ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    De'Dark Fear : ตำนานคำสาปเซเลนไดต์

    ลำดับตอนที่ #3 : Movement 1 ✥ เปิดกระดาน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 54


     

     

     

    ✥Movement 1✥

     

     

    เด็กต้องสาป!”

     

     

     

     

    ไอ้เด็กอัปรีย์!”

     

     

     

     

    ทำไมกัน เขาทำอะไรผิดกัน?

     

     

     

     

    เพราะแกแม่แกถึงต้องตาย!!”

     

     

     

     

    ไอ้ตัวโชคร้าย ทำไมไม่ตายตามๆพ่อแกไปซะนะ

     

     

     

     

    แค่เกิดมา แค่มีตัวตน

     

     

     

     

    อย่ามาแตะต้องฉันนะ!! ให้ตายสิ น่ารังเกียจชะมัด!”

     

     

     

     

    ...แค่อยากอยากใช้ชีวิตปกติไปวันๆ

     

     

     

     

    ได้ข่าวว่าแกน่ะถูกสาปเพราะคำสาปจากบรรพบุรุษใช่ป่ะ

     

     

     

     

    ฮ่าๆๆ ไอ้ปีศาจ ปีศาจที่ต้องคำสาปจากซาตาน

     

     

     

     

    ทำไมกันน้า ตัวเสนียดอย่างแกถึงยังเดินแย่งอากาศหายใจโลกได้แบบไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย

     

     

     

     

    แต่ทำไมคำขอเพียงแค่นี้

     

     

     

     

    คนที่อยากให้แกหายไปน่ะหาได้ทุกหัวมุมถนนเลยด้วยซ้ำ

     

     

     

     

    เพราะไอ้เด็กแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะให้มันอยู่หรอก…”

     

     

     

     

    มันถึงได้ยากจะเป็นจริงเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

    เด็กบาปหนา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              เฮือก!

     

     

     

     

              นัยน์ตาสีเทาสวยเบิกโพลง ใบหน้าขาวเนียนอาบชุ่มด้วยเหงื่อ หัวใจยังเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น

     

     

     

     

            ฝันร้าย...อีกแล้วเหรอ?

     

     

     

     

              เจ้าของห้องชันตัวลุกขึ้นแล้วสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องราวกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ ห้องนอนขนาดใหญ่บุผนังสีครีม โต๊ะไม้เนื้อเยี่ยมข้างเตียงที่แกะสลักขาโต๊ะเป็นรูปผีเสื้อและเถาวัลย์อย่างวิจิตร ซึ่งบัดนี้ถูกลดทอนความงามด้วยการถูกใช้ต่างที่พาดขา พรมแดงชั้นดีรูปวงกลมกลางห้องและคริสตัลระย้านำเข้าจากอาคัสเวียนด้วยราคาแพงหูฉี่ ม่านดำขลิบแดงรูดปิดสนิทแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีใครเข้ามาจัดการ

     

     

     

     

              เด็กหนุ่มมองข้ามรายละเอียดของของประดับอื่นๆรอบห้องที่หยิบไปขายซักชิ้นคงทำให้ขอทานเดินเจ้าไปเชิดหน้าชูตาในงานเลี้ยงของผู้ดีพวกนั้นสบายๆ เมื่อยังหาบางอย่างที่ว่านั่นไม่เจอ มือเรียวขาวก็ยกขึ้นเสยเส้นผมสีเงินละเอียดขึ้นให้พ้นๆ เผยให้เห็นดวงหน้าใสน่ารัก ดวงตาสีเทาคู่เดิมฉายแววอะไรบางอย่างขณะถอนหายใจเบาๆ

     

     

     

     

              ก่อนจะ...

     

     

     

     

          อิคาเรส! หายเงาหัวไปตายที่ไหนอีก!! ถ้ายังไม่โผล่หน้ามาภายใน3วิ ฉันจะสั่งคนให้เอาตราเกียรติยศนายไปถ่วงน้ำ!!!หนึ่ง! สะ....

