ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ..IZee merris..

    ลำดับตอนที่ #3 : คำสอนข้อที่ 2 การทำตัวให้น่าสงสารเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่...ไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ถึงแม้คนอื่นจะเดือดร้อนก็ตาม!?)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 54


    คำสอนข้อที่ 2 การทำตัวให้น่าสงสารเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่...ไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ถึงแม้คนอื่นจะเดือดร้อนก็ตาม!?)

     

                แล้วถ้าปฏิบัติเช่นนั้นผู้อื่นจะไม่คิดว่าเราหน้าไหว้หลังหลอกหรือขอรับ?

                การทำตัวให้น่าสงสารในที่นี้นั้น อาจจะเปลี่ยนใหม่ได้ว่า ใครมีแอ็คติ้งดีกว่าก็คือผู้ชนะ ผู้ที่จะทำได้นั้นต้องฝึกฝนอย่างหนัก! ไม่มีใครจะมาว่าผู้ที่ฝึกฝนอย่างหนักได้หรอก จริงไหมล่ะ

                    ‘อ๋อ...ถ้าเราตั้งใจฝึกฝนก็จะไม่มีใครว่าเราได้ใช่ไหมขอรับ

                    ‘เจ้าเข้าใจถูกแล้ว จงฝึกฝนจนชำนาญเพราะถ้าเจ้าฝึกฝนมาพอก็จะไม่มีใครจับได้ยังไงล่ะ หึๆๆ

     

                    เมื่อคืน...ข้าเข้านอนตอนตี 3

                    เช้านี้...ข้าตื่นตอนตี                4

                    ตอนนี้...ข้าจึงกลายร่างเป็น แพนด้า โดยปริยาย...

                    เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ไอดีล? อีลูหันมาถามข้า แต่นางยังคงสาวเท้าไปข้างหน้าไม่หยุด

                    ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ...เท่าไหร่ ข้าอ้าปากหาววอดใหญ่ พร้อมกับวิ่งช้าๆ ตามนางต่อไป

                    นางพยักหน้าอย่างรับรู้ (แต่ที่นางไม่รู้คือข้าแทบจะไม่ได้นอนนั่นแหละ) วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูอาการเจ้าม้าน้อยหน่อยน่ะ...มันดูไม่ร่าเริงเอาซะเลย ปรายประโยคนางพูดเสียงแผ่ว

                    เจ้าม้าน้อย?

                    มันไม่ยอมกินอะไรเลย ข้าคิดว่ามันอาจคิดถึงเจ้า เลยพาเจ้าไปดูมันหน่อยน่ะอีลูทำหน้าเศร้า

                    อ๋อ...นางคงหมายถึงเจ้าโนฮีโร่ แน่ๆ

                    ข้าทำโต ข้าหวังว่ามันคงไม่เป็นอะไรมากนะเจ้าคะ!” สีหน้าตื่นตกใจเหมือนคนรู้ว่าบ้านตัวเองโดนทอนาโดซัดหายไปต่อหน้าต่อตา

     

                    พอเจ้าม้า (น้อย) เห็นข้า มันก็ทำประกายตาแวววาว ร้องฮี่ๆ พร้อมกับเดินออกมาจากหลังต้นไม้แล้วตรงมาหาข้า ก่อนจะเอาหน้าดันตัวข้าเบาๆ อย่างรักใคร่

                    “มันเพียงแค่คิดถึงข้าแน่ๆ ท่านไม่ต้องห่วง เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าคู่ชีวิตของข้า ข้าก็พอจะรู้แล้วว่า มันต้องกการอะไรจากข้ากันแน่ เดี๋ยวข้าจะขออยู่เล่นกับมันสักพัก แล้วจะกลับไปให้ทันข้าวเช้านะเจ้าคะ ส่งยิ้มให้นาง ส่วนมือก็ลูบหัวเจ้าคู่ชีวิตปลกๆ

                    นางพยักหน้า สีหน้าดูดีกว่าตอนแรกมากเมื่อเห็นเจ้าม้าดูท่าจะไม่เป็นอะไร อืม เดี๋ยวข้าจะกลับบ้านไปปลุกน้องๆ กับเตรียมอาหารเช้า เจ้าก็กลับไปให้ทันก่อนอาหารจะเย็นนะไอดีล

                    “เจ้าค่ะข้ายิ้มรับ

                    อีลูเดินกลับบ้านไป พอข้าเห็นนางลับสายตา ข้าจึงหันหน้ากลับมาดูเจ้าคู่ชีวิตนี่อีกครั้ง

                    หิวล่ะสิท่า เอ้านี่! ข้ามีติดตัวอยู่นิดหน่อยข้าพูดกับมันก่อนจะหยิบห่อกระดาษออกมาจากอกเสื้อ แล้วแกะส่งให้มัน

                    มันค่อยๆ คาบชิ้นเนื้อสีน้ำตาลอ่อนๆ ท่าทางเหนียวนุ่มหวานฉ่ำเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

                    ข้าคิดว่าเราคงอยู่ที่นี่กันอีกไม่นาน เราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบต่อ คราวนี้ถ้าแวะเที่ยว...ท่านอาจารย์จะต้องจัดการข้าหนักกว่าครั้งที่แล้วแน่

                    เจ้าม้าหยุดเคี้ยว ก่อนจะกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก อย่างชัดเจน...

                    เจ้าไม่ได้โดนด้วยซะหน่อย อย่ามาแย่งซีนข้าสิ!” ข้าพูด ก่อนจะส่งเนื้อย่างให้มันอีกชิ้นท่านอาจารย์ไปหาเจ้ามาจากไหนกันนะ!...กินเปลืองชะมัดเลย ปรายประโยคข้าลดเสียงให้เบา แต่เจ้าม้ามันคงได้ยินเพราะมันค้อนตาใส่ข้า แต่พอส่งเนื้อให้อีกชิ้น มันก็กลับไปกินต่อ อย่างไม่ใส่ใจ ม้าของอัศวินแห่งความตาย เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ...ตะกละชะมัด!”

