คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Movement 1 ✥ เปิดกระดาน
✥Movement 1✥
“เด็กต้องสาป!”
“ไอ้เด็กอัปรีย์!”
ทำไมกัน เขาทำอะไรผิดกัน?
“เพราะแกแม่แกถึงต้องตาย!!”
“ไอ้ตัวโชคร้าย ทำไมไม่ตายตามๆพ่อแกไปซะนะ”
แค่เกิดมา แค่มีตัวตน …
“อย่ามาแตะต้องฉันนะ!! ให้ตายสิ น่ารังเกียจชะมัด!”
...แค่อยากอยากใช้ชีวิตปกติไปวันๆ
“ได้ข่าวว่าแกน่ะถูกสาปเพราะคำสาปจากบรรพบุรุษใช่ป่ะ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้ปีศาจ ปีศาจที่ต้องคำสาปจากซาตาน”
“ทำไมกันน้า ตัวเสนียดอย่างแกถึงยังเดินแย่งอากาศหายใจโลกได้แบบไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย”
แต่ทำไมคำขอเพียงแค่นี้…
“คนที่อยากให้แกหายไปน่ะหาได้ทุกหัวมุมถนนเลยด้วยซ้ำ”
“เพราะไอ้เด็กแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะให้มันอยู่หรอก…”
มันถึงได้ยากจะเป็นจริงเหลือเกิน
“เด็กบาปหนา”
เฮือก!
นัยน์ตาสีเทาสวยเบิกโพลง ใบหน้าขาวเนียนอาบชุ่มด้วยเหงื่อ หัวใจยังเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น
“ฝันร้าย...อีกแล้วเหรอ?”
เจ้าของห้องชันตัวลุกขึ้นแล้วสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องราวกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ ห้องนอนขนาดใหญ่บุผนังสีครีม โต๊ะไม้เนื้อเยี่ยมข้างเตียงที่แกะสลักขาโต๊ะเป็นรูปผีเสื้อและเถาวัลย์อย่างวิจิตร ซึ่งบัดนี้ถูกลดทอนความงามด้วยการถูกใช้ต่างที่พาดขา พรมแดงชั้นดีรูปวงกลมกลางห้องและคริสตัลระย้านำเข้าจากอาคัสเวียนด้วยราคาแพงหูฉี่ ม่านดำขลิบแดงรูดปิดสนิทแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีใครเข้ามาจัดการ
เด็กหนุ่มมองข้ามรายละเอียดของของประดับอื่นๆรอบห้องที่หยิบไปขายซักชิ้นคงทำให้ขอทานเดินเจ้าไปเชิดหน้าชูตาในงานเลี้ยงของผู้ดีพวกนั้นสบายๆ เมื่อยังหา‘บางอย่าง’ที่ว่านั่นไม่เจอ มือเรียวขาวก็ยกขึ้นเสยเส้นผมสีเงินละเอียดขึ้นให้พ้นๆ เผยให้เห็นดวงหน้าใสน่ารัก ดวงตาสีเทาคู่เดิมฉายแววอะไรบางอย่างขณะถอนหายใจเบาๆ
ก่อนจะ...
“อิคาเรส! หายเงาหัวไปตายที่ไหนอีก!! ถ้ายังไม่โผล่หน้ามาภายใน3วิ ฉันจะสั่งคนให้เอาตราเกียรติยศนายไปถ่วงน้ำ!!!หนึ่ง! สะ....”