     

     

     

     

            เฮ้ๆองค์ชาย ใจเย็นหน่อย แล้วตรานั่นฉันต้องฝึกตั้ง4ปี ปราบกบฏกับยึดหัวเมืองอีก2แห่ง แถมยังต้องลอบสังหารผู้นำกองกำลังจักรวรรดิคนก่อนอีก ถึงนายจะเอาไปถ่วงทะเลสาบฮามาวิน ฉันก็จะงมหาจนกว่าจะหาเจอนั่นแหละเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งผลักประตูเข้าในทันใด

     

     

     

     

            งั้นนายคงโดนนางพรายฉุดลงก้นทะเลสาบก่อนเรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วไอ้งานลอบสังหารนั่นมันอะไร เครื่องอิสริยศแสดงเกียรติของราชองครักษ์ต้องแลกมากับของพรรค์นี้รึไงกัน เหมือนลอบกัดเขาดีๆชะมัด

     

     

     

     

              ใช่แล้ว...องครักษ์ อิคาเรส อิเมดิฟายด์ ดวงตาสีดำขลับที่พราวระยับด้วยความเจ้าเล่ห์กับเรือนผมสีน้ำตาล หน้าตาหล่อเหลาและค่อนข้างฮอตในหมู่นางกำนัลทีเดียว เครื่องแบบคนตรงหน้านั้นบ่งถึงยศระดับสูงแม้อายุยังน้อย

     

     

     

     

              ...ราชองครักษ์ประจำกายแกรดยุคแห่งเซเลนไดต์

     

     

     

     

            ว่าแต่คนอื่น คนที่ถนัดงานลอบกัดกว่าคือนายไม่ใช่เรอะไง แล้วมีอะไรเรียกซะลั่นห้องเชียว

     

     

     

     

            ก็เห็นว่านายยังไม่มาปลุก นึกว่าแอบหนีไปจีบสาวในเมืองเขาว่า

     

     

     

     

            จีบสาวเขาจีบกันตอนเช้าๆที่ไหน โดยเฉพาะเช้ามืดแบบนี้ นี่เพิ่งจะตี4ครึ่ง ปลุกบ้าอะไร

     

     

     

     

            ตี4ครึ่ง?ดวงตาคู่สวยฉายแววงุนงงก่อนวิ่งไปเลิกม่านดู

     

     

     

     

               มืดสนิท...

     

     

     

     

              อีกแล้ว เจ้าของห้องไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่ก็อ่านจากสายตาได้ว่ากำลังก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ

     

     

     

     

            ชิ บ้าจริง ช่วยไม่ได้ ยังไงก็หลับไม่ลงอยู่แล้ว อิคาเรส ช่วยหยิบเอกสารจากท่านเจ้ากรมการคลังให้หน่อยสิ 

    ที่มีตราประทับสีเขียวๆนะ แล้วก็ไปได้เลย โทษทีที่รบกวนเวลานอน

     

     

     

     

              องครักษ์ตัวดีคุ้ยหาเอกสารในตู้พลางแยกเขี้ยวรบกวนเวลานอนบ้าอะไร นี่ฉันเพิ่งลาดตระเวนเสร็จไม่งั้นคงไม่ใส่เครื่องแบบเต็มยศงี้หรอก แล้วไอ้ที่เรียกซะดังลั่นนั่นคงกะเรียกมาใช้งานล่ะสิท่า

     

     

     

     

            ก็ฉันไม่รู้ว่ามันยังเช้าแบบตะวันยังไม่ตื่นนี่นา แถมถ้าไม่รีบทำเดี๋ยวโดนพวกขุนนางที่ดีแต่ประท้วงแต่ไม่ยอมทำอะไรนั่นรุมเอาง่ายๆแน่

     

     

     

     

              อิคาเรสไม่คิดถือสาอะไรกับท่าทางที่เหมือนเรียกมาแล้วไล่กลับง่ายๆ เพราะพอจะรู้ถึงเหตุผลที่คนอีกคนพยายามกลบเกลื่อนทำเป็นเรียกมาช่วยงานแทนอย่างไม่ค่อยแนบเนียนเอาเสียเลย

     

     

     

     

              คงฝันร้ายอีกแล้วสินะ...