     

                    ข้าต้องขอขอบคุณท่านน้าที่ช่วยดูแลข้ามากนะเจ้าคะข้าส่งยิ้มให้อีลู ขณะอยู่บนหลังของเจ้า

    โนฮีโร่

                    เจ้าจะไปจริงๆ หรือไอดีล เจ้าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แท้ๆ เดินทางคนเดียวมันอันตรายมากนะ อีลูกล่าวน้ำตาคลอเบ้า เหมือนไม่อยากให้ข้าไป

                    เจ้าค่ะ แต่ข้าจำเป็นต้องทำตามประสงขององค์มหาเทพ ซึ่งข้ามั่นใจว่าองค์มหาเทพท่านคงไม่ใจจืดใจดำกับข้านัก ข้ากล่าวด้วยสีหน้าสำนึก (?) ในบุญคุณของนางข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ...ลาก่อน

                    เมื่อคำล่ำลาจบลง ข้าก็หันหลัง แล้วรีบควบเจ้าคู่ชีวิตของข้าออกจากหมู่บ้านอย่างเร่งรีบ (ขอย้ำ...รีบจริงๆ) เมื่อข้ารีบควบม้าออกมาจนหมู่บ้านของอีลูจนลับตา ข้าก็หยิบของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่หยิบติดไม้ติดมือมาจากหมู่บ้าน ออกมาเชยชม

                    ทั้งเสบียงของข้า ของเจ้าม้า แล้วก็...แก้วแหวนเงินทองของประดับบ้านประดับกายเศรษฐี จำนวนมากมายจนกระเป๋าย่ามของข้าแทบทะลุ

                    ทีแรกข้าก็ไม่ได้กะจะเอาอะไรมากมายหรอก แต่พอข้าเดินผ่านบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านที่วิบวับจนแสบตา ก็เลยแวะเข้าไปดูแล้วก็เอาของฝากออกมานิดๆ หน่อยๆ แล้วข้าก็เอาของพวกนั้นไปฝากไว้ใต้เตียงที่ข้านอนอีกสี่ห้าชิ้น อย่างเช่นเพรชเม็ดเบ้งหรือพวกไหทองคำแล้วก็กระบุงทองคำอะไรพวกนี้ เผื่ออีลูจะได้หาซื้อเตียงที่มันนิ่มกว่านั้นเข้าบ้านบ้าง

                    เป็นไงล่ะ! ข้าน่ะ คนดีขนานแท้เลยทีเดียวใช่ม้า...เอิ๊กๆๆ

                    ข้าเก็บของพวกนั้นลงไป ก่อนจะหยิบแผนที่ออกมากาง

                    วงกลมสีแดงมากมายเกือบสิบจุดกระพริบเป็นจังหวะอย่างกระจัดกระจายบนแผนที่ แต่ก็ไม่เท่าวงกลมสีน้ำเงินที่วงอยู่หลายต่อหลายร้อยที่ แถมบางวงก็มีดาวติดอยู่ด้วย

                    นิ้วเรียวไล่ไปตามแผนที่ก่อนจะหยุดอยู่ที่วงกลมสีแดงที่ซ้อนกับวงกลมสีน้ำเงินที่มีดาวติดอยู่

                    “หือ? นครจันทร์เสี้ยว! ใกล้ๆ นี่เองด้วย ท่านอาจารย์...ข้ารักท่าน!” จูบแผนที่ฟอดใหญ่ แล้วเก็บลงกระเป๋า นครจันทร์เสี่ยวจ๋า ท่านไอซีผู้นี้กำลังจะไปหาเจ้าแล้ว...ควบเลยเจ้าโนฮีโร่! รีบไปหาความสุขกันเถอะ!”

                   

                     ว๊าว...ไหนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตื่นกลางคืนไงล่ะ ขนาดนี่เพิ่งจะบ่ายสี่เองนะ คนเยอะจริงๆ เลย!” ตาโตวิบวับ ถ้าไม่ติดว่าฝึกฝนมาอย่างดีคงได้มีเอฟเฟคประกอบมากกว่านี้เป็นแน่

                    เจ้าไม่ต้องมาหาว่าข้าเป็นเด็กๆ ที่เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจหรอก ถ้าเจ้าเห็นแบบข้า เจ้าก็คงตะลึงไม่แพ้ข้า!

                    ร้านรวงมากมายเปิดแน่นเต็มสองข้างทาง แต่ก็ไม่เท่ากับจำนวนผู้คนที่เดินขวักไขว่จนเต็มถนน ของที่ประดับตามเสาไฟ ตามร้านค้า หรือแม้กระทั่งตามหลังคาบ้านเรือนล้วนเป็นสีสันที่สุดแสนจะแสบตา จนน่าปวดหัว

                    ไม่มีคำว่าเรียบง่ายสำหรับที่นี่โดยแท้! อย่าว่าแต่แค่ของตกแต่งเลยแม้แต่ผู้คนที่เดินตามข้างทางก็แต่งตัวได้สุดยอดไม่แพ้กัน ทั้งสีสันและความแปลกตา จนน่าจะให้รางวัล แปลกระดับเมพเลยจริงๆ

                    ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตื่นกลางคืนและเป็นที่รวมสุดยอดแห่งมหรสพนานัปการ ทุกๆ ค่ำคืนของที่นี่จะเหมือนกับเป็นโลกของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นสุดระทึกมากมายหรือว่าจะเป็นโชว์ที่หาดูได้ยากที่สุดก็รวมอยู่ที่นี่...เขตแดนมหรสพที่ใหญ่ที่สุดในโลก! ภายใต้เขตแดนของมนุษย์!

