อืม อยากลองดูหน่อยมั้ยล่ะ?” ดีโน่ถามอย่างกระตือรือล้น

    มีผู้ป่วยที่ความจำเสื่อมบางส่วนก็ได้ความทรงจำกลับมาหลังจากที่พบเจอเรื่องที่สำคัญมากๆในอดีตของเขา...

    คำแนะนำของหมอลอยที่บอกเขาก่อนจะพาตัวเคียวยะมาจากโรงพยาบาลดังขึ้นในหัวเขา บางทีนี่อาจทำให้ความทรงจำของเคียวยะกลับมาก็ได้

    คิดได้แล้วไม่ต้องรอให้เด็กหนุ่มตอบ ดีโน่ก็ลากเขาออกมาที่สวนด้านหลังทันที ทอนฟาของเขาที่ดีโน่เก็บไว้ตั้งแต่ตอนที่เขาหมดสติไปบนดาดฟ้าถูกนำออกมาให้เขาได้สัมผัสอีกครั้ง ทันทีที่สัมผัสกับทอนฟาในมือร่างเล็กก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขายืนยันได้คือ ในความทรงจำของตัวเองที่หายไปต้องมีทอนฟาคู่นี้อยู่ด้วยแน่ๆ

    เห็นร่างเล็กมีท่าทางคุ้นเคยกับทอนฟาแถมยังจ้องอยู่นาน ดีโน่ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา ทอนฟานี่ต้องช่วยทำให้เคียวยะนึกออกบ้างล่ะ

    “เอาล่ะนะ เคียวยะ” ร่างสูงให้สัญญาณก่อนจะเริ่มตวัดแส้ใส่ร่างเล็ก แน่นอนว่าเขาต้องออมมือไว้ก่อนเพราะไม่แน่ใจว่าร่างเล็กนี้จะยังมีฝีมือเหมือนเดิมหรือไม่

    ฮิบาริพลิกตัวหลบแส้ที่ฟาดมาได้อย่างพลิ้วไหว ร่างกายเขามีปฏิกริยาตอบสนองไปเองโดยอัตโนมัติ เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วทอนฟาในมือก็จู่โจมร่างสูงกลับไปด้วย ร่างสูงเห็นอย่างนั้นจึงไม่คิดออมแรงอีกต่อไป เพราะตนอาจกลายเป็นเหยื่อนของทอนฟานี้แทน

    ดีโน่พลิกตัวหลบทอนฟาที่พุ่งเข้ามา แส้ในมือรัดพันรอบทอนฟาทั้งสองข้างให้ติดกันแน่น ฮิบาริพยายามดึงทอนฟาออกแต่ดูจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ ขาเรียวว่างอยู่เลยตวัดเข้าที่สีข้างของร่างสูง เพราะต้องหลบจากขาของร่างเล็กที่เตะเข้ามาทำให้ดีโน่ต้องยอมปล่อยทอนฟาจากพันธนาการของแส้ในมือ

    เก่งจริงๆแหะ

    หลังจากขับเขี้ยวกันมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผู้ชนะซะที ทั้งสองจึงทุ่มแรงและเทคนิคลงไปอีกทำให้การประลองเล่นๆนี้เหมือนจะกลายเป็นการสู้แลกด้วยชีวิตไปซะแล้ว

    “บอสครับ ผมหาเจอแล้วครับ”

    พลั่ก

    ดีโน่ชะงักและหันไปสนใจกับเสียงตะโกนเรียกของโรมาริโอ้ ทำให้ทอนฟาในมือร่างเล็กประทะเข้ากับหน้าเขาอย่างจัง หลังจากฟาดทอนฟาใส่หน้าร่างสูงไปฮิบาริก็ชะงักละมองดูคนที่นั่งคลำหน้าตัวเองอยู่บนพื้น

    “อูย... เจ็บ” ดีโน่ลูบแก้มข้างที่ถูกทอนฟาและตอนนี้ขึ้นสีระเรื่อแล้ว

    “บะ บอส เป็นอะไรมั้ยครับ” โรมาริโอ้ถามอย่าตกใจ

    “ไม่ ไม่น่าเป็น”ดีโน่ตอบแต่มือยังไม่ละจากข้างแก้มสักที “นายมีอะไรล่ะ”

    “อ่า... ครับ ของที่บอสให้ไปหามาผมเจอแล้วครับ”

    “หะ จริงเหรอ” ดีโน่ร้องอย่างตื่นเต้น

    ถ้าเป็นเจ้านั่นต้องช่วยได้แน่ๆ

     

    “นี่คือ...?”