“เฮ้ๆองค์ชาย ใจเย็นหน่อย แล้วตรานั่นฉันต้องฝึกตั้ง4ปี ปราบกบฏกับยึดหัวเมืองอีก2แห่ง แถมยังต้องลอบสังหารผู้นำกองกำลังจักรวรรดิคนก่อนอีก ถึงนายจะเอาไปถ่วงทะเลสาบฮามาวิน ฉันก็จะงมหาจนกว่าจะหาเจอนั่นแหละ”เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งผลักประตูเข้าในทันใด
“งั้นนายคงโดนนางพรายฉุดลงก้นทะเลสาบก่อนเรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วไอ้งานลอบสังหารนั่นมันอะไร เครื่องอิสริยศแสดงเกียรติของราชองครักษ์ต้องแลกมากับของพรรค์นี้รึไงกัน เหมือนลอบกัดเขาดีๆชะมัด”
ใช่แล้ว...องครักษ์ อิคาเรส อิเมดิฟายด์ ดวงตาสีดำขลับที่พราวระยับด้วยความเจ้าเล่ห์กับเรือนผมสีน้ำตาล หน้าตาหล่อเหลาและค่อนข้างฮอตในหมู่นางกำนัลทีเดียว เครื่องแบบคนตรงหน้านั้นบ่งถึงยศระดับสูงแม้อายุยังน้อย
...ราชองครักษ์ประจำกายแกรดยุคแห่งเซเลนไดต์
“ว่าแต่คนอื่น คนที่ถนัดงานลอบกัดกว่าคือนายไม่ใช่เรอะไง แล้วมีอะไรเรียกซะลั่นห้องเชียว”
“ก็เห็นว่านายยังไม่มาปลุก นึกว่าแอบหนีไปจีบสาวในเมือง”เขาว่า
“จีบสาวเขาจีบกันตอนเช้าๆที่ไหน โดยเฉพาะเช้ามืดแบบนี้ นี่เพิ่งจะตี4ครึ่ง ปลุกบ้าอะไร”
“ตี4ครึ่ง?”ดวงตาคู่สวยฉายแววงุนงงก่อนวิ่งไปเลิกม่านดู
มืดสนิท...
อีกแล้ว เจ้าของห้องไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่ก็อ่านจากสายตาได้ว่ากำลังก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ
“ชิ บ้าจริง ช่วยไม่ได้ ยังไงก็หลับไม่ลงอยู่แล้ว อิคาเรส ช่วยหยิบเอกสารจากท่านเจ้ากรมการคลังให้หน่อยสิ
ที่มีตราประทับสีเขียวๆนะ แล้วก็ไปได้เลย โทษทีที่รบกวนเวลานอน”
องครักษ์ตัวดีคุ้ยหาเอกสารในตู้พลางแยกเขี้ยว“รบกวนเวลานอนบ้าอะไร นี่ฉันเพิ่งลาดตระเวนเสร็จไม่งั้นคงไม่ใส่เครื่องแบบเต็มยศงี้หรอก แล้วไอ้ที่เรียกซะดังลั่นนั่นคงกะเรียกมาใช้งานล่ะสิท่า”
“ก็ฉันไม่รู้ว่ามันยังเช้าแบบตะวันยังไม่ตื่นนี่นา แถมถ้าไม่รีบทำเดี๋ยวโดนพวกขุนนางที่ดีแต่ประท้วงแต่ไม่ยอมทำอะไรนั่นรุมเอาง่ายๆแน่”
อิคาเรสไม่คิดถือสาอะไรกับท่าทางที่เหมือนเรียกมาแล้วไล่กลับง่ายๆ เพราะพอจะรู้ถึงเหตุผลที่คนอีกคนพยายามกลบเกลื่อนทำเป็นเรียกมาช่วยงานแทนอย่างไม่ค่อยแนบเนียนเอาเสียเลย
คงฝันร้ายอีกแล้วสินะ...
เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วส่งสายตาเห็นด้วยขณะชะโงกหน้าเข้ามาดูรายละเอียดของเนื้อความ
“ก็จริงนะ อย่างไอ้เอกสารนี่ กระทรวงการคลังร้องเรียนเรื่องการนำเข้าเครื่องเคลือบได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ร่ายมาซะหรูสุดท้ายก็ขอเบิกเงินท้องพระคลังเพิ่ม17% เหอะ!เชื่อตายล่ะ เครื่องเคลือบนำเข้าส่วนใหญ่ใช้แค่ในวังกับบ้านพวกเศรษฐีเท่านั้นแหละ ชาวบ้านธรรมดาแค่หาเลี้ยงปากท้องยังไม่พอเลย แถมโมเฮเดนกับพวกประเทศตะวันออกเพิ่งประกาศลดอัตราภาษีอุตสาหกรรมเครื่องแก้วเครื่องเคลือบไปไม่นานนี้เอง”
“จะไปยากอะไรนัก คอยดูเหอะ ภายใน2อาทิตย์นี้ตาแก่นี่โดนสั่งปลดแน่ คิดว่าชาวบ้านไม่รู้รึไงว่าแอบยักยอกเงินไปกกอีหนูตั้งไม่รู้เท่าไหร่”
“เคยมีคนขอตั้งข้อหามาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ตาลุงนี่ไหลไปได้ทุกรอบ นายจะไปเอาหลักฐานมาจากไหน”อิคาเรสถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ
เจ้าของห้องหันมาแย้มยิ้มบางเบาให้ ดวงตายังคงฉายประกายเรียบนิ่งแฝงอำนาจที่เขารู้ดีว่ายังคงเก็บแฝงไว้อีกมากเบื้องหลังเสื้อคลุมลูกแกะนั่น ถึงกระนั้นร่องรอยแห่งความเป็นมิตรที่ฉาบทับก็ทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนโยนละมุนละไมดังเทวทูต รอยยิ้มนั้นดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน
“ตลาดมืด”คำที่ออกมาจากปากนั้นอาจจะทำให้คนอื่นอ้าปากค้างกับความขัดแย้งระหว่างซาตานกับเทวดาแต่สำหรับเขาที่ได้เห็นสีหน้าต่างๆของคนๆนี้จนชินแล้วก็ได้แค่ยักไหล่นิดๆอย่างไม่อะไรมาก
ราชองครักษ์คนเก่งแสยะยิ้ม“หึๆ ระวังเถอะ ไปเดินเที่ยวบ่อยๆระวังคนเขาจะจำหน้าได้”
“ชิ!ดื่มวีต้าแล้วรีบๆไสหัวไปนอน ปากไม่เป็นมงคล”
“ไรว้า คนอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวโดนลากเข้าตะรางก่อนทันจ่ายโบนัสท้ายปี”อิคาเรสว่าแล้วจับลูกบิดประตูคนละอันกับตอนเข้ามาพลางโบกมือให้แบบส่งๆ
“ฉันขอไปพักก่อนละกัน วันนี้คงต้องวิ่งวุ่นหน่อย ยิ่งมีประชุมรวมกับพวกข้าหลวงซะด้วย ขืนปล่อยให้หมาที่ไหนหลงไปกวนเข้า งานนี้คงโดนทัณฑ์บนแหงๆ”เด็กหนุ่มกล่าวแล้วเปิดประตูเข้าไปอีกห้องหนึ่ง
แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหูได้สดับถึงเสียงกระซิบไล่หลังที่แสนแผ่วเบา
“อย่าหักโหมนักล่ะ”ถ้อยคำที่ทำให้เขาแอบอมยิ้มนิดๆและรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดเมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ถูกส่งผ่านมาอย่างไม่ปิดบัง
“นายเองก็เหมือนกัน”
เสียงประตูปิดลงเบื้องหลังพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าของผู้ที่หลงเหลืออยู่ในห้อง
อิคาเรสปิดประตูแล้วถอดเสื้อนอกออกมาพาดไว้ ใช่...ห้องเขาอยู่ติดกับห้องของ‘องค์ชาย’โดยมีบานประตูที่ทะลุถึงทั้ง2ห้องกั้นระหว่าง เขาจึงได้รับหน้าที่ปลุกคนข้างห้องในทุกๆเช้า แถมพวกเขาก็ยังค่อนข้างสนิทสนมกันจนไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์และพูดคุยหยอกล้อกันแรงๆได้เมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น
ดวงตาสีดำขลับหม่นแสงลงยามนึกถึงผู้เป็น‘เพื่อนสนิท’และ‘เจ้าชีวิต’ของเขา
เจ้าชายดอลเลียร์ ลูอิสคอฟแชล ไฮยาซินท์ แกรนดยุคแห่งราชอาณาจักรเซเลนไดต์
เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง ดวงตาสีเทาสวยชวนมอง เรือนผมสีเงินละเอียด กับดวงหน้าใสอ่อนหมดจด ดูแล้วไม่ต่างกับหุ่นเชิดทางการเมืองสวยๆซักตัวหนึ่ง...