                    ข้าเหลือบมองเห็นกระดานป้ายประกาศที่มีคนยืนมุงอยู่ข้าก็เดินแวะเข้าไปดู

                    เป็นโปสเตอร์รายการเครื่องเล่นที่มีในคืนนี้ รวมทั้งการแสดงที่จัดขึ้นด้วย...มีทั้งชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก...รถไฟเหาะตีลังกาที่มีข้อเสนอว่าถ้าไม่อ้วกไม่คิดตัง’...การแข่งปามีดที่ใหญ่ที่สุด...แข่งยิงธนูใส่เป้าที่ไกลที่สุด...ละครใบ้ฮาค้าง...คณะละครสัตว์ของโจ๊กเกอร์...มายากลฆ่าตัดตอน...แข่งยิงปืน(ใหญ่)...สาวน้อยตกน้ำโหด...บ้านผีสิง(ของจริง)...บลาๆๆๆๆ

                    น่าสนุกจังเลยข้าลงจากหลังม้า แล้วเดินไปซื้อตั๋ว (แทบจะทุกอย่าง)

                    ตั๋วส่วนมากจะเต็มหมดแล้ว ข้าก็เลยโวยวายยกใหญ่ พนักงานเลยบอกว่าบอกว่าจะมีบัตรยืนดูขายหน้างาน

                    แต่มันก็น่าหงุดหงิดนะเจ้าว่าไหม! นี่ข้าต่อแถวตอนบ่ายสี่ กว่าจะเสร็จตั้งหกโมงแน่ะ  แถมได้บัตรมานิดเดียวเองด้วย ชิ!

                    แต่อย่างน้อยข้าก็ได้ตั๋วชิงช้าสวรรค์กับตั๋วดูละครสัตว์มาตั้งสองใบแน่ะ! วะฮ่า! แล้วเดี๋ยวข้าจะไปเล่นรถไฟเหาะที่บอกว่าไม่อวกไม่คิดตังด้วย เย่!ๆๆ

                    ข้าเดินจูงเจ้ามาไปผูกไว้ ตอนข้าไปเล่นเจ้าอยู่ตรงนี้นะ เอ้านี่ ข้ายื่นเนื้อย่างก้อนใหญ่ให้มัน จากตอนแรกสีหน้าที่มันทำเป็นไม่พอใจก็หายไปทันตา...(- -*)ข้าไปล่ะนะ ข้าบอกลาเจ้าม้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงคน

                    พอฟ้าเริ่มมืด เมืองแห่งนี้ก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง แสงไฟหลากสีสันมากมายถูกเปิดขึ้น จนทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย

                    สมกับได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตื่นกลางคืนจริงๆ

                    ต่อไปจะเป็นการแข่งปามีดที่ใหญ่ที่สุดค่ะ! ใครสนใจที่จะลงแข่งเชิญมาที่ลานกว้างได้เลยค่ะ รางวัลในค่ำคืนนี้คือพลอยสีรัตติกาลของเจ้าหญิงเอสน่าค่ะ ค่าลงทะเบียนเพียงเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญเท่านั้นค่ะ เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากลำโพงตามข้างทาง

                    แข่งปามีดงั้นหรอ...ว๊าว! น่าสนุกจัง! พลอยสีรัตติกาล...คราวนี้หาง่ายกว่าเดิมเยอะเลย

                    ในที่สุดข้าก็เจอแล้ว พลอยสีรัตติกาล หนึ่งในวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภารกิจในครั้งนี้ของข้า ภารกิจชุบชีวิตท่านอาจารย์ครั้งที่ 4 เริ่มได้!

                    แข่งปามีดงั้นหรอ! โอ้ย...ชิวมากมาย

                    ข้าไม่ได้โม้นะ! ข้าปามีดเก่งที่สุดในหมู่บ้านเชียวนะจะบอกให้! เฮอะ!

     

                    “ในที่สุดเราก็เหลือผู้แข่งขันเพียง 4 ท่านเท่านั้นค่ะ! ท่านแรกชายหนุ่มแชมป์เก่าของเดือนที่แล้วค่ะแล้วยังเป็นผู้ทำสถิติเดิมแตกด้วยค่ะ! ด้านซ้ายสุด ซาคัล ซีเร็ท! ถัดมาคือหญิงสาวท่าทางสง่างามผมทองในชุดราตรีสีเงินยาว เมริน เชส! ต่อไปก็หนุ่มน้อยผู้น่าหลงใหลที่สุดและมีอัธยาศัยยอดเยี่ยม! เด็กหนุ่มผมทองยาวสลวย ไอซี เมอร์ริส! และท่านสุดท้าย ชายหนุ่มหน้าขาว ผมสองสี ในมือถือสำรับไพ่ ผู้ที่ผู้หญิงคนไหนเห็นก็อยากได้เป็นสามี ดาเกอร์ เมทัล!” โคศกสาวท่าทางช่างจ้อเป็นคนถือไมทำให้เสียงของหล่อนกระจายไปตามลำโพงจนดังทั่วงาน

                    กรี๊ด!!!

                    เสียงกรี๊ดตอบรับเป็นแถบๆ ตั้งแต่คำว่าหนุ่มน้อยที่น่าหลงใหลที่สุด และถึงแม้ว่าคนต่อจากข้าจะได้รับเสียงกรี๊ดเพิ่มขึ้นสองเสียง...แต่ข้าก็จะไม่ถือสาเขา เนื่องจากสองเสียงที่ว่านั่นมาจากสองแฝดสาว (?) กล้ามเป็นมัดแถมเสียงที่ทุ้มต่ำจนน่าหวั่น ด้วยประการฉะนี้

                    ไม่ต้องรอคนฟังหายใจ ผู้ประกาศสาวก็ฝอยต่อ การแข่งครั้งนี้จะเป็นรอบชิงชนะเลิศเลยนะคะ! ผู้แข่งขันจะเลือกปาเป้าใดก็ได้ ถ้าปาโดนเป้าใดก็จะถือเป็นคะแนนตามนั้นค่ะหล่อนวาดมือไปข้างหลัง

                    จุดสีแดงๆ เรืองแสง มากมายที่ตั้งแต่ห่างแค่ 2 เมตร ยัน 120 เมตร ตั้งเรียงรายอยู่เป็นเบือ

                    “เริ่มจากคนทางซ้ายมือก่อนเลยนะคะ เชิญคุณซาคัลเลยค่ะ

                    ฟิ้ว~ ฉึก!