     

     

     

     

              เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วส่งสายตาเห็นด้วยขณะชะโงกหน้าเข้ามาดูรายละเอียดของเนื้อความ

     

     

     

     

            ก็จริงนะ อย่างไอ้เอกสารนี่ กระทรวงการคลังร้องเรียนเรื่องการนำเข้าเครื่องเคลือบได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ร่ายมาซะหรูสุดท้ายก็ขอเบิกเงินท้องพระคลังเพิ่ม17% เหอะ!เชื่อตายล่ะ เครื่องเคลือบนำเข้าส่วนใหญ่ใช้แค่ในวังกับบ้านพวกเศรษฐีเท่านั้นแหละ ชาวบ้านธรรมดาแค่หาเลี้ยงปากท้องยังไม่พอเลย แถมโมเฮเดนกับพวกประเทศตะวันออกเพิ่งประกาศลดอัตราภาษีอุตสาหกรรมเครื่องแก้วเครื่องเคลือบไปไม่นานนี้เอง

     

     

     

     

     

            จะไปยากอะไรนัก คอยดูเหอะ ภายใน2อาทิตย์นี้ตาแก่นี่โดนสั่งปลดแน่ คิดว่าชาวบ้านไม่รู้รึไงว่าแอบยักยอกเงินไปกกอีหนูตั้งไม่รู้เท่าไหร่

     

     

     

     

            เคยมีคนขอตั้งข้อหามาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ตาลุงนี่ไหลไปได้ทุกรอบ นายจะไปเอาหลักฐานมาจากไหนอิคาเรสถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ

     

     

     

     

              เจ้าของห้องหันมาแย้มยิ้มบางเบาให้ ดวงตายังคงฉายประกายเรียบนิ่งแฝงอำนาจที่เขารู้ดีว่ายังคงเก็บแฝงไว้อีกมากเบื้องหลังเสื้อคลุมลูกแกะนั่น ถึงกระนั้นร่องรอยแห่งความเป็นมิตรที่ฉาบทับก็ทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนโยนละมุนละไมดังเทวทูต รอยยิ้มนั้นดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน

     

     

     

     

            ตลาดมืดคำที่ออกมาจากปากนั้นอาจจะทำให้คนอื่นอ้าปากค้างกับความขัดแย้งระหว่างซาตานกับเทวดาแต่สำหรับเขาที่ได้เห็นสีหน้าต่างๆของคนๆนี้จนชินแล้วก็ได้แค่ยักไหล่นิดๆอย่างไม่อะไรมาก

     

     

     

     

     

           ราชองครักษ์คนเก่งแสยะยิ้มหึๆ ระวังเถอะ ไปเดินเที่ยวบ่อยๆระวังคนเขาจะจำหน้าได้

          

     

     

     

            ชิ!ดื่มวีต้าแล้วรีบๆไสหัวไปนอน ปากไม่เป็นมงคล

     

     

     

     

            ไรว้า คนอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวโดนลากเข้าตะรางก่อนทันจ่ายโบนัสท้ายปีอิคาเรสว่าแล้วจับลูกบิดประตูคนละอันกับตอนเข้ามาพลางโบกมือให้แบบส่งๆ

     

     

     

     

            ฉันขอไปพักก่อนละกัน วันนี้คงต้องวิ่งวุ่นหน่อย ยิ่งมีประชุมรวมกับพวกข้าหลวงซะด้วย ขืนปล่อยให้หมาที่ไหนหลงไปกวนเข้า งานนี้คงโดนทัณฑ์บนแหงๆเด็กหนุ่มกล่าวแล้วเปิดประตูเข้าไปอีกห้องหนึ่ง