แต่หุ่นเชิดสวยๆตัวนี้แหละที่ทำให้ทำให้พวกขุนนางขี้ประจบหยุดชะงักด้วยผลงานระดับโบแดงชิ้นแรกด้วยการเปิดเส้นทางขนส่งโมเฮเดน-เซเลนไดต์แห่งใหม่โดยตัดผ่านเขตชายแดนลงไปยังคลองชลประทานเข้าสู่เขตน่าน้ำอุ่นไอริส ที่จะไม่จับเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ซึ่งบรรเทาปัญหาขาดแคลนและความอดอยากในฤดูกาลที่แสนทารุณได้มากยิ่งกว่ามากตั้งแต่พระชนมายุเพียงแค่9พรรษา
การเปิดตัวด้านการบริหารประเทศที่ทำเอาท่านผู้มากประสบการณ์ทั้งหลายแหล่อ้าปากค้างแล้วแอบน้ำตาตกในอยู่เงียบๆกับข้อเท็จจริงที่ว่าแพ้เด็ก
แต่เหมือนแค่นั้นจะยังไม่พอเมื่อเจ้าตัวยังคอยดักสอยพวกที่โกงกินประเทศอยู่อย่างเนืองๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในแฟ้มรายชื่อผู้ที่ถูกดอลเลียร์สอยร่วงลงมาซึ่งหนาไม่แพ้คู่มือกฎที่พึงกระทำและคำสัตย์ปฎิญาณในการบริหารประเทศอย่างใสสะอาดนั้น 3ใน4ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นฝีมือของเจ้าชายผู้นี้
แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่แล้วล่ะที่จะได้รับคำชื่นชมและความไว้วางใจจากองค์ราชินี แม้จะทำให้ถูกเพ่งเล็งจากบรรดาเชื้อพระวงศ์และผู้ไม่หวังดีทั้งหลายแต่ดอลเลียร์ก็ยังคงไล่สร้างผลงานต่างๆอยู่เรื่อยๆทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียว
...สิทธิในการครองบัลลังก์...
มือที่ถือเสื้อนอกไว้กำสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ ความไม่เข้าใจกับความอ่อนล้าตีกันวุ่นอยู่ภายใน
เกมเก็บแต้มที่มีอันตรายถึงความเป็นความตายของผู้เล่น
…ทั้งๆที่เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายิ่งอยู่สูงก็ยิ่งเด่นชัด
อิคาเรสขบกรามแน่นเมื่อนึกถึงเหตุผลอันน่ารังเกียจที่มักย้อนกลับมาทำร้ายตัวองค์ชายเอง
ทำไมกัน? โชคชะตาถึงได้เล่นตลกอะไรอย่างนี้
ในทางตอนเหนือที่ห่างจากพระราชวังเกือบค่อนประเทศ ในเวลาเข้ามืดเช่นนี้ถือเป็นช่วงหากินของกลุ่มอาชีพในเงามืด
ตึกสีเทารูปทรงโอ่อ่าแสดงความยิ่งใหญ่ตั้งเด่นอยู่ในความมืดสลัว ทางเดินหินอ่อนคดเคี้ยวล้อมรอบแท่นน้ำพุที่ฐานสร้างเป็นรูปนกอินทรีริมทางปลูกดอกไม้สีสดประดับประดาอย่างลงตัว
ที่นี่คือ‘ศูนย์บัญชาการหน่วยปราบปรามจลาจลแห่งเซเลนไนต์’ หน่วยปราบปรามที่มีดีแค่ชื่อ เอาเข้าจริงก็ทำได้แค่ห้ามชาวบ้านตีกันกับลงบันทึกเวลามีเรื่อง แล้วดูเงินที่มันเอามาถลุงกับการสร้างหน้าสร้างตานี่ซิ แผ่นหินอ่อนกับทับทิมที่ตานกอินทรีนั่นถ้าแงะไปขายจะได้ซักเท่าไหร่นะ
เด็กหนุ่มคิดประเมินอยู่เงียบๆ ใบหน้าที่ดูราวกับคุณหนูผู้ดีตระกูลใหญ่ซักตระกูลรับกับเส้นผมกับดวงตาสีดำเข้ากัน แต่สีดำนั้นดูราวกับมีประกายของแสงดาว เหมือนกับสีของท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้เมฆบดบัง เด่นมากทีเดียว
ผ้าคลุมสีดำมีฮู้ดที่บัดนี้ถูกเลิกออกอย่างไม่คิดปิดบังใบหน้า ริบบิ้นดำผูกเป็นโบว์อยู่ที่คอตัดกับผิวขาวๆอย่างชัดเจน
สองขาก้าวเข้าไปใกล้ปากทางเข้าอย่างช้าๆและเงียบกริบ สีสันที่น่าลุ่มหลงนั้นยิ่งดูงดงามเมื่อปรากฏบนดวงตาที่ทอระยับของผู้บุกรุก
กึก!