                    58 เมตรค่ะ!! ทำลายสถิติเก่าค่ะ สุดยอดจริงๆ! ผู้เข้าแข่งหน้าใหม่ทั้ง 3 จะล้มแชมป์เก่าได้รึเปล่าคะเนี่ย! น่าลุ้นจริงๆ! ผู้แข่งขันคนต่อไปสาวน้อยเพียงคนเดียวค่ะ! เธอจะได้เท่าไหร่กันคะเนี่ย! เชิญคุณเมรินเลยค่ะ

                    ฟิ้ว~ ฉึก!

                    ไม่น่าเชื่อค่ะ! สาวน้อยผู้นี้ช่างแม่นยำและกำลังดีเหลือเกิน! 52 เมตรค่ะ! ถึงแม้เธอไม่อาจเป็นที่ 1 แต่จะได้ที่เท่าไหร่คงต้องดูอีกสองหนุ่มผู้เข้าแข่งค่ะ! ต่อไปเป็นขวัญใจของพวกเราค่ะ หนุ่มน้อยน่ารักนามไอซี! มาดูกันค่ะว่าเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้ จะแม่นยำและกำลังดีแค่ไหน!”

                    ฟิ้ว~ ฉึก!

                    ...อะ เอ่อพิธีกรสาวอ้ำอึ้ง 118 เมตรค่ะ!!! ไม่น่าเชื่อมาก่อน! หนุ่มน้อยไอซีทำลายทุกสถิติค่ะ! ถือว่าหลุดโผไปเลยนะคะเนี่ย! ถ้าคุณดาเกอร์ปาไม่ถึง 120 เมตร ก็จะพะ...

                    ฉึก!

                    รอยยิ้มเหมือนได้ใจปรากฏบนใบหน้าของผู้ปามีดคนสุดท้าย ดาเกอร์ เมทัล... ผู้ที่กำลังสับไพ่ในมือเล่น ด้วยมือสองข้างที่ข้างหนึ่งเหมือนกับโครงกระดูกที่ไม่มีหนังหุ้ม อย่างสบายใจ

                   

                    ...ไม่ใช่มนุษย์

                    “ว๊าว...120 เมตร เก่งจังนะพี่ชาย รอยยิ้มหวานเยิ้มเคลือบเต็มใบหน้า

                    ข้าหลังจากจบการแข่งปามีด ข้าก็เดินตามติดดาเกอร์อย่างกับหมาเดินตามเจ้าของ แต่คงไม่มีหมาที่ไหนสูงแบบข้า คงเป็นเหมือนพ่อกับลูกซะมากกว่า (ข้าสูงเพียงแค่ระดับอกของดาเกอร์ - -)

                    เจ้าก็ไม่ใช่ย่อยนี่...เขาเหลือบตามอง มือสับไพ่ไปมา เท้ายังคงสาวไปข้างหน้า

                    ไม่น่าออมมือเลย หลุดมือไปซะได้

                    เจ้าอยากได้พลอยเม็ดนี้งั้นหรือดาเกอร์เอ่ยพลางแกว่งสร้อยที่มีพลอยติดอยู่ไปมา

                    ใช่ขอรับ มันจำเป็นมากเลยข้าตีหน้าเศร้า

                    ที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากได้...

                    “หมายความว่าท่านจะให้ข้าหรือขอรับ!” ข้าตาวาว มือทั้งสองคว้าไปหมายจะจับพลอยในมือของคู่สนทนา แต่ทว่า...คว้าอากาศ

                    เปล่า...ไม่ให้...เขาชักมือหนี! เป็นเหตุให้ข้าคว้าอากาศ! เขาส่งยิ้มให้ข้าอย่างมีชัย ของของข้า ข้าชนะเจ้า ทำไมข้าจะต้องให้เจ้าด้วยเขาส่ายสร้อยในมือไปมา ก่อนจะแลบลิ้นใส่ข้า!

                    ไอ้!...

                    “มาอ้งมาไอ้อะไรกัน...เป็นเด็กพูดจาไม่สุภาพมันไม่ดีนะรู้ไหมดาเกอร์ลากเสียงยาว พรางส่งยิ้มยียวนใส่ข้าอย่างสะใจ!

                    ไอ้บ้า! ไอ้ไม่รู้สำนึก! ไอ้ผู้ใหญ่แกล้งเด็ก! ฮึก!” ข้าสะอื้น น้ำตาเม็ดโตผุดพรายออกจากดวงตาคู่สวยก่อนจะร่วงดังแผละลงสู่พื้นโลก ส่งผลให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวส่งสายตาไม่พอใจให้ดาเกอร์

                    เฮ้ย! แค่นี้ร้องไห้เลยหรอ!” ดาเกอร์หยุดเดินแล้วหันมามองข้าที่หยุดเดินไปก่อนแล้ว เปล่านะครับ! ผมยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย!” เขาโบกมือพัลวัน แก้ตัวกับชาวบ้านที่ผ่านไปมา พยายามปฏิเสธสายตาด่าทอที่ส่งมาให้ตลอดเวลา หยุดร้องไห้ได้แล้วเจ้าเด็กสตอเบอร์รี่! เจ้าจะแกล้งข้าใช่มั้ย!”

                    ข้ายิ้มบางๆ ที่มีแต่ดาเกอร์เท่านั้นที่เห็นได้ในมุมที่ข้าก้มหน้าอยู่แบบนี้ ฮือ...

                    “เหมือนกันไม่มีผิด!” ดาเกอร์สบถพึมพำ

                    ท่านพ่อท่านว่าข้าเหมือนใครกัน...ฮึกๆยังไงๆ ข้ากับดาเกอร์ก็เหมือนกับพ่อลูกมากกว่าจะเป็นเพื่อนอยู่แล้ว...เสริมนิดหน่อยใครจะว่าปะไร

                    “ใครเป็นพ่อเจ้ากัน!” ผู้ถูกกล่าวหาโวย

                    แค่ข้าอยากได้ของเล่น...ท่านจะตัดพ่อตัดลูกกับข้าเลยหรือ ท่านพ่อ...ฮือ

                    โอ๊ะโอ! ข้าได้ยินเสียงแว่วๆ จากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาประมาณว่า คนอะไรใจร้ายจริง ลูกของตัวเองแท้ๆหรือไม่ก็ ว้า เสียดายจัง รูปหล่อขนาดนั้นดันมีลูกแล้วซะได้วะฮ่า! สะใจ!