     

     

     

     

                แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหูได้สดับถึงเสียงกระซิบไล่หลังที่แสนแผ่วเบา

     

     

     

     

            อย่าหักโหมนักล่ะถ้อยคำที่ทำให้เขาแอบอมยิ้มนิดๆและรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดเมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ถูกส่งผ่านมาอย่างไม่ปิดบัง

     

     

     

     

            นายเองก็เหมือนกัน

     

     

     

     

              เสียงประตูปิดลงเบื้องหลังพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าของผู้ที่หลงเหลืออยู่ในห้อง

     

     

     

     

     

     

              อิคาเรสปิดประตูแล้วถอดเสื้อนอกออกมาพาดไว้ ใช่...ห้องเขาอยู่ติดกับห้องขององค์ชายโดยมีบานประตูที่ทะลุถึงทั้ง2ห้องกั้นระหว่าง เขาจึงได้รับหน้าที่ปลุกคนข้างห้องในทุกๆเช้า แถมพวกเขาก็ยังค่อนข้างสนิทสนมกันจนไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์และพูดคุยหยอกล้อกันแรงๆได้เมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น

     

     

     

     

              ดวงตาสีดำขลับหม่นแสงลงยามนึกถึงผู้เป็นเพื่อนสนิทและเจ้าชีวิตของเขา

     

     

     

     

              เจ้าชายดอลเลียร์ ลูอิสคอฟแชล ไฮยาซินท์ แกรนดยุคแห่งราชอาณาจักรเซเลนไดต์  

     

     

     

     

              เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง   ดวงตาสีเทาสวยชวนมอง เรือนผมสีเงินละเอียด กับดวงหน้าใสอ่อนหมดจด ดูแล้วไม่ต่างกับหุ่นเชิดทางการเมืองสวยๆซักตัวหนึ่ง...

     

     

     

     

              แต่หุ่นเชิดสวยๆตัวนี้แหละที่ทำให้ทำให้พวกขุนนางขี้ประจบหยุดชะงักด้วยผลงานระดับโบแดงชิ้นแรกด้วยการเปิดเส้นทางขนส่งโมเฮเดน-เซเลนไดต์แห่งใหม่โดยตัดผ่านเขตชายแดนลงไปยังคลองชลประทานเข้าสู่เขตน่าน้ำอุ่นไอริส ที่จะไม่จับเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ซึ่งบรรเทาปัญหาขาดแคลนและความอดอยากในฤดูกาลที่แสนทารุณได้มากยิ่งกว่ามากตั้งแต่พระชนมายุเพียงแค่9พรรษา

     

     

     

     

              การเปิดตัวด้านการบริหารประเทศที่ทำเอาท่านผู้มากประสบการณ์ทั้งหลายแหล่อ้าปากค้างแล้วแอบน้ำตาตกในอยู่เงียบๆกับข้อเท็จจริงที่ว่าแพ้เด็ก

     

     

     

     

               แต่เหมือนแค่นั้นจะยังไม่พอเมื่อเจ้าตัวยังคอยดักสอยพวกที่โกงกินประเทศอยู่อย่างเนืองๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในแฟ้มรายชื่อผู้ที่ถูกดอลเลียร์สอยร่วงลงมาซึ่งหนาไม่แพ้คู่มือกฎที่พึงกระทำและคำสัตย์ปฎิญาณในการบริหารประเทศอย่างใสสะอาดนั้น 3ใน4ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นฝีมือของเจ้าชายผู้นี้

     

     

     

     

              แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่แล้วล่ะที่จะได้รับคำชื่นชมและความไว้วางใจจากองค์ราชินี   แม้จะทำให้ถูกเพ่งเล็งจากบรรดาเชื้อพระวงศ์และผู้ไม่หวังดีทั้งหลายแต่ดอลเลียร์ก็ยังคงไล่สร้างผลงานต่างๆอยู่เรื่อยๆทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียว

     

     

     

     

              ...สิทธิในการครองบัลลังก์...