ก้าวสุดท้ายนั้นสร้างเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างจงใจ
ยามเฝ้าประตูที่แอบหลับสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ พริบตาเดียวกับที่เงาดำพุ่งวูบผ่านไปข้างหลังราวกับสายลม
ดิออร์สบถเบาๆ นึกดูแคลนเจ้าพนักงานที่หันซ้ายหันขวาแต่เมื่อไม่พบสิ่งใดก็กลับไปงีบต่อโดยไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่หายไปจากกระเป๋ากางเกง“ชิ อ่อนซะจริง”
กริ๊ง...เขาเดาะกุญแจในมือเล่น แท่งทางผ่านสีเทาหม่นเก่าๆมากรอยกะเทาะบัดนี้ดูราวกับแท่งทองคำที่มีค่าขึ้นมาเพียงชั่วขณะตราบเท่าที่ประตูทางเข้ายังคงปิดสนิท
ถึงจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ แต่ที่นี่ก็เป็นถึงศูนย์บัญชาการหลัก เจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเวร24ชั่วโมง ดูจะเสียแรงไปนิดถ้าจะเดินดุ่มๆเข้าไปปะทะกับคนทั้งตึก เขาจึงเลือกที่จะขโมยกุญแจเข้าประตูด้านหลังแล้วเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร
งานของเขาคราวนี้คือเอกสารข้อเท็จจริงคดีฆาตกรรมที่ย่านมาดินเน็ต ไม่ต่างจากงานก่อนๆซักเท่าไหร่ ต่างกันแค่ว่าคดีคราวนี้กระทำโจ่งแจ้งแบบผ่าชำแหละแล้วเอาศพมาทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจก็เท่านั้น โหดได้ใจก็จริง แต่ไม่ค่อยจะมีศิลปะในการฆ่าซักเท่าไหร่ คงยังใช้มีดได้ไม่ค่อยคล่อง
ส่วนฆาตกรเป็นใครงั้นหรือ? แทบไม่ต้องเดาเลย คงไม่พ้นผู้ว่าจ้างรายล่าสุดนี่แหละ
หลังจากที่ย่องเบาและหลบวูบพวกเจ้าหน้าที่เป็นพักๆ ในที่สุดตรงสุดสายตาเขาก็ปรากฏประตูห้องท่านผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งราชอาณาจักร แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่ห้องนี้
ดิออร์เดินไปหยุดตรงหน้าผนังห้องที่ห่างจากประตูสลักเกลียวงดงามประมาณ5เมตรแล้วหยิบกระจกออกมาส่องตามบริเวณผนังว่างเปล่าที่ดูไม่มีอะไรนั้น เกิดแสงแวววาวสะท้อนกลับออกมาเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ไม่รอช้าทาบมือลงบนบริเวณแล้วกดเบาๆ
ผนังส่วนนั้นยุบตัวเข้าไป แล้วส่วนรอบๆที่เหลือจึงค่อยๆยุบตัวตาม
ผู้บุกรุกแย้มยิ้มนิดๆขณะเฝ้ามองผนังที่ทอดตัวลงไปเป็นบันไดอย่างเงียบกริบ เขาเดินลงไปตามทางที่มืดสลัวนั้นและไม่ลืมที่จะปิดทางลับ
มุขที่ว่าดูสีที่แตกต่างบนกำแพงน่ะเก่าไปแล้ว ดิออร์คิด เท้าทั้งสองยังคงสาวไปข้างหน้า เด็กหนุ่มอดเจ็บใจไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนที่เขารู้ความจริงจากไอ้บาร์เทนเดอร์ร้านเหล้าหลังจากหัวหมุนอยู่นาน
“พวกจากวังหลวงนั่นสร้างทางลับนี้แล้วใช้รอยขีดเล็กๆเป็นเครื่องหมาย รอยที่กลมกลืนไปกับอีกนับสิบนับร้อยรอยเหมือนอย่างผนังทั่วไปนั่นแหละ
อ๊ะๆ แต่อย่าให้มันหลอกตาเชียว สีทองแดงที่ป้ายไว้ในซอกของรอยนั่น เวลาเอาอะไรที่สะท้อนแสงได้ไปส่องมันก็จะเป็นประกายแวววาวนิดๆ ผลักเบาๆดูซักที ตรงนั้นแหละประตูสู่ขุมทรัพย์ของเหล่าอาชญากร ”
พวกจากวัง...แหม ใครที่ไหนมันช่างคิดกัน อย่าให้รู้นะพ่อจะดักเชือดแม่ม!