                    เจ้า!...” ดาเกอร์ขู่เสียงต่ำ

                    เฮอๆๆ...” !?

                    “ท่านหัวเราะแปลกจังเลยข้าเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา

                    ข้าไม่ได้หัวเราะซะหน่อยดาเกอร์พูดงงๆ หันซ้ายหันขวาเพื่อหมายจะหาเสียงหัวเราะปริศนา

                    ถ้าไม่ใช่เจ้า...แล้วใครกันข้าลุกพรวด เช็ดน้ำตา ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ จนเจอร่างเล็กคุ้นตา...อยู่บนกิ่งไม้

                    ร่างนั้นแย้มรอยยิ้ม บังเอิญจังเลย...

                    “เวลเดย์!!” ข้าร้องเสียงหลงอย่างรับไม่ได้

                    ข้าต้องเจอเขาอีกแล้ว อ๊ากกก!

                    “โลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคำว่าบังเอิญ...ดาเกอร์พึมพำ

                    เจอกันอีกแล้วนะ...นัก โอ๊ะ...ไอซีเวลเดย์เปลี่ยนสรรพนามของไอซี เมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนอยู่ท่ามกลางหมู่คน สวัสดีเจ้าด้วย ดาเกอร์เขาหันไปมองดาร์เกอร์แล้วยิ้มให้

                    พวกเจ้ารู้จักกัน?ข้าหันไปมองเวลเดย์กับดาเกอร์สลับกันคนละที

                    ไม่นี่...ข้าไม่รู้จักเขา เขาชื่อดาเกอร์จริงๆ หรอเวลเดย์ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด

                    เวรกรรม...

                    อะ...เอ่อ สวัสดี ข้าดาเกอร์ดาเกอร์ยิ้มแหย พลางโบกมือเป็นเชิงทักทาย

                    เจ้าเป็นพ่อที่ใจร้ายจังเลยนะเด็กชายบนกิ่งไม้หยอก

                    ข้าไม่ใช่...ซะหน่อยเขาตอบเสียงแผ่ว

                    เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ เวลเดย์ ข้าถามขึ้นบ้าง

                    ข้าเห็นเจ้าแกล้งไอซี...

                    เวลเดย์ไม่สนใจข้า!

                    เขาพูดเสียงเย็นไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเหมือนเคย อย่าให้ข้าเห็นเจ้าทำแบบนั้นอีก...เพราะมัน เขาเอามือปิดปากน้ำเสียงเปลี่ยนจากเย็นเป็นสั่นเพราะขำ น่ารักมากเลย! ฮ่าๆๆ!!”

                    หา! เจ้านี่มัน...โรคจิตรึเปล่าเนี่ย เห็นข้าเหวอก็บอกน่ารัก เห็นข้าโดนแกล้งก็บอกน่ารัก เห็นข้าร้องไห้ก็บอกน่ารัก บ้า! บ้ากันไปใหญ่แล้ว!!

                    ตุบ!

                    ระหว่างที่ข้ากำลังคิดเพลินๆ เหมือนกับภาพในอดีตจะย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อเวลเดย์ขำจนร่วงลงมาจากฐานที่มั่นของตัวเอง แต่ที่แปลกคือ เจ้าหน้าวอกดาเกอร์กลับวิ่งไปรับก่อนที่ร่างเล็กนั่นจะตกถึงพื้น

                    “ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม คนวิ่งไปรับกล่าวพลางวางผู้ประสบภัยลงกับพื้น ด้วยสีหน้าเป็นกังวล?

                    อืม...ไม่เป็นอะไรหรอก ฮ่าๆ ไอซีเจ้าทำหน้าเหวออีกแล้ว...ที่จริง ข้ามาที่นี่ก็แค่จะมาเสนอข้อเสนอให้เจ้าก็เท่านั้น ดาเกอร์เด็กชายกล่าวทีเล่นทีจริง

                    ข้อเสนอ?” ผู้ถูกยื่นข้อเสนอให้ทวนคำ พรางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

                    ข้อเสนอเกี่ยวกับพลอยเม็ดนั้น เด็กชายชี้ไปที่สร้อยรางวัลจากการปามีด ในเมื่อเจ้าไม่ได้ต้องการมันขนาดไอซี...ข้ารู้มาว่าตอนนี้นักแสดงในทีมของเจ้ากำลังขาด เจ้าอาจให้ไอซีไปทำงานเพื่อแลกกับพลอยนั่น

                    ก็ได้...ในเมื่อท่านพูดอย่างนั้น ข้าก็ยินดี แต่ เจ้านี่ท่านแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่ทำให้คณะละครสัตว์ของข้าต้องเสียชื่อเสียงเพราะไปยืนนิ่งๆ ทำอะไรไม่เป็นเลย ดาเกอร์ชี้มาที่ เจ้านี่ที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ

                    ข้าว่าเขาทำได้นะ อย่างน้อยก็น่าจะให้เขาปามีดก็ได้เด็กชายยกมือทั้งสองขึ้นกอดอก

                    ไม่ได้หรอก!” ดาร์เกอร์ค้อนใส่ข้าวงใหญ่

                    ไหงงั้น...” ข้าร้องเสียงหลง ด้วยความงง ในเมื่อข้าไม่ได้เป็นคนเรียกร้องอะไรเลยแต่ทำไมเจ้านั่นมองอย่างกับข้าไปฉกลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของเขาซะอย่างนั้น

                    นั่นหน้าที่ข้า! ข้าไม่ให้เจ้าเด็กสตอเบอร์รี่นี่หรอก!...แต่ถ้าให้เป็นเป้าล่ะก็ได้ปรายประโยคถูกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายคลึงกับพวกฆาตกรโรคจิตที่กำลังจะลงมือกับเหยื่อ

                    “ตกลง คืนนี้ไอซีจะเป็นเป้าของเจ้า เวลเดย์รับคำ ท่าทางเหมือนคนได้รางวัลชิ้นโตจากการชิงโชค

                    เฮือก!