     

     

     

     

              มือที่ถือเสื้อนอกไว้กำสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ ความไม่เข้าใจกับความอ่อนล้าตีกันวุ่นอยู่ภายใน

     

     

     

     

              เกมเก็บแต้มที่มีอันตรายถึงความเป็นความตายของผู้เล่น

     

     

     

     

            ทั้งๆที่เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายิ่งอยู่สูงก็ยิ่งเด่นชัด

     

     

     

     

              อิคาเรสขบกรามแน่นเมื่อนึกถึงเหตุผลอันน่ารังเกียจที่มักย้อนกลับมาทำร้ายตัวองค์ชายเอง

     

     

     

     

           ทำไมกัน? โชคชะตาถึงได้เล่นตลกอะไรอย่างนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

              ในทางตอนเหนือที่ห่างจากพระราชวังเกือบค่อนประเทศ ในเวลาเข้ามืดเช่นนี้ถือเป็นช่วงหากินของกลุ่มอาชีพในเงามืด

     

     

     

     

              ตึกสีเทารูปทรงโอ่อ่าแสดงความยิ่งใหญ่ตั้งเด่นอยู่ในความมืดสลัว ทางเดินหินอ่อนคดเคี้ยวล้อมรอบแท่นน้ำพุที่ฐานสร้างเป็นรูปนกอินทรีริมทางปลูกดอกไม้สีสดประดับประดาอย่างลงตัว

     

     

     

     

              ที่นี่คือศูนย์บัญชาการหน่วยปราบปรามจลาจลแห่งเซเลนไนต์ หน่วยปราบปรามที่มีดีแค่ชื่อ เอาเข้าจริงก็ทำได้แค่ห้ามชาวบ้านตีกันกับลงบันทึกเวลามีเรื่อง แล้วดูเงินที่มันเอามาถลุงกับการสร้างหน้าสร้างตานี่ซิ แผ่นหินอ่อนกับทับทิมที่ตานกอินทรีนั่นถ้าแงะไปขายจะได้ซักเท่าไหร่นะ

     

     

     

     

              เด็กหนุ่มคิดประเมินอยู่เงียบๆ ใบหน้าที่ดูราวกับคุณหนูผู้ดีตระกูลใหญ่ซักตระกูลรับกับเส้นผมกับดวงตาสีดำเข้ากัน แต่สีดำนั้นดูราวกับมีประกายของแสงดาว เหมือนกับสีของท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้เมฆบดบัง เด่นมากทีเดียว

     

     

     

     

              ผ้าคลุมสีดำมีฮู้ดที่บัดนี้ถูกเลิกออกอย่างไม่คิดปิดบังใบหน้า  ริบบิ้นดำผูกเป็นโบว์อยู่ที่คอตัดกับผิวขาวๆอย่างชัดเจน

     

     

     

     

              สองขาก้าวเข้าไปใกล้ปากทางเข้าอย่างช้าๆและเงียบกริบ สีสันที่น่าลุ่มหลงนั้นยิ่งดูงดงามเมื่อปรากฏบนดวงตาที่ทอระยับของผู้บุกรุก

     

     

     

     

              กึก!