    เด็กหนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย บนโต๊ะด้านหน้าเขาคือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรูปร่างประหลาดที่พันด้วยริบบิ้นสีแดงทั้งตัวแถมด้วยโบอันใหญ่ยักษ์ที่แปะอยู่บนหัว เขาดูแทบไม่ออกเลยจริงๆว่าเจ้าตัวนี่มันคืออะไร จนเมื่อลองสังเกตดีๆก็เห็นขาเล็กๆ และส่วนที่ดูท่าทางจะเป็นปีก

    ปีก? นกงั้นเหรอ

    “อ่า... มันคือสัตว์เลี้ยงของนายไง ชั้นเห็นมันอยู่กับนายตลอดเลย”

    “...” เด็กหนุ่มนิ่ง เขาพิจารณาสัตว์ประหลาดนี้อีกที

    “คือจริงๆมันไม่ได้น่าตาอย่างนี้หรอกนะ” ดีโน่พูด พลางถอนหายใจ เขาบอกให้ไปหามาเป็นของขวัญให้เคียวยะก็จริงแต่ไม่ได้ให้พันริบบิ้นผูกโบอย่างนี้เฟ้ย ถ้าเจ้าตัวห่อริบบิ้นนี่ตายเคียวยะคงฆ่าเขาแหงๆ “นายรีบแกะมันออกมาก่อนที่มันจะตายเถอะ ชั้นขอร้อง”

    “อืม” ฮิบาริเอื้อมมือไปแกะริบบิ้นสีสดใสออกจากตัวสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่าง

    ~มิโดริ ทานาบิคุ นามิโมริโน~

    พอหลุดจากริบบิ้นได้ เจ้านกตัวกลมสีเหลืองก็สยายปีกบินขึ้นไปเกาะบนหัวฮิบาริทันทีแถมยังร้องเพลงพยายามเอาใจเด็กหนุ่มเต็มที่

    “นกของนายไง ฮิเบิร์ดน่ะ โรมาริโอ้ไปเจอมาที่ห้องรับรองของนามิโมริ”ดีโน่อธิบาย

    “นามิโมริคือ...?” เด็กหนุ่มถาม

    “ชื่อเมืองที่นายอยู่น่ะ แล้วก็เป็นชื่อโรงเรียนด้วย”

    “งั้นเหรอ” ฮิบาริตอบก้มหน้าและครุ่นคิดกับตัวเอง “ผมอยากไป!

    “หา!

    “โรงเรียนนายมิโมริไง ถ้าไปที่นั่นผมอาจนึกอะไรออกก็ได้”

    “นั่นสินะ” ดีโน่นิ่งไป ก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า เขาไม่อยากให้เคียวยะไปที่นั่นเลย เพราะที่นั่นมีคนคนนั้นอยู่ แต่จะทำไงได้เคียวยะอยากไปนี่ และมันก็อาจทำให้ความทรงจำของเคียวยะกลับมาด้วย “งั้นตอนเย็นเราไปที่นั่นกันเถอะ”

    “อืม” เด็กหนุ่มรับคำอย่างคึกคัก เขาเอื้อมมือไปลูบขนฟูๆของฮิเบิร์ดที่อยู่บนหัวตัวเองเบาๆ

     

    ท้องฟ้าที่เปลี่ยนจากสีครามมาเป็นสีส้ม ดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนมาใกล้เส้นขอบฟ้า นกกาที่บินกลับไปยังรัง บ่งบอกว่าเย็นแล้ว และนักเรียนของนามิโมริก็กลับไปจากโรงเรียนกันหมดแล้ว แต่กลับมีเสียงฝีเท้าที่เดินบนตึกเรียนดังอย่างสม่ำเสมอ

    ดีโน่ตัดสินใจพาฮิบาริมาเที่ยวชมโรงเรียนในเวลาแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเจ้าตัวนัก และอีกเหตุผลคือเขาไม่อยากให้ฮิบาริไปเจอกับคนคนนั้นเข้า...