                    คนที่อยู่ในข้อตกลงคือข้าไม่ใช่หรือนั่น! แถมดูแววตาของเจ้านั่นสิ! มันต้องปามีดมาเจาะกบาลข้าแน่ๆ!

     

                    ตอนนี้ข้าเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ดูแปลกตา...และลายตาด้วย ในเมื่อมันสีแสบตาไปหมด แต่ข้าก็ยังดูดีนะ! ถ้าได้แว่นเรแบนอีกสักอัน...ข้าจะโคตรมหาเท่เลย!

                    มีทั้งเสื้อแปลกๆ ถุงน่องสีๆ กางเกงขาสั้นที่ไม่รู้จะสั้นไปไหน กับรองเท้ามีส้นที่มียาวเกินความจำเป็น...

                    ที่จริง ตอนแรกเจ้าดาเกอร์นั่น จะจับข้าแต่งหน้า แต่พอข้าปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า ข้าแพ้เครื่องสำอาง...เจ้านั่นก็เลยเดินวนไปวนมา ก่อนจะเอาหน้ากากแปลกๆ อันหนึ่งให้ข้า ข้าก็เลยอดใส่แว่นเท่ๆ ซะได้

                    โอ้...ไอซี ชุดนั่นเหมาะกับเจ้าดีนะเจ้าผู้จัดการส่วนตัวของข้าทัก

                    ผู้จัดการส่วนตัวของข้าคือใครน่ะหรือ...ไม่เห็นต้องถามเลย ใครกันล่ะที่จัดหางานจนข้ากลายมาเป็นเป้านิ่งให้เจ้ามือกระดูกนั่น เฉาะเล่น!

                    ขอบใจ...แต่คำชมของเจ้าข้าไม่คิดจะปลื้มแล้วล่ะ ข้าเอ่ยอย่างหน่ายๆ ปนหวาดผวา (ว่าเวลเดย์จะชอบเขาแบบลึกๆ/บุคคลนิรนาม...)

                    หุบปากไปเลย!

                    แล้วมาแซลล่ะว่ายังไง...ไอซีดูเป็นยังไงในสายตาของเจ้า เวลเดย์เกาคอของมาแซลเล่น

                    ก็ดีนะ...น่ากินชะมัดเสียงแหลมเล็กดังขึ้น

                    เสียงแหลมเล็ก!?

                    ข้ามองไปรอบๆ \

                    โง่จัง...ข้าอยู่นี่ เสียงแหลมเล็กร้องเรียก

                    แมว? แมวของเจ้าพูดได้!” ข้าตาโต ทันทีที่เห็นเจ้าแมวบนไหล่ของคู่สนทนากำลังแสยะยิ้มให้ข้า ดวงตาสีอำพันของมันเป็นประกาย พอข้าพูดออกไปมันก็โดดลงจากไหล่ของเวลเดย์มายืนอยู่บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้า

                    จะไม่ให้ข้าตกใจได้ยังไง! ข้าไม่เคยเห็นสัตว์ที่ร่างกายเป็นสัตว์เดียรัชฉานพูดได้! มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งในตำนาน...อย่าว่าแต่ตำนานของมนุษย์แต่แม้กระทั่งตำนานของพวกเราก็ด้วยซ้ำ!

                    เสียมารยาท! ข้าไม่ใช่แมวนะ! ข้าเป็นถึง...!!” มาแซลโวยวาย สีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่เสียงของมันก็เงียบหายไปเมื่อเวลเดย์จุ๊ปากห้าม

                    มาแซล...เด็กดีของข้า เจ้าไม่ควรโมโหนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจต้องโดนลงโทษก็ได้...ไว้จบการทดสอบแรกก็ยังไม่สาย จริงมั้ย แมวน้อยของข้า...เวลเดย์กล่าวด้วยท่วงทำนองนุ่มนวล...แต่ชวนขนลุก คำพูดที่เหมือนไม่ยี่หระ แต่มาแซลกลับปิดปากเงียบตัวสั่นงก

                    ขอรับ...ข้าจะไมดื้อไม่ซน นายท่าน มาเซลกล่าวเสียงเบาก่อนจะโดดขึ้นไปบนไหล่ของเวลเดย์อีกครั้ง...แววตาของมันช่างหวาดกลัว

                    เอ่อ...แมวของเจ้าเป็นอะไรไปเวลเดย์ ข้าถามทำให้เวลเดย์หัวเราะเสียงดัง

                    มาแซลไม่ได้เป็นอะไรหรอก เจ้าใจดีจังนะ แต่อย่าเป็นห่วงไปเลย...จริงไหม มาแซล

                    “ขอรับ...ตามที่นายท่านกล่าว มาแซลตอบเสียงสั่น

                    “เวลเดย์...ดาเกอร์ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม ข้าถามเสียงสั่นตามเจ้าแมวนั่นอย่างอดไม่ได้ เพราะถ้าเขาเป็นมนุษย์มีโอกาสสูงมากที่เขาจะพลาดเป้า

                    เสียใจด้วย เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา...ไอซีเวลเดย์ยิ้ม

                    แล้วอยู่ดีๆ ดาเกอร์ก็วิ่งเข้ามาในเต้นเตรียมตัวด้วยท่าที...ร่าเริง?

                    มาเร็วเจ้าเป้า! ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องพรุนแล้ว! วะฮ่าๆๆ!!”

                    นั่นมันเสียงหัวเราะแสนสะใจของข้านะ! เอาคืนมา อุแง๊!!!

                    “ว๊ากกก!! อย่าลากข้าๆ ข้าเจ็บนะ! โอ้ย! อย่าจับขาแล้วลาก! จับแขนไปดีกว่า! เดี๋ยวหน้าข้าเป็นแผล!!”