     

     

     

     

            ก้าวสุดท้ายนั้นสร้างเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างจงใจ

     

     

     

     

              ยามเฝ้าประตูที่แอบหลับสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ พริบตาเดียวกับที่เงาดำพุ่งวูบผ่านไปข้างหลังราวกับสายลม

     

     

     

     

              ดิออร์สบถเบาๆ นึกดูแคลนเจ้าพนักงานที่หันซ้ายหันขวาแต่เมื่อไม่พบสิ่งใดก็กลับไปงีบต่อโดยไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่หายไปจากกระเป๋ากางเกงชิ อ่อนซะจริง

     

     

     

     

              กริ๊ง...เขาเดาะกุญแจในมือเล่น แท่งทางผ่านสีเทาหม่นเก่าๆมากรอยกะเทาะบัดนี้ดูราวกับแท่งทองคำที่มีค่าขึ้นมาเพียงชั่วขณะตราบเท่าที่ประตูทางเข้ายังคงปิดสนิท

     

     

     

     

              ถึงจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ แต่ที่นี่ก็เป็นถึงศูนย์บัญชาการหลัก เจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเวร24ชั่วโมง ดูจะเสียแรงไปนิดถ้าจะเดินดุ่มๆเข้าไปปะทะกับคนทั้งตึก เขาจึงเลือกที่จะขโมยกุญแจเข้าประตูด้านหลังแล้วเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร

     

     

     

     

              งานของเขาคราวนี้คือเอกสารข้อเท็จจริงคดีฆาตกรรมที่ย่านมาดินเน็ต ไม่ต่างจากงานก่อนๆซักเท่าไหร่ ต่างกันแค่ว่าคดีคราวนี้กระทำโจ่งแจ้งแบบผ่าชำแหละแล้วเอาศพมาทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจก็เท่านั้น โหดได้ใจก็จริง แต่ไม่ค่อยจะมีศิลปะในการฆ่าซักเท่าไหร่ คงยังใช้มีดได้ไม่ค่อยคล่อง

     

     

     

     

              ส่วนฆาตกรเป็นใครงั้นหรือ? แทบไม่ต้องเดาเลย คงไม่พ้นผู้ว่าจ้างรายล่าสุดนี่แหละ

     

     

     

     

              หลังจากที่ย่องเบาและหลบวูบพวกเจ้าหน้าที่เป็นพักๆ ในที่สุดตรงสุดสายตาเขาก็ปรากฏประตูห้องท่านผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งราชอาณาจักร แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่ห้องนี้

     

     

     

     

              ดิออร์เดินไปหยุดตรงหน้าผนังห้องที่ห่างจากประตูสลักเกลียวงดงามประมาณ5เมตรแล้วหยิบกระจกออกมาส่องตามบริเวณผนังว่างเปล่าที่ดูไม่มีอะไรนั้น เกิดแสงแวววาวสะท้อนกลับออกมาเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ไม่รอช้าทาบมือลงบนบริเวณแล้วกดเบาๆ

     

     

     

     

              ผนังส่วนนั้นยุบตัวเข้าไป แล้วส่วนรอบๆที่เหลือจึงค่อยๆยุบตัวตาม

     

     

     

     

              ผู้บุกรุกแย้มยิ้มนิดๆขณะเฝ้ามองผนังที่ทอดตัวลงไปเป็นบันไดอย่างเงียบกริบ เขาเดินลงไปตามทางที่มืดสลัวนั้นและไม่ลืมที่จะปิดทางลับ

     

     

     

     

              มุขที่ว่าดูสีที่แตกต่างบนกำแพงน่ะเก่าไปแล้ว ดิออร์คิด เท้าทั้งสองยังคงสาวไปข้างหน้า เด็กหนุ่มอดเจ็บใจไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนที่เขารู้ความจริงจากไอ้บาร์เทนเดอร์ร้านเหล้าหลังจากหัวหมุนอยู่นาน

     

     

     

     

            พวกจากวังหลวงนั่นสร้างทางลับนี้แล้วใช้รอยขีดเล็กๆเป็นเครื่องหมาย รอยที่กลมกลืนไปกับอีกนับสิบนับร้อยรอยเหมือนอย่างผนังทั่วไปนั่นแหละ

     

              อ๊ะๆ แต่อย่าให้มันหลอกตาเชียว สีทองแดงที่ป้ายไว้ในซอกของรอยนั่น เวลาเอาอะไรที่สะท้อนแสงได้ไปส่องมันก็จะเป็นประกายแวววาวนิดๆ ผลักเบาๆดูซักที ตรงนั้นแหละประตูสู่ขุมทรัพย์ของเหล่าอาชญากร

     

     

     

     

              พวกจากวัง...แหม ใครที่ไหนมันช่างคิดกัน อย่าให้รู้นะพ่อจะดักเชือดแม่ม!