    “ถึงแล้ว นี่แหละห้องคณะกรรมการคุมกฏของนาย” ดีโน่หยุดเท้าเมื่อมาถึงห้องๆหนึ่ง มือหนาเอื้มไปดึงประตูให้เปิดออก ภาพเบื้องหน้าคนทั้งสองคือภายในห้องรับรองของโรงเรียนนามิโมริ

    ดีโน่ที่เดินนำเข้ามาในห้องก่อนมองสำรวจไปรอบแล้วความทรงจำเกี่ยวกับเคียวยะและห้องนี้ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว ภาพที่เขาเข้ามานั่งเล่นบนโซฟาโดยมีร่างเล็กของคนข้างๆนั่งอยู่โต๊ะทำงานหนึ่งเดียวในห้อง นั่งเล่นกับฮิเบิร์ดที่อยู่บนโต๊ะ ภาพเหล่านั้นจะกลับมาอีกมั้ยนะ

    ดีโน่หันกลับไปมองร่างเล็กข้างๆ เห็นร่างเล็กจ้องโต๊ะทำงานนิ่งเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า

    นี่สินะ คนที่ชั้นหลงรัก

     

    ฮิบาริมองสำรวจห้องจนมาถึงโต๊ะทำงานในห้อง ภาพๆหนึ่งก็ไหลเข้ามาในหัวของเขา ภาพของเด็กหนุ่มผมสีรัตติกาลนั่งอยู่บนเก้าอี้ คนในภาพฉีกยิ้มสดใสร่าเริงราวกับทั้งชีวิตไม่เคยมีเรื่องทุกใจใดๆ

    เขาจ้องมองโต๊ะนิ่งเหมือนรอให้ภาพอื่นลอยเข้ามาอีก เขาอย่างรู้เรื่องตัวเองให้มากกว่านี้ รวมถึงเรื่องของคนรอบๆตัวด้วย

    แต่ความพยายามนี้ก็ไม่เป็นผลเพราะเขารอมาสักพักก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีก เขาจึงพยายามเค้นสมองในการนึกเรื่องของเด็กหนุ่มในภาพ แต่ก็เหมือนมีกำแพงหนาๆมากั้นขวางอยู่ ยิ่งเขาพยายามชนกำแพงนั้นก็จะยิ่งพบกับความเจ็บปวด

    และตอนนี้ความเจ็บปวดนั้นก็กำลังเกาะกินหัวของเขาอยู่ในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนหัวตัวเองจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดทำให้เขาทรุดตัวลงกับพื้นห้อง แต่ร่างสูงก็รับร่างของเอาไว้ได้ อ้อมแขนแกร่งประคองเขาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็อ่อนโยนไม่แพ้กัน

    “ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ เคียวยะ”

    “แต่ว่าผม...”

    “มันทำให้นายปวดหัวไม่ใช่เหรอ ชั้นไม่อยากเห็นนายทำท่าเจ็บปวดอีกแล้ว” ดีโน่ยิ้มปลอบ

    แอ๊ด~

    เสียงเปิดประตูห้องดังขัดจังหวะ ร่างของทั้งสูงที่อยู่บนพื้นหันไปมองร่างที่มาใหม่

    เมื่อเห็นคนมาใหม่เต็มหาดีโน่ก็รู้สึกไม่ดี เขาหันไปมองร่างในอ้อมแขนที่มองหน้าของคนมาใหม่ค้าง ริมฝีปากลางดังกลีบกุหลาบขยับเปล่งชื่อของคนมาใหม่ออกมา

    “ยามาโมโตะ ทาเคชิ”

    ----------------------------------------------------------------

    มาอัพแล้วนะคะ ขอโทษที่ช้าค่ะ  (-A-)//กราบงามๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×