                    หนังหน้าเจ้าหนาจะตาย! เชื่อข้าสิ...ต่อให้ข้าเอาสปาต้ามาฟันหน้าเจ้า ผิวหน้าของเจ้าก็ไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน!”

                    อืม...เข้าท่า

                    แต่ เอ๊ะ! คิดไปคิดมา...เจ้ากล้าว่าข้าหน้าด้านเราะ! ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ! เจ้ามือกระดูกหน้าหม้อหัวหงอก!

     

                    มือเย็นเฉียบ ตัวสั่นงก ขาสั่นพับๆ น้ำตาคลอเบ้า สะอื้นฮักๆ

                    แต่ก็ไม่มีใครสนใจข้า...

                    มันแน่อยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขา...ไม่ (สังเกต) เห็น

                    แขนขาของข้าถูกตรึงกับป้ายวงกลมอันใหญ่ที่หมุนไปมาได้เพื่อเป็น...เป้า เพราะอย่างนั้นไม่ว่าตัวข้าจะสั่นขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้ พอข้าจะงัดน้ำตาขึ้นมาใช้หน้ากากที่ใส่ก็ทำให้เคล็ดวิชาของข้าไม่เป็นผล! แถมเสียงเฮของท่านผู้ชมทั้งหลายก็กลบเสียงสะอื้นสุดแสนจะน่าสงสารของข้าเสียจนมิดอีกด้วย...

                    ข้ายังไม่อยากตาย! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!~

                    ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย...การแสดงในค่ำคืนนี้ถือว่าเป็นพิเศษ เพราะข้าได้แขกรับเชิญพิเศษมาเป็นเป้าในการปามีดครั้งนี้ด้วย ชายหนุ่มดวงตาสีรัตติกาลผมสองสี กล่าวเปิดการแสดงซึ่งเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกล...ดาเกอร์ เมทัล คือเจ้าของเสียงพูดนั้น เด็กหนุ่มใจกล้าผู้นี้จะรอดน้ำมือของผมไปได้หรือไม่...เรามาดูกัน!” พอจบคำเสียงของผู้ชมก็เฮลั่น

                    มนุษย์ชอบดูการเชือดสดหรือนี่...ไม่อ๊าว~ไม่เอา ข้ายังไม่อยากโดนเชือดตั้งแต่ยังอยู่ในวัยน่ารักน่าชังแบบนี้!

                    ข้าส่งสายตาอ้อนวอนให้เวลเดย์ที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชม...ตรงที่เขานั่ง เดิมน่าจะเป็นที่ ที่ข้าได้นั่งอย่างสบายใจ ไม่ใช่หรือนั่น! ตั๋วข้า... เงินข้า... ฮือ...

                    เวลเดย์ยิ้มรับ แต่ก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น

                    ช่วยข้าหน่อยไม่ได้หรือไงกัน!

                    ตอนนี้ดาเกอร์ยืนประจำที่ของเขาเรียบร้อยแล้ว

                    เขาขยิบตาให้ข้า ก่อนจะหยิบ...

                    ไม่นะไม่! ข้าจะต้องตายตั้งแต่ยังเด็กยังเล็กหรือนี่ ไม่น้า~!!!

                    ...ไพ่ เอ๋? เขาหยิบไพ่ขึ้นมา...

                    ดาเกอร์หยิบไพ่ขึ้นมาสับไปมาพลางกล่าว ข้าบอกแล้วว่าพอดีวันนี้ค่อนข้างออกจะพิเศษสักนิด...ข้าจะลองใช้ของที่เบากว่ามีดที่รักของข้าดู แต่เรื่องความคม พวกท่านไม่ต้องห่วงอย่างแน่นอน ดาเกอร์อวดสรรพคุณของไพ่เสร็จก็ลองสาธิตวิธีการใช้ ซึ่งทำให้เสียงเฮ...ดังขึ้นกว่าเดิม

                    เขานำไพมาบิดไปมาเพื่อโชว์ว่าไพ่นี่เป็นเพียงกระดาษบางๆ ธรรมดา แล้วชี้ไปที่กระป๋องน้ำอัดลมที่ตั้งอยู่ข้างๆ ข้า...เพียงเขาสะบัดมือเบาๆ ไพ่นั่นก็พุ่งทะยานสู่กระป๋องอัดลมนั่น...จนขาดเป็นสองท่อนในทันทีที่สัมผัสกับตัวกระป๋อง

                    ข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อมองชตากรรมของขวดน้ำข้างๆ ตัว ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ

                    เวลเดย์ เขาเป็นมนุษย์ก็จริง...แต่คำว่า ธรรมดา คงไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นะ ข้ามองบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า

                    เขาส่งยิ้มให้ข้า...ข้าอยากจะพูดว่าอบอุ่นอยู่หรอก แต่พูดไม่ได้จริงๆ ในเมื่อรอยยิ้มของเขามันช่างน่าสยองยิ่งกว่าอะไรดี

                    ฟากชีวิตไว้กับไพ่ได้เลย...เจ้าเด็กสตอเอ๋ยข้าอ่านปากของเขาจนได้เป็นประโยคที่แสนจะหวังดีนี้มา

                    เขาบิดไพ่ในมือก่อนจะสะบัดมือส่งผลให้ไพ่ตรงดิ่งมาหาข้า!

                    “ว๊ากกกกก!”

                    ฉึก!

                    โอ้ย! ข้าตายแล้วๆ ข้าตายซะแล้ว! ท่านอาจารย์! ข้าคงทำภารกิจต่อไม่สำเร็จแล้ว ขะ...ข้า เอ่อ...ไม่ตาย แฮะ ข้าลืมตาก่อนจะมองซ้ายมองขวาก่อนจะพบไพ่อยู่ระหว่างร่องนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาของข้า

                    อ๋อย...นึกว่าจะไปเจอพวกคนที่หมู่บ้านซะแล้ว เฮอ...รอดไปที

                    หรือว่าไม่กันนะ...