     

     

     

     

              บันไดขั้นสุดท้ายสิ้นสุดลง เขาตรงไปยังห้องเก็บเอกสารเบื้องหลังประตูเหล็ก ทั้งยังคอยเดินหลบหลีกกับดักต่างๆที่อยู่ในมุมมืดราวกับตาเห็น แหงล่ะ ก็เขามาออกบ่อยนี่นา อาจแตกต่างไปบ้างนิดหน่อยแต่ก็กรณีคล้ายๆกันนี่แหละ ดวงตาคู่งามเบนไปยังตู้เก็บเอกสารหมวดคดีฆาตกรรมและลงมือค้นหาอย่างชำนิชำนาญ ความมืดไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเขา แต่คงต้องรีบหน่อยเพราะนี่ใกล้จะตี5แล้ว ถ้าสว่างขึ้นมาแล้วอะไรๆจะยากขึ้น

     

     

     

     

              ดิออร์เก็บงานคราวนี้ใส่ซองแล้ววิ่งกลับขึ้นไปเพื่อแข่งกับเวลา เขาปิดประตูลับแล้วพุ่งไปยังหน้าต่างตรงสุดทางเดินอย่างไร้ซุ่มเสียง และกระโดดลงมา

     

     

     

     

              ...จากชั้น7!!

     

     

     

     

              มือเรียวคว้ากิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อลดแรงโน้มถ่วง สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างเงียบกริบ โดยใช้พุ่มไม้และความมืดพรางตัวไว้ ตั้งแต่หาเอกสารเจอแล้ววิ่งกลับขึ้นมาตามทางลับจนถึงตอนนี้ใช้เวลาทั้งหมด...

     

     

     

     

            “11วินาที ไม่เลวแฮะเด็กหนุ่มหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ค่อนข้างพึงพอใจกับสถิตินี้ทีเดียว

     

     

     

     

              ดิออร์ทอดสายตาไปยังที่ที่ตัวเองเพิ่งหลบออกมา ในใจทบทวนภารกิจอีกครั้ง

     

     

     

     

              หลักฐานและเอกสารข้อเท็จจริงคดีฆาตกรรมหมู่ย่านมาดินเน็ต เขตอีสต์ไซด์ สถานที่คือห้องเก็บแฟ้มคดีและเอกสารลับของศูนย์บัญชาการหน่วยปราบปรามจราจรแห่งเซเลนไดต์ จำนวนเงินค่าจ้าง42เหรียญทองกับอีก 7เหรียญเงิน ได้รับมัดจำแล้ว18เหรียญทอง เวลาส่งมอบของภายใน8นาฬิกา...

     

     

     

     

              เคลียร์!

     

     

     

     

               รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าผู้บุกรุกที่เพิ่งทำการโจรกรรมข้อมูลจากศูนย์บัญชาการหลักของพวกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แบบหน้าด้านๆและไร้ซึ่งหลักฐานให้ตามตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

     

     

     

     

              เด็กหนุ่มค้อมตัวไปทางตึกด้วยท่วงท่างดงามราวกับกำลังทำความเคารพ ชายผ้าคลุมโบกสะบัดอย่างงดงามตามการเคลื่อนไหว

     

     

     

     

    ยินดีที่ได้ใช้บริการและหวังว่าคงจะไม่ต้องพบกันอีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×