บันไดขั้นสุดท้ายสิ้นสุดลง เขาตรงไปยังห้องเก็บเอกสารเบื้องหลังประตูเหล็ก ทั้งยังคอยเดินหลบหลีกกับดักต่างๆที่อยู่ในมุมมืดราวกับตาเห็น แหงล่ะ ก็เขามาออกบ่อยนี่นา อาจแตกต่างไปบ้างนิดหน่อยแต่ก็กรณีคล้ายๆกันนี่แหละ ดวงตาคู่งามเบนไปยังตู้เก็บเอกสารหมวดคดีฆาตกรรมและลงมือค้นหาอย่างชำนิชำนาญ ความมืดไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเขา แต่คงต้องรีบหน่อยเพราะนี่ใกล้จะตี5แล้ว ถ้าสว่างขึ้นมาแล้วอะไรๆจะยากขึ้น
ดิออร์เก็บ‘งาน’คราวนี้ใส่ซองแล้ววิ่งกลับขึ้นไปเพื่อแข่งกับเวลา เขาปิดประตูลับแล้วพุ่งไปยังหน้าต่างตรงสุดทางเดินอย่างไร้ซุ่มเสียง และกระโดดลงมา
...จากชั้น7!!
มือเรียวคว้ากิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อลดแรงโน้มถ่วง สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างเงียบกริบ โดยใช้พุ่มไม้และความมืดพรางตัวไว้ ตั้งแต่หาเอกสารเจอแล้ววิ่งกลับขึ้นมาตามทางลับจนถึงตอนนี้ใช้เวลาทั้งหมด...
“11วินาที ไม่เลวแฮะ”เด็กหนุ่มหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ค่อนข้างพึงพอใจกับสถิตินี้ทีเดียว
ดิออร์ทอดสายตาไปยังที่ที่ตัวเองเพิ่งหลบออกมา ในใจทบทวนภารกิจอีกครั้ง
หลักฐานและเอกสารข้อเท็จจริงคดีฆาตกรรมหมู่ย่านมาดินเน็ต เขตอีสต์ไซด์ สถานที่คือห้องเก็บแฟ้มคดีและเอกสารลับของศูนย์บัญชาการหน่วยปราบปรามจราจรแห่งเซเลนไดต์ จำนวนเงินค่าจ้าง42เหรียญทองกับอีก 7เหรียญเงิน ได้รับมัดจำแล้ว18เหรียญทอง เวลาส่งมอบของภายใน8นาฬิกา...
เคลียร์!
รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าผู้บุกรุกที่เพิ่งทำการ‘โจรกรรม’ข้อมูลจาก‘ศูนย์บัญชาการหลัก’ของพวกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แบบหน้าด้านๆและไร้ซึ่งหลักฐานให้ตามตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
เด็กหนุ่มค้อมตัวไปทางตึกด้วยท่วงท่างดงามราวกับกำลังทำความเคารพ ชายผ้าคลุมโบกสะบัดอย่างงดงามตามการเคลื่อนไหว
“ยินดีที่ได้ใช้บริการ…และหวังว่าคงจะไม่ต้องพบกันอีก”
ความคิดเห็น