                    มาอีกแล้ว! ว๊าก!!! ตรงมาที่คอ! ไม่เอาๆๆ!

                    ฉึก!

                    อ๊ากกก! เฉียดใบหูของข้าไปแค่มิลเดียวเท่านั้น...เฮอ

                    คราวนี้ล่ะ จุดสำคัญ!” ดาเกอร์พูดทำให้คนดูที่ปกติจะเฮตอนที่ผ่านพ้นนาทีชีวิตของข้าแล้ว แต่ตอนนี้กลับเฮดังกว่าเก่าพร้อมกับเสียงเชีย

                    เอาเลยๆๆๆ!!!

                    อ๊าก! อย่าไปเชื่อเจ้านั่น! ว๊าก!! มาแล้ว! ไม่! ไอซีน้อยของข้า! ไม่เอา! อย่าพรากไอซีน้อยไปจากข้า! ว๊ากกกก!!”


    ................................................................................................................................................

    นี่น่าจะถือเป็นแค่การแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ ของดาเกอร์...แต่รู้สึกว่าไอซีจะคงเสียวไม่ใช่เล่นนะครับเนี่ย ถูกจับตรึงแล้วก็เอาไพ่ปาเฉียดไปเฉียดมาซะขนาดนั้น (= =’’) ผมว่าน่าเห็นใจเล็กๆ (ล่ะมั้ง) นะ แล้วไอ้ ฉึก สุดท้ายนี่ไอซีน้อยจะยังคงได้ลืมตาดูโลกต่อหรือไม่...โปรดติดตามตอนต่อไป 555+

                   

    (ช่วงแนะนำไร้ประโยชน์) คราวนี้ผมปิดตายห้องเรียนร้อยแล้ว...ไอซีจะได้ไม่รู้ว่าเรานินทาอะไรเขาบ้าง เฮอๆ
     

    ชื่อ: ไอซี เมอร์ริส

    ประวัติ: อาศัยอยู่กับอาจารย์ตั้งแต่เด็ก...ก็เลยเกิดมาไม่ค่อยเป็นผู้เป็นคนนัก ไอซีจึงไม่ใช่คนของหุบเขาต้นสนโดยกำเนิด แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขามาจากไหน เพราะพอถามทีไรเขาจะนิ่งเงียบไปเหมือนโดนรีเซ็ทเครื่องใหม่แล้วก็จะลืมคำถามทันที...เป็นคนกินจุกจิก และเรื่องมากเรื่องกินเพราะเขาแพ้อะไรได้ง่าย อย่างเช่น นม ของหมักดองและเขาบอกว่าตัวเองแพ้เครื่องสำอางด้วย...ซึ่งเรื่องเครื่องสำอางข้าว่าเขาโม้มากกว่านะ หน้าอย่างเขาไม่มีทางแพ้เครื่องสำอางหรอกผมว่า...

    อายุ: 14 (?)

    ลักษณะ: เด็กชายหน้าหวานผมสีทองสว่างยาวเกือบถึงแอวกับดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูสดใสตลอดเวลา บุคลิกร่าเริงแจ่มใส ชอบทำตัวเป็นเด็กน่าสงสาร บีบน้ำตา ถ้ารู้จักเผินๆ จะเหมือนคนชอบเสแสร้งแต่ถ้ารู่จักเขาจริงๆก็จะรู้ว่าเขา...มารยาสาไถ (- -) เจ้าเล่ห์เป็นที่สุดและหลงตัวเองแบบขั้นเทพสุดๆ ด้วย...

    ส่วนสูง: 154  cm.

    ความชอบ: คำชมทุกชนิด(ยกเว้นของเวลเดย์ที่ทำให้รู้สึกขนลุกมากกว่าดีใจ) น้ำหอม อาหารและขนมไขมันสูงทุกชนิด*

    ไม่ชอบ: ดาเกอร์ (สามารถระบุตัวตนได้ทันที - -*) นม ของหมักดอง อาหารและขนมที่ทำให้อ้วนทุกชนิด*

    ความพิเศษ: หน้าด้านจนสปาต้าฟันไม่เข้า...(ดาเกอร์บอกมา -3)

    เพิ่มเติม: ผมแอบยืมตังเขาไปยังไม่ได้คืน...อย่าไปบอกเขาล่ะ (^”^)Y ฮ่าๆ

      

    ชื่อ: ดาเกอร์ เมทัล

    ประวัติ: เป็นมนุษย์(ที่ไม่)ธรรมดา ทำงานอยู่ที่คณะละครสัตว์ในนครจันทร์เสี้ยว จบข่าว...

    อายุ: 25 ปี

    ลักษณะ: สุภาพบุรุษ(สำหรับคนที่ไม่ใช่ไอซี)ผมสีดำแซมขาว ดวงตาสีดำ แขนขวาของเขามีลักษณะเป็นเหมือนโครงกระดูกซึ่งอันที่จริงนั่นเป็นแขนเทียม...เป็นคนค่อนข้างมีเสน่ห์ สาวกรี๊ด(ชายก็กรี๊ด)

    ส่วนสูง: 187

    ความชอบ: ทรมานไอซีทุกวิถีทาง ทำเรื่องสนุกๆ การเดินทาง การทำให้คนอื่นสนุกสนาน และเสียงกรี๊ดของสาวๆ

    ความพิเศษ: สามารถสั่งสอนไอซีได้ และสามารถทำให้ไอซีร้องขอจากใจจริงได้(ถึงแม้ว่าไอซีจะไม่ปฏิบัติ แต่กลัวจริง) ทำให้ไอซีสลบเหมือนเนื่องจากความดันขึ้นสูงเพราะความตื่นเต้น...

    เพิ่มเติม: เขาชอบมีปัญหากับไอซีบ่อยๆ ให้ความนับถือเวลเดย์เป็นพิเศษ และกลัวเอลซ่าแบบสุดขั้ว!


    ขอบคุณภาพจากท่าน ANWA ครับ อุวะฮ่ะฮ่าๆๆ!

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×